หนาวหวาน มาภา
เมื่อหัวใจใฝ่หารักแท้และเผลอไปรับคำท้าทายของเพื่อนรักเข้าชานนท์จึงยอมบินลัดฟ้าสู่ประเทศอังกฤษเพื่อค้นหาผู้หญิงที่จะรักเขาเพียงเพระเขาคือผู้ชายธรรมดาที่ชื่อไม่ใช่ทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน และเพียงวันแรกที่เขาเดินทางสู่ที่หมายมันก็เหมือนวันที่นำบางอย่างที่จะเรียกว่าความรักด้วยตั๋วโดยสารรถไฟและน้ำใจจากผู้หญิงไทยแปลกหน้าคนหนึ่งทำให้ชานนท์ตัดสินใจทำในสิ่งที่เรียกว่าพรหมลิขิต
เพราะอดีตสอนให้ศิโรธรไม่ไว้วางใจใครง่ายๆยิ่งพนักงานใหม่ของร้านอาหารไทยที่เธอทำงานอยู่ด้วยทำดีแบบไม่มีเหตุผลเช่นนี้ คนอื่นอาจจะชื่นชมแต่ไม่ใช่กับเธอ มันต้องมีอะไรที่ชานนท์คาดหวัง หากยิ่งค้นลึกลงไปเท่าใดศิโรธรก็ยิ่งไม่พบว่าผู้ชายเช่นชานนท์มุ่งหวังต่อตัวเธอเหมือนดั่งที่ผู้ชายคนอื่นคิดจะทำ
เพราะที่ผ่านมาชานนท์ไม่รู้จักคำว่าความรักไม่ว่าจะจริงจังหรือฉาบฉวย ชีวิตของทายาทเศรษฐีเช่นเขาทุกลมหายใจเข้าออกก็คืองานเท่านั้นแล้วความรู้สึกที่มีต่อศิโรธรจะเรียกว่ารักหรือเปล่า ชานนท์ก็ไม่อาจตอบได้แต่ว่าเขาปรารถนาที่จะปกป้องเธอคอยยืนอยู่เคียงข้างเธอในวันที่เธออ่อนแอเป็นที่สุดฝ่าฝันทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แม้ว่าทุกอย่างมันจะจบลงง่ายๆด้วยคำว่าเงินตราที่มากล้นของเขาก็ตามทีหากชานนท์รู้ดีว่าสำหรับศิโรธรเงินไม่ใช่ทุกคำตอบหากแต่คือกำลังใจที่เขามีให้ต่างหาก สำคัญกว่าสิ่งใด
ทุกอย่างที่เกิดจากผู้ชายที่บอกว่าไม่ได้จีบเธอแต่ต้องการยืนตรงนี้ก็เพื่อเธอ มันทำให้ศิโรธรอบอุ่นไปจนถึงหัวใจ แต่ความฝันมันต่างจากความจริงเมื่อชานนท์ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาๆ อย่างที่เธอเข้าใจหากเขาคือทายาทของเศรษฐีที่เธอควรดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าเธอกลับเกลียดชังสิ่งเหล่านี้เหลือเกินเพราะเธอเองก็ถูกสังคมดูถูกเหยียดหยามทั้งๆที่ศิโรธรเองก็พ่วงท้ายมาด้วยนามสกุลที่บ่งบอกความยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าชานนท์เลยสักนิด
เพราะนี้คือความรักที่แท้จริงและสิ่งที่ชานนท์ควรมีให้กับคนที่เขารักก็คือความจริงใจเขาไม่สนใจว่าการพนันขันต่อสนุกๆ มันจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของเขาเพราะชานนท์ไม่ได้เสียดายในสิ่งที่เขาต้องเสียไป หากมันได้ศิโรธรมา แต่ความรักเท่ากลางสายลมหนาวไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เขาและเธอต้องการเมื่อความเจ็บปวดและความไม่จริงบางอย่างของศิโรธรอาจทำลายความสัมพันธ์ครั้งนี้ลงได้
ตลอดเวลาที่ศิโรธรเติบโตมาพร้อมกับความผิดพลาดที่เธอต้องการหลีกหนีไปให้พ้นมันทำให้เธอหวาดกลัวที่จะรักใครสักคนแต่ชานนท์และความรักของเขาเปลี่ยนเธอให้คนใหม่มันสอนให้เธอเชื่อมั่นในความรู้สึกที่มียอมรับในความเป็นศิโรธรที่เธอวิ่งหนีตลอดชีวิตความหนาวเหน็บที่เธอต้องเผชิญมาตลอดเวลาสิ้นสุดลงแล้วจากนี้จะมีแต่ความหวานเข้ามาแทนที่
ดีใจจังเลยที่มีรีวิวสนพ.ใหม่ๆ กันบ้าง ไปได้นิยายใหม่ล่าสุดจากร้านหนังสือที่เพิ่งออกมา ต้องรีบรีวิวก่อนคนเบื่อฟีน่าไปเสียก่อนนะคะ หนาวหวานเนี่ย ตอนแรกที่สนใจเพราะชื่อนิยายแปลกดีและมีคนบอกว่าค่อนข้างน่ารัก อบอุ่น ส่วนตัวอ่านคำโปรยด้านหลังแล้วก็รู้สึกว่า น่าสนใจอยู่นะคะ แม้ว่าพล็อตมันจะเป็นมุกสุดคลาสสิคกันเลยทีเดียว เป็นมุกที่เล่นได้ไม่รู้จักเบื่อกันเลย
ที่บอกว่ามุกอมตะก็คือว่า พระเอกผู้เป็นทายาทเศรษฐีหมื่นล้านต้องการตามหารักแท้ แถมไปพนันขันต่อกับเพื่อนรักไว้ว่าจะต้องหาคนรักจริงๆ ที่รักเพราะเป็นเขา ไม่ใช่รูปทองที่ฉาบไว้ด้านนอก แต่ไอ้ครั้นจะตามหารักแท้ในเมืองไทยก็ดูจะไม่ง่ายนัก เมื่อเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายโนเนม จึงต้องลัดฟ้าไปหาสาวคนนั้นถึงอังกฤษ ดินแดนที่เพื่อนรักของเขาบอกว่ามีเหตุผลที่คู่ควรเอาไว้พิสูจน์รักแท้ และเมื่อเขามาถึงอังกฤษอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ในฐานะนักเรียนธรรมดาๆที่มาเรียนภาษาเพิ่มเติมและต้องหางานทำไปด้วย ก็ได้รับน้ำใจจากสาวไทยแปลกหน้าคนหนึ่ง และบทสนทนาที่ไม่ได้ตั้งใจของพวกเธอก็เหมือนพรหมลิขิตที่ให้เขาทำในสิ่งที่บ้าบิ่นที่สุด
พระเอกเลือกจะไปสมัครงานในร้านอาหารไทยที่สาวไทยคนนั้นทำงานอยู่ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ต่างกับครั้งนั้น เธอจะไม่ได้มองเขาอย่างเป็นมิตร เพราะรู้สึกถึงลับลมคมในของพระเอกบ้างประการ และเรื่องในอดีตของเธอก็ทำให้เธอตั้งกำแพงความสัมพันธ์เอาไว้สูงลิบ แต่เพราะความจริงใจและความดีของพระเอกก็ทำให้ความรู้สึกดีๆ รับรู้ไปถึงใจเธอได้ จนมันพัฒนาเป็นความรักอย่างไม่ทันตั้งตัว หากพระเอกกลับมีความลับที่คับอก หากที่สุดแล้วเขาก็พร้อมจะยอมรับกับเธอว่าเขาไม่ได้เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นใคร และมันก็เกือบทำให้นางเอกอยากจะถอยจากเขา แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว ซึ่งนี้เป็นเพียงแค่บททดสอบแรกระหว่างกันและกัน เพราะยังมีปมในใจของนางเอกอีกมากที่ต้องได้รับการคลี่คลาย และทำให้เธอยอมรับตัวตนที่เป็นเธอนับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมา
เป็นการประเดิมของใหม่ที่ได้ผลดีในระดับหนึ่งค่ะ ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนักกับเรื่องนี้ แม้จะเป็นนิยายออนไลน์มาก่อน แต่นิสัยของฟีน่าคือไม่ชอบอ่านนิยายออนไลน์เลย ไม่ค่อยได้ตามข่าวสารสักเท่าไร อ่านคำโปรยว่าโดน คนพูดว่าน่ารัก ก็ต้องอ่านสักหน่อย ซึ่งถามว่าน่ารักไหม ตอบเลยว่าใช่ค่ะ เป็นนิยายสไตล์อบอุ่นสวนทางกับลมหนาว แต่ไม่ยักกะมีสายฝนเท่าไร แม้จะอยู่ในเกาะอังกฤษ ปกติพูดถึงอังกฤษสิ่งแรกที่คิดถึงคือสายฝน ฟีน่าก็ไม่เคยไปอังกฤษหรอกนะคะ ก็เลยไม่รู้ว่าช่วงปลายปีมันจะมีฝนตกหรือเปล่า แต่นั่นล่ะ พอไม่ค่อยมีฝน มันก็เลยไม่ค่อยคิดถึงว่ามันคืออังกฤษสักเท่าไร ฟีน่าติดที่จะรู้สึก(ไปเองว่า) เวลาพูดถึงอังกฤษ ต้องนึกถึงภาพ ร่ม เสื้อโค้ทกันฝนและสายฝนที่มากันเป็นประจำ บ่นเรื่องอากาศกันเลยนะเรา เกี่ยวกับนิยายไหมเนี่ย ไม่ค่อยเกี่ยวแต่ขอหน่อยแล้วกันนะคะ
กลับมาประเด็นที่ว่านิยายเรื่องนี้เป็นแนวที่หลายคนชอบเรียกว่านิยายสีขาวก็แล้วกันนะคะ ตัวละครที่ทำให้เรื่องมันอบอุ่นท่ามหลางความหนาวก็คือตัวพระเอกค่ะ เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่แม้ว่าจะเป็นเศรษฐีแต่ไม่ขาดแคลนความรัก จนบางครั้งเขาแหมือนลูกแหง่ของพ่อแม่ ในบางฉากที่รู้สึกว่าเขายังต้องรายงานหลายๆเรื่องให้พ่อกับแม่ฟัง หรือแม้แต่การที่เขามีคล้ายๆกับพี่เลี้ยงประจำตัวกลายๆ ที่คอยช่วยคิด ช่วยวิเคราะห์บางอย่าง มันก็เลยให้อารมณ์ประหนึ่งว่าพระเอกเป็นคุณชายน้อยของบ้านที่ต้องดูแลปกป้องเป็นอย่างดี สวนทางกับการบอกว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มที่มีความสามารถ เป็นถึงMD ของบริษัท
ซึ่งสิ่งที่มันทำให้พระเอกยังดูไม่โดดเด่น หรือเขี้ยวลากดินในวงธุรกิจในความรู้สึกของฟีน่าก็คือการใช้ชีวิตของพระเอกในฐานะเด็กทำงานพิเศษในร้านอาหารไทย บทสนทนาหรือคำพูดต่างๆ มันชวนให้คิดว่าพระเอกเป็นนักศึกษาหนุ่มอายุเกือบยี่สิบหรือยี่สิบต้นๆ แต่ถึงแม้ว่าในเรื่องพระเอกจะอายุยี่สิบหกแล้วก็ตามที แต่บางทีก็ให้อารมณ์ว่าเขาเด็กมากกว่าอายุที่บอกเสียอีกนะคะ หรือว่าเราไม่คุ้นกับพระเอกที่มุมแบบเด็กหนุ่มอยู่ค่อนข้างเยอะก็ไม่รู้นะคะ แต่มันก็มีมุมดีอยู่ตรงที่ว่า พระเอกไม่ใช่คนแข็งกร้าว มีความคิดแบบต่อต้านโลก เขาจะมองโลกแบบด้านบวกอยู่เสมอ จนข้อดีด้านนุ่มนวลของเขาสลายทิฐิในใจนางเอกได้ง่ายดายกว่าที่คนอื่นพยายามจะชี้ให้นางเอกลด ละ เลิกเรื่องนั้นลงได้ จะมีก็พระเอกนี้ล่ะที่นางเอกฟังเขาบ้าง
และจุดดีของพระเอกเล่มนี้ก็คือ เขาเป็นคนที่แม้ว่าจะไม่รู้ว่ารักแท้ หน้าตาเป็นอย่างไร รู้สึกเช่นไร แต่เมื่อเขารุ้สึกพิเศษกับนางเอก เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำและพูดออกไป มีหลายๆ ฉากที่รับรู้ได้ว่าพระเอกเป็นคนละเอียดอ่อนข้างมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกคุกเข่าลงผูกเชือกรองเท้าให้กับนางเอกถึงสองครั้ง แม้จะต่างวาระ ต่างเวลากันแค่ไหน ซึ่งเราก็รับรู้ได้ว่าพระเอกเป็นคนอ่อนโยนต่อนางเอกมากแค่ไหนค่ะ
แล้วนางเอกล่ะ ถ้าพระเอกเป็นความอบอุ่น เธอในบางครั้งก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวร้อนดั่งไฟ แต่ในบางเวลาก็เศร้าสร้อยจนหนาวเหน็บ แต่หากอ่านไปจะเข้าใจว่านางเอกทำไมเป็นคนเช่นนั้น จะรู้สึกว่าสงสารนางเอกอยู่บ้างนะคะ ดีตรงที่นางเอกไม่รันทดแบบนิยายน้ำเน่าสุดขั้ว พี่น้องชิงชังกันเองอะไรประมาณนั้น แต่ปมในใจของนางเอกก็เลยทำให้เธอเข้มแข็งจนบางครั้งแข็งกระด้างเกินไป จะมาสลายลงได้ก็เพราะได้ความรักจากพระเอกนี้ล่ะ
ดูเหมือนนางเอกจะไม่น่ารักเอาสักเท่าไรนะคะ ช่วงแรกๆ ฟีน่าก็ไม่ได้ชอบนางเอกมากนัก แต่พอรู้ว่าเธอเจออะไรมาบ้างก็เลยมีข้อแก้ต้วให้เธอ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกชอบนางเอกจริงจังก็คือเมื่อรู้ความจริงว่าพระเอกคือใคร ไม่ใช่คนที่โกหกตลอด เธอไม่โวยวาย ด่าทอ งอนงี่เง่า แต่มีสติคิดว่าจริงหรือที่เขาเป็น แม้จะรู้สึกอึดอัดใจไปบ้าง แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อทั้งสองตกลงเป็นแฟนกัน เธอเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขานัก หากเพียงเธอจะยอมรับมัน
หรืออีกข้อดีที่น่าประทับใจในตัวนางเอกก็คือ เธอเป็นคนหนักแน่น และเชื่อในความรู้สึกของตัวเองดีเกินกว่าจะเชื่อถ้อยคำของคนอื่นที่สวนทางกับกระทำของพระเอก เพราะถ้าเป็นบางเรื่องความจริงที่ยิ่งกว่ารู้ว่าพระเอกเป็นใครก็คือพระเอกมาถึงอังกฤษเพราะพนันกับเพื่อนเพื่อหารักแท้ งานนี้ได้มีหนีหน้าพระเอก หรือไม่ก็ต้องเกลียดพระเอกสุดๆ แม้เธอจะต้องไปคิดทบทวนสักหน่อยก็ตามที หากแต่มันก็ช่วยปิดประเด็นงี่เง่าของนางเอกที่ต้องเชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าพระเอก
แล้วฉากโดนใจฝ่ายหญิงล่ะมีไหม บอกได้เลยว่าคือฉากการเสียสละของเธอที่มีให้พระเอก ไม่หวั่นไหวแม้แต่ความโหดร้ายของธรรมชาติ เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกเลยว่านางเอกรักพระเอกมากแค่ไหน ถ้าไม่รักเธอคงไม่บากบั่นขนาดนั้นเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนอ่านบอกได้เลยว่าไม่ได้รู้สึกสะดุดใจอะไร แม้ว่าสำนวนอาจจะไม่ได้เร้าใจมาก หนักไปทางเล่าเรื่องได้เรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดพีคของเรื่องเท่าไร ขายความอบอุ่นของเนื้อเรื่องมากกว่าความหวือหวาของนิยาย จนมานั่งเขียนรีวิว ทบทวนความจำของตัวเอง ก็เลยรู้สึกสะกิดใจเล็กๆค่ะ ประเด็นแรกพูดไปแล้วเรื่องอังกฤษไม่มีเมฆฝนนี้ล่ะ แต่ฟีน่าก็ลองถามพี่ๆ ที่เป็นนักเรียนอังกฤษมา เขาก็บอกว่ามันก็แล้วแต่ชะตากรรมล่ะนะ สภาพอากาศปีนั้นเป็นอย่างไร แต่ปลายปีก็ยังมีฝนอยู่ แต่พอเข้าช่วงเดือนธันวาคมก็อาจจะไม่มี (รู้สึกบ้าบอและจริงจังเกินไปแล้วล่ะเรา)
ประการต่อมาที่มาคิดได้ตอนอ่านผลบอลพรีเมียร์ลีก ที่ทีมรักของอิฉันยังคงต้องอาศัยปี๊บหนีอายกันต่อไป ก็คือประโยคที่แม่พระเอกล้อเลียนพระเอกว่า เด็กจบอเมริกาไม่รู้จักบ็อกซิ่งเดย์ มันก็ปกตินะคะ ถ้าไม่มาสะกิดใจว่า พระเอกบอกว่าตัวเองเป็นแฟนปืนใหญ่ อาร์เซนอลแท้ๆ หลายคนจะงงว่าฟีน่าสงสัยอะไรก็คือว่า วันบ็อกซิ่งเดย์คือวันเปิดกล่องของขวัญที่จะต่อจากวันคริสมาสต์ ก็คือวันที่ 26 แฟนบอลพรีเมียร์ลีกแบบฟีน่าเองต้องรู้จักค่ะ เพราะลีกอังกฤษมีความประหลาดตรงที่มันเตะบอลกันบ้าดีเดือดมาก วันบ็อกซิ่งเดย์ควรจะได้นอนพัก นักเตะอยู่กับลูกเมีย แต่บอลอังกฤษกลับเตะในวันนี้ค่ะ จึงเป็นเรื่องปกติมากสำหรับแฟนบอลคนไทยแบบเราๆที่ต้องได้ดูในวันบ็อกซิ่งเดย์ เวลาดูบอลหรือฟังบอลอะไร ก็ต้องบอกว่านี้นัดวันเปิดกล่องของขวัญหรือนัดบ็อกซิ่งเดย์ ดังนั้นถ้าพระเอกบอกว่าเป็นแฟนปืนใหญ่ น่าจะต้องรู้จักวันบ็อกซิ่งเดย์ค่ะ หรือฟีน่าคิดมากไปเองเนี่ย แต่เผอิญเราก็ดูบอลไงค่ะ เลยรู้สึกว่ามันต้องรู้ซิเรื่องปกติเลยนะเนี่ยสำหรับขาบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งตรงจุดนี้ฟีน่าไม่ทราบว่าคนเขียนต้องการสื่อแค่ว่าเขาไม่รู้จักความหมายของวันนี้ (แต่เราสงสัยตั้งแต่ดูบอลล่ะเลยเปิดหาความหมายของมัน) แต่รู้ว่าคือวันที่ 26 แต่การใช้คำว่า บ็อกซิ่งเดย์คืออะไรหรือครับ สำหรับฟีน่าแปลได้แค่ว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือวันที่เท่าไร และการใช้คำถามแบบนี้ มันยิ่งทำให้พระเอกดูเหมือนเด็กหนุ่มมากกว่าชายหนุ่ม เพราะว่ามันเป็นเรื่องเบสิคมาก เข้าใจว่าทางฝั่งอเมริกาจะให้ความสำคัญกับ แบล็คฟรายเดย์มากกว่า แต่มันรู้สึกว่าพระเอกมีโลกที่ไม่กว้างพอ โลกแคบไปสักนิดกับเรื่องนี้ ดังนั้นประเด็นว่าเขาเป็นแฟนปืนใหญ่นี้ฟีน่าไม่ค่อยเชื่อนะคะ
ต่อจากประโยคถามความหมายของบ็อกซิ่งเดย์อีกเช่นกัน แม่พระเอกเป็นตอบความหมายให้พระเอกฟัง เป็นการใช้คำที่เป็นภาษาทางการที่ท่องจำมามากว่าเป็นภาษาปากที่แม่จะเล่าให้ลูกชายฟัง คือถ้าใช้ภาษาง่ายๆ เข้าใจง่ายกว่าคำทางการคล้ายๆวิกิพีเดียจะดีกว่านะคะ
ความรู้สึกแปลกใจในเรื่องของนายจ้างร้านอาหารไทยของพระเอกที่เรียกหาวีซ่าและพาสปอร์ตจากพระเอก เพื่อมาเป็นหลักฐานในการทำงาน แต่พระเอกกลับบ่ายเบี่ยงมาตลอดเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาใช้นามสกุลอะไร วันแรกฟีน่าก็พอเข้าใจ แต่เจ้านายพระเอกกลับปล่อยให้นานวันจนเข้าเป็นเดือนๆ ถึงได้ถามหา อันนี้รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะการที่รับคนที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวแล้วไปเนียนทำงาน หากถูกจับได้ ร้านก็ซวยไปด้วย ไม่น่าปล่อยนานขนาดนั้น แต่พอดีว่ามันเหตุให้ต้องเป็นแบบนี้ก็เลยเรียกว่าหยวนๆ กันไปก็แล้วกัน ทำให้ความรู้สึกส่วนตัวของฟีน่าเองนะคะ ไม่ค่อยอินกับการใช้ฉากหลังที่เป็นประเทศอังกฤษมากนัก
สำนวน ภาษา จัดไว้ว่าไม่ได้เร้าใจมากหรือว่าติดตราตรึงใจ คงจะขายความน่ารัก อบอุ่นของพระเอกด้วยค่ะ ทำให้เนื้อหาของเรื่องจะมีจุดพีคไหม ก็เกือบจะมีแต่เรายังไม่รู้สึกถึงความสุดของเรื่องแบบว่า นี้ล่ะใช่เลย โดนใจมากๆ คือมันออกแนวว่าอ่านไปได้เรื่อยๆ จนจบ
พระเอกแม้จะมีความอบอุ่น แสนดี แต่เนื้อเรื่องไม่ได้สร้างมาแล้วทำให้รู้สึกว่าพระเอกเป็นนักธุรกิจที่เก่งหรือมีความสามารถมากๆ คำพูดหรือบางประโยคสนทนา รู้สึกว่าพระเอกเป็นเด็กกว่าอายุที่บอก ถ้าเรื่องนี้ให้พระเอกเป็นนักศึกษาปริญญาตรีก็ยังพอคิดว่ามันใช่มากกว่า จบโทมาแล้ว ทำงานเป็นผู้บริหารแล้วด้วย คือมันไม่มีรัศมีความเป็นเจ้านายหรือผู้นำฉายเด่นให้เห็นสักเท่าไร หรือว่าเราเจอแต่มุมที่เขาไม่ได้ทำงานมากนัก มีแต่ฉากที่คอยดูแลและเอาใจใส่นางเอกก็เพียงเท่าไร และก็ทำให้คิดได้อีกเช่นกันว่า พระเอกบอกว่ามาเรียนภาษาเพิ่มเติม แต่กลับไม่มีฉากไปเรียนเลย จริงๆเราก็รู้นั่นล่ะว่าเขาแค่หาข้ออ้างเพื่อมาอังกฤษด้วยวีซ่านักเรียนจึงต้องใช้ข้ออ้างว่ามาเรียนภาษาเพิ่ม แต่มันแปลกที่ว่า แล้ววันๆ หนึ่งพระเอกทำอะไร นางเอกที่มาเรียนยังไปส่งงาน ไปวิทยาลัย แต่พระเอกกลับไม่มี ไม่กลัวว่าคนอื่นจะสงสัยหรือไงว่ามาเรียนแต่ไม่เหมือนคนมาเรียนภาษาเลยสักนิดหนึ่ง ดูว่างตลอดศก
จากนี้ก็เป็นรสนิยมประหลาดของฟีน่าก็คือว่า ฟีน่าไม่ค่อยชอบผู้ชายอายุน้อย ต่ำกว่าสามสิบนี้ค่อนข้างเฉยๆ พระเอกเรื่องนี้แค่ยี่สิบหกก็เลยโดนข้อหานี้ไป ตามด้วยอีกนิสัยที่ประหลาด ฟีน่าจะไม่ชอบให้นางเอกเรียกพระเอกว่า นาย เลยค่ะ แต่เรื่องนี้นางเอกเรียกค่อนข้างนาน เพราะไม่ไว้วางใจและอายุไล่เลี่ยกัน จนคนเรื่องมากแบบเราตงิดใจจนนานพอดู กว่าจะเลิกได้ก็ตอนที่นางเอกมาเรียกชื่อเล่นพระเอกแทนจนจบเรื่อง ฟีน่าก็เลยปลื้มไม่เท่าไรค่ะ
แต่โดยรวมแล้วนะคะ หนาวหวานเป็นนิยายที่ชื่อแปลก แต่มีเอกลักษณ์ทำให้เราจำได้ว่าเรื่องอะไร ของใคร อ่านเอาความน่ารักของพระเอกกันเลยค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่ควรค่ากับการคว้าไว้ทำสามีมาก ตัวเขาเองเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยก็จริง แต่อบอุ่นมากจนเขาเป็นผู้นำครอบครัวที่จะไม่ทำให้ภรรยาผิดหวัง และเขาก็ใช้สิ่งที่ขาดในอดีตที่ตัวเองได้เจอก็คือแม้ว่าจะรู้ดีว่าพ่อกับแม่รักเขามากแค่ไหน แต่งานก็พรากท่านไปจากเขา และเขาก็จะไม่ทำเช่นนั้น แต่เขาจะพยายามบริหารเวลาเพื่อครอบครัวให้สมดุลกว่าที่เขาเคยได้รับ เนื้อเรื่องปราศจากดรามาน้ำตาร่วงเลยค่ะ แม้ว่าจะมีฉากที่เกือบจะพลิกเรื่อง ประเภทตอนที่อ่านเดาว่ามันต้องเข้าใจผิดกัน ต้องหนี ต้องตามหาอะไรแหงๆ แต่ไม่ใช่เลยค่ะ ทุกอย่างราบรื่นจากความคิดที่ดีและผ่านการไตร่ตรองอย่างมีสติของนางเอกค่ะ เรื่องมันเลยไม่เข้าข่ายพล็อตอมตะตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องนะคะ ให้ตัวนางเอกมีเหตุผลมากขึ้น ชอบค่ะ ตรงจุดนี้ และความที่ฟีน่าไม่ได้อ่านออนไลน์ ก็สงสัยนิดๆว่า มันจะมีภาคต่อของเพื่อนพระเอกด้วยไหม ซึ่งน่าอ่านดีนะคะ แพ้พนันต้องไปบวชถึงอินเดีย แถมเจ้าชู้ตัวพ่อขนาดนั้นดันไปหลงรักสาวเจ้าที่อายุน้อยกว่าสิบปี เป็นอะไรที่พ่ายแพ้แนวโคแก่กันไปนะคะ