-'@'-Journey Of Love-'@'- เมื่อหัวใจเดินทาง
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 กรกฏาคม 2553
 
 
Türkiye..Turkey..มีดีแค่ไหน (ตอน 1)

ขุดการเดินทางเก่าๆ มาไว้เป็นชุดๆ ไม่งั้นเดี๋ยวจะลืมข้อมูลหมด รอบนี้มาถึงคิวของประเทศตุรกี 1 ประเทศ 2 ทวีป ทั้งที่มีเพียงแค่ 3% เท่านั้นที่อยู่ในเขตยุโรป แต่ถึงกระนั้นเมืองสำคัญอย่าง อิสตันบูล Istanbul ก็ยังได้รับเลือกให้เป็น European Capital of Culture 2010 อีกด้วย

ปัจจุบันการเดินทางไปประเทศตุรก๊นั้น ค่อนข้างได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งโปรโมชั่นให้เลือกหลากหลายบริษัท แต่พอถึงวันเดินทางแล้วก็เอามารวมตัวกัน ที่เรียกกันว่า Consotrium เพราะหากบริษัทไหนคิดอยากจะฉายเดี่ยวแล้วก็ต้องหาลูกค้าให้ได้อย่างน้อย 20 คนขึ้นไป ไม่งั้นก็จะออกทัวร์ไม่ได้ เพราะค่าทัวร์ยิ่งต่ำ ยิ่งต้องหาคนเยอะไม่งั้นก็ไม่คุ้มอีก แต่ถ้าให้อ้างอิงถึงคุณภาพแล้วก็ ก็คงต้องตามงบประมาณที่จ่ายไปนั่นแหละ (ของถูกไม่มีดี ของฟรีไม่มีในโลก...แต่ถ้าเจอทั้งถูกทั้งดี แถมฟรีอีกต่างหากก็เป็นอีกเรื่อง)

สายการบินหลักของประเทศคือ เตอร์กิชแอร์ไลน์ (Turkish Airlines, TK) แถมเวลาที่บินก็ค่อนข้างดีมาก คุ้มค่ากับการเดินทางแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งยังเปิดบริการมีบินทุกวัน วันละ 1 ไฟลท์ แถมยังสะสมไมล์ในกลุ่ม Star Alliances ได้อีกด้วย แต่จะไม่ได้เต็ม 100% นะค่ะ เพราะจะถูกแบ่งย่อยลงไปตามราคาค่าตั๋วเครื่องบิน ยิ่งถูกไมล์ก็ยิ่งได้น้อย หรืออาจจะไม่ได้เลย

มาต่อกันด้วยเรื่องวีซ่าอีกนิด เมื่อก่อนจะขอวีซ่าไปตุรกี เอกสารอะไรก็สะดวกไม่เรื่องมาก แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องท่านกงสุลโดนประทุษร้ายก็ทำให้ระบบการขอวีซ่ายุ่งยากมากขึ้น และจำเป็นต้องใช้เวลานานขึ้นมากด้วย

เอกสารในการยื่นขอวีซ่าตุรกี
1. พาสปอร์ตที่ยังมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันที่ทัวร์สิ้นสุด
2. รูปถ่ายสี ขนาด 2 นิ้ว (ปัจจุบันหลายสถานฑูตจะให้ใช้ฉากหลังเป็นสีขาว)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
5. จดหมายรับรองการทำงาน หรือใบจดทะเบียนบริษัท ร้านค้า หรือใบรับรองการเป็นนักเรียน นักศึกษา
6. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก มีตัวเลขหมุนเวียนอย่างน้อย 6 เดือน
7. สำเนาใบสมรส หรือ ใบหย่า
8. สำเนาใบจองตั๋วเครื่องบิน
9. ชื่อโรงแรมที่จะเข้าพัก

เหมือนจะยุ่งยากเลยใช่ไหม แต่อันที่จริงก็เป็นเอกสารที่ควรจะมีถ่ายสำเนาเก็บไว้อยู่แล้ว คงรวบรวมได้ไม่ยากเท่าไร ถ้าไปกับบริษัททัวร์ ก็เพียงจัดเอกสารตามที่ขอมาแต่ไม่ต้องจองตั๋ว จองโรงแรม เดี๋ยวบริษัทจัดให้ แต่ถ้าไปเอง ก็ต้องเตรียมตามที่ระบุข้างต้นให้ครบด้วย และต้องไปรอต่อคิวเพื่อขอยื่นวีซ่าตอนประมาณไม่เกินหกโมงเช้า เพราะสถานฑูตรับวันละ 10 คิวเท่านั้น (กลัวรับเงินเยอะ เดี๋ยวรวย)

สถานทูตตุรกี ประจำประเทศไทย
Turkey Embassy, Bangkok
61/1 ซ.จัดสรร ถ.สุทธิสาร กทม. 10310
โทร. 0-2274-7262-3 แฟกซ์ 0-2274-7261
(ถ้ามารถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ลงที่สถานีสุทธิสาร จะอยู่ใกล้กับซอย 20 มิถุนา)

สำหรับท่านที่สนใจไปประเทศตุรกี แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกทัวร์แบบไหน มาอ่านข้อมูลที่เราคิดว่ารวบรวมมาไว้กันซะหน่อยก่อนดีกว่า เริ่มจากช่วงฤดูกาล สถานที่ท่องเที่ยว ค่าทัวร์

ประเทศตุรกีแบ่งเป็น 4 ฤดูเหมือนในแถบทวีปยุโรป คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

แล้วอะไรที่ท่านจะได้เห็นบ้าง และอยากจะได้เห็น เมื่อเวลาที่เรามีมันจำกัดเหลือเกิน สำหรับคนที่ต้องทำงานประจำและมีวันหยุดภาคบังคับแค่นี้

สำหรับคนที่มีวันหยุดแน่นอนในช่วง มี.ค. - เม.ย. ซึ่งก็เป็นวันใหญ่ส่วนใหญ่ของใครหลายๆ คนทั่วประเทศอยู่แล้ว สำหรับในช่วงนี้ ที่ประเทศตุรกียังถือว่าค่อนข้างเย็น ถึงเย็นมาก อุณหภูมิก็อยู่ที่ประมาณ 10 - 16 องศา เพราะยังมีไอความเย็นจากภาคพื้นยุโรปปลิวว่อนส่งมาถึง แต่บางคนบอกว่าอากาศกำลังดี (แต่เราไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะขี้เกียจแบกเสื้อกันหนาว ทำให้เสียเรื่องน้ำหนักและพื้นที่ในกระเป๋า)

ในช่วงฤดูนี้ เป็นฤดูที่ท่องเที่ยวได้ทั่วไปเกือบทั้งประเทศ แต่ยังไม่มีดอกไม้มาให้ชื่นชมมากนัก แต่ถ้าเข้าสู่ช่วงปลายเมษายนแล้ว โอกาศที่นักเดินทางจะได้เห็นทิวลิปบานทั่วเมืองก็มีค่อนข้างสูง ซึ่งทางรัฐบาลจะมีการปลูกดอกทิวลิปสารพัดสีสันออกมาอวดโฉม และสร้างความสดชื่นให้กับเมืองตลอดเส้นทางตั้งแต่สนามบินจนถึงใจกลางเมืองเลยทีเดียว โดยเฉพาะสวนด้านหน้าบลูมอสก์ และภายในพระราชวังต่างๆ ที่ต่างแข่งกันประชันความงามกินกันไม่ลง ไม่รู้ว่าจะตัดสินให้ที่ไหนสวยกว่ากัน

เกร็ดเล็กน้อย

ต้นกำเนิดของดอกทิวลิปแท้ที่จริงแล้วมาก็จากที่ตุรกี แต่เดิมดอกทิวลิปเป็นดอกไม้พื้นเมืองทั่วไป จนกระทั่งชาวฮอลันดาได้เข้ามาในภูมิภาคแห่งนี้เมื่อประมาณ 400 ปี และได้นำต้นทิวลิปติดกลับบ้านไปด้วย จนกระทั่งมีการเพาะพันธุ์ปรับปรุงสีของดอกทิวลิป จนปัจจุบันกลายเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวเนเธอแลนด์ไปซะแล้ว

นอกจากนี้ ดอกทิวลิปยังมีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกี โดยเฉพาะในช่วงปี 1718 - 1730 ถึงกับเป็นช่วงที่เรียกกันว่า ยุคดอกทิวลิป (Tulip Era) ภายใต้การปกครองของ สุลต่านอาเหม็ดที่ 3 ได้มีการนำดอกทิวลิปเข้ามามีบทบาทด้านศิลปะ งานหัตถกรรม วรรณกรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะการเย็บปักถักร้อย การทอผ้า พรม กระเบื้องเคลือบ จะต้องมีลวดลายของดอกทิวลิปเป็นส่วนผสม หรืออย่างน้อยก็ต้องมีโครงสร้างของดอกไม้ชนิดนี้อยู่ด้วย จนกระทั่งปี 1730 เมื่อสุลต่านอาเหม็ดที่ 3 หมดอำนาจอันเนื่องมาจากการเกิดจลาจล อิทธิพลแห่งความงามของดอกไม้ชนิดนี้ก็จางหายไปด้วย

ทางเดินเข้าสู่พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace)


สวนดอกทิวลิปภายในพระราชวังทอปกาปึ


สวนทางเดินของพระราชวังโดลมาบาห์เช่ (Dolmabahce Palace)


สวนหน้าตึกของพระราชวังโดลมาบาห์เช่ จัดแต่งแบบสไตล์ยุโรป


ตรงนี้เป็นมุมด้านหน้าห้องน้ำ ก่อนถึงประตูรั้วใหญ่ทางเข้า-ออก


ด้านหน้าของสุเหล่าสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Amed Mosque) หรือที่รู้จักกันในนามของบลูมอสก์ (Blue Mosque)


จะให้คะแนนเท่าไรดี (แต่คะแนนสำหรับคนถ่ายคงติดลบอะนะ)

เป็นอย่างไรบ้างกับฤดูใบไม้ผลิ ไม่ต้องไปถึงเนเธอแลนด์ ก็สามารถชมสวนดอกทิวลิปได้อย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียว

ต่อไปก็เป็นช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือน พฤษภาคม - สิงหาคม บอกได้คำเดียวว่า ร้อน!!! แถมยังร้อนแสบผิวหน้าอีกต่างหาก ยิ่งเข้าสู่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมแล้ว อุณหภูมิไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไร แต่อากาศในโซนของบ้านจะเป็นร้อนชื้น

อุณหภูมิในเมืองอิสตันบูลจะอยู่ประมาณ 28 - 35 องศาเซลเซียส แต่ถ้าข้ามไปเที่ยวฝั่งอนาโตเลียแล้ว อาจจะขึ้นถึง 40 องศา ฉะนั้นจึงไม่ค่อยแปลกใจถ้าหากไปเจอคนท้องถิ่นดูหน้าแล้ว ค่อนข้างสูงอายุไปนิดส์นึง แต่พอถามอายุแล้ว บอกว่าไม่ถึง 50 เพราะเนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งมาก และขาดการบำรุง

ในช่วงฤดูร้อนก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้เกือบทั่วประเทศเช่นกัน แต่ถ้าอยากไปดูน้ำตกที่ปราสาทปุ้ยฝ้าย หรือ ปามุคคาเล่ อันนี้แนะนำเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าหิมะละลายทำความสะอาดพื้นผิวออกมาดูน่าเล่นน้ำเป็นที่สุดเลย แถมพักที่โรงแรมบริเวณเมืองนี้ ยังได้แช่น้ำแร่ชนิดเข้มข้นแบบโอวัลตินอีกด้วย

หมดหน้าร้อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มประมาณกันยายน - พฤศจิกายน ความงามแห่งสีสันก็กลับมาเยือนอีกครั้ง กับความเข้มข้นของสีแดง สลับเหลือง เขียว อุณหภูมิจะประมาณ 16 - 24 องศาเซลเซียส

ดูตัวอย่างเล็กๆ จากด้านหน้าโบสถ์ St.Sofia หรือ Hagia Sofia ถ้าอยากเห็นสีของใบไม้เปลี่ยนเยอะๆ ต้องกลางเดือนพฤศจิกายน จะสามารถชมได้ทั่วเมือง


เป็นอีกหนึ่งฤดูที่เที่ยวแล้วมีความสุข เพราะอากาศจะเย็นสบาย แต่ถ้าข้ามไปเที่ยวแถวเมืองชายทะเลชายอันตาเลีย อุณหภูมิจะอุ่นขึ้นนิดหน่อย และอาจจะยังมีฝนเล็กน้อย

มาจบกันที่ฤดูหนาว คงไม่ต้องบอกว่าต้องเตรียมเสื้อกันหนาวแล้วเนอะ ดูจากรูปก็พอจะบอกได้ว่าหนาวแค่ไหน


หรือจะหนาวแบบนี้ดี สู้ตายค่ะ V(^__^)V


จบตอน 1 ก่อนจ๊ะ



Create Date : 25 กรกฎาคม 2553
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 17:05:07 น. 0 comments
Counter : 4535 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Poonchayapich-N
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Home...L'Amour De Ma Vie
[Add Poonchayapich-N's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com