มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง เตี้ยนเสี้ยน
ปราการแก้วโปร่งใสเป็นได้ทั้งที่คุ้มภัยและที่กักขังหากจิ่นมี่ภูติองุ่นผู้ไม่เข้าใจว่าเช่นไรแล้วจะเพียรพยายามสักกี่พันปีก็เป็นได้แค่ภูติผลไม้ปลายแถวตนหนึ่งไม่อาจหาญเป็นเทพเซียนได้เสียที จวบจนเมื่อสวรรค์จะเห็นใจ ส่งนกดำคล้ำที่ช่วยน่าจะนำพาพลังเซียนมาให้เธอได้แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้านกที่เหมือนบาดเจ็บเจียนตายกลับกลายเป็นนกอัคคีผู้แผดเผาตัวเองครั้งนี้ต้องถือว่าผู้น้อยเช่นภูติองุ่นเช่นเธอทำความดีใหญ่หลวงมิเช่นหรือแต่เหตุไฉน เฟิ่งหวงผู้เย่อหยิ่งกลับเห็นเธอเป็นเพียงข้ารับใช้ไม่ใช่ผู้มีบุญคุณ
แท้จริงนอกปราการแก้วกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายล้วนแล้วแต่สนุกสนาน จนจิ่นมี่ไม่หวนอยากกลับคืนสู่ดินแดนบุปผาอีกต่อไปแต่เพราะความบาดหมางอันร้าวลึกระหว่างแดนสวรรค์และแดนบุปผาทำให้โลกที่จิ่นมี่ค้นพบอาจจะปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้และกลับไปเป็นเพียงจิ่นมี่น้อยในที่คุ้มภัยไปจนดับสูญถ้าไม่เพียงเพราะความลับบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจว่าไฉนเลยรูปโฉมที่แท้จริงจึงมีผลสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์ได้เช่นนี้
หากเก็บซ่อนความงามของเธอได้เฟิ่งหวงผู้ไม่เคยรัก อาลัยในสิ่งใดคงยินดีที่จิ่นมี่เป็นเพียงองุ่นน้อยแสนซุกซนในสายตาของเทพทุกองค์หากเมื่อความลับไม่มีจริงผลที่ตามมากลับเกินกว่าที่เฟิ่งหวงจะเข้าใจและยอมรับในความจริงบางประการซึ่งมันอาจเป็นชาติกำเนิดที่ถูกปกปิดของจิ่นมี่ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เฟิ่งหวงชิงชังยิ่งนัก เพราะมันอาจทำให้ปรารถนาเร้นลับในใจที่ก่อกำเนิดและหยั่งรากลึกต้องถูกสะบั้นทิ้งได้
ไม่รู้จักรักก็คงไม่เจ็บปวดเพราะรักแม้จะเป็นบาปหนาที่หักใจได้ยากยิ่งนัก แต่ครั้นจะให้มันทำลายจิ่นมี่ไปเฟิ่งหวงก็ไม่อาจทำได้แต่ถึงแม้ว่ายังมีสิ่งที่น่ายินดีท่ามกลางทุกข์หนักสักเพียงหนึ่งสิ่งที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นดั่งเช่นดีที่ให้รสขมขื่นไปถึงแก่นของใจความเครียดแค้นชิงชังและความถูกต้องก็คือสิ่งหนึ่งที่บอกให้เฟิ่งหวงไม่อาจทำอะไรได้ยกเว้นเพียงปล่อยให้มันเป็นไปตามลิขิตของโชคชะตา
รักคือสิ่งใด ชอบคือสิ่งเหมือนหรือแตกต่าง อารมณ์ซับซ้อนเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จิ่นมี่จะล่วงรู้หากจะมีสิ่งรบกวนจิตใจเพียงน้อยนิดก็คือ เฟิ่งหวงนกอัคคีเจ้าอารมณ์ผู้ไม่เคยอ่อนหวานกับเธอเลยแม้นิดเดียวกลับทำให้บางอย่างในจิตใจหวั่นไหวแม้จะเป็นแค่ระลอกคลื่นเพียงแผ่วเบาก็รบกวนใจยิ่งนักแต่นี้อาจไม่ใช่เพียงชะตากรรมที่ง่ายดายนัก เพราะวิบากกรรมที่ก่อกำเนิดเป็นเธอและเกี่ยวพันถึงผู้คนรอบข้างกำลังจะพลิกผันบ้างอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เธอคาดคิดไว้
หากรักคือสิ่งที่เฟิ่งหวงมีให้แด่จิ่นมี่แล้วสิ่งที่เธอรู้สึกต่อเขาเหล่าคือสิ่งใดกัน แต่มันคงมิใช่รักเช่นเดียวกันไม่ใช่นั้นแล้วสตรีผู้ที่เขามอบทุกอย่างให้จะตอบแทนรักนี้ได้สาสมใจยิ่งนักการทรยศหักหลังที่จะเฟิ่งหวงจะไม่มีวันลืม รักที่เลิกไม่ได้ แค้นที่กัดกินใจจนนกอัคคีเทพสวรรค์เช่นเขากลับถูกแผดเผาด้วยไฟแห่งพิศวาสจนไม่อาจฟื้นคืนได้
เมื่อชีวิตดำรงมาด้วยไร้รักไร้ความรู้สึก เช่นนี้แล้วทำไมกัน เพียงรู้สึกถึงการปราศจากเฟิ่งหวงอีกต่อไปกลับเจ็บร้าวไปถึงทรวงในจนเหมือนชีวิตจะถูกปลิดปลงมันคงเป็นเพียงมนตราหรือคำสาปแช่งที่เฟิ่งหวงมีให้แด่สตรีที่ร้ายกาจเช่นเธอและหนทางเดียวที่จะถอนพิษร้ายนี้ได้ก็คงมีเพียงเฟิ่งหวงเท่านั้นทว่าจากสายตาที่เคยมองด้วยฤทธิ์รักอันระอุอุ่น กลับกลายเป็นไฟแค้นที่ประหัตประหารเธอได้อย่างไม่ลังเลใจฉะนั้นแล้วจิ่นมี่ก็พร้อมจะนำตัวเองเข้าสู่ปรโลกเพียงเพื่อชดใช้ให้กับเฟิ่งหวงเพราะเธอล่วงรู้แล้วว่าทุกอย่างล้วนเป็นความผิดจากเธอทั้งสิ้น
แม้จะเพียรบอกว่าจะไม่เหลือรักไว้ให้แด่จิ่นมี่อีกต่อไปหากสิ่งเดียวที่เฟิ่งหวงไม่อาจพรากมาได้คือชีวิตของจิ่นมี่ หากวิบากกรรมมันคือหนทางแห่งการพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วผู้ใดกันจะยอมถูกเปลวไฟอันเริงร้อนที่เรียกว่ารัก สลายกลายเป็นเถ้าถ่านได้เพื่อรอคอยมธุรสอันหวานล้ำ ที่ไม่ว่าจะถูกขัดขวางด้วยอุปสรรคใดๆก็พลันสลายเป็นเพียงละอองไอ
ตอนแรกคิดว่าจะหยุดอ่านและรีวิวนิยายจีนสักพัก คือกลัวคนอ่านรีวิวจะแบบว่าเบื่อยุทธจักรกันเสียก่อน แถมพี่ไปรฯที่บ้านก็ช้าได้ใจได้โล่ด้วยช่วงนี้ แต่สุดท้ายก็ได้หนังสือมาก่อนจะเบนเข็มไปเข้าหานิยายอื่น ไหนๆ เวียนว่ายในยุทธภพต่ออีกสักนิดก็ได้ อารมณ์เขียนรีวิวจะได้ต่อเนื่องกัน
มธุรสฯ (เรียกสั้นๆแบบนี้นะคะ ชื่อเต็มยาวเกิน) เป็นหนังสือแปลเล่มแรกของสนพ.ห้องสมุด ซึ่งตอนนี้ตลาดนิยายแปลจีนเยอะมากค่ะ ที่เรียกว่าทำเอาฟีน่าใกล้ล้มละลายเต็มทนเพราะความที่ชอบนิยายจีนมากขึ้น ก็ไม่รู้อะไรกับเรื่องนี้เลย (ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว) รู้แค่ว่าแนวเทพๆ เซียนๆ มีภูติองุ่นน้อยกับอัคคีวิหคเท่านั้นเองค่ะ ก็ดีนะคะ ตอนอ่านจะได้ลุ้นๆ สักหน่อย
เรื่องมันก็อย่างที่รู้ว่าแนวเทพเซียน นางเอกผู้กำเนิดมาโดยที่ผู้เป็นมารดาไม่ต้องการให้เธอเป็นในสิ่งที่ควรเป็น และปกปิดตัวตนของเธอไว้ เนื่องจากประสบการณ์ในอดีตทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย ดังนั้นบุตรีที่มีวิบากชีวิตจึงสมควรถูกปกป้องให้อยู่ในที่คุ้มภัย ไร้รัก ไร้ความรู้สึก เมื่อไม่มีอารมณ์ใดๆ ย่อมแข็งแกร่งและก้าวผ่านทุกอุปสรรค แต่ลิขิตฟ้าไม่อาจฝืน เมื่อภูติองุ่นน้อยผู้ซุกซนได้ออกไปจากเกราะแก้วที่ปกป้องเธอ เรียนรู้โลกสวรรค์และผู้คนที่แตกต่างกันไป ได้รู้จักอารมณ์และความรู้สึกมากมาย เพียงแต่เธออาจไม่เข้าใจและแยกเยอะถูกผิดบางประการไม่ได้ เพราะความอ่อนเยาว์ ซ้ำเมื่อตัวตนที่ถูกอำพรางถูกเปิดเผย เรื่องในอดีตที่เป็นเหมือนตราบาปของผู้คนมากมายก็ย้อนมาทำร้ายทุกคน และเมื่อนั้นนางเอกจึงได้เข้าใจว่า แท้จริงการได้รู้จักความรู้สึกที่ตนไม่เคยสัมผัสมันหนักหน่วงเพียงใด และเมื่อความจริงที่ปิดตา ปิดใจมาตลอด เปิดเผยอีก ก็ทำให้เธอรู้ว่าทำสิ่งใดผิดพลาดไป ครั้งนี้เธอจะไม่โทษสิ่งใดเลย ยกเว้นเพียงตัวเองที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้ ขอเพียงแค่ชะตาชีวิตอย่าได้โหดร้ายกับคนที่รักเลย แม้จะแหลกสลายเป็นเถ้าถ่านหรือเป็นเพียงแค่หยดน้ำก็ขอให้คนที่เธอรักปลอดภัยก็พอแล้ว
เรื่องย่อข้างบนชวนให้หวั่นใจใช่ไหมคะว่ามันต้องจบเศร้า ระทมใจ น้ำตาเป็นสายเลือดอะไรทำนองนั้น ขอบอกก่อนว่านิยายจบดีแฮปปี้แน่นอนค่ะอย่าหวั่นใจไป เพราะถ้าโศกาเช่นนั้น ฟีน่าก็ไม่อ่านแน่นอนนะคะ ยังไงก็ชอบนิยายสุขนิยมอยู่นะคะ จะว่าไปความดรามาของเรื่องนี้ก็พอมีอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงกับอยู่ในขั้น กินดีแทนข้าวปลาอาหารนะคะ เล่มแรกน่ะ ติดจะเป็นนิยายแนวนางเอกโก๊ะๆ จอมกวน ภูติน้อยจอมแสบก็ว่าได้เลย ป่วนเขาไปทั่ว เล่มสองถึงจะเกิดภาวะดรามามากขึ้นค่ะ
สงสัยมานานแล้วว่าทำมาย ทำไม นิยายจีนเนี่ย นิยมเหลือเกินกับพล็อตชายสอง หญิงหนึ่ง ต้องมีคนหนึ่งพ่ายแพ้บาดเจ็บในรักนี้ไป เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน แต่ว่าฟีน่าน่ะยังไงก็เชียร์บุรุษปากร้าย เย็นชาเช่นเฟิ่งหวงตั้งแต่ต้นเรื่อง ดังนั้นพระรองที่แสนดีก็เลยไม่อาจมาแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้ จัดไว้ว่าเป็นชายที่แสนดี(หรือเปล่า)ที่อกหัก ไปนะคะ
จริงๆแล้วสองชาย หรือจะสามชายที่มาติดอกติดใจในตัวนางเอก ก็มีดีตรงที่รักนางเอก แต่เป็นความรักที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฟิ่งหวง เป็นบุรุษเจ้าอารมณ์ อีกหนึ่งเป็นบุรุษที่เยือกเย็น สุภาพบุรุษ และอีกหนึ่ง(หรือเปล่า) เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งดูผิวเผินว่าพระเอกกับพระรองจะเป็นคนที่รักนางเอกแบบจริงจังมาก และเสียสละเพื่อนางเอกที่สุด แม้จะมารู้ความจริงบางอย่างไป แต่ก็ถือว่าจัดเป็นพระเอก พระรองในขนบนิยายจีนกันเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าพระเอกมาวินไป ทั้งนิสัยที่เรียกว่าถ้าอยากได้ก็ต้องได้ ไม่สนใจว่าเป็นเช่นไร แม้บางฉากจะมีหมั่นไส้พระเอกบ้าง สงสารพระเอกบ้าง แต่จะบอกว่าถ้าให้รู้สึกว่าชอบพระเอกจริงๆ กลับไม่ใช่ช่วงแรกๆ แต่จะท้ายเรื่องแล้วค่ะ เป็นช่วงที่จี๊ดใจที่สุด อารมณ์ทั้งรักและแค้นปะปนกันไปเนี่ยล่ะ โดนที่สุดล่ะ ก่อนหน้านั้น ออกจะสงสารพระเอกนิดๆด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่รักแต่อุปสรรคมากมายเหลือเกิน กว่าจะได้หวานชื่นเนี่ย ก็ต้องผ่านด่านหิน ด่านโหดกันมาเลือดตาแทบกระเด็น
สำหรับนางเอก พูดเลยว่าช่วงแรกมีอาการขัดใจในความรู้สึกไม่รู้ ไม่เข้าใจของนางเอกมากๆค่ะ คือนางเอกไม่ได้โง่ ซื่อบื้อหรืออะไรนะคะ แต่เธอไม่รู้จริงๆว่า ความรู้สึกทั้งหมดคืออะไร ถ้าฝ่ายผู้ชายมารุมรักเธอ แต่เธอกลับไม่สึกใดๆเลย แต่ยกเว้นกับพระเอกที่เธอน่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาเช่นกัน หากหวงแหนคนนี้ แต่เธอกลับจัดการกับมันไม่ได้เพราะบางอย่างที่ซ่อนเร้นอารมณ์ทั้งหมดของเธอ จะได้เห็นนางเอกแสดงอารมณ์แบบคนปกติก็เข้าเล่มสองเลยค่ะ งานนี้นางเอกจะเล่นบทโศกาอาดูรแบบที่เรียกว่าต่างจากเล่มแรกที่เป็นภูติน้อยตัวแสบกันเลยทีเดียว และอีกเช่นกัน มันก็เป็นช่วงที่รู้สึกว่านางเอกมีความเป็นคน แม้จะเป็นภูติก็ตามที มีความรู้สึกล่ะ ก็จะเริ่มเห็นใจทั้งเธอและพระเอกแล้วล่ะ
ตามสไตล์นิยายจีน ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ค่ะ ยังคงใช้ได้เสมอๆ ขนาดเรื่องราวเกิดขึ้นบนสวรรค์ที่เหล่าเซียนน่าจะตัดอารมณ์ที่เรียกว่า รัก โลภ ริษยา อาฆาตได้ แต่แท้จริงเซียนทั้งหลายก็ไม่ต่างจากมนุษย์เดินดินที่ล้วนมีแต่กิเลสเต็มร่างกายและจิตใจไปหมดสิ้น และนั่นเองเป็นสิ่งที่แม่นางเอกรู้แจ้ง จึงไม่อยากให้นางเอกมีสิ่งเหล่านั้น จนฝืนธรรมชาติ ซึ่งมันไม่ได้มาจากแค่ตัวนางเอก หากคนรอบข้างที่ยังไม่ตัดในอารมณ์เหล่านี้ ต่อให้นางเอกไร้รู้สึกคนเดียวก็เปล่าประโยชน์
คำถามสำคัญ ความสนุกล่ะเป็นไง จากคำนำสนพ.ที่บอกกล่าวถึงอีกเรื่องหนึ่งไว้ว่า ถูกกล่าวขานคู่กันส ในความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ เพราะอ่านเรื่องนั้นแล้วเช่นกัน ทั้งสองเรื่องใช้ภูมิหลังของเรื่องเป็นสรวงสวรรค์ด้วยกัน นางเอกเต็มไปด้วยปริศนาว่าเธอคือใคร ความลับทั้งปวงจึงค่อยเปิดเผย ฟีน่าอาจจะจำรายละเอียดอีกเรื่องไม่ได้แม่นยำนักเพราะอ่านไปนานแล้ว แต่ตรงไปตรงมา เล่มนั้น จะจี๊ดใจกว่าค่ะ ดรามากว่าและให้อารมณ์ได้ลึกซึ้งกว่ามธุรสฯ แล้วทำไมจึงคิดแบบนั้น ประการหนึ่งและเป็นตัวสำคัญก็คือว่า การเฉลยปมของเรื่องนี้ เฉลยได้ง่ายไปสักนิดค่ะ เข้าใจว่าถึงเวลาต้องเฉลยแล้วเพื่อนำไปสู่การดำเนินเรื่องต่อไป แต่ว่าลุ้นกันตัวโก่ง ไฉนตอนเปิดเผยมาในรูปแบบที่ง่ายๆ มาก บอกเล่าเก้าสิบกันประมาณนี้ ที่ลุ้นมาทั้งหมด เรียบร้อยตรงแค่นี้ เหมือนกับตอนเฉลยความจริงว่า อะไรและใครคือคนบงการเรื่องทั้งหมดจนเป็นโศกนาฏกรรมรักสามเส้า ก็มากันแบบว่า อะไรกันเนี่ย เกิดเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงกันเมื่อสักครู่นี้หรือ ลุ้นมาตั้งเยอะ อาจจะเพราะว่าเราคาดว่าจะเฉลยเรื่องได้โศกาน้ำตาคลอกว่านี้สักนิดหนึ่งค่ะ ก็เลยตั้งความหวังไว้สูงสักนิด
แต่ทั้งเรื่องเป็นเช่นไร ต้องยอมรับประการหนึ่งว่า นิยายจีน จะมีพล็อตที่ซับซ้อน มีลูกเล่นเยอะ การซ่อนนัยอะไรไว้ค่อนข้างทำได้น่าสนใจ อย่างตอนจะจบเนี่ย ฟีน่าชอบที่นางเอกซ่อนเร้นเป็นสิ่งเพื่ออยู่กับพระเอกมาตลอด คือมันตอบโจทย์มาตลอดว่านางเอกเป็นเทพตนใด นี้คือสถานะที่ถูกต้องที่เธอควรเป็น ถูกใจกว่าการเฉลยว่านางเอกคือลูกเต้าเหล่าใครอีกค่ะ ดูแปลกและน่าสนใจมาก เรื่องอาจจะไม่หวานมาก หนักไปทางดรามานิดๆ ตามประสานิยายจีน แต่ว่าเกือบท้ายเรื่อง ในช่วงปวดใจ จะเป็นช่วงที่ทำให้เห็นว่าความรักของพระเอกนางเอกเป็นเช่นไร จากที่นางเอกไม่เดือดร้อนกับความรู้สึกว่ารัก ก็ต้องฝ่ายเจ็บปวดกับมันบ้าง หวานชื่นรื่นอารมณ์กันจริงๆ ก็ท้ายเล่มนั่นเองค่ะ ค่อนข้างน่ารักและรู้สึกอบอุ่นใจดีค่ะ การพิสูจน์รักของพระเอก นางเอกว่ารักมากแค่ไหนก็ดูสมกับเป็นคนคู่นี้จริงๆ เรียกว่าตอนท้ายเรื่องเป็นส่วนที่ชอบที่สุด
และจากคำนำอีกเช่นกันที่ได้ออกตัวถึงสำนวนการแปลนิยายจีนไว้ว่าเป็นเช่นไร สำหรับฟีน่าที่เป็นคนซึ่งค่อนข้างเรื่องมากกับการนิยายจีน ถึงแม้ว่าจะอ่านจีนไม่ออกเลย แต่ชื่นชอบอารมณ์สำนวนแปลที่จีนจัดๆ หรือไม่ถึงขนาดกับจีนจ๋า ก็อ่านได้ ขอแค่อย่าสมัยนิยมเกินไปก็พอ ซึ่งก่อนจะอ่านเล่มจริง มีคนเคยเกริ่นๆ ให้ฟีน่าฟังว่าสำนวนจะแปลกๆ ไปจากที่เคยอ่านมาหลายสนพ.นะ เราก็กลัวใจตัวเองมากว่าความเรื่องมากจะส่งผลต่อการอ่าน ตอนเปิดครั้งแรกบอกเลยว่ากังวลใจกับนิสัยตัวเอง แต่พอได้อ่านจริงๆ ก็ต้องบอกว่า สำนวนการใช้คำของแต่ละสนพ. มันก็มีเอกลักษณ์ส่วนตัว อาจจะไม่ถึงกับจีนจ๋า แบบที่สนพ.บอกว่าไม่อยากให้คนไม่เคยอ่านนิยายจีนใบ้กิน ฟีน่าเตรียมใจมาล่วงหน้าล่ะ ก็เลยพอรับได้หลากหลายคำ เช่นภูติแครอท แม้จะขัดใจเอาการ แต่ยกเว้นคำหนึ่งนะคะ ยังไงก็ติดใจจนจบเล่ม ท่านขำก๊าก เป็นชื่อที่อ่านทีไรจะรู้สึกว่าผิดที่ผิดทาง นี้ฉันอ่านนิยายจีนนะ ขำก๊ากอะไรกัน คือถ้าไม่มีชื่อนี้โผล่มาก็จะอ่านไปเรื่อยๆ แต่พอมาทีไร วงแตก ต้องคิดตลอดว่า นิยายจีนๆ ซ้ำร้าย แกมีบทบาทเยอะด้วย เวลาท่านขบขันมา ก็อ่านข้ามๆไปเลยก็มีเพราะทำใจกับคำนี้ไม่ค่อยได้เลยค่ะ แต่ส่วนสำนวนอื่นๆ คิดเสียว่าเป็นแนวทางการทำงานของแต่ละสนพ. แม้จะชอบแนวจีนจ๋าก็ตาม
แต่อีกอย่างที่อยากบ่นสักหน่อย คือหนังสือมีสองเล่ม เล่มแรกไม่ค่อยมีปัญหานะคะ แต่เล่มสองนี้ออกแววกันเลย หน้าจางบ้าง เข้มบ้าง สลับหน้ากันไป แต่ยังพออ่านได้ หรือไม่ก็ตัวหนังสือหายเป็นคำๆ ยังดีที่หายไปพอเดาได้ ก็อ่านจนจบ หรือบางหน้า เป็นคราบสีน้ำเงินเหมือนรอยหมึกอะไรสักอย่าง พาดกลางหน้าเลย ดีนะเป็นรอยจางๆ ไม่ชัดมากไม่งั้นคงอ่านไม่ได้ เป็นอะไรที่ขัดใจสักหน่อยนะคะ ที่เจอแบบนี้เข้าไปในเล่มสอง แต่เล่มหนึ่งไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร
ภาพการ์ตูนแทรกในเล่ม อันนี้ฟีน่าบอกแล้วว่าเป็นคนเรื่องมาก คือพอเห็นภาพการ์ตูนปุ๊บ อารมณ์อ่านนิยายซึ่งเป็นนิยายที่เรื่องมันดรามานิดๆ กลายเป็นเรื่องเด็กในทันทีเลย คือถ้าในเล่มหนึ่งก็พอเข้าใจเพราะนางเอกยังเป็นยัยตัวป่วนอยู่ แต่พอมาเล่มสอง มันดูแปลกๆ คือจริงๆ ฟีน่าก็ไม่คุ้นกับการมีรูปการ์ตูนมาแทรกในนิยายอยู่แล้วนะคะ ไม่คุ้นเอาเสียเลย
บ่นเสร็จล่ะ ก็มาสรุปกันว่าเป็นไงอีกที จิ่นมีเจ้าภูติองุ่นน้อยจอมแสบเป็นนิยายที่อ่านแล้วสนุกดีในระดับหนึ่งนะคะ แต่ยังไม่ถึงกับกรี๊ดสลบ ต้องได้เฟิ่งหวงมาเป็นสามีอะไรทำนองนั้น ด้วยเนื้อหาเล่มแรกมันแนวเบาสมองไปสำหรับฟีน่าทำให้เรื่องไม่จี๊ดใจสุดๆค่ะ แต่อ่านได้สนุกดี เพราะอยากรู้ว่าสรุปแล้วอะไรคือเหตุทั้งหมดที่ก่อให้เกิดผลเช่นนั้น ผลที่นางเอกเข้าใจว่าทำไมควรไร้รัก ไร้ความรู้สึก เพราะเมื่อปราศจากมัน ก็ทำให้เธอเข้มแข็งและผ่านทุกอย่างได้ แต่เมื่อลิ้มรสทั้งหวานและขมในคราเดียวกัน ก็ต้องฝ่าฝันอุปสรรคเล่านั้นไปให้ได้ แม้อาจจะต้องแหลกสลายเพราะรักก็คุ้มค่า นิยายจีนสนุกก็ตรงนี้ค่ะ คือต้องลุ้นการดำเนินเรื่องว่าจะเป็นแบบไหนจนกว่าจะจบเรื่องราว เดาแทบไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ เหมือนเรื่องนี้ที่เดาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำให้การอ่านมีสีสันในระดับที่น่าพอใจเรื่องหนึ่งเลยค่ะ