เจ้าสาวสิบเจ็ด มิลัน
เจ้าสาวสิบเจ็ด มิลัน
ชีวิตของรุ้งรำไพ ถ้าพูดให้ถูกก็ไม่ต่างอะไรจากนางซินฯ ก้นครัว ที่ถูกโขกสับจากญาติที่ไม่เคยนับญาติกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อครอบครัวที่รุ้งรำไพอาศัยใบบุญกำลังจะถึงวาระถังแตกแบบถาวร ภารกิจทำตัวให้เป็นหนูตกถังข้าวสารก็เกิดขึ้น แต่สำหรับเธอ เช่นไรก็คงเป็นได้แค่คนรับใช้ที่ไร้คุณค่าในสายตาของทุกคน
สิงหราชไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าการที่แค่เขาไม่ต้องการแต่งงาน ไม่อยากมีห่วงผูกคอในอายุสามสิบหกมันเดือดร้อนแค่ไหน จนถึงขนาดที่ทำให้คุณย่าของเขาต้องออกโรงวิ่งวุ่นหาหลานสะใภ้ให้เขา ทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวร ซึ่งต่อให้สิงหราชจะรักคุณย่าสักเพียงใด หากคนที่ต้องเลือกก็คือเขา ดังนั้นสิทธิ์ขาดทุกอย่างสิงหราชจะเป็นผู้กำหนด
จากเด็กกำพร้าไร้ค่า ไม่มีความหมาย แต่เพียงแค่สักครั้งที่รุ้งรำไพได้รับการใส่ใจจากสิงหราช ชายผู้ที่สักวันอาจจะก้าวเข้ามาเป็นว่าที่ญาติเขยของเธอ ถ้ารุ้งรำไพจะอาจหาญรู้สึกดีกับเขาก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม ทว่าสิ่งที่รุ้งรำไพไม่เคยคาดคิดก็คือเจ้าสาวที่จะได้ครอบครองสิงหราชไม่ใช่ใครอื่น แต่อาจจะเป็นเธอ ม้ามืดในเส้นทางสายวิวาห์
แม้สิงหราชจะเตือนตัวเองตลอดมาว่ารุ้งรำไพยังเด็กเกินกว่าที่เขาจะลากเธอเข้ามาในเรื่องวุ่นวายนี้ หากสิงหราชก็ตัดใจไม่ได้ และยิ่งได้รู้ว่า หากเขาปล่อยรุ้งรำไพไป เส้นทางชีวิตในอนาคตของเธอคงไม่แคล้วยิ่งกว่าถูกกลั่นแกล้งจากคนที่ได้ชื่อว่าญาติที่เหลืออยู่ และเมื่อสิงหราชเลือกรุ้งรำไพแล้ว เขาก็พร้อมจะเข้าใจในตัวของผู้หญิงที่แสนซื่อจนอ่อนต่อโลกแบบรุ้งรำไพ
ถ้าความกตัญญูต้องแลกมาด้วยการทรยศต่อสิงหราช รุ้งรำไพก็รู้ดีว่า เธอจะไม่มีวันทำร้ายเขาอีกต่อไป บุญคุณที่เธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนมันหมดลงไปแล้ว นับจากนี้คนที่เธอต้องใส่ใจมีเพียงสิงหราชเพียงคนเดียว เธออาจจะอ่อนเยาว์จนไม่เข้าใจคำว่ารักถ่องแท้ หากแต่รุ้งรำไพก็รู้ดีว่าตราบจนวันตายเธอจะภักดีกับสิงหราชเท่านั้น
ริจะมีเมียเด็ก สิงหราชก็ทำใจไว้แล้วว่าแม้เขาจะได้เธอมาครอบครอง แต่ไม่ได้ง่ายที่จะได้ทั้งหมดที่เป็นรุ้งรำไพ หากสิงหราชก็พร้อมจะใช้เวลาที่มีสอนให้รุ้งรำไพรู้จักคำว่ารัก การเป็นเจ้าของตัวเขาและทุกอย่างที่เป็นของสิงหราช อายุที่ห่างกันไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยช่องว่าง เพราะรุ้งรำไพเป็นเจ้าสาวที่สิงหราชตามหามาตลอดชีวิต
Create Date : 27 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 27 มิถุนายน 2557 14:45:22 น. |
|
3 comments
|
Counter : 7664 Pageviews. |
|
|
งานนี้รีวิวของสนพ.ชูการ์บีทมาติดๆกันค่ะ เพราะว่าซื้อไว้หลายเล่ม เล่มนี้ไม่ต้องบอกว่าซื้อทำไม ใครที่อ่านรีวิวฟีน่ามานานก็คงจะพอเข้าใจ โคแก่มากมายกับหญ้าอ่อนนุ่มลิ้นน่ะเอง เจ้าแม่นิยายชายสูงวัยแบบฟีน่ามีหรือจะพลาด ต้องสอยมาลองอ่านกันล่ะงานนี้
พล็อตเรื่องหลักของเล่มนี้แท้จริงมันเป็นพล็อตที่เรียกว่าพล็อตพาฝันกันแบบว่าสุดขอบเลย สาวน้อยแสนซื่อ แสนดี หัวอ่อน ดีจนเรียกว่าเป็นแม่พระหรือเช่นไร แต่ต้องถูกญาติที่ไม่ชอบหน้ากดให้ต่ำลง กลั่นแกล้ง บลาๆๆๆ แต่ความดี ความใสซื่อของเธอก็ทำให้เจ้าสาวนอกสายตาคนนี้ เข้าตาพระเอกทรงเครื่องที่เพียบพร้อมไปทุกด้าน ยกเว้นปากคอเราะราย ซ้ำยังมีคุณย่าคอยส่งเสริมเจ้าสาววัยขบเผาะอีก แน่นอนว่าอุปสรรคทั้งหลายก็ต้องมาจากบรรดาญาติเห็นแก่ตัว นางเอกที่แสนดีไม่กล้าเนรคุณ รวมทั้งอุปสรรคหลายอย่าง แต่ท้ายสุดก็พ่ายแพ้ความดีนางเอกกันไป
อย่างที่บอกว่าพล็อตมันพาฝันแบบไม่ต้องคิดมาก เราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ จุดที่โดนใจสุดก็คงจะเป็นความไม่โง่ของพระเอก คือไม่รัก ไม่ชอบก็ไม่เก็บอาการเพราะแกตรงๆ ถ้าถูกตา ถูกใจก็เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน ติดแค่สาวเจ้าอายุสิบเจ็ดก็อาจวางมาดไม่กล้าแสดงตัวมากไปเพราะอาจจะเข้าข่ายพรากผู้เยาว์ แต่เมื่อรู้ว่าถ้าไม่ตรงประเด็นนางเอกอาจจะสะบักสะบอมกว่านี้ พระเอกก็เลยได้โชว์สเตปเทพตรงที่ว่ามาดโคแก่ทรงอำนาจปกป้องนางเอกได้นี้ล่ะ รวมทั้งไม่ค่อยโง่ หูเบา รู้ว่านางเอกเด็ก หัวอ่อน คงต้องเป็นเบี้ยล่างให้คนอื่นร่ำไป ก็เลยไม่เล่นมุกรักเปลี่ยนเป็นแค้นเพราะความแสนดีของนางเอกที่เหมือนจะทรยศเขาอะไรทำนองนั้น เป็นประเด็นที่เรียกว่าตัวพระเอกและนางเอกเนี่ย เป็นแง่บวกของนิยายนะคะ ผิวเผินแล้วทั้งพล็อตและอุปนิสัยของตัวละครหลักอย่างพระเอก นางเอก เป็นพิมพ์นิยมแบบที่ฟีน่าเรียกว่าต้องชอบแหงๆ อย่างไม่ต้องคิดมาก ตามประสาคนที่ไม่เรื่องมาก แต่มากเรื่องที่มักจะให้อภัยด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่าพระเอกแก่ ไม่โง่ ไม่กินหญ้า รักนางเอกอะไรทำนองนั้นนะคะ
แต่คนที่เรื่องมากแบบฟีน่าก็มีข้อยกเว้นอยู่เช่นกันไม่งั้นคงไม่ใช่ฟีน่าตัวจริง เสียงจริง แน่นอนว่าพล็อตแบบนี้ มันเป็นพล็อตอมตะนิรันดร์กาล หยิบมาเล่นเรื่องแล้วเรื่องเล่า อยู่ที่ลูกเล่นของนักเขียนที่ว่าจะเล่าออกมาเป็นเช่นไร เพราะของแบบนี้อ่านสองสามบท ก็เดาทางได้ทะลุถึงหัวใจ เอ๊ยไม่ใช่บทสุดท้ายกันเลยทีเดียว ฟีน่าก็เลยเดาไปเองว่า ด้วยเหตุที่นักเขียนอาจจะสร้างความต่าง ความแหวกแนวให้กับนิยายเรื่องนี้ จึงนำเสนอนิยายด้วยสไตล์ของตัวเอง ที่ฟีน่าพลาดเอง ไม่รู้ว่าเขาเขียนแนวนี้ หรือปกติเขียนแนวอื่น แต่เล่มนี้เขียนทางนี้ก็ไม่รู้นะคะ เพราะไม่เคยอ่านงานของนักเขียนคนนี้เลยค่ะ เล่มนี้น่าจะเล่มแรกที่ลองของเขา
เจ้าแม่ฟาร์มโคแก่และปลูกหญ้าอ่อนออร์แกนิคส์แบบฟีน่า หมายมั่นปั้นมือกันเต็มที่ว่า เรื่องนี้จะมาแนวหวานๆ น่ารักชัวร์ แต่สารภาพว่า เพียงแค่บทแรก การเปิดตัวของเรื่องที่ขึ้นมาแบบดุ่ยๆ งงๆ เนี่ยทำให้เรื่องมันไม่ชวนติดตามเอาเสียเลยตั้งแต่คำพูดแรก ก็คือ ...สิงหราชฯ เป็นคนดุ ใครแรงมาเขาซัดแหลก...เปิดตัวมาได้ไม่รู้สึกพิเศษอะไร เหมือนประโยคบอกเล่าทั่วๆไปเลยนะคะ จนฟีน่านึกว่าตัวเองเปิดผิดหน้า เป็นบทสองหรือเปล่า พลิกๆไป ใช่ล่ะ นี้ล่ะบทเปิดตัวเรื่อง คือถ้าเพิ่มลูกเล่น ความพิเศษให้กับพระเอกมากกว่านี้จะเชิญชวนให้เขารู้สึกว่าเป็นพระเอกมากกว่านี้ นิยายในท้องตลาดมันเยอะจนแย่งชิงพื้นที่บนแผงหนังสือ การจะทำให้คนอ่านอยู่หมัด บทแรกจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆค่ะ ถ้าขึ้นต้นได้แบบที่เรียกว่า ต้องอ่านต่อล่ะ มันจะเป็นไงต่อไป จะนำไปสู่การอ่านที่เรียกว่าสะกดเราตั้งแต่ต้นจนจบได้ค่ะ แต่การขึ้นต้นนิยายด้วยประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ ไม่เร้าใจสักเท่าไร มันเสี่ยงกับการไม่อ่านต่อ (แต่หล่อนก็ต้องอ่านเพราะซื้อมาแล้ว)
แต่นะ ถึงแม้ว่าแค่เปิดเรื่องมา มนุษย์ป้าจะสะดุดตอนเปิดตัวพระเอกไปล่ะ แต่อ่านต่อๆๆ แต่รู้สึกเหมือนเส้นทางมันจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบสักเท่าไร เพราะเราหัวทิ่ม เบรคกันสุดตัวด้วยสำนวนภาษาสวิงสวาย วี๊ดว๊ายกันตลอดทาง ง่ายๆคือตั้งแต่ตอนแรกเลย แค่ฉากที่พระเอกคุยกับย่าตัวเอง ก็แทบจะโบกมืออำลาตำแหน่งเจ้าแม่พระเอกโคแก่ไปชั่วขณะ อันนี้ต้องบอกเลยว่าความที่ฟีน่าเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นมนุษย์ป้า หัวโบราณกับการอ่านนิยาย ซึ่งพักหลังก็พยายามตามโลกนิยายใหม่ๆให้ทัน แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ล่ะกับการอ่านเรื่องนี้ เนื่องจากฟีน่ายังติดขนบ พรรณาโวหารก็ควรเป็นพรรณาโวหาร คำพูดบรรยายก็ควรให้เป็นตามหลักภาษาสักหน่อย ไม่ต้องเป๊ะ ต้องตรงก็ได้ ดังนั้น เมื่อมนุษย์ป้าแบบฟีน่าเจอสำนวนชวนระทึกใจเข้าไป ก็แทบจะขอยาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่อง กันเป็นการด่วนเชียวล่ะ ลมสว้านอิฉันมันตีกลับ
ไอ้สำนวนชวนให้อกสั่นขวัญหายเนี่ย พูดได้เลยว่ามันมีตลอดทั้งเรื่อง ก็พยายามจะเข้าใจว่านิยายอาจจะอยากเล่าให้เป็นนิยายขำขันชวนหัว แต่มันติดที่ว่า มันไม่ขำเอาเสียเลยนะซิค่ะ ส่วนตัวฟีน่ายิ่งเป็นคนเส้นลึกยังกะฝังไว้ในแกนโลกเสียด้วย ภาระหนักของชีวิตที่พยายามจะต้องขำกับสำนวนวัยสะรุ่น ที่ป้าฟีน่าไม่รู้ว่าขำยังไง อย่างเช่น สวยเปรี้ยวเยี่ยวราด ตาเถนตก ยายชีแตก สามเณรแดนซ์ แม่แพรสามสีชะนีหน้าเด้ง อะโบ๊ะโจ๊ะมะ (สาบานได้ว่านี้พรรณาโวหาร) และอีกหลากหลายคำที่พออยู่ในเครื่องหมายคำพูด ฟีน่าก็พอๆ จะไหวบ้าง แต่มันเยอะมากจนรู้ตัวเอาสักสองสามตอนแรกแล้วว่า นี้คงจะไม่ใช่แนวนิยายของเราเสียแล้วล่ะแบบนี้ แต่ท่องคำเดิม อ่านต่อไป ซื้อมาแล้วนิ
ดังนั้นปัญหาใหญ่อันดับแรกคือ นิยายมันตลกฝืดมากสำหรับตัวเองนะคะ ช่วงเศร้า ก็ไม่เศร้าเท่าไร ประมาณว่าเราพยายามจะซึ้งแต่คำพูดที่ใช้ไม่ส่งกันเลย คือใช้คำสแลงในช่วงซึ้ง ตกลงจะให้คนอ่านเตรียมอารมณ์แบบไหนดี ยิ่งบรรดาตัวร้ายๆที่ดาหน้าเข้ามาทั้งญาติสาวของนางเอกก็ทำให้รู้สึกว่าเหมือนนางอิจฉาละครหลังข่าวที่ดูล้นๆ เกินๆ เว่อๆ พิกล แต่ถ้าญาตินางเอกว่าสุดๆแล้ว มีขั้นกว่าก็คือแม่ของพระเอก ที่งงมากว่าเผลอมามีบทบาทอะไร อาจจะแสดงบทในตัวละครที่อยากให้เห็นว่านางเอกเป็นน้ำใสไหลเย็นหล่อเลี้ยงจิตใจพระเอกแบบแม่พระที่คอยเตือนพระเอกว่าอย่าโกรธแม่ตัวเอง ไม่ถือสาแม่สามีร้ายๆ อย่างนั้นหรือเปล่า แต่บทของแม่พระเอกนี้เรียกว่าอะไรกันค่า กรี๊ดๆ หวีดร้อง อยากจะมาก็มาเพื่อจะลากพระเอกไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่ทิ้งพระเอกไปนาน หรืออยากจะดีกับลูกชาย ด้วยการจะมาโอ๋ ป้อนข้าวป้อนน้ำ นอนกอด นอนกล่อมแบบเด็กทารก คืองงค่ะ ตกลงนี้นิยายชวนหัวหรือไร ซึ่งฟีน่าไม่ขำนะคะ ดูแม่พระเอกจะเกินๆชอบกล ประหนึ่งเฒ่าทารก ยิ่งอ่านก็ยิ่งให้อารมณ์ละครมากกว่านิยายเข้าไปทุกที
และอีกอย่างที่รู้สึกว่าไม่ใช่เลยคือ พวกตลกแบบเสียดสี ทะลึ่งตึงตัง มันให้ความรู้สึกเป็นมุกตลกในวงเหล้ามากไปนิดหนึ่งนะคะ อย่างฉากคนงานของพระเอกไปมีอะไรกับแฟน โดยที่ไม่รู้เลยว่าพระเอกกับนางเอกได้ยินฉากเลิฟซีนกันเต็มๆ พระเอกจะพานางเอกเดินหนีก็ไม่ได้ ต้องยืนฟังหนังสดเล่นกันจนจบ อืมห์ ไม่เข้าใจทำไมพาเดินหนีไม่ได้ เพราะเหตุผลว่า เดี๋ยวคนงานจะรู้ตัวว่าพานางเอกมาจู๋จี๋กันสองคน สรุปว่าให้คนงานรู้ว่ามาหวานใส่กันกับว่าที่เมียตัวเอง กับนั่งฟังเขามีอะไรกัน อันไหนมันแย่กว่ากัน ป้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือตอนที่ญาตินางเอกแกล้งขู่นางเอกว่าถ้าเข้าหอแล้วนางเอกจะเป็นเช่นไร แต่ที่พูดได้ว่าไม่รู้จะอึ้งหรือไรดี คือฉากแมงมุมกัดตรงส่วนที่อ่อนไหวสุดของนางเอก พระเอกแสนดีทำเช่นไร ใช้ปากดูดพิษเจ้าค่ะ มนุษย์ป้ากลายเป็นฟอสซิลไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วย้อนกลับไปอ่านใหม่ว่า โดนกัดตรงนั้นจริงๆนะ แล้วพระเอกก็ใช้ปากดูดตรงนั้นนะ แล้วก็ค้นพบความจริงว่า สายตาฉันไม่ได้อ่านผิด สายตาเอียงไม่ได้ทำให้แปลความหมายผิดแต่อย่างใด
เอาง่ายๆว่า แค่ตามหลักการแพทย์ พิษไม่ได้ถูกกำจัดง่ายๆด้วยการดูด แบบที่ละครไทย หนังไทยนำเสนอผิดๆมาตลอดชีวิตว่า งูกัดก็เอาปากดูดพิษซะค่า พระเอก นางเอกเท่มากมาย เพราะมันผิดมากๆ ปากแผลโดนสัมผัสจากปากของเราที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค แทนที่จะบาดเจ็บจากพิษ อาจจะติดเชื้อโรคอื่นๆ ปากแผลช้ำมากขึ้น หรือแม้แต่คนดูดพิษ แน่ใจว่าคุณจะไม่ได้รับพิษทางอ้อมจากฟันที่อาจจะผุที่คุณไม่รู้มาก่อน แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ ป้าฟีน่าอึ้งกับบริเวณที่ดูดพิษค่ะ จากนิยายรัก กลายเป็น dirty joke กลางวงเหล้าเถื่อนกันไปเลยนะคะ แล้วไอ้ฉากนี้ย่าพระเอกก็ดันมาเห็นเข้าจะๆตาอีก ไปกันใหญ่ ตัวพระเอกเองก็รู้ว่ามียาอะไรหรือสมุนไพรอะไรช่วยได้ เรียกหายามาใช้คงจะดีกว่า ฉากนี้ขอจัดไว้ในฉากช็อกซีนีม่ากันเลยค่ะ ตรงๆคือ ฟีน่าไม่ขำ ไม่รู้สึกว่าสวยงาม พระเอกแสนดี พ่อพระผู้ปกป้องนางเอก แต่มันเป็นฉากที่เรียกว่าคิดไปได้ยังไงกันค่ะ เอาปากดูดพิษตรงนั้น
และอีกประการที่เป็นนิสัยส่วนตัวที่แก้ไม่หาย ฟีน่าไม่ค่อยนิยมนิยายที่นักเขียนแซวตัวเองในนิยายที่ตัวเองเขียน มันทำให้ดูเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่จริงจังตามแบบที่นิยายควรเป็น เล่มนี้ให้ย่าพระเอกที่บอกว่าอ่านนิยายมาเยอะแล้ว รวมทั้งของคนเขียนเรื่องนี้ อ่านมาทุกเล่มเลย แต่เขาเป็นนักเขียนเป็นนักเขียนอู้งาน ออกงานก็ช้า เอาแต่เล่น หรือแม้แต่แซวนิยายเรื่องนี้ (เรื่องเจ้าสาวสิบเจ็ด) ในเล่มนี้เอง คือมันพิกลค่ะ เหมือนเอาความรู้สึกส่วนตัวในฐานะนักเขียนมาใส่ไว้ในนิยาย ซึ่งบอกได้เลยว่ามันไม่เข้ากับนิยายเลยค่ะ ประเภทอยากจะใส่ก็ใส่มาเฉยๆ ถ้านักเขียนอยากบ่นเรื่องโดนก็อปนามปากกา เนื้อนิยายหรือคุยเล่นกับคนอ่าน น่าจะแยกไปคุยกันในพื้นที่ของนักเขียนอย่างเช่นเวบ แฟนเพจมากกว่าจะมาแซวตัวเองเล่นในเล่มนะคะ มันทำให้นิยายที่ใช้สำนวนล้นๆ วัยรุ่นจ๋าอยู่แล้ว ไปกันใหญ่ค่ะ
จริงๆตัวเองไม่ได้เน้นการอ่านนิยายที่สำนวนเริดเลอเพอร์เฟคอะไรเลยนะคะ เน้นนิยายที่อ่านแล้วสบายๆ หวานๆ เลี่ยนๆ แต่เล่มนี้ฟีน่าคงจะไม่ใช่แฟนนิยายสำนวนสไตล์นี้จริงๆค่ะ อย่างที่บอกว่าไม่รู้ว่านักเขียนจะทำนิยายเป็นแนวขำขันเพื่อฉีกพล็อตเบสิคหรือเปล่า แต่ส่วนตัวแล้วยิ่งเล่าด้วยสำนวนล้นๆแบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่สำหรับตัวเองค่ะ มันไม่ดึงอารมณ์หวานซึ้งตรึงใจทั้งๆที่จริงๆแล้ว พระเอกแสนดีและรักนางเอกออกนะคะ แม้ว่าจะมีลูกรำคาญนางเอกในบางครั้งก็ตามที ตัวนิยายแนวนี้พล็อตมันไม่ต้องคิดตาม ไม่ต้องเจอกับลูกเซอร์ไพรส์อยู่แล้ว จึงไปกันใหญ่ ยอมรับว่ามองโดยรวมนิยายไม่ได้เลวร้ายหรือย่ำแย่ประเภท พระเอก นางเอกน่ารำคาญจนบอกกับตัวเองว่าฉันอ่านอะไรไป แต่อุปสรรคใหญ่ในการอ่านให้ตลอดรอดฝั่งก็คือสำนวนภาษาลีลาการใช้คำที่วิงเวียนศีรษะเหลือใจ เนื้อเรื่องที่ไม่ดึงดูดใจจนตรึงให้เราอยู่กับมัน เพราะนิยายไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่แค่ประเภทว่าอ่านไปเรื่อยๆ เบื่อก็หยุดเพราะนิยายไม่ซ่อนปมอะไรให้ค้นหา แต่นะคะใครที่ไม่ได้มีปัญหากับสำนวนสวิงสวาย หรือวัยรุ่นเกินไปก็ลองอ่านนะคะ แต่ฟีน่าเองบอกได้เลยว่าตัวเองไม่แนวเอาเสียเลยค่ะ ยิ่งตอนท้ายๆเล่มเปิดๆข้ามกันเลยทีเดียว ซึ่งเราก็ต้องเตือนตัวเองเอาไว้ว่า นิยายเขาไม่ได้เขียนมาเพื่อตอบสนองรสนิยมเรื่องมากของเรา แต่เขาเขียนเพื่อตอบสนองแฟนนิยายทางนี้เองต่างหาก