พิษพันธกานต์ อัญชรีย์
หากวันนั้นเพียงแค่ตุลยาจะไม่ได้พานพบกับเขมินท์ชีวิตในวัยแรกรุ่นของเธอคงไม่ต้องสัมผัสกับเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดในวันนี้ความจริงที่แอบซ่อนอยู่นานนับเท่าอายุของตุลยาแต่เมื่อมันตื่นขึ้นมาเพียงแค่การปลุกอย่างไม่ตั้งใจของเขมินท์ ตุลยาจึงเหมือนไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมอีกอีกต่อไปเมื่ออีกเศษเสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณเธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ชื่อจันทร์วลีผู้หญิงที่ตายไปแล้วถึงยี่สิบปี
ความรักมันเคยเกิดขึ้นในหัวใจของเขมินท์แต่มันก็ตายดับไปนานแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่เคยลืมผู้หญิงที่มอบทุกความรู้สึกให้กับเขาอ่อนหวานและเจ็บปวดปางตายจันทร์วลีจึงเป็นดั่งคำต้องห้ามที่ทุกคนไม่ต้องการเอ่ยมันให้เขาได้ยินอีกหากตุลยาคงไม่รู้หรือไม่เข้าใจว่าการพยายามแตะต้องความเป็นจันทร์วลีไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำเลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อเธอควรถูกเก็บไว้ในความทรงจำของเขาเพียงคนเดียว
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งตกอยู่ในนรกตุลยาเองใช่จะไม่เข้าใจว่าควรปล่อยให้จันทร์วลีเป็นแค่อดีตที่ผ่านไปแต่เธอก็ทำไม่ได้ และมันยิ่งส่งผลต่อเธออย่างใหญ่หลวงสายตาและความรู้สึกที่มีต่อเขมินท์ก็เช่นกัน เธอไม่อาจซ่อนเร้นมันได้เลยเธอไม่มีสิทธิ์ใดๆ โดยเฉพาะคำว่าหึงหวง เพราะมันต้องพร้อมกับคำว่ารักไม่ใช่หรือและเมื่อถูกทำให้สำนึกว่าเธอเป็นแค่เด็กสาวโง่ๆคนหนึ่งซึ่งไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเขมินท์ตุลยาก็ควรจะตาสว่างแล้วหันหลังให้กับเขาไปตลอดกาล
เมื่อตุลยาออกไปจากชีวิตของเขาอย่างเด็ดขาดพร้อมกับปิดฉากการรื้อฟื้นตัวตนของจันทร์วลีขึ้นมาเขมินท์ควรยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือหากความจริงมันยิ่งทำให้เขาทรมานไม่ต่างจากวันวานเขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมในยามที่ตุลยาห่างเหินและเย็นชาอย่างที่ควรเป็นเขากลับไม่ต้องการมันแม้แต่น้อยไม่มีอะไรถูกต้องเลย แค่เพียงอายุที่ห่างกันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลมากมายซ้ำร้ายบางทีตุลยาอาจเกี่ยวข้องกับความลับที่น่าอับอายของใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับจันทร์วลี
เยื่อใยที่ตัดไม่ขาดแล้วจะตุลยาจะทำเช่นใดได้ แม้จะพยายามหักห้ามเพียงใดแต่หัวใจก็ไม่เคยรักดีมันไม่ได้ทำร้ายแค่เพียงตัวเธอแต่หมายรวมถึงเขมินท์ด้วยหรือเธอควรยอมที่จะเผชิญกับความจริงที่ควรเป็น แต่เขมินท์เล่า เขาจะยอมรับสิ่งที่เป็นตุลยาในตอนนี้ได้หรือไม่หากสิ่งที่เหนือกว่าทุกเหตุผล รักที่จะมีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดไปเองหรือใจทั้งสองดวงจะตรงกัน
เขมินท์จะไม่ปฏิเสธเสียงร้องในหัวใจเขาต่อไปถึงความไม่เหมาะสมจะมีมากมายจนอาจจะก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นไม่ได้เลยแต่เมื่อเขมินท์เคยต้องทุกข์ทนกับความเจ็บปวดของรักมาแล้วหนึ่งครั้งมันได้สอนให้เขมินท์เข้าใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสแห่งรักนี้ไปอีกเด็ดขาดเขายอมที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ฉกฉวยความอ่อนเยาว์ของตุลยาไว้ในกำมือของตัวเองดีกว่าจะเสียสละมันให้ใครเพราะถ้าใครได้มาเป็นเขาคงไม่เข้าใจว่าความผิดหวังมันเจ็บปวดเจียนตายสักเพียงใด
บนโลกใบนี้ยังมีบางอย่างไม่อาจให้เหตุผลกับมันได้ว่าเพราะสิ่งใดบันดาลให้เป็นไปเหมือนดั่งเช่นโศกนาฏกรรมของความรัก ตุลยาและเขมินท์ก็ไม่เคยคาดว่ามันจะมาเกิดกับเขาและเธอแต่เมื่อปาฏิหาริย์นั้นนำพาความรักมาอีกครั้งทั้งสองจะถนอมช่วงเวลาที่มีค่านี้เอาไว้เพราะความขมขื่นในอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปและไม่อาจเรียกคืนวันนี้ต่างหากที่เหมือนโชคชะตาได้ชดใช้หนี้สินให้ตุลยาและเขมินท์แม้เส้นทางในวันหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนามสักเพียงใดหากอดีตจะสอนให้ทั้งสองฝ่าฝันมันไปด้วยกัน
เป็นรีวิวที่น่าแปลกใจเพราะว่าถ้าใครอ่านรีวิวของฟีน่ามา จะรู้เลยว่าฟีน่าไม่ได้เป็นแฟนนิยายคุณอัญชรีย์ แต่ความที่มีเพื่อนที่อ่านนิยายด้วยกันแนะนำว่าเล่มนี้น่าจะเป็นสไตล์ที่ฟีน่าชอบ ยิ่งได้ยินว่าพระเอกแก่กว่าถึงยี่สิบปี คนที่บ้าพระเอกแบบโคแก่เช่นฟีน่ามีหรือจะไม่รีบคว้ามาไว้ในกองดองของตัวเอง แต่ไม่ต้องดองนานเพราะอยากรู้ว่าเราจะแนวหรือไม่แนวกัน
เรื่องทั้งหมดมันจะไม่มีอะไรเลยถ้าเพียงแต่เด็กสาวอายุสิบแปดอย่างตุลยาจะไม่บังเอิญถูกปลุกความทรงจำบางอย่างที่ซ่อนเร้นในตัวขึ้นมา และมันทำให้เธอแทบทนกับมันไม่ได้ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีบางอย่างตกตะกอนอยู่จิตวิญญาณของเธอ เมื่อถูกกวนมันขึ้นมา จะให้มันใสกระจ่างเหมือนดั่งไม่เคยรู้มาก่อนคงไม่ได้ และมันทำให้เธอทรมานกับความจริงมากมาย รวมทั้งความรู้สึกรักและหวงแหนผู้ชายคนหนึ่งที่เขาแทบไม่รู้จักเธอ แม้จะบอกตัวเองให้ทิ้งทุกอย่างในอดีตไปแต่นางเอกก็ทำไม่ได้ มันจึงเป็นความซับซ้อนที่ทำให้คนรอบข้างต้องถูกปลุกเรื่องต้องห้ามในอดีตขึ้น โดยเฉพาะพระเอกที่เขาเจ็บปวดกับมันที่สุด ยิ่งหนีจากมันก็ยิ่งชักจูงให้จดจำและร่ำร้องถึงความรักที่ควรตายไปนานขึ้นมาใหม่กับคนที่เขาไม่ควรไปรัก แต่พระเอกก็ไม่รู้เลยว่าความจริงมันมีอะไรมากกว่าเด็กสาวแก่แดดที่ริรักข้ามรุ่นกับหนุ่มใหญ่แบบเขา ความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้และต้องรับมันให้ได้ เพราะเขาเองก็เผลอใจรักเธอเข้าไปเต็มเปาแบบแล้ว
ก็อย่างที่บอกว่าฟีน่าไม่ใช่แฟนคุณอัญชรีย์ จะบอกว่าไม่เคยอ่านก็ไม่ใช่ เคยอ่านมาบ้าง แต่ไม่ได้เป็นแฟนประจำ แถมบ้างเรื่องที่เขาฮิตๆ กันเรากลับไม่แนวด้วยซ้ำไป แต่เล่มนี้อยากรู้ก็ต้องลองเองว่าจะแนวหรือไม่นะคะ แน่นอนว่าได้คะแนนเรื่องอายุของพระเอกมาตุนไว้ก่อนเป็นพื้นฐานค่ะ อื่นๆก็ตามมาเรื่อยๆ ซึ่งรีวิวเล่มนี้อาจจะต้องสปอยส์อะไรบ้างอย่างนะคะ ไม่งั้นก็นึกไม่ออกว่าจะเล่ายังไงดี ใครจะอ่านก็เตรียมตัวหน่อยแล้วกันนะคะ
เนื้อเรื่องหลักของเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการกลับชาติมาเกิดใหม่ของนางเอก เด็กสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติ กลับมารู้ว่าเธอไม่ใช่แต่เธอคืออีกคนหนึ่ง ในช่วงความสับสนที่ต้องมารู้ความจริง และปริปากบอกใครไม่ได้ ปรึกษาใครก็ไม่ได้ และต้องมารู้ความลับหนึ่งที่เกือบทำให้เธอรับไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ เป็นช่วงที่นางเอกดูน่าสงสารที่สุดเลยค่ะ ทำตัวไม่ถูก อยากจะลืมก็ลืมไม่ได้ อยากจะย้อนกลับไปในเรื่องอดีต ก็จะถูกหาว่าเป็นคนบ้า ผู้ชายที่เคยรักก็เหมือนคนแปลกหน้า แม้จะเก็บกดแต่ทำยังไงก็เก็บไม่มิด จนเหมือนเธอเป็นเด็กแก่แดดเกินไป แต่ใครจะรู้บ้างว่าที่เธอต้องเป็นแบบนี้มันมีที่มาและสุดท้ายเธอต้องเจ็บปวดกับมันที่สุด แบบนี้จะให้จำอดีตตัวเองได้ไปเพื่ออะไร มันเหมือนคำสาปที่โหดร้ายที่สุดเลย นึกเอาว่าถ้าเป็นเราระลึกชาติได้ แต่คนที่เรารู้จักเขา รักเขากลับมองเราแบบห่างเหิน เย็นชาเพราะไม่รู้ว่าเราคือใครมันคงแย่มากๆ จนเหมือนคนบ้า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ฟีน่าก็ไม่ขอจดจำอดีตชาติได้นะคะ ขอให้มันเป็นอดีตที่ตายกับเราไปเลยจะดีกว่า
แต่ใช่ว่าสิ่งเหล่านี้มันจะทำให้ร้ายนางเอกคนเดียว พระเอกก็ต้องทนกับรสชาติขมขื่นในอีกแบบ คนที่รักตายจากทั้งๆที่รักมากและพลัดพรากด้วยคำว่าเข้าใจผิด เขาจึงเหมือนถูกสาปให้รักใครไม่ได้ มันผิดที่จะเปิดใจให้คนใหม่เข้ามา เมื่อคนหนึ่งมาทำให้เขารู้จักรักแต่ไม่ควรรัก เพราะแค่อายุก็ไม่เหมาะสม รักจึงไม่ใช่ของหวานแต่เป็นดีขมๆที่ต้องกลืนมันลงคอ และอีกเรื่องที่พระเอกไม่เข้าใจ ทำไมเด็กคนนี้จึงทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมันคนที่เขาเคยรัก ยิ่งทุกข์ทนปนหวานนิดๆ พระเอกเองก็เลยน่าสงสารไม่ต่างกับนางเอกหรอกนะคะ แต่สิ่งที่ทั้งคู่ต้องรับมือกับอุปสรรคใหญ่ประการหนึ่งให้ได้คือ ลืมอดีตแล้วเริ่มต้นใหม่ให้หมดสิ้น คนที่ตายและคนเป็นในครั้งนั้น ไม่เหมือนกันอีกต่อไป เวลาทำให้คนเปลี่ยนแปลงได้ ความผิดบาปในใจมีผลกว่ากฎหมายเสียอีก การลงโทษของมันรุนแรงและร้ายกาจกว่าโซ่ตรวนหลายร้อยเท่านัก
ตั้งแต่เคยอ่านงานของคุณอัญชรีย์มาไม่กี่เรื่อง ฟีน่าคงพูดได้ว่าเล่มเป็นเรื่องที่น่าจะโดนใจที่สุดนะคะ เนื่องจากหลักๆ พระเอกไม่ใช่ผู้ชายที่เกรียนแตก ถ้าจะมีภาคเกรียนก็ช่วงแรกในวัยรุ่นของเขา แต่เรื่องหลักเป็นช่วงอายุที่จัดเป็นหนุ่มใหญ่เขาจึงมีความสุขุมขึ้น นิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุที่โดนใจกับนิสัยแบบนี้ค่ะ เนื้อเรื่องก็มีลูกเล่นซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมอารมณ์ของตัวละคร อย่างที่บอกว่าระลึกชาติได้ดีตรงไหนกันคะ ไม่ดีเลย รังแต่จะเจ็บปวดไปหมด โดยเฉพาะปมของคนที่น่าจะเป็นคนที่รับบาปที่สุดในเรื่องนี้ การให้นางเอกให้อภัยคนนี้ได้ต้องเรียกว่าเป็นการสอนให้เราเข้าใจสัจธรรมได้เลยว่า คนเราไม่มีใครดีหรือเลวไปหมด คนที่เคยผิดก็กลายเป็นคนที่ดีได้ เราไม่ต้องทำอะไรเขา แต่มโนสำนึกในใจก็สั่งสอนเขาเอง อดีตเขาไม่ดีแต่ตอนนี้ไม่ใช่ เป็นตอนที่กระชากใจได้มากกว่าตอนที่นางเอกรู้ว่าเธอคือใครเสียอีกค่ะ ลุ้นว่านางเอกจะทำอย่างไร รับมือกับความจริงได้แค่ไหน และเมื่อเธอผ่านมันไปได้ ก็เรียกว่านางเอกสอบผ่านเลยทีเดียว ถามใจเราเอง เราจะทำได้หรือเปล่านะ ก็ไม่มีคำตอบเลยค่ะ หากแต่ถ้าเรามองไปถึงเวลาที่ผ่านมา คนนี้ได้ชดเชยและแสดงแล้วว่าส่วนดีมีมากกว่าส่วนเสีย แม้จะเป็นจากความรู้สึกอยากลบล้างบาปกรรมที่ทำลงไปก็ตามที
เนื้อเรื่องอาจจะพูดได้เลยว่าจัดว่าเป็นดรามาประเภทหนึ่ง แต่ไม่เป็นดรามาแบบบ่อน้ำตาแตกด้วยความร้ายกาจของพระเอก แต่ดรามาในด้านอารมณ์สีทึมๆของความรักที่ไม่ควรเกิดขึ้น ความหวานของเรื่องก็ไม่เยอะด้วยนะคะ แม้จะเห็นและสัมผัสได้ถึงสายใยบางอย่าง แต่มันติดข้อแม้มากมาย ที่มันสนุกตรงที่เรามาลุ้นและเอาใจช่วยว่าพระเอกจะรู้ไหมว่านางเอกคือใคร ความกดดันที่ต้องพยายามบอกว่ารักกันไม่ได้หมดไป ก็เหมือนคนอ่านโล่งอกค่ะ ลุ้นตัวโก่งกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ในที่สุดรักที่พลัดพรากก็สมหวังเสียที เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ส่งเจ้าสาวสู่มือเจ้าบ่าว(แก่ๆ) สำเร็จสักที
แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่ามันไม่ครบอยู่อีกเล็กน้อยคือ ลุ้นมากันเช่นนี้ น่าจะเติมความหวานให้คนอ่านเพิ่มอีกสักหน่อยนะคะ ตามประสาคนไม่รู้จักพอ แม้ว่ามันจะจัดว่าโอเคแล้วกับนิยายโทนนี้ แต่ฟีน่าว่าถ้ามีมากกว่านี้อีกนิดก็จะดีเลยนะคะ ฟีน่าอยากเห็นฉากที่นางเอกเรียนจบแล้วและเป็นภรรยาที่เพียบพร้อมอย่างที่ประกาศว่าจะเป็น หรือการออกงานร่วมกัน ใช้ชีวิตที่ไม่ติดกับคำว่านักศึกษาของนางเอก เพราะยังต้องเหมือนกั๊กๆเอาไว้บ้างเนื่องจากนางเอกยังเรียนไม่จบแต่ต้องแต่งงานกับพระเอกแล้ว แม้จะรักกันแค่ไหน แต่ยังรู้สึกไม่สุดๆ สำหรับฟีน่าค่ะ ถ้าได้ฉากฟินๆ หลังชุดนักศึกษาสักนิดคงจะครบถ้วนในทุกอารมณ์ขึ้นมา
ไม่รู้มีจะมีคนงงๆ เรื่องอายุของพระเอกเหมือนฟีน่าบ้างไหมคะ เป็นคนที่พอมีเรื่องอายุมาเกี่ยวฟีน่าจะสนใจมาก เรื่องนี้อ่านไปก็เหมือนคนงงตัวเลขเลย เพราะในเรื่องเหมือนจะพยายามบอกว่าพระเอกไม่ถึงสี่สิบจนเหมือนจะเป็นแค่สามสิบหกด้วยซ้ำไป แม้ว่าจะเป็นความเข้าใจผิดของตัวละครเองว่าน่าจะแค่นี้ แต่ฟีน่าคิดว่ายังไงพระเอกก็ควรจะสักสามสิบเก้าได้ เพราะพระเอกในวัยรุ่นเจอกับนางเอกราวๆ สิบแปด ไม่ชอบหน้านางเอกอยู่ถึงห้าเดือน มาดีกันอีกสองเดือน ลงเอยกัน แล้วก็มีเหตุการณ์วุ่นวายอีก ก็น่าจะเข้าไปหลายเดือนอยู่ เพราะมันมีเรื่องราวเยอะ ทำให้ตอนที่จากกัน พระเอกก็น่าจะสักสิบเก้าได้แล้ว ไม่น่าจะอยู่ที่แค่สิบแปดนิด ยิ่งมีประโยคหนึ่งที่นางเอกคิดประมาณว่า ได้รู้จักกันแค่แปดเดือนก็ตายจากกัน ซึ่งมันดูขัดแย้งกับเหตุการณ์ไป แค่ตอนยังไม่เกิดเรื่องพลัดพรากก็เข้าไปเจ็ดเดือนแล้ว หลังจากนั้นก็มีเรื่องยาวอยู่ซึ่งไม่ควรจะเป็นระยะเวลาแค่เดือนเดียวได้เลยนะคะ พอมานั่งบวกแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเวลามันเขย่งแปลกๆ เหมือนกับไม่อยากให้พระเอกมีอายุราวๆ สี่สิบ ซึ่งความจริงจะให้พระเอกสี่สิบก็ได้ไม่น่าแปลกตรงไหนเลยค่ะ มันจะทำให้เรื่องสมจริงมากขึ้นอีก นี้ยังไม่รวมไปถึงเรื่องเรื่องทางครอบครัวฝั่งนางเอกอีกว่าเธอควรจะมีอายุที่นับห่างจากเรื่องในอดีตมากว่ายี่สิบปีด้วยซ้ำไปเพราะตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ไม่น่าจะทำให้เธอเกิดมาในช่วงยี่สิบปีได้ง่ายดายขนาดนั้น แต่พยายามคิดว่าเรื่องมันใหญ่โตและตัวละครตัวนั้นคงสำนึกได้ไวขึ้น ก็เลยหยวนๆ สำหรับเวลาของนางเอกไปค่ะ
แต่ถ้าในภาพรวมจัดว่าเล่มนี้สนุกมากเล่มหนึ่งเลยค่ะ คือเอาใจช่วยทั้งคู่ให้สมหวังเสียที ต้องจมอยู่กับความสูญเสียมามากเกินไปแล้ว เขาควรได้พบกับความสุขเสียที อดีตก็ลงโทษเขามากเกินไปแล้วทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลย แค่รักริษยาเป็นสิ่งเดียวที่สร้างบาดแผลใหญ่ทิ้งไว้มากแล้วนะ เนื้อเรื่องมีปม มีประเด็นให้ติดตามทั้งเรื่อง ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ถึงเราจะพอเดาได้ว่ามันจะเป็นยังไงแต่พออ่านไปก็ยังต้องเอาใจช่วยอยู่เสมอทุกช่วงของเรื่อง เพราะปมที่ผูกเอาไว้น่าสนใจมากว่าจะคลี่คลายมันประมาณไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือการให้อภัยค่ะ คนเลวไม่ใช่ว่าจะเลวเสมอไป เขาก็เป็นคนดีได้ เราอาจจะลืมไม่ได้ว่าเขาเลวร้าย แต่เราก็เลือกจะจดจำว่าวันนี้เขาไม่เหมือนวันก่อน คนเรากลับตัวกลับใจได้ เราก็พร้อมจะให้อภัยได้ การผูกใจพยาบาทอาฆาตไม่ได้ทำให้เรามีความสุขแม้แต่นิดเดียว เพราะผู้นั้นเขาก็ทุกข์แล้วกับบาปในใจ เราจึงควรเลือกสุขที่มาจากการอโหสิกรรมจะได้ไม่ทุกข์กับพิษของพันธะแห่งกรรมต่อกันในชาติไหนๆ