............
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

บ่วงรัก 6




เสียงรถที่ดังแว่วเข้ามาส่งให้คนที่นั่งรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นั้นรีบลุกพรวดเดินเร็ว ๆ ออกไปรอรับด้วยใบหน้าแช่มชื่น

“รบค่ะ ไปไหนมาหรือคะ”สรีรัตน์ถามขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มเดินลงจากรถมา ถึงแม้จะไม่วิ่งตรงเข้าไปหาชายหนุ่มโดยตรง แต่สายตาที่มองส่งไปให้เขานั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เธออยากจะให้เขารับรู้

“มีอะไรหรือเปล่าครับรี มาหาผมถึงนี่”

“เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะคะ”สรีรัตน์เลือกที่จะชักชวนชายหนุ่มเข้าบ้านแทนที่จะยืนพูดคุยกันอยู่ตรงนี้ อติรบยอมเดินตามคนชวนเข้าไปในบ้านด้วยท่าทีเรียบเฉย จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่กลางห้องรับแขกโล่งกว้าง

“ไปไหนมาตารบ...รู้หรือเปล่าว่าหรูรีมารอตั้งแต่บ่ายแล้ว”คุณหญิงศรีรัตน์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มองจ้องลูกชายด้วยสายตาตำหนิติเตียน

“แม่มีอะไรกับผมหรือเปล่า”

“แม่จะไปมีอะไรกับเรา หนูรีโน่นที่มี...เรานี่ยังไงนะตารบ ปล่อยให้หนูรีมารอตั้งนาน แม่โทรไปหาก็ไม่รับสาย....”

“แม่ครับ...”เสียงขรึมของลูกชายที่ดังขึ้นทำให้คนเป็นแม่หยุดคำพูดของตนเองลงทันที ด้วยรู้ดีว่า หากลูกชายตนพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้แล้ว แสดงว่า ลูกชายของเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ต้องการให้ใครกวนใจ

“เอ่อ...คุณป้าคะ...ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ รีเองก็ไม่ได้มีธุระสำคัญอะไร แค่อยากชวนรบไปทานข้าวเย็นด้วยกันเท่านั้นเองค่ะ”สรีรัตน์รีบพูดแทรกขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศมาคุที่ฝ่ายชายได้สร้างขึ้น

“งั้นหรือจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญตามสบายนะจ๊ะหนูรี ป้าไม่กวนดีกว่า”คุณหญิงศรีรัตน์หันไปพูดกับแขกสาวก่อนเดินเลี่ยงออกไป เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้มีเวลาพูดคุยกับลูกชายของตนเองเป็นการส่วนตัว

“รีครับ”

“รบจะปฏิเสธรีอีกแล้วหรือคะ”สรีรัตน์หันมาถามเสียงหงอย หลายครั้งแล้วที่เธอมักจะถูกปฏิเสธจากชายหนุ่มตรงหน้า และก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของเธอและเขากำลังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

น้ำเสียงหงอย ๆ อีกทั้งยังท่าทางที่แสดงออกว่าน้อยใจและเสียใจของเธอทำให้อติรบไม่อาจพูดอะไรได้อีก นอกเสียจากยอมทำตามสิ่งที่เธอปรารถนา ทั้งที่ในใจนั้นเขาไม่อยากจะทำมันเลย....


“รบ...แม่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”คุณหญิงศรีรัตน์เรียกตัวลูกชายเอาไว้ทันทีที่เห็นลูกชายเดินกลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง หลังจากที่พาว่าที่คู่หมั้นออกไปทานอาหารนอกบ้าน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ดึกมากแล้วผมเหนื่อย”อติรบถามกลับด้วยน้ำเสียงเนือย บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่อยากจะพูดหรือคุยอะไรด้วยทั้งนั้นในตอนนี้ ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่แม่ตนต้องการจะพูดด้วยนั้นคงไม่แคล้วเป็นเรื่องของสรีรัตน์ อีกตามเคย

“อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงวันหมั้นแล้วนะลูก ลูกควรจะให้ความสำคัญกับหนูรีเขาบ้าง”คนเป็นแม่พูดขึ้น ไม่สนใจว่าลูกชายต้องการจะฟังหรือไม่

“...................”

“แม่ไม่เข้าใจ...เมื่อไหร่ลูกจะลืมแม่คนนั้นเสียที แม่...”

“คุณแม่!”อติรบขึ้นเสียงในทันทีที่คนเป็นแม่พูดสะกิดถึงใครอีกคนขึ้นมา

“ทำไมล่ะรบ รบก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไง เธอทิ้งลูกไปหาผู้ชายคนอื่นนะ”

“ผมไม่อยากฟัง!”อติรบหันมาตะคอกเสียงใส่ด้วยความลืมตัว หน้าตาถมึงทึงจนคนเป็นแม่อดที่จะตกใจไม่ได้ แต่เมื่อตัดสินใจที่จะทำแล้ว นางก็ไม่คิดจะเกรงใด ๆ

“แต่ลูกต้องฟัง! รบไม่เชื่อแม่ใช่มั้ย?”เสียงคนเป็นแม่ตวาดขึ้นบ้าง ความรู้สึกไม่พอใจเอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจ ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน นางก็ไม่อาจเขี่ยนังเด็กผู้หญิงคนนั้นออกจากใจของลูกชายได้เสียที

“พอเสียทีเถอะครับแม่ ผมรู้ว่าผมควรจะทำยังไง...ผมขอตัวนะครับ”พูดจบก็เดินหนีขึ้นห้องตนเองไปทันที ไม่ฟังเสียงร้องเรียกของคนเป็นแม่อีกต่อไป


แสงไฟสว่างไสวภายในห้องนอนไม่ได้ทำให้อติรบรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย หัวใจอันมืดมนของเขาถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของคนเป็นแม่อีกครั้ง...เขาควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ลืมเรื่องราวเหล่านั้น จะทำอย่างไรให้ลืมผู้หญิงคนนั้นให้หมดไปจากใจเสียที...สุดท้ายความทรงจำในครั้งเก่าก็กลับมาตอกย้ำเขาอีกครั้ง

...ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับพิมพ์รดา...เธอเป็นเด็กสาวที่อยู่ในวัยสดใส หน้าตาน่ารักและดูโดดเด่นกว่าเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ดวงตากลมโตแต่นัยน์ตากลับแฝงไว้ด้วยความเศร้าที่มองสบมาในคราแรก แทบจะทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาออกจากเธอได้ และเมื่อเธอส่งยิ้มมาให้ ภาพรอยยิ้มที่ติดตรึงอยู่บนดวงหน้าหวานนั้นก็ประทับติดตรึงอยู่ในหัวใจเขาในทันที ทุกครั้งที่ได้แอบมองก็ทำให้เขาใจสั่นไหว และแน่นอนว่าเขายินดีสานไมตรีกับเธอต่อไป ด้วยการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ ทำให้เขาและเธอได้มีโอกาสพบกันบ่อยครั้ง จากความสัมพันธ์เพียงแค่เพื่อนเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้ว่าทั้งเขาและเธอจะไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัวเขาเลย เขาหมั่นเพียรมาหาเธอถึงที่โรงเรียนแทบทุกเย็น ใช้เวลาในช่วงเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาสองปีนับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักเธอ มันทำให้เขารู้ว่า เธอคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้

ในวันจบการศึกษาระดับมัธยมปลายเป็นวันเดียวกับที่เขารู้ตัวว่าเขาจะต้องเดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศ เขาตัดสินใจพาเธอไปบ้านของตนเองโดยให้เหตุผลว่าครอบครัวของเขาจัดงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาให้กับตัวเขา ซึ่งเหตุผลนี้เองทำให้เธอไม่ปฏิเสธที่จะไปบ้านของเขา หลังจากที่เธอปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของการชักชวนในครั้งนี้คือ เขาต้องการพาเธอไปพบกับพ่อและแม่ของเขาเอง เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะสารภาพรักกับเธออย่างจริงจังและจะขอหมั้นเธออย่างเป็นทางการก่อนที่ตนเองจะเดินทางไปเรียนต่อ...แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงจนหมดสิ้น เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้เธอบอกเลิกกับเขา ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอในเวลานั้นมันเกินเลยจนกู่ไม่กลับแล้ว...เสียงสนทนาในวันนั้นวกกลับมาให้เขาได้ยินและเจ็บปวดกับมันอีกครั้ง

‘ทำไมล่ะพิมพ์ รบทำอะไรผิด’

‘รบไม่ได้ทำอะไรผิดเลย’

‘แล้วเพราะอะไรล่ะพิมพ์ ทำไมเราต้องเลิกกันด้วย’เสียงแหบพร่าถามออกไป มือหนึ่งคว้าเอวของเด็กสาวเอาไว้แน่น แม้เธอจะพยายามแกะมือของเขาออกก็ตาม

‘พิมพ์ขอโทษ...รบอย่าถามอะไรพิมพ์เลยนะ’เด็กสาวหันมาพูดด้วยใบหน้าหม่นเศร้า สลัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขา ก่อนเดินจากไปโดยไม่หวนกลับมามอง

‘รบไม่ยอมหรอกนะ รบไม่ยอมให้เรื่องของเราจบลงแบบนี้แน่ พิมพ์!’อติรบในเวลานั้นพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงกร้าว แม้ว่าเด็กสาวจะไม่อยู่ในห้องนี้แล้วก็ตาม

หลังจากวันนั้นมาเขาก็พยายามตามหาตัวเธอไปทั่วไม่ว่าจะเป็นที่บ้านเช่าของเธอ หรือว่าบ้านเพื่อน ๆ เธอ แต่ทว่าทุกอย่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน หรือถามใครก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้เลยว่า เธอหายตัวไปไหน เธอหายไปนับแต่คืนนั้น แม้แต่ ‘อินทิรา’ เพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็ยังไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ความอึดอัดและทรมานรุมสุมเข้ามาในจิตใจของเขาจนแทบทนไม่ไหวเมื่อได้รู้ว่าถึงเวลาที่ตนเองจะต้องเดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศแล้ว แต่เขากลับยังไม่พบเจอเธอ ยังไม่ได้พูดคุยกันให้รู้เรื่องเลย และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เขาตัดสินใจว่าจะไม่ยอมเดินทางไปเรียนต่ออย่างแน่นอน หากยังไม่พบเธอและพูดคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ทว่าแม่ของเขากลับไม่ยินยอมให้เขาทำตามใจตนเองแบบนั้นได้ อีกทั้งยังหาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาพูดกับเขาจนในที่สุดเขาก็ยอมทำตามความต้องการของแม่ เมื่อคนเป็นแม่รับปากจะช่วยตามหาเธอและจะติดต่อเขาไปทันทีที่เจอตัว...

แต่แล้วเรื่องทุกอย่างก็เลวร้ายลงและเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นของเขาอีกด้วย...เขายังคงจำได้ดี ในวันที่เขาได้รับการติดต่อจากแม่ตนเอง หลังจากที่เขาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเกือบเดือน

‘รบหรือลูก...นี่แม่นะ’

‘ครับแม่...แม่เจอตัวพิมพ์แล้วใช่มั้ยครับ’

‘รบฟังแม่ดี ๆ นะ...รบลืมผู้หญิงคนนั้นได้แล้วนะลูก....’

‘อะไรกันครับแม่! แม่พูดอะไร’น้ำเสียงงุนงงถูกถามออกไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นแม่

‘แม่พิมพ์ของลูกน่ะ รู้มั้ยว่าตอนนี้หล่อนกลายไปเป็นแฟนของ ‘นายฟ้า’ไปแล้ว’

‘แม่พูดอะไร ‘นายฟ้า’ มาเกี่ยวอะไรด้วย’

‘ฟังแม่นะรบ...ที่แม่พิมพ์มาขอเลิกกับรบก็เพราะหล่อนแอบคบอยู่กับนายฟ้า และพอแม่นั่นรู้ว่าลูกจะไปเรียนต่อ คงไม่อยากรอลูกอีก เลยรีบเบนหัวไปหานายฟ้าทันที แม่นั่นร้ายกาจมากนะลูก...รบจำวันงานเลี้ยงในวันนั้นได้หรือเปล่าล่ะลูก รบเห็นสายตาที่สองคนนั้นแอบมองกันได้มั้ย ยังจำได้มั้ยที่แม่เคยบอกกับลูกน่ะ...ที่นี่ลูกก็ตาสว่างได้แล้วนะ ลืมแม่นั้นไปได้แล้ว’

‘ไม่จริง....เป็นไปไม่ได้’เสียงรำพันของลูกชายทำให้คนเป็นแม่คนห่วงไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงผลได้ ผลเสียแล้ว นางยอมที่จะเห็นลูกชายเจ็บในตอนนี้ ดีกว่าได้ผู้หญิงไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าแบบนั้นมาเป็นลูกสะใภ้

นับจากนั้นมา เขาก็มักได้รับข่าวคราวของหญิงสาวในรูปแบบต่าง ๆ จากคนเป็นแม่ ซึ่งเป็นข่าวที่เขาไม่อยากรับรู้เลยสักนิด และด้วยสาเหตุนี้เองที่ได้สร้างรอยดำมืดให้เกิดขึ้นในจิตใจของเขา และไม่ว่าเขาจะพยายามลืมมันแค่ไหน เขาก็ไม่อาจลืมเลือนมันได้เลย ทุกประโยค ทุกคำพูดของคนเป็นแม่ ไหลวนเวียนอยู่ในหัวของเขาคล้ายกับจะต้องย้ำให้กับความโง่เขลาของตัวเขาเอง ที่หลงทุ่มทั้งกาย ทั้งใจให้กับเธอ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ภาพลวง...

เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลืมเธอให้ได้ เขาเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเพื่อหวังจะลืมเธอ แต่แล้วไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถลบภาพเธอออกจากใจเขาได้เลย ...จนกระทั่งเมื่อสี่ปีก่อน เขาได้พบกับสรีรัตน์ สรีรัตน์เป็นสาวหวาน ท่าทางบอบบางและดูคล้ายกับเป็นคนอ่อนแออีกด้วย และในบางมุมของเธอทำให้เขาคิดถึงใครคนหนึ่งที่ยังคงหลบอยู่ในมุมมืดในหัวใจของเขา และสิ่งนั้นเองทำให้เขาให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ หลายครั้งที่เรื่องของเขาและเธอเกือบจะจบลงที่เตียงนอน แต่เมื่อเกือบจะถึงจุดนั้นก็เป็นเขาเองที่ไม่อาจทำมันได้...สรีรัตน์ต่างไปจากผู้หญิงหลาย ๆ คนที่เขาเคยผ่านมา หรืออาจจะเรียกได้ว่า เพราะเธอดูคล้ายกับใครคนนั้นนั่นเอง จึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะพลั้งเผลอไปอีก

ความสนิทสนมระหว่างเขาและสรีรัตน์มีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งครอบครัวของเขาและเธอก็ยังรู้จักมักคุ้นกันในระดับหนึ่งอีกด้วย ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ว่าเขาและเธอกำลังอยู่ในระหว่างคบหาดูใจกัน...เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของเขาที่มีให้กับสรีรัตน์เรียกว่าอะไร...เขาไม่อาจพูดได้เต็มปากว่า ‘รักเธอ’ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย และเพราะเหตุผลนี้เองทำให้ทั้งเธอและเขาตกอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขั้นกลางความนึกคิดของอติรบทำให้ภวังค์นั้นมลายหายไปสิ้น นัยน์ตาสีนิลตวัดไปมองโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วของตนที่วางอยู่ไม่ไกลมือนัก ก่อนถอนใจออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“ว่าไงครับรี”

“รบถึงบ้านหรือยังคะ รีเป็นห่วงเลยโทรมาถามดูค่ะ”สรีรัตน์ส่งเสียงหวานผ่านสายมา

“ครับ ผมถึงบ้านแล้ว กำลังจะอาบน้ำพอดีเลย”

“หรือคะ...งั้นรีไม่รบกวนรบแล้วดีกว่าค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะรบ รีรักรบค่ะ”สรีรัตน์บอกอีกครั้งก่อนวางสายไป

สายน้ำที่ไหลรินกระทบผิวกายไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระชุ่มกระชวยเลยแม้แต่น้อย ด้วยใจที่ยังว้าวุ่นและสับสนจนไม่อาจรับรู้สิ่งใดเลยนั่นเอง ภาพใบหน้าของพิมพ์รดาลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามตัดมันออกไปเท่าไหร่ ก็ไม่อาจทำให้ภาพนั้นหายไปจากความนึกคิดของเขาได้ รอยยิ้มของเธอที่เขาเคยหลงใหลยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เสื่อมคลาย

“พิมพ์ ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี”


ในบ้านเช่าหลังเล็กกะทัดรัด การทุ่มเถียงกันระหว่างน้าสาวและหลานชายเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จากที่แกล้งเย้าแหย่กันไปมา สุดท้ายการเย้าแหย่นั้นกลับกลายเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเมื่อจู่ ๆ น้าสาวก็ฉวยจานขนมที่เต็มไปด้วยคุกกี้ไปหน้าตาเฉย

“น้าอิน! เอาขนมของออยคืนมาเลยนะ ออยโกรธจริง ๆ แล้วนะครับ”น้ำเสียงเข้มของหนุ่มน้อยผู้เป็นหลานร้องบอกขึ้น สองมือไขว่คว้าจานขนมที่อยู่สูงเหนือศีรษะตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง

“อะไรกันจ๊ะน้องออย ขนมจานนี้ของน้าอินนา ขี้ตู่นี่เรา”พูดจบก็หัวเราะร่า ดีอกดีใจที่ได้กลั่นแกล้งหลานชายสุดที่รัก

“น้าอิน!”

“โอ๋ ๆ...ไม่งอนกันน๊า...น้าอินไม่แกล้งแล้วก็ได้ อยากได้ขนมจานนี้คืนหรือเปล่าเอ่ย”คนเป็นน้าถามขึ้น พลางยักคิ้วหลิ่วตาให้หลานชายตน และเมื่อเห็นว่าหลานชายพยักหน้ารับ คนถามก็ยิ้มหวานเอียงแก้มของตนไปให้เป็นการยื่นข้อเสนอของตัวเอง

“โธ่!...น้าอินนี่นะ อยากให้ออยหอมแก้มก็ไม่บอก ออยยอมให้น้าอินคนเดียวเลยนะจะบอกให้”พูดจบก็เดินเข้ามายื่นปากเข้าหอมแก้มน้าสาวเสียฟอดใหญ่ และแถมท้ายด้วยการจุ๊บปากน้าสาวให้อีกด้วย

“ต๊าย!...แหม พ่อหลานรักของน้า ร้ายนักนะเรา โรขึ้นห้ามไปจุ๊บปากสาวไหนแบบนี้นะ น้าอินไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”อินทิราแกล้วทำน้ำเสียงตกอก ตกใจ ก่อนทำทีเป็นตัดพ้อ น้อยใจ หากในอนาคตหลานชายตัวดีจะไปทำแบบนี้กับสาวอื่น

“โธ่! น้าอินครับ ออยยังเด็กอยู่เลย ออยไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ แต่ถ้าโตขึ้นออยจะหล่อจนสาว ๆ มายื่นแก้มให้ออย ออยก็คงต้องยอม ต้องหยวนให้นะครับ”

“น้องออย!...พูดอะไรเนี่ยลูก แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา”พิมพ์รดาเดินมาทันได้ยินเสียงลูกชายพูดประโยคเกินเด็ก ก็รีบร้องปราม ผิดกับน้าสาวที่เอาแต่หัวเราะร่วน ชอบอก ชอบใจกับคำพูดของหลานรักพลางนึกในใจว่า...หลานของเธอนี่สงสัยว่า ลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้นซะแล้ว.....

“พิมพ์ทำงานเสร็จแล้วหรือ”อินทิราถามแทรกขึ้น พลางพยักเพยิดกับหลานชายเป็นการส่งซิก ซึ่งคนเป็นหลานก็รู้จังหวะดี รีบฉวยจานขนมแล้วเดินจากไปโดยเร็ว

“เกือบแล้วล่ะ พอดีหิวน้ำ...อินนี่นะ สอนหลานแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”พิมพ์รดามองตามลูกชายตัวดีที่เดินหนีไปทันทีที่คนเป็นน้าเข้ามาขวาง ก่อนหันมาพูดกับเพื่อนตนด้วยน้ำเสียงระอาใจ

“อินสอนที่ไหนกัน...ไหน ๆ งานไปถึงไหนแล้ว เอามาให้อินดูบ้างสิ”อินทิราพูดพลางเดินไปยังมุมโต๊ะทำงานของเพื่อนเป็นการเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปเมื่อสักครู่ อาการก้ม ๆ เงย ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจของเพื่อนส่งให้พิมพ์รดาขึ้นกับส่ายหน้าไปมา...แบบนี้ทุกทีสิน่าอิน!

“โอ้โห...ใช้ได้เลยอ่ะพิมพ์ งานนี้ผ่านฉลุยแน่”

“พิมพ์ก็หวังให้เป็นแบบนั้นนะ”พิมพ์รดาพูด หย่อนตัวลงนั่งใกล้ ๆ เพื่อน

“พรุ่งนี้พิมพ์ต้องเอางานไปส่งพี่ปองเลยใช่มั้ย เฮ้อ!...พูดถึงพี่ปองแล้วอินเซ็ง”อินทิราพ่นลมหายใจออกมาเสียงดังทันทีที่เอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นทั้งรุ่นพี่และเจ้านายของตน

“ก็เพราะดินทำตัวอินเองทั้งนั้น อินต้องเข้าใจที่ปองเขาบ้างนะ เขาเป็นเจ้านายเรา อายุก็มากกว่าเราตั้งหลายปี ส่วนเราก็เป็นลูกน้องเขา อายุก็น้อยกว่าเขา...งงมั้ยเนี่ย! เอาเป็นว่า...ง่าย ๆ เลยนะ ไม่มีเจ้านายที่ไหนหรอกที่เขาจะชอบลูกน้องที่ไม่ให้เกียรติ ไม่นับถือเขาน่ะ อินลองคิดดูดี ๆ...ถ้าอินได้เป็นเจ้านายบ้าง แล้วมีลูกน้องมาทำอย่างที่อินทำกับพี่ปอง อินจะรู้สึกยังไง นี่พิมพ์ไม่ได้เข้าข้างพี่ปองเลยนะ พิมพ์เป็นกลางที่สุด!”

คำพูดของพิมพ์รดากระตุ้นความรู้สึกสำนึกของอินทิราได้ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งตัวคนพูดเองก็รู้สึกยินดีมากที่อย่างน้อยเพื่อนเธอก็เป็นคนมีเหตุผลมากพอ

“อินไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลยนะพิมพ์ มันเป็นไปเอง จริง ๆ นะ อินไม่ได้ตั้งใจเลย”

“เอาน่า...ในเมื่ออินบอกว่าอินไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปอินก็ทำตัวใหม่สิ”คำพูดของพิมพ์รดาไม่รับการตอบรับจากเพื่อนด้วยความเงียบ แต่เธอก็เชื่อว่าเพื่อนเธอจะต้องทำอย่างที่เธอแนะนำแน่

“เอาล่ะ...พิมพ์ว่าเราแยกย้ายกันไปนอนดีกว่านะ พรุ่งนี้น้องออยเปิดเทอมวันแรกด้วย”พูดจบก็ทำท่าจะผละจากไป แต่แล้วเสียงของเพื่อนก็ดังขึ้นเสียก่อน

“อินจะพยายามก็แล้วกันนะพิมพ์ ก็บอกแล้วไง อินไม่รู้ตัวจริง ๆ มันเป็นไปเอง”

พิมพ์รดาชะงักยืนอยู่กับที่ฟังจนเพื่อนพูดจบแล้วก็ต้องถอนใจออกมา ด้วยรู้สึกเหนื่อยใจแทนเจ้านายหนุ่มของตน งานนี้ ไม่ใครก็ใครนั่นแหละจะต้องมีเจ็บตัวกันบ้าน....


เช้าวันใหม่ย่างก้าวเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเสียงอึกทึกครึกโครมของสองน้าหลาน เสียงโวยวายที่ดังแว่วออกมาจากทางห้องครัวขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะกับครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเธอ รั้งให้คนที่เพิ่งก้าวลงจากชั้นสองของบ้านต้องเดินมาชะโงกหน้าดูเหตุการณ์

“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ น้า หลาน จะสายแล้วนะ”

“แม่พิมพ์! ออยอยากกินอเมริกันเบรกฟาสครับ แต่น้าอินจะทำแต่ข้าวต้มอย่างเดียวเลย”หนุ่มน้อยหันมาฟ้องคนเป็นแม่ทันทีก่อนหันไปทุ่มเถียงกับน้าสาวต่อ เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีได้การทุ่มเถียงกันของสองน้าหลานก็สิ้นสุดลง และชัยชนะในครั้งนี้ก็เป็นฝ่ายหลานชายสุดที่รักอีกครั้งจนได้...

อาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาส หรือจะเรียกง่าย ๆ ก็ ขนมปัง ไข่ดาว หมูแฮม ถูกจัดใส่จานอย่างน่ารับประทานและวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย จากนั้นทั้งสามก็เริ่มรับประทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย

“ขึ้นรถได้แล้วครับสุดหล่อ”น้าสาวเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับเปิดประตูรถรอรับหลานชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โดยที่หลานชายก็ไม่ขัดใจรีบกระโดยผลุบเข้าไปนั่งประจำที่ของตนในทันทีเช่นกัน ก่อนที่รถยนต์คันโปรดของคุณน้าคนสวยนะทะยานออกจากบ้านโดยมีจุดหมายปลายทางคือโรงเรียนประถมของหลานชายในเวลาต่อมา

“ตั้งใจเรียนนะครับลูก เย็นนี้พี่แต้มจะเป็นคนมารับนะครับ”พิมพ์รดาย่อตัวลงพูดกับลูกชายหลังจากเดินเข้ามาส่งลูกชายถึงทางเข้าประตูโรงเรียนแล้ว

“ครับแม่พิมพ์…สวัสดีครับ”หนุ่มน้อยรับคำของแม่ ยกมือไหว้ทำความเคารพก่อนหันหลังวิ่งเข้าโรงเรียนไป เสียงคุ้นหูของลูกชายที่กำลังร้องเรียกทักทายเพื่อนตัวน้อยของตนอยู่ ส่งให้คนเป็นแม่หันกลับไปมองดูอีกครั้ง ก่อนที่ลูกชายจะเดินลับหายไปกับกลุ่มของเพื่อน พิมพ์รดายืนมองจนลูกชายลับสายตาไปจึงได้หันหลังเดินกลับไปยังรถของเพื่อนที่จอดรออยู่ไม่ไกล


ทันทีที่เดินทางมาถึงบริษัทของตน อินทิราก็ต้องแปลกใจเมื่อโต๊ะทำงานของเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถามใครก็ไม่มีใครยอมตอบ เอาแต่พยักเพยิดไปทางห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม และนั่นเองที่ทำให้เธอนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“พี่ปองเอาจริงหรือนี่!”เธอรำพึงกับตัวเองเบา ๆ ก่อนออกเดินไปยังห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม และดูเหมือนว่ามันกำลังจะกลายเป็นห้องทำงานใหม่ของเธออีกด้วยทันที

เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่เบานัก ก่อนที่มันจะถูกเปิดออกด้วยน้ำมือของคนที่เป็นคนเคาะประตูนั่นเอง

“มาแล้วหรืออิน”ปองพลถามเสียงเรียบ เงยหน้าขึ้นมองสบตาลูกน้องสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนด้วยแววตานิ่งเรียบ ไม่บ่งบอกว่าชอบใจหรือไม่ที่ลูกน้องสาวทำกิริยาแบบนี้ใส่ตน

“พี่ปองจะให้อินเข้ามาทำงานในนี้จริง ๆ น่ะหรือ”อินทิราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผิดแผกไปจากทุกครั้ง จนคนฟังแอบยิ้มอยู่ในใจ

“อือฮึ”

“แต่อินอยากกลับไปนั่งที่เดิม”

“อือ....ฮึ”เสียงรับคำของเจ้านายหนุ่ม ยิ่งทำให้อินทิราได้ใจ ว่างานนี้เธอทำสำเร็จแน่ จึงค่อย ๆ ตะล่อมต่อไป

“นะคะพี่ปอง ให้อินกลับไปนั่งทำงานที่เดิม นะคะ...”เสียงหวานรื่นหูที่ดังขึ้น ส่งให้ชายหนุ่มมองหน้าคนพูดด้วยสายตาที่คนพูดเห็นแล้วอยากจะตะปบหน้าหล่อ ๆ นั้นนัก

“ไม่สบายหรือเปล่า...อิน”

“ไม่นี่คะ...อินสบายดี พี่ปองยังไม่ให้คำตอบอินเลยนะ อินขอออกไปนั่งทำงานข้างนอกตามเดิมนะคะ”ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายจงใจล้อเลียนตนเอง แต่ทว่าจุดประสงค์หลักสำคัญกว่า อินทิราจึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจคำถามของชายหนุ่ม แล้วปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงที่หวานเสียยิ่งกว่าตอนแรกหลายเท่า

“อิน...พอเถอะ...อย่าทำอะไรที่มันไม่ใช่ตัวอินแบบนี้เลย ไม่ใช่พี่รับไม่ได้นะ แต่มัน...”

“พี่ปอง!”

“หึ....หึ...นี่แหละอินของพี่ตัวจริง เสียงจริง”ปองพลหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจ ก่อนบอกไป

“แล้วตกลงว่าไงคะ...อินขอไปนั่งที่เก่าได้หรือเปล่า”

“ม่าย.....ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อินเข้ามาทำงานในนี้ เวลามีอะไรพี่จะได้เรียกใช้ได้ง่าย ๆ หน่อย”ปองพลส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับคำพูดราบเรียบที่พูดออกไป แต่ทว่าสำหรับคนฟังแล้วไม่ได้รู้สึกราบเรียบและชอบใจเลยสักนิด

หนอย...ไอ้พี่ปองบ้า มีอะไรจะได้เรียกใช้ง่าย ๆ ตั้งใจจะจ้องจับผิดเราตลอดเวลาก็ว่ามาเถอะ...ฮึ!!

“เออ...แล้วนี่พิมพ์มาหรือยัง มาด้วยกันหรือเปล่า”คำถามของปองพลส่งให้คนที่กำลังต่อว่า ต่อขานเขาอยู่ในใจสะดุ้งเฮือก

“เป็นอะไร? หรือว่าแอบนินทาพี่ใจใจอีกแล้ว”

“เปล่าซะหน่อย พี่ปองหาเรื่อง!”

“หึ...เปล่าก็เปล่า...แล้วตกลงว่าพิมพ์มาแล้วหรือยัง”ปองพลหัวเราะขำคนผิดแต่ไม่ยอมรับผิดก่อนจะเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง

“มาแล้ว”

“อืม...งั้นอินไปตามพิมพ์ให้พี่หน่อยสิ”

“อะไร? พี่ปองทำไมไม่ไปใช้เลขาฯของพี่ล่ะ มาใช้อินทำไม”อินทิราทำหน้าเหรอหรา บอกออกไปด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

“อ่อ...ลืมบอกไป เลขาฯ พี่ลาพักร้อนพอดีเลย เอาเป็นว่าช่วงนี้อินก็มาเป็นเลขาพี่เพิ่มอีกตำแหน่งก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพี่เพิ่มเงินเดือนให้เป็นพิเศษเลย”ปองพลพูดขึ้นหน้าตาย ผิดกับคนได้รับตำแหน่งเพิ่มโดยที่ไม่ต้องเรียกร้อง ที่เกิดอาการแข็งค้าง ร่างกายทุกส่วนหยุดนิ่งไม่ไหวติง จนชายหนุ่มนึกขำ ก่อนเดินเข้าไปหาสาวหวานที่แสนจะดื้อรั้นและพยศที่สุดของเขา โบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าหลายครั้งติดต่อกัน แต่ทว่าเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ดี จนเขาต้องออกแรงเขย่าร่างบางนั้นเบา ๆ เป็นการเรียกสติ

“พี่ปอง!...ทำอะไร เข้ามายืนทำไมใกล้เสียขนาดนี้”อินทิราโวยขึ้นเสียงดัง พลางถอยหลังหนีความใกล้ชิดนั้นในทันทีที่กลับมารู้สึกตัว

“ตกลงตามนี้นะ...ไปตามพิมพ์มาให้พี่ได้แล้ว”

“ตกลงอะไร เรื่องเป็นเลขาฯน่ะหรือ ไม่เอาหรอก อินไม่เป็นให้หรอกนะ”

“ไม่ได้! อินต้องเป็น...ไปได้แล้ว ไปตามพิมพ์มา เร็ว ๆ ด้วย”ปองพลปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนออกปากไล่ให้หญิงสาวไปทำตามคำสั่งของเขา โดยที่อินทิราไม่กล้าหือแม้แต่น้อย ทั้งที่เธอไม่อยากจะทำตามเลยสักนิด แต่ทว่าท่าทีของเจ้านายหนุ่มในเวลานี้ดูน่ากลัวยังไงพิกลก็ไม่รู้ เธอก็เลยไม่กล้าแผลงฤทธิ์น่ะสิ

อาการกระฟัดกระเฟียดเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไปอย่างกับเด็กเล็ก ๆ ของอินทิราทำให้ปองพลหัวเราะชอบใจใหญ่...อย่างน้อย ๆ วันนี้เขาก็สามารถปราบเธอได้อยู่หมัดล่ะนะ...ถึงจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เธอจะพยศอะไรขึ้นมาอีก แต่เขาก็เชื่อว่า เขาสามารถรับมือกับเธอได้แน่ แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่แน่ใจในตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่เขาเชื่อแน่ว่าอีกไม่นานหรอก เขาต้องรู้แน่...แล้วถ้าถึงเมื่อนั้น ถึงวันที่เขารับรู้ใจตัวเองว่า...รักเธอ ไม่ว่าเธอจะพยศสักแค่ไหน เขาก็จะกำหลาบให้อยู่หมัดเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็คอยดู!!





 

Create Date : 19 ธันวาคม 2551
1 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 12:11:11 น.
Counter : 504 Pageviews.

 

อยากรู้ตอนจบคร้า ไม่ทราบว่าหาอ่านที่ไหนได้บ้าง กำลังสนุกเลย

 

โดย: poom IP: 125.24.79.60 20 สิงหาคม 2552 19:38:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Phatra_ภัทร
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








<
>
Friends' blogs
[Add Phatra_ภัทร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.