เมื่อความรักที่บ่มเพาะมาแรมปีต้องจบหลังก่อนงานวิวาห์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ลักษมีคงไม่อาจทำใจให้รับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งเดียวที่จะช่วยเยียวยาได้คือหลบไปให้ไกลจากเมืองไทย และดินแดนแห่งความเชื่อเช่นอินเดียจึงเป็นสถานที่ที่เธอเลือกไป ท่ามกลางกลิ่นอายของอารยธรรมอันไม่เคยเสื่อมมนต์ขลัง รามผู้ชายที่ไร้ที่มาที่ไปก็ได้ปรากฏกายขึ้น นั่นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งพรหมลิขิตที่แท้จริงของลักษมี
สำหรับรามแล้วอินเดียมีความหมายกับเขามากมายเกินกว่าใครจะเข้าใจ มันคือที่มีแห่งตัวตนของผู้ชายเช่นเขา คืนวันที่เขารอนแรมไปทั่วชมพูทวีปพร้อมกับอัฐิของมารดา ผู้บอกให้เขาเฝ้ารอที่จะได้รักใครสักคน คนที่เขาจะรู้สึกถึงความเป็นพระเจ้าในตัวเธอ ที่เขาจะศรัทธาจนหมดหัวใจ และตอนนี้รามได้ค้นพบสิ่งที่มารดาได้ทิ้งปริศนาไว้ให้ เมื่อเขาได้พบลักษมี เทวีแห่งความรักของราม
แม้ว่าลักษมีจะเคลือบแคลงในไกด์หนุ่มอย่างรามว่าเขามีบางอย่างปิดบังเธออยู่ แต่คนใจอ่อน ขี้สงสารเช่นเธอก็คงไม่กล้าจะเลิกจ้างเขาเป็นแน่ หากลักษมีก็ไม่คิดว่า เธอและเขาต้องมาตกกระไดพลอยโจนร่วมเส้นทางอันแสนไกลไปด้วยกันเพียงลำพัง เพียงเพราะเธอใช้เขาหลบหนีคนรักเก่า ส่วนเขาก็ต้องหลบเร้นจากคนปองร้าย และค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวกำลังจะร่ายโศลกรักบทใหม่ลงบนหัวใจของลักษมี
รามไม่คิดเลยว่าเขากำลังถูกคนตามล่า หากมีเพียงเขาคนเดียวคงจะไม่เป็นไร แต่เขาพ่วงลักษมีมาด้วย ผู้หญิงที่เขาจะต้องปกป้องเธอด้วยชีวิต รามรู้ตัวดีว่าทำผิด ผิดที่ปกปิดความจริงว่าเขาคือใคร และเห็นแก่ตัวที่จะผูกมัดลักษมีไว้ด้วยความสัมพันที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่ลักษมีได้เคยมอบให้ใคร หากรามก็รู้ดีว่าที่เขาทำลงไปทั้งสิ้นก็เพราะความรัก รักของเขาไม่ใช่การเสียสละ แต่รักของเขาคือการได้ยกย่อง บูชา และครอบครองเธอ
และแล้วความจริงที่รามไม่เคยบอกแก่ลักษมีได้ปรากฏขึ้น และความผิดหวังในครั้งนี้ลึกล้ำกว่าที่เคยได้รับจากรักแรก ทำไมเธอจึงต้องมาเจอแต่คนที่ปากว่ารักเธอ ทว่ากลับหลอกลวงเธอร่ำไป คงหมดเวลาที่จะหนีอีกต่อไป ครอบครัวที่เฝ้ารอเธออยู่คือรังที่ลักษมีจะหลบไปฟื้นฟูหัวใจ หากแต่ทำไมในครั้งนี้ลักษมีจึงตัดใจจากรามได้ยากยิ่งนัก
เวลาคือสิ่งที่รามได้มอบให้ลักษมีได้คลายความเสียใจในคำโกหกของเขา แต่ไม่ใช่มีไว้เพื่อลืมเลือนเขา เมื่อเขาได้ฝากคำรักและรอยจารึกไว้กับลักษมี ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะได้กลับไปอธิบายความจริงกับเธอทุกอย่างแล้ว รามรู้ดีว่าลักษมีอาจจะยังไม่ให้อภัย แต่คนอย่างเขาถ้าได้รักแล้ว ก็ไม่มีวันหยุดรักและเลิกราได้ เธอคือความศรัทธาที่เกิดขึ้นในหัวใจที่เขาเรียกว่ารักแท้
หากความรักทำให้คนโง่งม ลักษมีคงไม่ต่างกัน แม้ปากจะบอกว่าไม่ให้อภัยเขา เกลียดเขา แล้วทำไมเมื่อรามได้กลับมาในตัวตนที่แท้จริง ลักษมีจึงไม่อาจทำอย่างที่ปากบอกได้ เธอไม่อาจหลอกตัวเองว่า มองเห็นพระเจ้าในตัวเขาเช่นกัน หากความรักของเขาและเธอก็ไม่ได้ราบรื่นดั่งเช่นที่หวังไว้ เมื่อปัญหาในครอบครัวที่แสนสับสนของเขาคืออุปสรรคอีกประการ
แท้จริงแล้วแม้ชาติกำเนิดและอดีตของเขาจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่รามรู้ดีว่าเขาได้สิ่งที่สำคัญกว่าคือความรักอันหมดหัวใจของบิดาและมารดา และเขาจะใช้สิ่งนั้นปกป้องลักษมีจากความริษยาของใครบางคนทั้งที่มาจากตัวลักษมีเองและเขาด้วย รามอาจไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย ป่าเถื่อน หากแต่คนเช่นเขาก็ไม่เคยปล่อยให้คนที่บังอาจทำร้ายหัวใจของเขาลอยนวลไปได้ เมื่อเธอคือศรัทธาที่เขาเฝ้าตามหามาตลอด และเขาได้ค้นพบสิ่งนั้นแล้วในตัวของลักษมี เขาจะถนอมความรู้สึกนี้ และร่ายโศลกรักไปตราบนิรันดร์
โศลกรักใต้แสงดาวเป็นเรื่องของนักเขียนสาวผู้อกหักช้ำรักจากเมืองไทย ที่เลือกเดินทางมายังอินเดีย แผ่นดินแห่งความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และการท่องเที่ยวของเธอก็พบกับหนุ่มอินเดียผู้มีที่มาแปลกๆ เขาดูมีอะไรมากกว่าที่บอกว่าเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง และเมื่อต้องใช้ชีวิตไปด้วยกันเพราะความคิดชั่วแล่นของนางเอก สิ่งที่ได้กลับมาคือความรักที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับผู้ชายคนนี้ แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องบ้าที่จะรู้สึกมีใจให้กับชายต่างชาติ ต่างศาสนาและอาจจะต่างกันในเรื่องฐานะอย่างสิ้นเชิง แต่หัวใจก็ไม่อาจห้ามได้
หากเธอก็ได้ค้นพบว่าเขาโกหกเธอไว้มากมายจนไม่อาจทำใจให้พบหน้ากันได้ นางเอกจึงต้องขอกลับไปตายรังเมืองไทย แน่นอนพระเอกผู้ไม่ใช่ผู้ชายหลักลอยที่บอกนางเอกก็ต้องกลับมาตามงอนง้อนางเอก ให้คืนดีกัน ซึ่งมันไม่ลำบากยากเย็นเท่าไร เพราะนางเอกไม่เคยเลิกรักพระเอกได้ แม้จะโดนเขาหลอก แต่เพราะรักที่มากกว่าทุกอย่างจึงผ่านพ้นไป อาจจะมีเรื่องปํญหาครอบครัวพระเอกบ้าง ความริษยาจากตัวร้ายบ้าง หากแต่ความรักของพระเอกที่มีต่อนางเอกก้อช่วยปกป้องทุกอย่าง
สำหรับตัวพ่อราม แอนเดอร์เลี่ยน ฟีน่าน่ะเรียกชื่อนี้เลยค่ะ แต่ละคำพูดของแก ชวนเลี่ยนชะมัด ผู้ชายอารายพูดแต่ละอย่าง พูดได้ไงเนี่ย ไม่เลี่ยนบ้างหรือพ่อคุณเอ๋ย คุณพี่รามแกสอบผ่านเรื่องความรักนางเอกนี้ล่ะค่ะ รักจริงจัง รักแล้วลุย ไม่แอบรัก มีลูกล่อลูกชนให้นางเอกตกหลุมพรางตลอดเวลา หน้าด้าน หน้ามึน พอๆกับไอ้คำเลี่ยนๆของพี่แกเนี่ยล่ะที่ออกมาหน้าตาเฉยๆ คืออันว่าพระเอกนั่นผ่านค่า มีที่ติอยู่นิดหน่อยตรง รวบรัดตัดความ จับตัวตีตราจองนางเอกไปนิด อาศัยลูกชุลมุนนี้ล่ะ ดีนะแกรักของแกแล้ว ไม่งั้นคงจะโดนข้อหาไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ประเภทฟันก่อนแล้วค่อยรัก
ส่วนนางเอกเนี่ยมีแต่คนบอกว่านี้มันคนเขียนหรือเปล่าค่า คือหน้าตาใช่นะคะ แต่นิสัยไม่คือ อย่าหวังว่า แฟนเก่าทำแสบขนาดนี้ฉันจะเอาแต่ร้องไห้ได้มีเอาคืนค่ะ นางเอกของพีทอฟฟี่เขายังเป็นพิมพ์นิยมไม่เสื่อมคลาย น่ารัก น่าทนุถนอมบอบบาง ประมาณหนูบัวบูชานั่นเองค่ะ เธอน่ะเกิดมาเพื่อให้พระเอกปกป้องและล่อหลอกมาก ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ ประเภททันคนแบบพวกเราน่ะให้มีตัวตนในชีวิตจริงไปดีกว่า
นางเอกดีอีตรงตอนพระเอกมาง้อแล้วไม่เล่นตัวนี้ล่ะ ประเภทคุณหลอกฉัน อย่าหวังว่าฉันจะยอมคืนดีง่ายๆ ต้องประชดชีวิตควงแฟนเก่าเย้ย แบบนั้นไม่ไหวจะเคลียร์นะค่า หนูไหมเธอก็เลยเหมาะสมกับดีกับพี่รามแกไป (แม้จะมีอิจฉา ปนเลี่ยนเป็นระยะ)
ฟีน่าไม่ขอพูดว่าชอบหรือไม่ชอบแล้วกันนะคะ เพราะน่าจะรู้กันอยู่สำหรับสมาชิกบล็อกฟีน่าว่าเป็นเช่นไร ฟีน่าขอพูดในแง่อื่นแล้วกันนะคะ ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้พีทอฟฟี่เขียนออกมาด้วยคำว่าศรัทธาในอินเดียมากๆ ประมาณว่าจะเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวของอินเดียอะไรแบบนั้น บางมุมที่เราอาจจะมองว่าอินเดียล้าสมัย เชื่อถืออะไรไร้สาระในสายตาของเรา แต่เรื่องนี้จะเขียนออกมาให้เรามองว่า เพราะอะไรคนอินเดียจึงเชื่อเช่นนั้น และเลือกจะใช้ชีวิตที่คนบางคนมองว่างมงาย
เมื่อคุณมีศรัทธาในสิ่งใดคุณจะรักในสิ่งนั้น ซึ่งก็เป็นจริงค่ะ เรื่องนี้ก็ยังจัดอยู่พวกข้อมูลเป็นตั้งใช้แค่นิดหน่อย ฟีน่าอาจจะโชคดีหน่อยที่เห็นการทำงานของเล่มนี้ตั้งแต่ต้นว่ามีอะไรบ้าง ข้อมูลที่เป็นหนังสือ รวมทั้งข้อมูลที่ไปอินเดียด้วย ก็เลยทำให้ความสมจริงค่อนข้างจะมากหน่อยค่ะ
จากเป็นคนที่ติดตามงานพี่ทอฟฟี่มาทุกเล่ม ฟีน่ามองว่าเล่มนี้ค่อนข้างจะโตขึ้นกว่าทุกเล่ม แต่ก้ออย่างที่บอกอาจจะเพราะรักมากเลยทุ่มเทให้กับพ่อรามสุดๆ ตอนอ่านแรกๆ ก็คิดอยู่ว่าการเล่มเรื่องจะเล่าถึงอินเดียในรูปแบบที่เหมือนหนังสือท่องเที่ยวไปหรือเปล่า เพราะเช่นนั้นมันจะน่าเบื่อมากค่ะ ซึ่งออกมาไม่เป็นเช่นนั้น เป็นการเล่าในมุมมองเหมือนเรารีวิวสถานที่ท่องเที่ยว อย่างขชุราโฮ พาราณสี(ซึ่งที่หลังนี้ พี่ทอฟฟี่ก็ไปมาแล้วพอดี) รวมทั้งประเพณี เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่บางอย่างเราก็ไม่เคยรู้ค่ะ ฟีน่าชอบนิยายสไตล์นี้ค่ะ ไม่ได้ยัดเยียดแต่ค่อยๆใส่เข้ามาให้เราได้เข้าใจ แต่ก็เสียดายเรื่องข้อมูลหลายอย่างที่ไม่อาจใส่ไปได้ เพราะขืนใส่ไปมากจะกลายเป็นสารคดีเสีย อย่างเรื่องผ้าทอของอินเดียค่ะ
จริงๆเรื่องนี้ พี่รามแกเด่นมาตลอด จนกระทั่งเจออลันเข้าไปนี้ล่ะ อาจจะเพราะรามแกเป็นสุภาพบุรุษ จนมีฉากหนึ่งที่สองคนนี้คิดจะจัดการกับตัวร้าย ฉากอลันเล่นซะพี่รามเป็นตัวรองไปเลยค่ะ ประมาณว่าผู้หญิงชอบคนเลวค่ะ อลันเลยโดดเด้งมาก ตัวฟีน่าอาจจะมีอะไรตงิดใจเล็กน้อยก็คือ หนูไหมทำไมรักพี่รามรวดเร็วมาก หรือเพราะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพี่รามกันแน่หรือเปล่าเลยงงๆมึนๆ ตอนแกตีขลุมนางเอกไป สาวเจ้าพอตกเป็นเมียใครแล้วก็ปักใจ ผู้ชายหน้าตาก็ดี รักเราก็ขนาดนั้น แม้จะรู้สึกแปลกๆบ้าง ก็คงจะห้ามใจลำบาก
ในมุมมองอีกอย่างที่ฟีน่าไม่เคยบอกคนเขียน(คือลืมตลอด มานึกตอนเขียนรีวิว) ก็คือ ฟีน่ารู้สึกว่าโศลกรักฯกับกาลครั้งหนึ่งฯ มีพล็อตเบื้องต้นที่คล้ายกันคือ ช้ำรักจากรักแรกจากสมัยเรียน หนีไปเมืองนอก เจอพระเอกที่มีที่มาแบบคลุมเครือ ความรักครั้งใหม่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาอ่านกันจริงๆแล้ว พล็อตเบื้องต้นจะคล้ายกัน หากสิ่งที่ต่างคือการใช้ภาษา การดำเนินเรื่อง ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องมาเฟียกับอะไรนะคะ แต่อย่างที่บอกว่า เรื่องนี้ค่อนข้างจะสมบูรณ์กว่ากาลครั้งหนึ่งฯ แน่นอนฟีน่าก็ชอบมากกว่า เพราะรามรักนางเอกคนแรก คนเดียว ไม่มีเงาของใครในใจของเขา
ฟีน่าอาจจะเม้นท์อะไรมากไม่ได้เพราะตัวเองอ่านแต่เวอร์ชั่นก่อนพิมพ์เป็นเล่มเลยไม่รู้ว่า ที่เคยเม้นท์ๆกันส่วนตัวไปว่า พี่ทอฟฟี่จะชอบใช้คำที่เห็นบ่อยเป็นมาตรฐานว่าพวงแก้มสีระเรื่อเป็นเช่นไรบ้าง นัยน์ตาสีบรั่นดี ที่เป็นสองคำที่เป็นคำซ้ำในเรื่องนี้ เมื่อเป็นเล่มแล้วจะเป็นเช่นไรบ้าง คำเลี่ยนๆที่เกือบโดนตัดออกอย่าง ผมนับถือศาสนารัก แต่โดนขู่กันไว้ว่า ถ้าไม่ส่งไปจะป่าวร้องว่าใจร้ายและคิดได้ก็ใช่ซะนะคะ ก่อนจะมีคนยืมไปใช้ให้ช้ำใจเล่น ฟีน่าเลยพูดอะไรไม่ค่อยได้มาก
แต่บอกตรงๆว่าตอนแรกที่เห็นคำโปรยปกหลัง ฟีน่าก็งงว่าทำไมเขียนว่ารักแท้ยั่งยืนดั่งพระลักษมีและพระราม มันไม่ใช่นะ เพราะพระแม่ลักษมีท่านเป็นมเหสีขององค์พระนารายณ์จะมาคู่กับพระรามที่มีมเหสีชื่อสีดาได้เช่นไร จนได้คำเฉลยมาว่า มันเป็นสับเซ็ทประมาณว่า อันพระรามนั่นคือหนึ่งในร่างอวตารของพระนารายณ์ พระรามและพระนารายณ์ก็คืออันเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่แปลก ฟีน่าก็เลยเก็ทในทันใด เพราะทางฮินดูมีเรื่องนารายณ์อวตารสิบปาง ซึ่งปางที่อวตารมาเป็นพระรามเป็นปางที่เจ็ดเรียกว่า รามาวตาร และก็มีอีกปางที่ได้ยินกันบ่อย คือปางที่สอง กูรมาวตาร ที่เกี่ยวกับเรื่องการกวนเกษียรสมุทร (อยากแถมให้ครบสิบปางว่ามีอะไรบ้าง แต่กลัวจะกลายเป็นเรื่องนารายณ์อวตารแทนพี่รามค่ะ)
อันว่าปกนั่นสวยถูกใจมากค่ะ เห็นภาพเมืองพาราณสี และมีนกยูงมันเป็นจุดเริ่มต้นของการร้อยรัดสองคนนี้ไว้ จัดว่าสมกับที่รอคอยเลยค่ะ แม้จะรอนานไปนิดเพราะยัยน้องน้ำทำพิษไปก็ตาม หรืออาจจะมีบางอย่างในตัวเนื้อหานิยาย ไม่ได้เหมือนในเวอร์ชั่นออนเวบ แต่เป็นที่เข้าใจกันแล้วว่ามันต้องโดนเอาออกชัวร์คือโคลงของท่านรพินทร์นาถ ฐากูร เพราะด้วยเรื่องของลิขสิทธิ์ค่ะ ซึ่งใครที่สนใจว่าแต่ละบทมีโคลงอะไรบ้าง ก็ตามเข้าไปอ่านในแฟนเพจพี่ทอฟฟี่ได้นะคะ ตอนนี้ก็ยังเล่นเกมส์ชิงรางวัลเล่มสุดท้ายอยู่ค่ะ เล่มนี้พิเศษที่จะมีของจากอินเดียมาให้ด้วยค่ะ
สำหรับโศลกรักฯ เป็นการเปิดให้เราได้เข้าใจอินเดียมากขึ้น ผู้คน ประเพณีว่าไม่ใช่แค่ที่เราได้เคยเห็นจากภาพยนต์บอลลีวูดว่ามีแต่วิ่งข้ามเขา หลบตามต้นไม้ ร้องนาร๊าย นารายณ์กันเท่านั้นนะคะ แต่อินเดียก็มีเสน่ห์อันเหลือเฟือที่รอให้เรารู้จักและค้นพบว่า ดินแดนแห่งความศรัทธาในพระเจ้าอันสูงส่งเป็นเช่นไร ผ่านสายตาของรามไม่ซิงห์และลักษมี