อสูรยั่วยิ้ม กู่หลิง
ปัญหาทุกอย่างล้วนแต่ไม่ได้ก่อหากกลับต้องแก้ไขเพียงเพราะตัวปัญหาคือญาติของตัวเองและครั้งนี้ต่อให้กงเสวี่ยหลิงไม่อยากจะออกเรือนสักเพียงใดก็คงไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีกแล้วแต่ใครเลยจะไปคิดว่าคุณหนูแห่งสกุลกงกลับผลักไสคุณชายที่คู่ควรไปให้ญาติเจ้าปัญหาแล้วยินยอมจะแต่งงานไปกับชาวนายากจนไร้หัวนอนปลายเท้าผู้หนึ่งแต่ผู้อื่นคงไม่อาจเข้าใจเท่าที่ตัวเธอหรอกว่าเช่นไรชาวนาผู้หนึ่งจึงดีกว่าในการเลือกเขามาเป็นสามี
การจะมีภรรยาสักคนหนึ่งต้องใช้ความพยายามมากมายสักเพียงใดแต่คำว่าบุพเพสันนิวาสดูจะหนักหนาไปไม่น้อย หากเมื่อจู่ๆกลับมีผู้ต้องการแต่งบุตรเขยอย่างเร่งด่วน เช่นนั้นตู๋กูเซี่ยวอวี๋จึงไม่พลาดจะฉกฉวยมันเอาไว้และสิ่งเดียวที่เขาต้องการไม่ใช่ภรรยาที่หน้าตางดงามเพราะเขาแค่อยากได้ภรรยาที่ช่วยเขาทำนาเป็น โดยที่ไม่รู้ว่าคุณหนูกง อาจจะมีปัญหาที่มากมายยิ่งกว่าสินเดิมที่ติดตัวมาเสียอีก
ถึงดูคล้ายเป็นคนโง่แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่กงเสวี่ยหลิงรับมือได้ หากแต่เธอที่ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะทำอะไรเช่นไร ก็ไม่อาจสู้สามีผู้มีใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มนี้ได้เลยสักอย่างหนึ่งแต่วันเวลาที่ผ่านไปทำให้กงเสวี่ยหลิงรับรู้ได้ประการหนึ่งเธอเลือกสามีไม่ผิดเลยจริงๆแม้จะต้องทำงานหนักหนาเพียงใดในฐานะภรรยาของชาวนาแต่เธอก็มีความสุขทว่าบางทียังเร็วเกินไปจะบอกว่านี้คือลิขิตของฟ้าที่มอบสามีที่เรียบง่ายมาให้เธอเพราะตัวตนของตู๋กูเซี่ยวอวี๋กลับเป็นสิ่งที่เป็นความลับที่จะถูกเฉลยเพียงเพราะปัญหาเก่าๆของสกุลกง
เมื่อเรื่องของภรรยาก็คือเรื่องของสามีแม้จะอยากจะจับกงเสวี่ยหลิงมาสั่งสอนให้เข้าใจว่าหน้าที่ของภรรยาที่ดีคือเชื่อฟังและให้สามีปกป้องไม่ใช่สลับหน้าที่กันเช่นนี้แต่เพราะความรู้สึกที่ตู๋กูเซี่ยวอวี๋ไม่เข้าใจ เขาถึงทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของสกุลกงแม้ว่ามันอาจจะคร่าชีวิตเขาไปก็ตามทีแต่เมื่อเขาไม่ใช่เขาตู๋กูเซี่ยวอวี๋ชาวนาธรรมดา หากแต่คืออสูรยิ้มผู้เรืองนามไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้
ที่สุดแล้วกงเสวี่ยหลิงแต่งงานให้กับผู้ใดสามีเธอนี้หรือคือผู้ที่ใครๆ ก็ไม่อยากต่อกรด้วย ทายาทของหนึ่งในเจ็ดพญายมแต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ร้ายกาจ อ่อนโยนหรือรักการทำนายิ่งกว่าสิ่งใด ชะตาที่พลิกผันของกงเสวี่ยหลิงอาจจะมีทั้งดีและร้ายตกต่ำหรือสูงส่ง ก็ล้วนแล้วแต่มีตู๋กูเซี่ยวอวี๋อยู่เคียงข้างไม่เคยเปลี่ยนแปร
ถ้าไม่เพราะได้ภรรยาที่ชื่อว่ากงเสวี่ยหลิงตู๋กูเซี่ยวอวี๋ก็คงไม่เข้าใจคำว่าบุพเพสันนิวาสใครเลยจะคิดว่าเพียงแค่ตกปากรับคำแต่งงานแบบง่ายดายเขาจะได้ภรรยาที่คู่ควรและแสนรักคนนี้มาและคงเป็นเพราะเธอคือเนื้อคู่ที่แท้จริงเธอจึงมอบทุกสิ่งที่เขาเดินทางมาตามหาถึงนอกหุบเขาพญายม ความรักและทายาทที่ปรารถนาจนตู๋กูเซี่ยวอวี๋ขอบคุณที่เธอเลือกเขาเป็นสามี
หลังจากที่แจ่มใสเปิดหัวนิยายจีนแนวรักโรแมนติคอ่านงานสบายๆ มาหลายปี และในครั้งแรกของการเปิดหัวมากกว่ารักขึ้นมา หนังสือในล็อตแรกก็มีผลงานเล่มหนึ่งที่ฟีน่ายอมที่จะหัดอ่านนิยายจีนแนวรักครั้งแรก ไม่นับพวกกำลังภายใน(ที่อ่านไม่รอด) เรื่องรักประดับใจของกู่หลิง ทำให้ชอบมากจนเปลี่ยนทางการอ่านนิยายของตัวเอง มาเป็นสาวกนิยายจีนแบบมากกว่ารักไปเลย แต่กลายเป็นว่าต่อให้รักประดับใจสนุกแค่ไหน ก็กลับมีผลงานของกู่หลิงได้รับการแปลมาเรื่องเดียว จนปีนี้แจ่มใสเขาได้ลิขสิทธิ์งานของกู่หลิงเสียทีนะคะ จะมาเล่มเดียวก็คงไม่สมกับที่รอเลยมากันเป็นชุดกับวิวาห์อสูร แต่ถึงชื่อจะดูน่ากลัว แต่เห็นว่าเป็นงานกู่หลิงก็คิดว่าคงเป็นแนวที่ชอบ งานนี้ไม่ซื้อก็คงจะไม่ได้นะคะ
เริ่มต้นชุดนี้ขอแนะนำให้อ่านไล่เล่มค่ะ อย่าอ่านข้ามเล่มกันเพราะเนื้อเรื่องมันเกี่ยวพันกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความเข้าใจไล่ตามที่เขาจัดมาจะดีกว่าค่ะ เล่มแรกอสูรยั่วยิ้ม ซึ่งธีมของแต่ละเล่มจะคล้ายกันตรงที่การใช้บุพเพตามหาเนื้อคู่ด้วยการเดินทางออกจากหุบเขาพญายม เล่มนี้พระเอกนับเป็นพี่ใหญ่ของทายาทพญายมทั้งเจ็ด แต่เขาดันชื่นชอบการทำนาเป็นที่สุด และใครกันละอยากจะได้สามีเป็นชาวนา ก็คงไม่พ้นสาวชาวนาเช่นกัน แต่ไม่เป็นแบบนั้นเลย เขากลับได้ลูกสาวคนเดียวตระกูลผู้คุ้มภัย ซึ่งมันก็ต้องมีเหตุผลอะไรประหลาดที่ทำให้คุณหนูที่ดูเพียบพร้อมมาเลือกเขาเป็นสามี แต่พระเอกเราไม่สนใจอะไรหรอก ขอให้เมียตัวเองทำนา ช่วยทำงานได้ก็พอ ซึ่งนางเอกก็ทำได้ทุกอย่างอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ชีวิตแต่งงานที่ดูจะไม่มีอะไร มันก็ต้องมีปัญหามาจากคนในครอบครัวนางเอกที่สรรหาแต่เรื่องแย่ๆ มาให้ผู้อื่นแก้ไขและไม่รู้จักสำนึกตัว แต่เหตุการณ์เลวร้ายทุกอย่างก็เปิดเผยว่าที่จริงแล้วเขาไม่ใช่แค่ชาวนาซื่อๆ ที่มีแต่รอยยิ้มประดับหน้าอย่างไร้เหตุผล แต่เขาคือคนที่ไม่เคยต่อกรด้วยเป็นที่สุด ถึงใบหน้าจะยิ้มแต่กลับสังหารคนที่ทำอันตรายครอบครัวเขาได้เพียงพริบตา
ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยคนประหลาด อันนี้พูดได้เลยนะคะกับบรรดาเหล่าทายาทของหุบเขาพญายม แต่คนไหนจะเป็นยังไงจะค่อยๆ เปิดเผยออกในแต่ละเล่ม ทางที่ดีใครจะอ่านมีกระดาษโน้ตไว้ช่วยก็จะดีเพราะญาติเยอะมากค่ะ คิดว่าตัวเองอ่านนิยายเชี่ยวชาญยังเล่นเอามึนได้เลยนะคะ ตอนไล่เรียงพี่น้องออกมาว่าพระเอกมีญาติเป็นยังไงกันบ้าง ถึงได้บอกว่าให้อ่านไล่เล่มจะช่วยได้มากขึ้นค่ะ เพราะจะค่อยๆ ทยอยมาแบบมีบทบาทไปเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งตัวพระเอกเองก็แปลกสมกับเป็นคนในหุบเขาประหลาด อสูรยิ้มแต่ดันชอบทำนา จนใครจะเป็นคิดว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ในชุดทำนาเก่าๆ ขาดๆ จะกลายเป็นจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขาม
ความสนุกสำหรับเล่มนี้เป็นยังไง อันนี้บอกได้เลยว่าถ้าใครอ่านนิยายของกู่หลิงมาตั้งแต่รักประดับใจ จะเจอสิ่งหนึ่งที่เขามักจะเขียนไว้ในเล่มคือการสอนให้กตัญญูรู้คุณ หลักความเชื่อแบบคนโบราณทั้งหลาย อย่างเช่นสตรีการแต่งต้องเชื่อฟังพ่อแม่ สิ้นพ่อแม่เชื่อฟังพี่หรือน้องชาย แต่งงานไปเชื่อฟังสามี อะไรทำนองนั้น เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกของเราเป็นคนสมัยใหม่ที่ไม่เข้าใจระบบความคิดแบบนี้ ความรักและการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นธุระใดๆ ย่อมต้องมีเหตุผลที่ควรช่วยเหลือมากกว่าคำว่าพี่น้อง ทำให้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดในเรื่องซึ่งจะมองเป็นข้อดีก็คือบุพเพของพระเอกนางเอกก็ว่าได้ เกิดมาจากคนอื่นที่บ้านนางเอกไม่อาจสลัดทิ้งได้ จะบอกว่าทั้งบ้านก็คงไม่ใช่แต่ต้องบอกว่าเป็นที่อาหญิงและลูกๆของนางจะดีกว่านะคะ สรรหาแต่ปัญหาตลอดเวลา และคนที่แก้ปัญหาก็ต้องเป็นครอบครัวนางเอก แรกๆ เราก็พอเข้าใจ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มเยอะมากขึ้น จนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวนางเอกต้องคอยมารับกรรมตลอด แม้จะไม่อยากทำแต่พูดได้คำว่าคนสกุลเดียวกันนี้ละมันค้ำคอตลอด แม้พี่ชายและนางเอกอยากจะไม่รับผิดชอบ แต่พ่อของนางเอกก็ไม่รู้ทำไมถึงตัดไม่ขาดเสียที จนต้องมีคนพูดให้คิดว่า เสียสละเพื่อคนที่ควรค่าก็ควรทำ แต่คนที่ไร้ค่าพวกนี้ คนดีๆ ที่ตายไปจะมีหน้าไปขอโทษครอบครัวคนอื่นที่มาเสี่ยงด้วยหรือ พร้อมกับพระเอกที่คล้ายๆ จะยื่นคำขาดให้เลิกยุ่ง จนกระทั่งตัวพระเอกเองก็ต้องเสียสละมากมายแบบนั้น คือเรียกว่าเราอ่านไปก็แอบโมโหแทนว่า ถ้าเป็นคนดีและเห็นใจคนอื่นลำบากนักก็เป็นคนไร้น้ำใจแต่รักษาความสงบในครอบครัวตัวเองดีกว่าไหมเนี่ย
บ่นๆ แบบนี้จะอ่านแล้วสนุกหรือเปล่า ก็ยังไม่ยอมบอกเลย ต้องบอกว่าสนุกพอใช้นะคะ เพราะเปิดเล่มมาเราจะได้รู้จักว่าอะไรคือความลี้ลับของหุบเขาพญายม พระเอกคือคนแรกที่ทำให้เรารู้จักว่าแต่ละพญายมมีทายาทที่สืบทอดนิสัยตัวเองมาเขาร้ายกาจได้มากแค่ไหน ความรักและการเอาใจใส่ของแต่ละคนล้วนแล้วแต่ดูแปลกๆ ไปบ้าง ซึ่งพออ่านครบ ตู๋กูเซี่ยวอวี๋พระเอกในเรื่องนี้กลายเป็นคนไม่ประหลาดไปเลยเมื่อเทียบกับพี่น้อง แต่ที่คล้ายกันก็คือถ้ารักแล้วต่อให้เสี่ยงภัยแค่ไหน ใกล้ประตูนรกเขาก็พร้อมจะฝ่าฟัน และรักฝังใจมาก ไม่เสื่อมคลายแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่เขารัก แรกๆ ในการอ่านเราจะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไรว่าเขารักนางเอกหรือเปล่า รักแค่ไหน เข้าไปในช่วงที่ต้องร่วมแก้ไขวิกฤตในครอบครัวนางเอกจะเห็นมากขึ้น มันจะมาพร้อมกับคำเฉลยด้วยว่าเขาคือใคร เรียกได้ว่ายิ่งอ่านไปก็จะยิ่งเห็นความรักของพระเอก
แต่ที่อาจจะยังเป็นจุดที่นิยายมีปัญหาก็คือเรื่องมันเล่าได้รวบรัดมาก คือจะเร็วไปไหน คงเพราะความที่นิยายมันไม่หนามาก ต้องจัดการเล่าเรื่องต่างๆ ให้ดำเนินไป ช่วงแรกของการแต่งงานของพระเอกนางเอก เล่าได้เหมือนย่อความ แต่งงานแล้ว นางเอกต้องปรับตัวให้เข้ากับการเป็นเมียชาวนาแค่ไหน แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง แต่มันก็หนักหน่วงไม่ใช่เล่น พอเข้าที่เข้าทาง ท้องแล้ว คลอดลูก จะเริ่มมาลดความเร็วในการเล่าก็ช่วงนี้ แล้วจะมาเล่าเรื่องแบบรวดเร็วก็ตอนท้ายอีกรอบในช่วงของวิบากกรรมก่อนขึ้นไตเติ้ลว่าในที่สุดก็ได้อยู่สุขสงบเสียที การที่นิยายมันเล่าแบบนี้ทำให้อารมณ์คล้อยตามมันมีไม่ทันกับเนื้อเรื่องสักเท่าไรนะคะ
มันตลกก็ว่าพออ่านจบแล้วตัวละครที่ฟีน่าชอบที่สุดก็คือตู๋กูเซี่ยวอวี๋ พระเอกของเรื่องนี้แต่ไม่ได้ชอบเนื้อเรื่องในเล่มของเขาที่สุดนะคะ คืออึดอัดกับระบบความคิดในยุคเก่ามากไปเพราะเราเป็นคนยุคใหม่ที่ไม่เข้าใจตรรกะที่มีแค่ขาวกับดำ คือตัวละครอย่างตู๋กูเซี่ยวอวี๋เป็นตัวละครที่จะใช้เปิดในทุกเล่ม กลายเป็นว่าเราจะรู้จักผู้ชายคนนี้จากทุกเล่ม ได้เห็นตัวตนของเขามากกว่าที่รู้จักเขาจากเล่มตัวเองเสียอีก ใช่ว่าในอสูรยั่วยิ้มจะไม่รู้แต่เป็นมุมที่เรียกว่าอะไรที่ทำให้นางเอกรักเขา แต่บางอย่างเราก็ไม่เห็น อย่างเช่นความตลก ไม่รู้ว่าชอบยั่วโมโหหรือซื่อจนเซ่อ และอีกหลายประการที่เขาเป็นสมกับเป็นพี่ใหญ่ของน้องร่วมสาบานทั้งเจ็ด
หากจะบอกว่าในความขัดใจของการทำตามขนบในยุคเก่าให้อะไร ให้รู้จักคำว่าการทำดีย่อมได้ดีตอบแทนค่ะ ครอบครัวนางเอกแม้จะต้องกล้ำกลืนกับญาติที่นิสัยย่ำแย่สุดจะทน ต้องอดทนช่วยเหลือตลอดมา หากสิ่งที่ได้รับจากความลำบากกายและใจมาตลอดก็คือตัวพระเอก บ้านนางเอกเป็นคนดีแบบนี้เขาจึงยอมรับว่าเป็นคนกันเอง เมื่อใดมีภัยต้องให้การคุ้มครอง และชื่อเสียงที่น่าเกรงขามของหุบเขาพญายมก็ทำให้ครอบครัวนางเอกได้รับผลดีจากกรรมดีที่ทำไว้ ก็คล้ายๆว่า ต้องมีอุปสรรคมาทดสอบกันก่อนถึงได้รับในสิ่งที่หอมหวาน
ซึ่งถ้ามองภาพโดยรวมฟีน่าอาจจะไม่ได้ชอบเล่มนี้เป็นที่สุด แต่ชอบตัวละครในเล่มนี้ที่สุด แทบทุกตัวจะมีบทบาทในเล่มต่อไปๆ สร้างเนื้อเรื่องและสีสันให้กับชุดนี้ค่ะ เรียกว่าจะขาดเล่มอสูรยั่วยิ้มไปจากชุดวิวาห์อสูรไม่ได้ โดยเฉพาะตู๋กูเซี่ยวอวี๋ ขาดผู้ชายคนนี้ไปเรื่องคงกร่อยมาก และอีกอย่างที่ต้องปรับทัศนคติในตอนอ่านก็คือ อย่าพยายามเอาความคิดของคนในยุคเราเข้าไปใส่มาก มันจะทำให้ไม่เข้าใจ ไม่ชอบ อึดอัด ไม่อยากอ่านกับความคิดที่ออกจะดูซื่อและตรงจนคล้ายจะโง่ แต่ถ้ามองใหม่ มันคือความบริสุทธิ์ของคนในยุคก่อนที่เราแทบไม่รู้จักแล้วจะทำให้การอ่านเรื่องนี้สนุกขึ้น ซึ่งยังดีที่นางเอกและพระเอกไม่ได้ทำตัวแบบนั้นไปด้วย ไม่งั้นมันอาจจะอุดมคติจนเราพยายามหาด้านบวกไม่ค่อยไหว เพราะทั้งคู่มีความคิดแบบที่เราเป็น ไม่มีขาวกับดำ แต่ทุกอย่างล้วนไม่ชัดเจนว่าดีหรือเลวไปเลยด้านใดด้านหนึ่ง คนเราต้องมีทั้งสองอย่างผสมผสานกัน ก็เลยทำให้เรื่องนี้ถูกใจในระดับหนึ่ง