โลกมีทางให้เดินเป็นพันพันทาง เราต่างใช้ปรัชญาแห่งชนชั้นของตน นำทางในการเดิน เราต่างเดินตาม ปรัชญาแห่งชนชั้นตน
 
กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 กรกฏาคม 2553
 
 

พระเยซูคริสต์ชนกรรมาชีพแห่งยูดาย

2.6.พระเยซูคริสต์ชนกรรมาชีพแห่งยูดาย

เราได้พบเจ้าคนๆนี้ยุยงชนประเทศของเรา และห้ามมิให้ส่งส่วยแก่กายซา- -เจ้าคนๆนี้ยุงยงพลเมืองให้วุ่นวาย และสั่งสอนทั่วตลอดประเทศยูดาย ตั้งแต่ฆาลีลายจนถึงที่นี่
พวกอาลักษณ์และพวกปุโรหิตใหญ่ได้ฟ้องร้องต่อผู้ครองนคร ชื่อปีลาตอย่างนี้เมื่อนำชายร่างผอมเกร็ง นัยน์ตาเป็นประกายวาวด้วยบุคลิกภาพเปี่ยมด้วยความเมตตาและกรุณา ไปมอบแก่ทหารหลวงเพื่อนำตัวไปสู่ตะแลงแกง ด้วยว่าตลอดประเทศยูดาย คนบาปผู้นี้ได้คบหาสมาคมกับคนชั้นต่ำผู้ทำงานซึ่งเป็นคนยากคนจน และได้ยุแหย่ให้พวกเขาเกิดความเกลียดชังชนชั้นปกครองและนักบวชชั้นผู้ใหญ่ในเวลานั้น บรรดาเศรษฐีทั้งหลายได้ถูกประณาม คนยากคนจนได้ถูกยกย่องและถูกให้กำลังใจ ในขณะนั้น ศาสนายำ

42 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

เกรงและเคารพรักในพระเป็นเจ้าองค์เดียวได้ถูกบิดเบือนไป บรรดา โบสถ์อันควรเป็นที่สำหรับชุมนุมชนมารวมกันทำสมาธิ ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระเป็นเจ้า ได้ถูกดัดแปลงให้เป็นที่ค้าขายบัตรไปสู่สวรรค์และการค้าบุญ ทั้งนี้โดยการล่อลวงว่าการทำบุญกับวัดจะได้ผลตอบแทนสูงล้ำยิ่งกว่าอัตราที่บริจาคมากมายเลยเป็นเหตุให้ประชาชนละทิ้งการบำเพ็ญกรรมที่ดีอันเป็นศาสนาที่แท้จริงไปเสีย
ชายร่างผอมเกร็งอันมีท่าทางสง่างามผู้นี้ ได้เข้าไปในโบสถ์ขับไล่คนทั้งหลายที่ซื้อขายในโบสถ์นั้นและตรัสแก่พวกเขาว่า
โบสถ์ของเราจะเป็นที่สำหรับอธิษฐาน แต่พวกเจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร
ไม่ต้องสงสัยเลย บรรดาชนชั้นปกครองผู้เฒ่าแก่ชรา และบรรดานักบวชคอร์รัปชั่นทั้งหลาย ย่อมเกลียดชังเจ้ามนุษย์คนนี้ และพยายามหาช่องทางจะเอาเขาไปสู่ตะแลงให้จงได้ นี่หาใช่สิ่งแปลกอะไรไม่ ด้วยว่าแม้ในโบราณกาลเองบรรดาทรชนทั้งหลายก็เคยมุ่งทำลายชีวิตผู้ที่ต่อสู้เพื่อความดีงามมาแล้วโดยไม่ขาดสายเลย พระคัมภีร์ ลูกาจึงมีคำกล่าวไว้ว่า
วิบากแก่เจ้าทั้งหลาย เพราะเจ้าก่ออุโมงค์ของพวกศาสดาพยากรณ์ และบรรพชนของเจ้าเอง ก็ได้ฆ่าศาสดาพยากรณ์นั้น พวกเจ้าก็เป็นพยาน และเห็นชอบในการกระทำของบรรพชนของเจ้า ด้วยว่าเขาได้ฆ่าพวกศาสดาพยากรณ์นั้น แล้วพวกเจ้าก่ออุโมงค์ให้ เหตุฉะนั้นปัญญาของพระเป็นเจ้าจึงตรัสว่า เราจะใช้พวกศาสดาพยากรณ์และเหล่าภูตไปหาเขา และเขาจะฆ่าเสียบ้างและเคี่ยวเข็ญบ้าง แต่คนสมัยนี้แหละจะต้องรับผิดชอบด้วยเรื่องโลหิตของบรรดาศาสดาพยากรณ์ ซึ่งต้องหลั่งไหลออกมาตั้งแต่แรกสร้างโลก คือตั้งแต่โลหิตของเฮเบ็ลจนถึงโลหิตของซะคาเรียที่ถูกฆ่าตายระหว่างแท่นกับโบสถ์ เราบอกเจ้าทั้งหลายตามจริงว่า คนสมัยนี้จะต้องรับผิดชอบในโลหิตนั้น วิบากเกิดแก่เจ้าพวกบาเรียน ด้วยว่าเจ้าได้เอาลูกกุญแจแห่งความรู้ไปเสีย คือพวกเจ้าเองก็ไม่เข้าไป และคนที่กำลังเข้าไปนั้น เจ้าก็ได้ขัดขวางเอาไว้

มหาชนทรรศนะ 43

นี่คือคำของชายผู้กำลังจะถูกส่งไปสู่ตะแลงแกงอยู่ ณ บัดนี้
นานมาแล้วพวกอาลักษณ์และพวกฟาริซาย ได้ตั้งต้นยั่วเย้าเขา เพื่อให้ปล่อยคำอันจะผูกมัดเขาไว้กับขื่อคาแห่งบ้านเมืองให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ก็เพื่อจะจับผิดในถ้อยคำของเขาและสามารถฟ้องเอาผิดเขาได้
พระคัมภีร์ลูกาอ้างว่า
ฝ่ายพวกอาลักษณ์และพวกปุโรหิตใหญ่ จึงแสวงหาช่องที่จะจับพระองค์ ในเวลานั้นเขากลัวประชาชน …ด้วยว่าคนทั้งปวงนั้นชอบฟังพระองค์มาก…เขาเข้าใจแล้วว่า พระองค์ตรัสคำอุปมานั้นกระทบพวกเขาเอง เขาตามดูพระองค์ และใช้คนสอดแนมไปให้ปลอมเป็นเหมือนคนสุจริต หวังจะจับผิดในถ้อยคำของพระองค์ เพื่อจะมอบพระองค์ไว้ในอำนาจและอาชญาของเจ้าเมือง
แต่ทว่าในที่สุดมนุษย์ผู้นี้ก็ถูก มหาชนปลอม ซึ่งประกอบด้วยพวกอาลักษณ์และปุโรหิตล้วนๆตัดสินให้นำตัวไปประหารชีวิตเสีย
บรรดาเพชฌฆาตได้เยาะเย้ยโบยตีเขา และนำเขาไปขึงพืดไว้กับไม้กางเขนใหญ่อันหนึ่ง มือและเท้าของชายผู้นี้ ได้ถูกตรึงติดกับกางเขนอันนั้น ครั้นแล้วดาบอันแหลมคมก็ได้ถูกพุ่งเข้าสู่ดวงหฤทัยของมนุษย์ผู้นั้นอย่างเต็มแรง
โอ้พระบิดา ข้าขอได้โปรดยกโทษให้เขา เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไป
เยชูคริสต์กล่าวก่อนจะถูกดาบสิ้นลมปราณลงไป
ข่าวการตายของเขาได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกทิศานุทิศ นักบุญ ผู้หนึ่งต้องตายไปอีกแล้วด้วยน้ำมือของทรชน บรรดาคนยากคนจนซึ่งเป็นประชาชนผู้ทำงานทั้งหลายต่างก็ตีอกชกหัว และร่ำไห้ด้วยความอาลัยรัก เสียงแห่งพิลาปร่ำไห้ดังก้องไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และครั้นแล้วศาสนาคริสต์,ศาสนาซึ่งมีไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ ก็ได้ถูกสถาปนาไว้ในโลก ตั้งแต่นั้นมา
ศาสนาของคนยากจนเช่นนี้แหละมีอำนาจดึงดูดน้ำใจผู้คนได้ อย่างกว้างขวางยิ่ง และแม้ ณ บัดนี้ บรรดาผู้สืบตระกูลของทรชน

44 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

ทั้งหลาย ก็จำต้องสวดมนต์ระลึกถึงคุณของพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่ง
ครั้งหนึ่ง เป็นเป้าหมายแห่งการเกลียดชังจากบรรดาบรรพชนของเขาเองอย่างจับใจทีเดียว
เรื่องมันเป็นมาอย่างไรเล่าท่าน พระเยซูคริสต์เป็นนักบุญหรือว่าคนบาป กันแน่?
เมื่อ 1950 ปี กว่ามาแล้ว เฮโรดได้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาย ในดินแดนแห่งแคว้นตะวันออกใกล้ ได้เกิดมีศาสดาพยากรณ์ขึ้นคนหนึ่งชื่อว่าจอห์น เขาผู้นี้ได้เกิดมาเพื่อแผ้วถางทางให้แก่พระเยซูคริสต์ บุตรแห่งพระเป็นเจ้า เฮโรดทำการเปิดโปงความชั่วร้ายของชนชั้นปกครองเดิมและนำศาสนากลับคืนมาสู่หลักเหตุผล แต่ทว่า:
ฝ่ายเฮโรดเจ้าเมือง เมื่อถูกจอห์นว่าติเตียนเพราะเรื่อง (ทำชู้กับ) นางเฮโรเดียภรรยาของฟิลิปน้องชาย และเพราะการชั่วทั้งหมดที่เฮโรดได้กระทำนั้น เฮโรดยังซ้ำทำความชั่วยิ่งกว่าที่ได้ทำมาแล้ว คือได้จับจอห์นจองจำไว้ในคุกอีก
บทบาทของจอห์นจึงลงเอยที่ตรงนี้
ในครั้งกระนั้น ณ เมืองหนึ่งในมณฑลฆาลิลาย ชื่อนาซาเร็ธ สามีภิริยาคู่หนึ่งชื่อ โยเซฟกับมาเรีย ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่าพระเยซูคริสต์ เขาผู้ซึ่งต่อมาได้เป็น กษัตริย์แห่งคนยากคนจน หรือราชากระยาจก เขาเกิดมาในท่ามกลางแห่งความข้นแค้น ด้วยว่า มาเกิดเพื่อช่วย....
บันดาลให้คนมีใจเย่อหยิ่งแตกฉานซ่านเซ็นไป ถอดเจ้านายจากพระที่นั่งและยกผู้น้อยขึ้น ช่วยให้คนอดอยากอิ่มด้วยของดี และบันดาลให้คนมั่งมีไปมือเปล่า
ตรงกันข้ามกับพระสิทธัตถะ ผู้เกิดในท่ามกลางแห่งเศวตฉัตร พระเยซูคริสต์เกิดในท่ามกลางแห่งความยากจน ในเมืองเบธเลเฮ็ม แห่งมณฑลยูดาย ที่ซึ่งเขาเกิดเป็นรางไม้ที่มีหญ้าเท่านั้นเป็นที่รองรับผ้าอ้อมที่พันห่อหุ้มกายของเขาอยู่ และประชาชนผู้ทำงานเท่านั้นที่มาห้อมล้อมเขาอยู่ในเวลาเกิด กล่าวคือ คนเลี้ยงแกะหมู่หนึ่งในบริเวณนั้นได้ออกันเข้ามาดูพระเยซู และได้ช่วยเหลือเขา

มหาชนทรรศนะ 45

กับมารดาบิดาให้พ้นจากความยากลำบากต่างๆ
เกิดมาเป็นคนยากจนและต่อสู้เพื่อคนยากจนนี่แหละคือกิติคุณ ที่แท้ของพระเยซูคริสต์
ในกรุงเยรูซาเล็ม, พระเยซูคริสต์ถูกนำไปในโบสถ์เพื่อถวายตัว แด่พระเป็นเจ้า ด้วยเหตุที่เป็นบุตรชายคนหัวปีของโยเซฟ ของบูชา แด่พระเป็นเจ้า มีนกเขาคู่หนึ่งหรือนกพิราบสองตัว ตามธรรมเนียมนิยม ด้วยประการฉะนี้ นกเขาหรือนกพิราบจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมาตราบเท่าทุกวันนี้
ขณะนั้นย่อมเป็นสมัยแห่งกลียุคโดยแท้ บรรดาเศรษฐีทั้งหลายได้ทำมาหาเลี้ยงชีพโดยการ เก็บผลที่ตัวมิได้ลงแรง และเกี่ยวผลที่ตัวมิได้หว่าน บรรดาชนชั้นปกครองได้บีบคั้นประชาชนผู้ทำงานหนักขึ้น พวกพระผู้ใหญ่หรือปุโรหิต ได้ใช้ศาสนาบังหน้าทำการกอบโกยเงินทองจากการบุญของประชาชนมาเป็นของตัว คนยาก จนถูกทอดทิ้งและถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ฉะนั้นจอห์นศาสดาพยากรณ์ที่มาแผ้วถางทางให้แก่พระเยซูคริสต์จึงเที่ยวสอนว่า
ผู้ใดมีเสื้อสองตัวจงปันให้แก่คนไม่มี ใครมีอาหารจงปันให้เหมือนกัน
แด่พวกปกครองที่เก็บภาษีเกินพิกัด จอห์นได้เตือนว่า
เจ้าทั้งหลายอย่าเก็บภาษีเกินพิกัด
และแด่พวกทหารที่ใช้อำนาจอาวุธข่มเหงราษฎร จอห์นได้ประกาศอย่างกึกก้องว่า
อย่าแย่งชิงอย่าหาความใส่ผู้ใดแต่จงอิ่มใจด้วยค่าจ้างของตน
นี่คือการเปิดโปงโฉมหน้าของผู้รุกรานประชาชนในขณะนั้น
พระเยซูได้ออกสั่งสอนธรรม เมื่ออายุของเขาได้ 30 ปี ระหว่างเวลา 30 ปีที่แล้วมาเขาจะไปศึกษาวิทยาการ ณ ประเทศใดหามีผู้ใดรู้ไม่ เขาอาจจะไปมั่วสุมนัดแนะกับหัวหน้าของประชาชนผู้ทำงาน หรืออาจไปเรียนศาสนาอันก้าวหน้า ณ ต่างประเทศเสียก็ได้
อย่างไรก็ตามก็ได้ความว่า เขาพร้อมแล้วที่จะออกจาริกเผยแผ่ธรรมอันแท้จริงต่อไป เมื่ออายุได้สามสิบ

46 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

บุคลิกภาพ, อันประกอบด้วยความเมตตากรุณาอย่างล้ำลึก
รวมทั้งความสนใจจริงๆต่อความอยู่ดีกินดี ของประชาชนผู้ยากไร้ ผู้อับโชค ผู้ท้อแท้ และผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย รวมทั้งแม้แต่โสเภณี ได้ทำให้พระเยซูคริสต์มีใบหน้าอันเป็นที่ชื่นชม แก่บรรดาผู้ต่ำต้อยที่ตกอยู่ในกองทุกข์ เพียงแต่ได้เห็นตัวเขาและได้รับการเอาอกเอาใจจากเขาเท่านั้น ทุกข์ร้อนก็ได้เสื่อมคลายลงไป การเสียจริต โรคาพยาธิได้อ่อนกำลังลงถึงกับหายขาดไปก็มี ตรงกันข้าม การทำตนแบบไม่ใช่กงการอะไรของข้า การข่มเหงคะเนงร้าย ดูถูกดูแคลน ขูดรีดและเอารัดเอาเปรียบ ได้ทำให้พวกนี้มีแต่อาการทรุดหนักลงไป ด้วยประการฉะนี้แหละ บรรดาประชาชนผู้รู้กิติคุณอันนี้ของพระเยซู ต่างก็แซ่ซ้องสาธุการว่า
ผู้แทนของเรามาแล้ว ศาสดาพยากรณ์ของเรา บุตรแห่งพระเป็นเจ้าได้มาแล้ว
ขวัญได้คืนมาสู่ประชาชนผู้ทำงานอีกครั้งหนึ่ง ทำให้พวกเขา สามัคคีกันเข้าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวได้ พระเยซูบุตรแห่งพระเป็นเจ้าได้มาเข้าข้างประชาชนคนงานผู้ยากไร้ ฉะนั้น, นี่ก็จะเป็นอนาคตเป็นความหวังของผู้ยากไร้ทั้งหลายโดยแท้ ตัวแทนแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้แสดงออกมาแล้วว่าเข้าข้างมหาชน แม้ว่ารูปแห่งพระแม่เจ้า มาเรียอันมาปรากฏแก่ตาโลกในเร็วๆนี้ ก็มาปรากฏแด่ชาวนาเมือง ฟาติมะผู้ทำงานหาได้มาปรากฏแก่ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองหรือ ทางศาสนา คนใดไม่
นี่จะเป็นประจักษ์พยานว่า ที่แท้แล้วประชาชนผู้ทำงานเท่านั้น จึงจะมีบุญพอ สำหรับเห็นความประจักษ์ใดๆแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาได้ และยังจะได้ความต่อไปว่า ที่แท้แล้วบรรดาชนชั้นปกครอง นักศาสนาคอร์รัปชั่น และเศรษฐีทั้งหลาย ย่อมเป็นคนบาป และทางของเขานั้นคือนรก
พระเยซูจึงได้ประกาศไว้ว่า
คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเป็นเจ้าก็ยากนักหนา เพราะ ว่าตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า

มหาชนทรรศนะ 47

เหตุไฉนเล่าคนมั่งมีในสมัยของพระเยซูคริสต์ และแม้แต่คน
มั่งมีสมัยนี้จึงเป็นฝ่ายบาปหนาถึงเพียงนั้น ขอเชิญสดับฟังวาทะแห่งพระเยซูคริสต์เอง ดังจะนำมาเสนอ ณ บัดนี้
เมื่อพระเยซูดำเนินสู่กรุงเยรูซาเล็ม ได้มีประชาชนมาประชุมฟังคำเทศนาของเขาอยู่เนืองแน่น
มีเจ้าประเทศราชองค์หนึ่งไปยังเมืองไกลเพื่อจะรับอำนาจมาครองแผ่นดินของตน พระเยซูเริ่มบรรยาย
ท่านจึงเรียกบ่าวของท่านสิบคน มามอบเงินไว้แก่เขาสิบชั่ง สั่งว่า จงเอาไปทำทุนค้าขายจนกว่าเราจะกลับมา
แต่ชาวเมืองชังท่านผู้นั้นจึงใช้คนตามมาบอกว่า
เราไม่ยอมให้เจ้าผู้นี้ครอบครองเรา แต่เมื่อท่านได้รับอำนาจครองแผ่นดินกลับมาแล้ว ท่านจึงเรียกบ่าวทั้งหลายที่ท่านได้ให้เงินไว้นั้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าเขาทุกคนได้กำไรกี่มากน้อย
ฝ่ายคนแรกมาบอกว่า
ท่านเจ้าข้า เงินชั่งหนึ่งของท่านได้กำไรสิบชั่ง
นายจึงพูดกับเขาว่า ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดี เพราะเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ (?)ในของเล็กน้อย เจ้าจงมีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด
คนที่สองมาบอกว่า ท่านเจ้าข้าเงินชั่งหนึ่งของท่านได้กำไรห้าชั่ง นายจึงพูดกับเขาเหมือนกันว่า
เจ้าจงมีอำนาจครอบครองห้าเมืองเถิด
อีกคนหนึ่งมาบอกว่า ท่านเจ้าข้า นี่แนะเงินชั่งหนึ่งของท่าน ข้าพเจ้าได้เอาผ้าห่อเก็บไว้ เพราะข้าพเจ้ากลัวท่าน ด้วยว่าท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บผลซึ่งตัวมิได้ลงแรง และเกี่ยวผลที่ตัวมิได้หว่าน
นายจึงตอบเขาว่า
อ้ายบ่าวชั่วเราจะปรับโทษเจ้าโดยคำของเจ้าเอง รู้แล้วว่าเราเป็นคนเข้มงวด เก็บผลซึ่งเรามิได้ลงแรง และเกี่ยวผลที่เรามิได้หว่าน ก็เหตุไฉนเจ้ามิได้ฝากเงินของเราไว้ที่ธนาคารเล่า? แล้วเมื่อเรามา,เราจะได้รับเงินของเรากับดอกเบี้ยด้วย
แล้วนายจึงสั่งคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า

48 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

เจ้าจงเอาเงินชั่งหนึ่งนั้นไปจากเขาให้แก่เจ้าคนที่มีสิบชั่ง
คนเหล่านั้นบอกว่า ข้าเจ้ามีสิบชั่งแล้ว นายตอบว่า
เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ทุกคนที่มีแล้วเราจะเพิ่มเติมให้แก่เขาอีกแต่ทุกคนที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่นั้นเราก็จะต้องเอาไปจากเขา
ตรงกันข้าม, พระเยซูคริสต์ได้เผยทรรศนะเป็นข้างฝ่ายคนยากจนของตนโดยกล่าวบริภาษบรรดาคนมั่งมีทั้งหลายว่า
วิบากแก่เจ้าทั้งหลายที่มั่งมี เพราะว่าได้รับความสุขของเจ้าแล้ว วิบากแก่เจ้าทั้งหลายที่อิ่มหนำเดี๋ยวนี้ เพราะว่าเจ้าจะอดอยาก วิบากแก่เจ้าทั้งหลายที่หัวเราะเดี๋ยวนี้ เพราะว่าเจ้าจะต้องพิลาปร่ำไห้… เพราะว่า แผ่นดินของพระเจ้าเป็นของท่าน (ผู้ยังไม่มี) ท่านทั้ง หลายที่อดอยากนี้จะเป็นสุขเพราะว่าท่านจะได้อิ่มหนำ ท่านทั้ง หลายที่ร้องไห้อยู่เดี๋ยวนี้ จะเป็นสุขเพราะว่าท่านจะได้หัวเราะ…
คำกล่าวประณามผู้ดีมีทรัพย์ทั้งหลาย และการพูดให้ขวัญแก่คนยากคนจนเช่นนี้ ย่อมเป็นเหตุให้ชนชั้นปกครอง พระผู้ใหญ่ และบรรดาเศรษฐีทั้งหลายพากันเกลียดชังพระเยซูเป็นอันมาก และ นี่ย่อมเป็นต้นเหตุแห่งการมรณะ ด้วยการเสียสละของพระองค์เอง การเปิดโปงวิธีหาเลี้ยงชีพของบรรดาเจ้า เศรษฐี ปุโรหิต และพวกอาลักษณ์ ได้ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่านี่เป็นมิจฉาทิฐิ และได้เข้าขัดขวางเอาไว้ การพูดเข้าข้างประชาชนผู้ทำงาน…
ในเมื่อตัวพระเยซูเองถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรพระเป็นเจ้า ย่อมทำให้ผู้ถูกกดขี่ทั้งหลายรู้ว่าที่แท้แล้วพระเป็นเจ้าอยู่ข้างฝ่ายเขา แต่ตรง กันข้าม ผีห่าซาตานได้อยู่เบื้องหลังนักขูดรีดเหล่านั้น
ในทางศาสนาพระเยซูคริสต์ได้พยายามล้มเลิกการเชื่อมั่นอันผิดๆ พระองค์ประณามการใช้โบสถ์ให้เป็นถ้ำของโจร พระองค์เข้าระงับการค้าบุญของพวกปุโรหิต และได้เสนอลัทธิกรรมให้แทนการอวดอ้างอภินิหารของพระเป็นเจ้า อันจะนำมาเสื่อมศรัทธามาสู่คริสต์ศาสนิกนั้นได้ถูกพระเยซูยับยั้งเอาไว้
วันหนึ่ง พวกมิจฉาทิฐิได้มาลองดีพระองค์ เขารู้ว่าประชาชนทั้งหลายแห่งยูดายเชื่อมั่นว่าผู้นี้เป็นบุตรแห่งพระเป็นเจ้า จึง ณ

มหาชนทรรศนะ 49

แม่น้ำยาระเดน ภายหลังเมื่อพระเยซูได้อดอาหารมาถึง 40 วันแล้วหนึ่งในพวกนี้ได้ถามพระเยซูขึ้นว่า
ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า จงสั่งหินก้อนนี้ให้กลายเป็นขนมปัง
พระเยซูรู้ดีว่า ผู้นี้กำลังคิดว่าตัวเขาเรียกความเลื่อมใสจากประชาชน ได้ด้วยอภินิหารทางไสยศาสตร์ จึงตอบเลี่ยงๆ เป็นการระงับความไปว่า
มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารอย่างเดียวก็หามิได้
พวกมิจฉาทิฐิคนหนึ่งกล่าวว่า
ถ้าพระเยซูเคารพกราบไหว้ตัวเขา เขาจะมอบฤทธิ์อำนาจให้ พระเยซูได้แย้งทันทีว่า
มีคำเขียนไว้ว่า จงกราบไหว้พระเป็นเจ้า องค์ผู้เป็นเจ้าของตน และปฏิบัติพระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น
อีกครั้งหนึ่งที่เยรูซาเล็ม พวกมิจฉาทิฐิพาพระเยซูขึ้นไปบนหอคอยหลังคาโบสถ์ และกล่าวแก่เขาว่า
ถ้าท่านเป็นบุตรพระเป็นเจ้า จงโจนลงไปจากที่นี่เถิด เพราะมีคำเขียนไว้ว่า พระเป็นเจ้าจะรับสั่งแก่เหล่าทูตของพระองค์ให้ป้องกันรักษาท่านไว้ และเหล่าทูตจะรับประคองท่านไว้ เกลือกว่าเท้าของท่านจะกระทบหิน
พระเยซูตอบทันทีว่า
มีคำเขียนไว้ (เหมือนกัน) ว่าอย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเป็นเจ้าของตน
นี่ย่อมแสดงให้เราเห็นทันทีว่า ที่แท้แล้วพระเยซูเป็นสานุศิษย์แห่งสัจธรรม และได้พยายามนำ เหตุผล มาสู่ศาสนาแห่งพระเป็นเจ้าองค์เดียว เขาตัดไสยศาสตร์และอิทธิฤทธิ์ทางศาสนาทิ้งไปเสีย เขาประณามการบูชาสิ่งศักดิ์อื่นๆอันไม่ใช่พระเป็นเจ้าพระองค์เดียว ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งสถาปนาสามัคคีธรรมให้เกิดขึ้นในมวลมนุษย์ แต่การภักดีต่อพระเป็นเจ้านี้ พระเยซูไม่ได้หมายถึงการสวดมนต์อ้อนวอนขอผลจากพระองค์เลย เพราะนั่นเป็นการค้าบุญ หาใช่ศีลธรรมไม่

50 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

คนเราเกิดมาจะเป็นอย่างไรจะได้อย่างไร ก็ย่อมแล้วแต่กรรมที่ตนทำ ความเป็นไปของคนเราหาได้อยู่ใต้การบัญชาของพระเป็นเจ้าองค์ใดไม่ ด้วยว่าคนเรานั้นย่อมอยู่ใต้การบัญชาของกรรมที่ตัวทำไว้เองโดยแท้
ด้วยว่าต้นไม้ดีย่อมไม่เกิดผลชั่วหรือต้นไม้ชั่วย่อมไม่เกิดผลดี เพราะว่าจะรู้จักต้นไม้ทุกต้นได้ก็เพราะผลของมัน เพราะว่าเขาย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากต้นไม้มีหนาม หรือย่อมไม่เก็บผลองุ่นจากต้นระกำ คนดีก็ย่อมเอาของดีอออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วออกจากคลังชั่วแห่งใจของตน เพราะว่า ใจเต็มบริบูรณ์อย่างไร ปากก็พูดออกอย่างนั้น
และเมื่อเราเรียนศีลธรรมจากท่านปุโรหิต เราก็มิใช่ว่าจะเป็นรองท่านในวิชานี้โดยตลอดไป จริงอยู่…
ศิษย์จะเป็นใหญ่กว่าครูก็หามิได้ แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนดีแล้ว ก็จะเสมอกับครูของตน
ฉะนั้นศีลธรรมของคนเราจึงอยู่ที่การเรียนและการปฏิบัติ แท้ๆ หาใช่อยู่ที่การนอบน้อมพระผู้ใหญ่หรือกราบไหว้พระเป็นเจ้าองค์ใดไม่และศีลธรรมก็มิได้อยู่ตรงการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีเลย
วันหนึ่งพระเยซูคริสต์ ได้ขอให้ชายผู้หนึ่งตามเขาไปเผยแผ่ธรรม ผู้นั้นตอบว่า
พระองค์เจ้าข้าฯ
ขอได้โปรดให้ข้าฯไปฝังศพบิดาของข้าฯ ก่อน
พระเยซูท้วงว่า
ให้คนตายฝังคนตายเองเถิด แต่ท่านจงไปประกาศแผ่นดินของพระเป็นเจ้า (กับเรา)
จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน จงอธิษฐานขอเพื่อคนที่เคี่ยวเข็ญท่าน ผู้ใดตบแก้มของท่านข้างหนึ่ง จงหันอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย และผู้ใดริบเอาเสื้อคลุมของท่านไป ถ้าเขาจะเอาเสื้อด้วยก็อย่าหวงห้าม
จงให้แก่ทุกคนที่ขอจากท่านและถ้าใครได้เอาของของท่าน

มหาชนทรรศนะ 51

ไป อย่าทวงเอาคืน
ท่านทั้งหลายปรารถนาจะให้เขาทำแก่ท่านอย่างไร ท่านทั้งหลายจงกระทำอย่างนั้นแก่เขาเหมือนกัน
นี่คือข้อแนะนำทางศีลธรรมฝ่ายปฏิบัติ ของอหิงสกมานพ พระเยซูคริสต์ ช่างจริงเสียนี่กระไรสำหรับตัวของเขาเอง แม้เมื่อขณะถูกศัตรูนำตัวไปเพื่อประหารชีวิต เขาก็ยังกล่าวว่า
โอ้พระบิดา,เจ้าข้า ขอโปรดยกโทษเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
ด้วยประการฉะนี้ สานุศิษย์แห่งลัทธิอหิงสาจึงได้มรณะไปอีกหนึ่ง ตามประเพณีแห่งศาสดาพยากรณ์แต่เก่าก่อน
ผู้ใดมีเสื้อสองตัว จงปันให้แก่คนไม่มี และใครมีอาหารจงปันให้เหมือนกัน
นี่คือลัทธิทำทาน ลัทธิอันศาสนาทั้งหลายคิดว่าจะช่วยกำจัดการเหลื่อมล้ำต่ำสูงในสังคมได้ ลัทธิอันจะทำให้เรารู้จักเฉลี่ยแบ่งผลได้ไปทั่วหน้ากัน
แต่ทว่าสัจธรรมอันหนึ่ง ได้ฉายวาบขึ้นในดวงใจของพระเยซู ทาน มันจะมีค่าเท่ากันไม่ได้ ทานจากคนมั่งมี และทานการบริจาค ของคนจน มันไม่ใช่สิ่งที่จะวัดได้ด้วยจำนวนเงินอย่างแน่ๆ
เพราะว่าวันหนึ่ง…
พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลาย นำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย พระองค์ทรงเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจนนำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย พระองค์จึงตรัสว่า
เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนั้น เพราะว่าคนทั้งหลายนั้นได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่รวมกับเงินถวาย แต่ผู้หญิงคนนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด
นักบุญ หรือ คนบาป เล่าท่าน พระเยซูคริสต์คนนี้? ต่อพวก หน้าซื่อใจคด ปากว่าตาขยิบ เขาเป็น คนบาป ใช่หรือไม่? และเขา เหมือนกันไม่ใช่หรือ ที่ได้ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ยุแหย่ประชาชนให้

52 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

กระด้างกระเดื่องต่อชนชั้นปกครองในขณะนั้น?
ทรชนในสมัยใหม่ได้ใช้คำพูดอย่างเดียวกันแก่นักบุญในสมัย นี้ใช่ไหมเล่า แล้วนักบุญในสมัยนี้นะ จะอุทิศตัวยอมตายไปตามศาสดาพยากรณ์แต่เก่าก่อน ดังเช่นพระเยซูคริสต์เป็นตัวอย่างกระนั้นหรือ?

2.7. พระศาสดามุฮัมมัด ชนกรรมาชีพแห่งอาราเบีย

จงสู้รบเถิดเพื่อองค์พระอัลเลาะฮ์ กับผู้ซึ่งสู้รบเป็นปรปักษ์กับเจ้า แต่อย่าไปรังควานเขาก่อน
จงรบเถิดจนกว่าการบูชารูปเคารพอันเป็นมายาล่อลวงจะหมดสิ้นไปจนเหลือแต่องค์พระอัลเลาะฮ์เท่านั้น และถ้าเขา (ฝ่ายอื่น) ละเสียได้ ก็จงหยุดการเป็นปรปักษ์ เว้นแต่เขาเหล่านั้นจะเป็นพวกข่มขี่รังเรา
ฉะนั้น…
การสงครามจึงได้กำหนด (เป็น) ประกาศิตไว้สำหรับเจ้า แม้(ว่า) สงครามจะเป็นภาระแก่เจ้า
คำพูดจากคัมภีร์กุระอ่านเหล่านี้ ได้แว่วอยู่ในหูแห่งอิสลามิกทั้งหลายที่เป็นนักรบเสมือนหนึ่งว่า พระนบีมุฮัมมัดได้มากระซิบให้กำลังใจอยู่ข้างๆหูพวกเขานั้นทีเดียว ด้วยว่าเมื่อ 1300 ปีกว่ามาแล้ว บุรุษอาวุโสผู้มีบุคลิกภาพเด่นที่สุดในทะเลทรายผู้นี้ได้เป็นผู้นำชาวทะเลทรายทั้งหลายเข้าเป็นกองทัพธรรม และได้เข้าต่อต้าน มีชัยแก่กองทัพทรชนผู้ข่มเหงรังเรา มันเป็นการทิ้งลัทธิอหิงสาหันมาถือหลักต่อสู้เพื่อธรรมเป็นสรณะ มันไม่ใช่การรุกราน เพราะคำประกาศิตได้กำหนดไว้ว่า
อย่าไปรังควานเขาก่อน จงรบเถิด,หากศัตรูของท่านเป็นพวก ข่มขี่รังเรา เพราะว่าธรรมาธรรมะสงครามจะต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง และฝ่ายธรรมะจะเป็นฝ่ายชนะในบั้นสุดท้าย
หลายครั้งหลายหนมาแล้วที่บรรดาทรชนได้จับเอาตัวศาสดาพยากรณ์ไปฆ่าเสียสิ้นพระเยซูคริสต์ได้สิ้นชีวิตไปบนไม้กางเขนา

มหาชนทรรศนะ 53

เป็นประจักษ์พยานในข้อนี้อยู่ คราวนี้ก็เหมือนกัน ชาวหนุ่มชื่อมุฮัมมัด ศาสดาพยากรณ์แห่งสมัยใหม่ของดินแดนทะเลทราย ก็กำลังจะถูกปุโรหิตใหญ่แห่งจังหวัดมักกะห์จับตัวไปฆ่าเสียอีก ด้วยว่าตัวเขาได้ยุแหย่ให้ประชาชนชาวอาหรับ แข็งข้อต่อผู้ปกครองท้องถิ่น และ ละทิ้งการบูชาเคารพรูปปั้นร้อยแปดพันองค์ อันมีอยู่รอบๆวิหารกะอฺบะฮ์ในนครนั้น เขาเป็นคนบาปของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้จึงสมควรแล้วที่เขาจะต้องตายตกตามพระเยซูคริสต์ไปด้วย
แต่ทว่าหนุ่มลูกทะเลทรายผู้นี้ หาใช่นักฝันไม่ เขาอาจจะเชื่อ มั่นในองค์พระอัลเลาะฮ์ผู้สร้างสากลโลก แต่เขาก็เชื่อตามแบบพระเยซูว่า พระเป็นเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวของเขาเอง ด้วยประการฉะนี้มุฮัมมัดจึงรวบรวมกำลังประชาชน หนีจากเมืองมักกะห์ไปสู่เมืองมดีนะฮ์ และที่นั่นได้จัดตั้งกองทัพประชาชนของเขาขึ้นเพื่อต่อต้านกับผู้กดขี่ มุฮัมมัดหนุ่มผู้เยือกเย็นได้กลายเป็นพระนบีมุฮัมมัดผู้นำแห่งปวงชนชาวอาหรับราชาแห่งทะเลทรายไปเสียแล้ว
ครั้นแล้ว ประชาชนชาวอาหรับซึ่งครั้งหนึ่งเคยแตกแยกกันอยู่เป็นกลุ่มๆชาติกุลตามอำเภอใจ ก็ได้เข้ามารวมกันเป็นชนชาติที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ อิสลามิกได้แผ่ไพศาลไปทั่วโลก จากอารเบีย ทางหนึ่งไปสู่ยุโรป และเข้าขู่ขวัญอาณาจักรโรมัน อีกทางหนึ่งคืบเข้าอิหร่านไปเคาะอยู่ที่ทวารแห่งแผ่นดินมหาภารตะ และครั้นแล้วก็เดินทางเข้าไปมลายู,ชวา,แหลมไทย ต่างก็ตกอยู่ภายใต้ลัทธิอันเดียวกันด้วยประการฉะนี้
ลาอิลาฮา อิลลัลลาห์ - ไม่มีพระเป็นเจ้าอื่นอีก นอกจากพระเป็นเจ้าองค์เดียวนี้เท่านั้น นี่เป็นคำรำพึงของหนุ่มมุฮัมมัด บินอับดุลเลาะห์ ผู้สืบตระกูลมาจากหัวหน้าชาติกุลกุเรชแห่งนครมักกะห์ พวกกุเรชเป็นพวกค้าขาย และประสบกับความมั่งคั่งบ้าง ความวินาศฉิบหายบ้าง พระมุฮัมมัดเป็นกำพร้าแต่เล็ก อับดุลเลาะห์บิดาของเขาตายไปไม่กี่ปีมารดาก็ลาโลกตามไปอีก ทิ้งให้บุตรชายต้องประสบกับความยากจน ถึงกับต้องไปทำงานเลี้ยงชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เขาจะคุมฝูงแกะไปเลี้ยงตามลาดเขาต่างๆในบริเวณเมือง สายตา

54 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

จะทอดไปสู่ความเปล่าเปลี่ยวแห่งทะเลทราย บางวันกว่าจะไล่ฝูงแกะกลับคอกได้ก็จะเป็นเวลาค่ำ ภาพอันอ้างว้างเบื้องหน้ามีแต่ดาราระยิบ ระยับ จะทำให้พระมุฮัมมัดถอนใจใหญ่
โลกนี้ช่างเปล่าเปลี่ยวเสียนี่กระไร พ่อแม่ไม่มีแล้วมิหนำจะหาอะไรในธรรมชาติเป็นเพื่อนบ้างก็ไม่มี ช่างโล่งเตียนอ้างว้างอะไรอย่างนี้ เราหนอ ช่างมีตัวคนเดียวในโลกแท้ๆ
เขาจะเบือนหน้าหนีธรรมชาติอันทารุณ และเดินดุ่มๆเข้าสู่หมู่ บ้านด้วยใจรันทด
ไม่ต้องสงสัยเลย ความเปล่าเปลี่ยวของพระมุฮัมมัดนั้นมีต้นเค้ามาจากการแตกแยกของชนเผ่าอาหรับ หากว่าชนเผ่านี้รู้จักสมาน สามัคคี รู้จักช่วยเหลือกันฉันท์พี่น้องแล้ว คนเราจะรู้สึกว่ามีตัวอยู่คนเดียวในโลกอย่างไรได้
แต่ทว่าชนเผ่าอาหรับจะสามัคคีได้อย่างไรเล่า,ในเมื่อมีต้นเหตุ แห่งการแตกแยกสามัคคีอยู่ และนั่นคือลัทธิบูชาเทพเจ้าหลายองค์ ลัทธิกราบไหว้เทวารูปประจำชนเผ่าอาหรับ ซึ่งมีอยู่หลายร้อยองค์แล้วใครเล่า,จะเลิกลัทธิอย่างนี้ได้ ในเมื่อผู้รักษาวิหารกะอฺบะห์ได้ รับผลประโยชน์จากศรัทธาผิดๆอย่างนี้อยู่?
ที่แท้แล้วชนเผ่าอาหรับ เคยนับถือศาสนาพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวมาช้านาน และวิหารกะอฺบะห์ในท่ามกลางเมืองมักกะห์ก็ถูกเข้าใจว่าศาสดาอิบรอฮีมและอิสมาอิลผู้บุตร ซ่อมแซมขึ้นมาจากวิหารเก่าแก่โบราณกาล ได้สร้างไว้เป็นแบบเดียวกับกะอฺบะห์บนฟ้า ศาสนาเก่าของชนเผ่าอาหรับนี้ น่าจะเป็นอย่างเดียวกับศาสนาฮีบรูของศาสนาโมเสส แต่การเสื่อมคลายถอยหลังเข้าคลองของนักศาสนาได้ทำให้ศาสนาพระเป็นเจ้าองค์เดียวนี้แตกสลายลงไป
มหาชนทั่วไปในประเทศอาหรับ พากันนับถือรูปเคารพต่างๆ บางพวกนับถือดาว บางพวกเอาหินมาสลักเป็นรูปไว้กราบไหว้บูชา ที่นับถือการบูชาไฟเช่นชาวเปอร์เซียนในโบราณสมัยก็มีบ้าง แต่มีเป็นส่วนน้อย รอบๆบริเวณและภายในวิหารกะอฺบะห์ ซึ่งเดิมเป็นที่สำหรับกราบไหว้บูชา เฉพาะพระวิหารนั้นเกิดมีเทวารูปบูชาต่างๆ

มหาชนทรรศนะ 55

มากมายถึง 360 องค์ตั้งเรียงรายกัน
ชนเผ่าอาหรับคณะหนึ่ง มีอาชีพเฝ้ารักษาวิหารกะอฺบะห์ทั้งกลางวันและกลางคืน และเนื่องด้วยได้รับความเสื่อมใสจากประชาชน จึงมีอำนาจทางการเมืองและการปกครองขึ้นมา ผู้เป็นหัวหน้าถึง กับมีสิทธิ์ที่จะยกธงประกาศสงครามได้ พวกรักษาวิหารนี้มีชื่อว่า กุเรช
ด้วยประการฉะนี้แหละ, เมื่อพระมุฮัมมัดเที่ยวสอนศาสนา พระอัลเลาะฮ์ ศาสนาแห่งพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวขึ้นมาอีก พันธะระหว่างประชาชนกับชนเผ่าอาหรับ ที่ผูกอยู่กับพวกรักษาวิหารกะอฺบะห์ก็เริ่มจะแตกสลาย ครั้นแล้วพระมุฮัมมัดก็กลายเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กระด้างกระเดื่องไป เขาได้กลายเป็นคนบาปของชนชั้นปกครองและด้วยเหตุนี้ก็ถูกตามล่า ทำให้เขาจำต้องหลบหนีเอาตัวรอดไปก่อน
ในการแสวงหาภาวะอันพ้นจากความเปล่าเปลี่ยว พระมุฮัมมัดหนุ่มรูปงามได้พบคอดียะห์หญิงม่ายผู้มั่งคั่งแห่งนครมักกะห์ และได้แต่งงานกันด้วยความรักใคร่ทั้งสองฝ่าย สิบปีแห่งความผาสุกได้ผ่านไปแต่ก็เป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวของพระมุฮัมมัดโดยแท้ ประชาชนจะได้ประโยชน์จากความสุขส่วนตัวอย่างนี้แม้แต่น้อยก็หาไม่ อย่าง ไรก็ตาม,มันก็เป็นสิบปีแห่งการจัดเจนต่อโลก ทำให้เห็นข้อเท็จจริงทั้งหลายอันก่อปัญหาให้ขบ และครั้นแล้วในปีที่ 35 แห่งอายุของหนุ่มชาวทะเลทรายผู้นี้ การต่อสู้เพื่อประชาชนของเขาก็เริ่มขึ้น
พระมุฮัมมัดเริ่มตระหนักแล้วว่าสามัคคีกันในทุกๆทาง จึงจะนำมาซึ่งความรอดพ้นของชนเผ่าอาหรับ ความรอดพ้นทางหนึ่งนั้น คือความรอดพ้นจากการที่มนุษย์ต่อมนุษย์ทำร้ายกันเอง และความรอดพ้นอีกทางหนึ่งนั้นก็คือ ความรอดพ้นจากการขาดแคลนในธรรมชาติ ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของประชาชน ธรรมชาติจะถูกดัดแปลงให้เป็นคุณแก่มนุษย์ และครั้นแล้วมหาชนจะประสบกับความสุขดังหวัง
แต่จะทำอย่างไรดีเล่า เพื่อที่จะก่อให้เกิดความสามัคคีอย่างนี้

56 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

ได้ในเมื่อประชาชนพากันเชื่อไปเสียอย่างแน่นแฟ้นแล้วว่า สิ่งต่างๆเป็นไปตามการบันดาลของเทพเจ้าอันมีจำนวนมากมาย การที่มนุษย์จะเข้าไปบันดาลธรรมชาติ จึงถูกเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ไร้ผล มิหนำซ้ำประชาชนยังจะเสียผลกินทุนเข้าไปอีก ในการกราบไหว้บูชาเทพเจ้าซึ่งมิได้มีใครเคยพบเห็นตัวจริงเลยเหล่านี้ ซ้ำยังได้เอาเทพเจ้าแต่ละองค์มาเป็นต้นเหตุแห่งการทะเลาะเบาะแว้งกันอีก
ด้วยประการฉะนี้แหละ พระมุฮัมมัดจึงนำลัทธิความเชื่อของอิบรอฮีมแต่โบราณมาสั่งสอนประชาชนใหม่ และขนานชื่อลัทธินั้นว่า อิสลาม แปลว่า พยายามเพื่อบรรลุธรรม เพราะฉะนั้นผู้ที่นับถือลัทธิศาสนานี้จึงให้ชื่อว่าพวกอิสลามิก
ด้วยศาสนาพระเป็นเจ้าพระองค์เดียว ชนเผ่าอาหรับจึงรวม กันเข้าได้สมดัง ที่พระมุฮัมมัดนึกหวังไว้ และตัวเขาผู้เป็นศาสดาหรือนบีก็เลยกลายเป็นกาหลิบ ผู้ดึงสายใยแห่งความสามัคคีของชนเผ่าอาหรับเข้ามารวมไว้ในกำมือ
เมื่อพระมุฮัมมัดเริ่มประกาศธรรมแก่มหาชนนั้น พระองค์มีอายุได้ 44 ปีสาวกและองค์อุปถัมภกของศาสนาอิสลามเป็นคนแรกก็คือคะดียาห์ ยอดยาใจของเขาเอง ต่อมาสาวกผู้เป็นกำลังอีกคนหนึ่งคือ สอิท ก็เข้ามาร่วมด้วย เขาเป็นทาสของพระมุฮัมมัดซึ่งถูกยกให้เป็นไทแก่ตัว อาลีผู้เป็นบุตรของอบูตอลิบ ลุงของพระมุฮัมมัด ก็มาเข้าเป็นสาวกด้วย สาวกชายทั้งสองนี้ จึงเท่ากับเป็นแขนซ้ายแขนขวาของพระมุฮัมมัดทีเดียว
เมื่อเริ่มสอนลัทธิใหม่ๆของพวกอิสลาม ต้องถูกเยาะเย้ย ถูกถากถาง และถูกทำร้ายให้เกิดความเดือดร้อนต่างๆนานา บางครั้งพวกนี้จะถูกจับคร่าเอาตัวไปมัดมือมัดเท้า ทิ้งไว้กลางแดดไม่ให้กินน้ำสักหยดเดียวทั้งนี้จนกว่าจะกลับใจมาบูชาคารวะเทวรูป-รูปสลัก ตามเดิม
ดังนี้,อิสลามที่ไม่มีอิทธิพลพอ จึงอยู่ในนครมักกะห์ไม่ได้ แต่ต้องอพยพไปอยู่เสียในอบิสซีเนีย(เอธิโอเปีย)เป็นจำนวนมาก ส่วนอิสลามชั้นหัวหน้าที่มีอิทธิพลเช่นพระมุฮัมมัด คงอยู่สู้พวกกุเรช ใน

มหาชนทรรศนะ 57

นครมักกะห์ต่อไป พวกผู้เฒ่าชาวกุเรชได้ไปหาอบูตอลิบ ลุงของพระมุฮัมมัด ขอให้ช่วยบอกพระมุฮัมมัด ให้เลิกเผยแพร่ลัทธิติเตียนการบูชาเทวารูปเสีย โดยอ้างว่าจะถูกทำร้าย แต่พระมุฮัมมัดคงยืนหยัดในศรัทธาของตน แล้วกล่าวว่า
เมื่อใดพวกเหล่านั้น บันดาลให้พระอาทิตย์มาอยู่ในมือขวา พระจันทร์มาอยู่ในมือซ้ายของหลานแล้ว เมื่อนั้นจึงค่อยห้ามเถิด หลานจะไม่เอาใจใส่ นอกจากพระเป็นเจ้าจะทรงบัญชา
คำพูดครั้งนี้แหละท่าน,ที่เป็นต้นเค้าแห่งธรรมาธรรมะสงครามระหว่างลัทธิอิสลามกับลัทธิมิจฉาทิฐินั้นทีเดียว
พระมุฮัมมัด จึงต้องซุ่มซ่อนและก็ทำการเผยแพร่ลัทธิศาสนา พระอัลเลาะฮ์ พระเป็นเจ้าองค์เดียวต่อไป เพราะว่าในขณะนี้ พวกรักษาวิหารกะอฺบะห์ได้เข้าขัดขวางอย่างเปิดเผยแล้ว แม้ว่าในขณะนี้อิสลามิกจะมีถึง 100 คนแล้วก็ตาม แต่พวกของชาวกุเรชก็ยังมีมากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า อิสลามิกต้องไปปฏิบัติอยู่ตามซอกเขา แม้พระมุฮัมมัดเอง ก็เกือบถูกทำลายชีวิตในวิหารกะอฺบะห์อยู่ครั้งหนึ่ง ครั้นแล้วปีแห่งความวิปโยคก็มาเยือนพระมุฮัมมัด คอดียะห์พระเจ้าแม่ของอิสลามได้สิ้นชีพลง พระมุฮัมมัดได้คร่ำครวญว่า
โอ้ คอดียะห์ นางเชื่อเรา ขณะที่ไม่มีใครเชื่อ ยามยากจนนางได้ทำให้เรามั่งมีขึ้น และคงภักดีอยู่เป็นนิตย์ แม้ในเวลาซึ่งคนทั้งโลกเป็นอริต่อเรา
มิหนำซ้ำอบูตาลิบผู้อุปถัมภ์ก็ได้ล่วงลับไปเสียอีก เรื่องทั้ง หมดนี้ ได้ช่วยกลุ้มรุมทำให้จิตใจของพระมุฮัมมัดแข็งกระด้างต่อความทุกข์ยากใดๆที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต และได้ทำให้เขากลาย เป็นนักต่อสู้ที่ทรหดไปเลยทีเดียว
แม้มักกะห์ได้เป็นศัตรูไปเสียหมดแล้ว ยากที่พระมุฮัมมัดจะเผย แพร่อิสลามต่อไปได้ และยากที่เขาจะหลบหลีกจากศัตรูได้ง่ายๆด้วย โดยการช่วยเหลือของผู้ศรัทธาจากจังหวัดยาถริพ มุฮัมมัดได้หนีไปอยู่ที่เมืองนั้น แต่ก็หวุดหวิดถูกจับสำเร็จโทษเสียโดยน้ำมือของพวกรักษาวิหารกะอฺบะห์ในสมัยนั้น ระหว่างทางจำต้องเข้าไป

58 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

อาศัยถ้ำฮิรออ์เป็นที่พำนักชั่วคืน พวกศัตรูได้ตามมาอีก แต่เห็นนกพิราบทำรังอยู่ปากถ้ำ นึกว่าคงไม่มีผู้ใดเข้าไปอยู่ จึงพากันกลับไปเสีย เพราะฉะนั้นนกพิราบจึงเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามมาตราบเท่าทุกวันนี้
ในที่สุด พระมุฮัมมัดก็ไปถึงเมืองยัชริบได้ด้วยความปลอดภัย การรอดพ้นครั้งนี้เป็นเหตุการณ์อันสำคัญของอิสลามิกทั้งหลาย จึงถือว่าเป็นปีต้นศักราชพระมุฮัมมัดฮิจเราะห์มาจนกระทั่งบัดนี้
ที่เมืองยัชริบหรือมดีนะฮ์ อิสลามิกได้เพิ่มพูนจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในทางกำลังอำนาจ และความเลื่อมใสของประชาชน สุเหร่าได้ถูกสร้างขึ้นอย่างงดงาม เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อิสลาม และแบบอย่างสถาปัตยกรรมสุเหร่า(ดอกบัวตูม) อย่างนี้แหละได้แพร่หลายไปทั่วโลกในชั้นหลัง มดีนะฮ์ได้ต้อนรับอิสลามิกผู้ขัดสนและผู้ถูกข่มเหงรังแกจากเมืองมักกะห์ ทั้งนี้ทำให้พวกกุเรชในมักกะห์พากันคิดว่า ควรจะยกทัพมาปราบปรามเสียที เพื่อว่าอันตรายจะได้ไม่มีต่อศาสนาเคารพรูปปั้นของเขาในภายหน้า
แต่อย่างไรก็ตามในมดีนะฮ์ พระมุฮัมมัดกำลังมีอำนาจทาง การปกครองยิ่งขึ้นทุกวันๆ มดีนะฮ์หาความสุขสงบมิได้มาช้านานเพราะประชาชนต่างคุมกันเป็นกลุ่มชาติกุลคอยชิงดีกันเสมอ ชาติกุลใหญ่ๆก็มีของพวกอัสและขาษราช สองชาติกุลนี้ผูกพยาบาทมีความ อิจฉาริษยาต่อกัน เกือบๆจะต้องเกิดเป็นศึกกลางเมืองขึ้นก็หลายหน แต่เมื่อคนในชาติกุลทั้งสองนี้มานับถืออิสลามเข้าแล้วการทะเลาะวิวาทก็จางไป ทั้งนี้ก็เพราะพระมุฮัมมัดได้ถูกขอร้องให้เป็นผู้ตัดสินคดีไปตามความเที่ยงธรรม และก็อาศัยความเที่ยงธรรมนี้เองที่ทำให้ประชาชนชาวมดีนะฮ์นับถือพระองค์เสมือนเป็นพระราชาทีเดียว
เมื่อพระมุฮัมมัดรวมเสียงประชาชนเข้าไว้ได้ และพอดีกับพวกเมืองมักกะห์ได้ติดอาวุธให้แก่กองคาราวานของตน ที่ผ่านมาทางมดีนะฮ์ ทั้งนี้เพื่อข่มขวัญของอิสลาม พระมุฮัมมัดก็รวบรวมกำลังคนเข้าต่อกรกับพวกกุเรชทันที ในการรบนี้อิสลามิกถือว่าเป็นธรรมาธรรมะสงคราม เป็นการต่อกรกับนักศาสนาแห่งมิจฉาทิฐิ

มหาชนทรรศนะ 59

ไม่ใช่เป็นการแสวงหาอำนาจ ฉะนั้นอิสลามิกทั้งหลาย ซึ่งเข้าใจว่าตัวอยู่ใน กองทัพธรรมจึงรบอย่างเต็มใจที่สุด นี่เองเป็นต้นเหตุแห่งความยิ่งใหญ่ของกองทัพอิสลามิกทั้งหลาย
ที่ตำบลพัทระกองทัพอิสลามอันกระจ้อยร่อยได้เข้าขยี้กองทัพ อันมหาศาลของชาวมักกะห์เสียย่อยยับ แต่ทว่าได้ภายหลังกองทัพของพวกกุเรช ก็กลับเข้าบดขยี้กองทัพอิสลามจนยับเยินไปบ้าง แล้วยังมีพวกอาหรับเข้ามารุกรานล้อมเมืองมดีนะฮ์ไว้อีก แต่ในที่ สุดพระมุฮัมมัดคงมีชัยต่อไป ลุ พ.ศ.1170 พวกกุเรช 10,000 คนเข้ามาล้อมเมืองมดีนะฮ์ แต่ก็ต้องล่าถอยกลับไปเพราะชาวเมืองต่อต้านแข็งแรงมาก นี่ทำให้พระมุฮัมมัดจำต้องกล่าวคำลิขิตไว้ว่า
การสงครามเพื่อความยุติธรรมได้กำหนัดเป็นลิขิตไว้สำหรับเจ้า แม้สงครามจะเป็นภาระแก่เจ้า
ภารกิจขั้นสุดท้ายได้ลุล่วงไป โดยกองทัพใหญ่ของพระมุฮัมมัดยาตราเข้าไปในเมืองมักกะห์ได้อย่างสง่าผ่าเผย โดยมีคนเสีย ชีวิตเพียง 2-3 คนเท่านั้น เมื่อ ความจริงมาแล้ว ความเท็จก็ย่อมหนีไป แท้จริงความเท็จ เป็นสิ่งซึ่งย่อมหนีไป
ฉะนั้นเทวารูปทั้ง 360 องค์ อันประดิษฐานอยู่รอบๆวิหาร กะอฺบะห์จึงถูกทำลายเสียสิ้น รูปภาพที่เขียนไว้ก็ถูกลบเสียหมด และประชาชนชาวมักกะห์ก็เลยพ้นจากการถูกหลอกลวงให้แขวนชีวิตไว้กับความเท็จต่อไป วิหารกะอฺบะห์ได้กลายเป็นวิหารเอกแห่งอิสลามิกมาตราบเท่าทุกวันนี้ และพวกเราซึ่งมาแสวงบุญในมักกะห์เป็นการประจำทุกปี จะยกนิ้วขึ้นข้างหนึ่งพร้อมกับอุทานว่า
ลาอิลาฮา อิลลัลลาห์ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก นอกจากพระเป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้น แล้วแถมท้ายว่า
มุฮัมมัด รีสู่ลลัลลาห์ พระมุฮัมมัดเป็นผู้แทนแห่งพระเป็นเจ้า
เขาเป็นนักบุญไม่ใช่หรือท่าน, พระมุฮัมมัดราชาแห่งทะเล ทราย นบีแห่งอิสลามิกคนนี้? ก็ทุกวันนี้นั้นอิสลามิกนับล้านๆได้พากันกล่าวว่า มุฮัมมัดรีสู่ลลัลลาห์ มิใช่หรือ? ชาติกุลอาหรับเผ่าต่างๆจึงรวมเข้ากันเป็นชนชาติอาหรับที่ยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้

60 ทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ

2.8. สรุปประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชนกรรมาชีพ
อย่างไรก็ดี เมื่อกาลสมัยแห่งพระปฐมศาสดาทุกพระองค์ล่วงไปไม่ถึงร้อยปี ทุกประเทศก็เหมือนกันหมดที่การต่อสู้ของปฐมศาสดาเพื่อชนชั้นกรรมชีพก็จะสิ้นสุดลงตามไปด้วย หรืออีกนัยยะหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ตั้งแต่กำเนิดโลกมา จากชุมชนบุพกาลที่มหาชนอยู่ร่วมกันด้วยประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้จริง เพียงไม่นานนัก แล้วประชาธิปไตยก็ล่มสลายลงด้วยระบบเผด็จการของนักรบ มหาชนซึ่งผ่านระบบต่างๆมา มีชื่อเรียกต่างๆกันจนถึงชื่อชนกรรมาชีพ มหาชนยังไม่เคยประสบชัยชนะเลย ทั้งนี้เพราะอะไรหรือ ก็เพราะแท้จริงแล้วมหาชนไม่เคยต่อสู้เพื่อมหาชนเองเลย
เขาเพียงเดินตามกลุ่มผู้นำมหาชนเพียงหยิบมือของเขาเท่านั้น ทั้ง นี้ก็เพราะเขา,มหาชนมิได้มีโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้ถึงสัจธรรมที่แท้จริงได้ เขาไม่มีความรู้ที่แท้จริงในความฉ้อฉลของชนชั้นปกครองและนักบวช, เขาจึงไม่เคยมีรูปการจิตสำนึกแห่งการต่อสู้ที่ยืนหยัด เขาคงมีแต่หลักอหิงสา! ที่ถูกกลไกของระบบอำนาจเก่าฝังลึกลงไว้ในวัฒนธรรมทางจิตของเขาอันมีองค์กรทางศาสนาเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งเกินกว่าพลังปฏิวัติหรือปฏิรูปซึ่งเกิดขึ้นอย่างประปรายชั่ววูบไม่ถึง 40-50 ปีได้ จึงไม่อาจจะต้านพลังขององค์กรศาสนาอันกำหนดจารีตประเพณีร่วมกันกับอำนาจรัฐของสถาบันชนชั้นปกครองมาเป็นพันปีให้โค่นลงได้
โดยที่ชนชั้นปกครองหรือนักบวชในทุกประเทศเกือบไม่ต้องทำอะไรเลย ชัยชนะก็ถอยหลังกลับมาเป็นของเขาเสมอ พลังอนุรักษ์จึงยิ่งใหญ่ตลอดกาล ดูเหมือนจะเป็นสิ่งนิรันดรเป็นพระเป็นเจ้าจริงๆไป ดังนั้นศาสนาทุกศาสนาในปัจจุบัน จึงเป็นเพียงการอ้างพระนามของปฐมศาสดาเท่านั้น แท้จริงจึงเป็นองค์กรของทรชนผู้ไม่มีวันจะละทิ้งมิจฉาทิฐิได้เลย เพราะทรัพย์แผ่นดินตนที่นั่งทับนั้นอยู่มันมหาศาลยิ่งนัก เกินกว่าที่จะปล่อยให้มหาชนผู้โง่เขลาไปได้ไปรักษาได้ มันจึงเป็นกรรมของมหาชนเองโดยแท้ และมหาชนต้องแก้กรรมด้วยมหาชนเองเท่านั้น




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 13:06:51 น.
Counter : 1011 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

ลุงกฤช
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




อดีต : พ่อค้า ผู้รับเหมาก่อสร้าง

ปัจจุบัน : อาจารย์พิเศษสอนปรัชญาเป็นประจำแก่สถาบันของรัฐแห่งหนึ่ง สอนพิเศษนักศึกษาปริญญาตรีและโทมหาลัยมหิดล

คืนกำไรให้ชีวิตหลังจากการทำงานหนักมาเกือบตลอดชีวิต ขับรถไปฮันนี่มูนต่างจังหวัดบ้าง ไปสอนต่างจังหวัดบ้าง มีความสุขกับศรีภรรยาที่อยู่กันมาเกือบ 50 ปี
เธอดูแลเราเหมือนลูก เพราะลูกๆต่างก็มีครอบครัวแยกย้ายไปทำมาหากินกันดีๆทุกคนแล้ว เราเลยอยู่กันสามพ่อแม่ลูก(คนสุดท้อง)ซึงไม่ยอมมีผัว เพื่อดูแลพ่อแม่ กับหมาอีก 8 ตัว บางวันก็ไปสอนบ้าง บางวันก็เข้ามาในบล๊อกบ้างเพื่อเอางานที่เรียนรู้มา มาคืนให้แก่สังคม ดังที่เห็นๆกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่คัดลอกมาให้อ่านกันเป็นงานเขียนของท่านอาจารย์สมัคร บุราวาศ และทรรศนะส่วนตัว
อยากให้คนสนใจเรื่องปรัชญา เพราะตัวเองนั้นมีความสุขอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีปรัชญาชี้นำการดำเนินชีวิต มีความรู้ในการปฏิบัติทำมาหากิน ภายหลังหยุดชีวิตการทำมาหากินแล้วก็ยังมีสมบัติทีมากกว่าเบี้ยบำนาญของราชการ

แม้ไม่รวย แต่ก็ไม่จน จึงอยากให้เป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีทุนเข้ามหาลัยได้ดูเป็นแบบอย่างบ้าง เพราะชีวิตผมเริ่มต้นจากสูญ ไม่มีมรดกจากพ่อแม่

บทความซึ่งจะนำลงตอนละประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถ้าใครไม่สนใจอ่านจะลบทิ้ง

บทความตอนใดที่ไม่มีผู้สนใจอ่าน(ไม่ให้ความเห็น)
จะลบออกเร็วกว่านั้น
อยากบอกอยากถามก็ขอให้เขียน เรามาแลกเปลี่ยนวิถีทรรศน์ของกันและกัน เพื่อเดินทางร่วมกันฉันท์สหาย
[Add ลุงกฤช's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com