สิงหลา ภาคสองทะเล : ๒๔ รักต้องห้าม
เมื่อสร้อยกำลังคลานเตาะแตะในวัยห้าเดือนก็ถึงวันจากลากับแม่ฉาย แม้จะรู้ล่วงหน้าในชะตาของเธอ ทว่าฉันก็อดที่จะใจหายและร้องไห้เสียใจไม่ได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้เพื่อให้แม่ฉายคลายทุกข์กังวลก่อนจากไป คือการได้กระซิบบอกข้างหูแม่ฉายในเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นใจว่า...เบน คนรักของเธอ กำลังรอเธออยู่ด้วยความรัก และเขารักฉายกับลูกมากที่สุด เบน...รอฉันอยู่...เขา...มารับฉันแล้ว เสียงแหบพร่าเบาหวิวของแม่ฉายที่ตอบกลับมาก่อนจะแน่นิ่งไปทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ ครั้นเมื่อเห็นดวงหน้าซีดเผือดไร้วิญญาณแต่ปรากฎรอยแย้มยิ้มที่ริมฝีปากของแม่ฉายก็ทำให้ฉันเบาใจลงได้ว่า...เธอจากไปอย่างสงบแล้วจริง ๆ การจากไปของแม่ฉายทำให้ฉันรู้ว่าแม่เปลื้องนั้นรักและผูกพันกับน้องสาวมากมายขนาดไหน เธอร้องไห้โฮหนักราวจะขาดใจตายตามแม่ฉายไปด้วยอีกคน...ดูภายนอกแม้แม่เปลื้องจะดูปากร้ายและโผงผาง แต่จิตใจภายในของเธอนั้นกลับมีความงดงามและเมตตาปราณีด้วยแม่เปลื้องรับอาสาเลี้ยงดูสร้อยต่อไปด้วยความรักและเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ปัญหากลับตกมาอยู่ที่ฉัน เมื่อแม่เปลื้องลั่นวาจาเด็ดขาดว่าจะไม่ให้ผู้ชายที่ชื่อแก้วไปมาหาสู่ที่เรือนของเธอเพื่อช่วยดูแลสร้อยเป็นอันขาด ฉันเกลียดชายที่ชื่อแก้วนัก...เห็นหน้าแล้วพาลอยากตบไม่หาย แม่เปลื้องแสดงหน้าตาแค้นเคืองให้เห็นอย่างชัดเจนจนฉันรู้สึกหวาด ๆ เพราะยังจำรสชาติฝ่ามือของเธอได้เป็นอย่างดี จะให้ฉันทำอย่างไร...แม่เปลื้องจึงจะหายโกรธและอภัยให้ ฉันถามไปตรง ๆ ภายหลังที่ยายจันทร์และลุงทองช่วยพูดแล้วแต่แม่เปลื้องก็ยังไม่ยอม ก็ต่อเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าพี่แก้วได้ตายหายจากไปแล้วนั่นล่ะ แม่เปลื้องให้คำตอบที่เหมือนฟ้ากำลังผ่าลงมาบนศีรษะของฉันแบบจัง ๆ ฉันไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ว่าคนที่ฉันเคยปักใจให้ความรักยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ แม้จะรู้ความจริงแล้วว่า...เขาเป็นใคร...มันทำให้ฉันรู้สึกเสียใจและรู้สึกโง่ไปเสียทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หมายความว่า...แม่เปลื้องไม่ต้องการให้ฉันปลอมเป็นผู้ชาย...ปลอมเป็นหมอแก้วตอนไปเยี่ยมเยียนสร้อยที่เรือนใช่ไหม ฉันสรุปทบทวนตามที่เข้าใจ ไม่เพียงแต่ที่เรือนของฉันหรอกนะ...ฉันไม่อยากให้ผู้ชายที่ชื่อแก้วอยู่ในสิงหลาด้วยซ้ำไป แม่เปลื้องบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ดวงตาแน่วแน่ที่จ้องมองมาคล้ายบอกว่าจะเอาคืนฉันให้ถึงที่สุดก็ว่าได้ ในเมื่อท่านคือผู้หญิงชาววิลันดา ก็ขอให้ท่านแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา...อย่าโกหกมดเท็จพวกเราชาวสิงหลาอีกต่อไป...เพนนี ฟาน เมอเตส แต่การปลอมเป็นชาย จะทำให้เพนนีทำหน้าที่หมอช่วยเหลือผู้คนได้มากนัก เนปาแย้งขึ้นบ้างหลังจากนิ่งฟังอยู่ข้าง ๆ ฉันมาตลอด ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ...แต่ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายที่ชื่อแก้วได้พบเจอกับหลานสาวของฉันอีกเป็นแน่...และหากฉันพบเจอหมอแก้วในสิงหลาไม่ว่าเมื่อใด...ฉันจะบอกความจริงให้คนอื่นได้รับรู้กันไปทั่วเมือง...ดูรึจะมีใครวางใจคบคนโป้ปดหลอกลวงได้อีก ขาดคำแม่เปลื้องก็อุ้มสร้อยลงจากเรือนยายจันทร์ เพื่อไปนั่งรถม้าที่รออยู่และเดินทางกลับไปที่เรือนของเธอกับเปอลุส * * * * * * * * * * * * * * ต่อมาหลังเสร็จสิ้นการเผาศพแม่ฉายเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้รับสารคำสั่งจากองค์มุตตาฟาให้เข้าเฝ้า เมื่อเดินทางไปถึงเรือนของท่าน ฉันก็ได้พบความจริงว่าองค์มุตตาฟารู้ความเคลื่อนไหวของฉันตอนที่อยู่นอกวังมากพอสมควร ภายหลังหมดภารกิจช่วยรักษาคนป่วยที่ค่ายกักกันโรคระบาดตามที่เจ้าอาสา...ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าคงอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่กับมิตรสหายมากกว่าจะกลับมารับใช้ข้าที่นี่ องค์มุตตาฟากล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออยู่ในที หลานสาวของครูหมอสมุนไพรที่สอนวิชาให้แก่ข้านั้นคลอดลูกแต่กลับเจ็บป่วยหนัก ข้าจึงอยากอยู่ช่วยดูแลนางอย่างใกล้ชิด ฉันชี้แจงเหตุผล ข้ารู้...แต่เมื่อนางตายไปแล้ว...ข้าจึงตัดสินใจเรียกเจ้ากลับมา องค์มุตตาฟามีน้ำเสียงอ่อนโยนลง และฉันรับรู้ได้ว่าท่านลุกขึ้นจากตั่ง เดินตรงมายังฉันที่กำลังก้มหมอบอยู่กับพื้นห้องโถง....สัมผัสจากมือทั้งสองที่จับไหล่เพื่อให้ฉันลุกขึ้นยืนนั้น ทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าไปมององค์มุตตาฟาซึ่งกำลังพูดต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีฝืนเกร็งตัวของฉันสักนิด ถึงตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าทำไมหญิงรับใช้ทุกคนจึงได้เดินสวนออกไปจากห้องโถงเมื่อตอนที่ฉันเดินทางมาเข้าเฝ้า นั่นคงเป็นเพราะคำสั่งจากองค์มุตตาฟา ข้าไม่อยากปกปิดความรู้สึกภายในอีกต่อไปแล้ว...เพนนี...นานเหลือเกินที่เจ้าห่างจากข้าไปอยู่ข้างนอก องค์มุตตาฟาดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้แนบแน่น เจ้าคงได้ยินเสียงหัวใจข้าแล้ว...ข้าไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ แต่...ข้า ฉันอ้าปากจะพูด แต่ดูเหมือนจะถูกแรงจากอ้อมแขนแข็งแรงตระหวัดรัดแน่นขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้...ข้ายอมให้เวลาเจ้าเพื่อพิสูจน์ใจข้า...แต่เมื่อได้เห็นเจ้าสนิทสนมให้ความใกล้ชิดกับชายอื่น...แม้เจ้าจะแต่งกายปลอมเป็นชายแล้วก็ตาม...ข้าก็ยังมิวายครางแคลงกลัวว่าเจ้าจะมีใจให้ชายคนที่ได้ชื่อว่าน้องสามีของเจ้าเอง เนปา ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากของฉันโดยอัตโนมัติด้วยความที่คาดไม่ถึงว่าองค์มุตตาฟาจะคอยติดตามความเคลื่อนไหวของฉันมาตลอด ทหารรับจ้างที่เคยออกรบศึกชายแดนเมืองนครด้วยกัน...คนที่หาญกล้าออกหน้าปกป้องเจ้าในคราวนั้น...เนปา ฟาน เมอเตส องค์มุตตาฟาเอ่ยชื่อท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะพูดเสียงกร้าวขึ้นอีกครั้ง ข้าควรจะทำอย่างไร...ในเมื่อข้าก็มีใจรักให้แก่เจ้าไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน ท่านรู้ได้อย่างไร...ว่าเนปามีใจรักข้า ฉันรู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก หึ...เมื่อเย็นวานนี้ข้าได้พบกับเขา...และบอกเขาไปตรงๆ อย่างลูกผู้ชาย...ว่าข้ารู้สึกกับเจ้าเช่นไร...แต่เขากลับกล้าหาญทัดทาน...บอกว่าเขากับเจ้า...รักกัน ถึงตอนนี้ องค์มุตตาฟาก็คลายอ้อมแขนและปล่อยฉันให้ยืนเป็นอิสระก่อนที่ท่านจะหันหลังพูดต่อไปด้วยข้อความที่ทำให้ฉันหวาดกลัวเป็นที่สุด ข้าควรกำจัดเขาไปให้พ้นทาง แต่... แต่ท่านจะไม่ทำอย่างนั้น ฉันพูดแทรกทันที พยายามบอกกับตัวเองให้นิ่งและใจเย็นเข้าไว้ ท่านเป็นคนดีที่ข้าและเนปาต่างเคารพนับถือ และข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ทำอะไรเนปาเพียงเพราะสตรีม่ายไร้ค่าอย่างข้าหรอก แม้เจ้าคือสตรีม่าย แต่เจ้าไม่ได้ไร้ค่า...เพนนี องค์มุตตาฟาหันกลับมาจ้องหน้าฉันอีกครั้ง แต่ที่ข้าไม่กำจัดเนปา...เพราะข้าอยากได้หัวใจของเจ้าที่มอบให้ข้าอย่างแท้จริงต่างหากเล่า หัวใจข้า...ได้มอบให้แก่เนปาไปหมดแล้ว ฉันยืนยันแม้จะรู้สึกซึ้งต่อน้ำใจขององค์มุตตาฟาไม่น้อย น้ำใจอันประเสริญของท่าน ข้าผู้นี้จะขอจงรักภักดีและรับใช้ทำงานให้ท่านด้วยหัวใจเช่นกัน ข้ายืนยันความในใจไปแล้ว...และขอบอกอีกครั้ง...ว่าข้าจะรอวันที่ได้หัวใจของเจ้า เพนนี ฟาน เมอเตส แต่ท่านไม่ควรรอ ประโยคนั้นไม่ได้เป็นคำพูดของฉัน แต่เป็นของชายคนหนึ่งที่ปรากฎตัวเข้ามาทางประตูเข้าห้องโถงแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง ท่านอับรามัน องค์มุตตาฟาเรียกชื่อชายคนนั้น และทำให้ฉันต้องรีบหันไปมองทางประตูเช่นกัน ท่านเข้ามาแอบฟังได้อย่างไร ถ้าไม่ติดว่าท่านเป็นญาติผู้ใหญ่...ข้าคงสั่งลงโทษให้สาสม นอกจากเป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้า...ข้ายังเป็นที่ปรึกษาแห่งองค์สุลต่านสุลัยมานที่ได้รับความไว้วางใจมายาวนาน น้ำเสียงของอับรามันหนักแน่นและราบเรียบจนยากที่จะเดาใจได้ว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไรในการบุกรุกเรือนขององค์มุตตาฟาในคราวนี้ เมื่อได้ข่าวว่าท่านเรียกหมอหญิงชาววิลันดากลับมารับใช้ที่เรือน ข้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้...เพราะตอนนี้อาการบาดเจ็บของท่านก็หายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว...คงไม่จำเป็นต้องมีหมอมาคอยดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดอีกต่อไป ฉันรู้สึกขอบคุณอับรามันอยู่ในใจที่มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ในตอนนี้ แม้จะยังเกลียดขี้หน้าเขาอยู่ไม่หายก็ตาม เข้ามาในเรือนของข้าโดยไม่แจ้งล่วงหน้าแบบนี้...ท่านต้องการพูดอะไรกันแน่...บอกมาตามตรงดีกว่า เห็นได้ชัดว่าองค์มุตตาฟาเองก็มีท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก หากให้พูดตามตรง...ข้าดูออกว่าท่านพิสมัยหมอหญิงวิลันดาคนนี้...แต่ถึงกระนั้น ท่านก็น่าจะรู้ว่าท่านอยู่ในฐานะอะไร หากท่านคิดจะยกหมอหญิงนอกศาสนาขึ้นเป็นคู่ครองในอนาคตก็รังแต่จะมีปัญหา...และข้าจะไม่มีวันยอมรับให้มีสายเลือดของพวกต่างศาสนานอกรีตประเพณีเข้ามาปะปนกับสายเลือดพวกเราได้เป็นอันขาด อับรามันขยายความที่ต้องการอย่างชัดแจ้ง อย่าลืมว่าท่านดาโต๊ะ โมกอล ปู่ของท่านนั้นต้องหลบหนีอพยพมาจากบ้านเกิดเมืองนอนก็เพราะพวกวิลันดาล่าอาณานิคม...แม้องค์สุลต่านสุลัยมานจะยอมให้พวกวิลันดา และฝรั่งต่างศาสนา เข้ามาค้าขายที่สิงหลา แต่ก็หาใช่ว่าจะยินยอมให้สายเลือดของพวกนั้นมาปะปนกับพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คือท่านซึ่งเป็นบุตรชายแห่งองค์สุลต่านสุลัยมาน ซาร์ ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องโถงใหญ่ อับรามันกลับออกไปแล้ว เหลือเพียงองค์มุตตาฟาที่ยังคงยืนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง และฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้ารอรับคำสั่งอนญาตให้ออกไปอีกคน ข้ารู้ดีในสิ่งที่อับรามันพูด...แต่หัวใจของข้าเล่า...จะมีใครเข้าใจบ้าง องค์มุตตาฟารำพึงแต่ฉันได้ยินชัดเจน ข้า.... ฉันต้องการพูดให้องค์มุตตาฟาตัดใจ แต่ท่านก็ชิงพูดต่อไป...และเป็นคำพูดที่ทำให้ฉันไม่อาจปฏิเสธความจริงแห่งจารีตประเพณีที่สิงหลาได้เช่นกัน แม้แต่เจ้า...เพนนี...ขนบศาสนาของเจ้านั้น ข้าไม่รู้ว่าจะผิดกฎจารีตหรือไม่...แต่ถ้าเจ้าอยู่ที่สิงหลา....ความรักของเจ้ากับเนปาก็ไม่อาจสมหวัง...ด้วยฐานะที่เนปาเป็นน้องสามี...พวกเจ้าจึงไม่อาจครองคู่กันฉันท์ผัวเมีย เพราะหากชาวบ้านชาวเมืองรู้....เจ้าก็จะถูกโพนทนาและประนามหยามเหยียดว่าเป็นกาลกิณี และพวกเจ้าทั้งคู่ก็จะถูกลงโทษและขับไล่ออกไปจากเมือง องค์มุตตาฟาสรุปในตอนท้ายสุด ทั้งเนปา...และตัวข้า ต่างมีอุปสรรคในรักที่มีต่อเจ้าทั้งสิ้น...เพนนี * * * * * * * * * * * * * * ไปต่อไม่ถูก...คงจะใช้คำนี้ได้สำหรับฉัน เนปาคงจะรู้ขนบจารีตที่ว่านั้นจากองค์มุตตาฟาแล้วเช่นกัน เขาจึงมีสีหน้ากังวลใจไม่น้อยไปกว่าฉันเมื่อเราได้มีโอกาสเจอกันที่ท่าเรือในหลายวันต่อมา สรุปว่า เธอก็ยังต้องเป็นหมอหญิงอยู่ในเขตวังต่อไป เพียงแต่ไม่ต้องอยู่เรือนของท่านมุตตาฟาแล้ว เนปาสรุปภายหลังจากฟังเรื่องราวในเขตวังสุลต่านจากฉัน ตอนนี้ มารดาของท่านหญิงปารีซากำลังป่วย...อาการน่าเป็นห่วง แม้แต่หมอฝรั่งเศสก็ยังไม่กล้ารับรองว่านางจะหาย ฉันบอกต่อ โดยลืมไปว่าเนปาในขณะนี้ยังไม่รูจักกับท่านหญิงปารีซาเลย ท่านหญิงปารีซา คือใครกัน เนปาสงสัยจริง ๆ ด้วย ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ค่อยมีใครได้ยินชื่อท่านหญิงปารีซา เพราะมารดาของท่านเป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ท่านหญิงปารีซาเป็นลูกพี่ลูกน้องขององค์มุตตาฟา ฉันสงสัยอีกอย่าง...ทำไมเธอเรียกท่านมุตตาฟา ว่าองค์มุตตาฟา....เธอควรใช้คำว่าท่าน...ไม่ใช่องค์...เพราะคำว่าองค์ ใช้กับองค์สุลต่านเจ้าเมืองเท่านั้น ฉันเผลอเรียกเผื่อไปไกลถึงอนาคต...ท่านมุตตาฟา จะเป็นองค์มุตตาฟาในวันข้างหน้า ฉันตัดสินใจบอกความจริงกับเนปาไปในที่สุด แต่กลับได้รับคำตำหนิกลับมา แต่ตอนนี้ท่านมุตตาฟายังไม่ได้เป็นองค์สุลต่าน...เธอต้องระวังไว้บ้าง...อย่าเผลอไปพูดต่อหน้าคนอื่น ๆ ....เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะคิดอ่านไปว่าอย่างไร หากเจอคนไม่หวังดีก็จะเป็นภัยต่อเจ้าได้ ฉันต้องขอบคุณเนปาที่เตือนฉันในเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากก็มีเสียงดังเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าตลาดท่าเรือเสียก่อน เนปากับฉันรีบวิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์ทันที จึงได้เห็นฉากการยื้อยุดฉุดกระชากของคนสองคู่...คูหนึ่งเป็นหญิงวัยกลางคน...อีกคู่หนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนผู้คนที่ล้อมวงดูอยู่ก็ช่างสนุกสนานด้วยกันส่งเสียงเชียร์ราวกับกำลังดูการแข่งขันชกมวยก็ไม่ปาน อัสฟา...หยุดเดี๋ยวนี้ เนปาตะโกนห้ามเสียงดัง ก่อนจะเข้าไปดึงตัวเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าออกไปจากการเตะต่อยกันอยู่ เมื่อหันไปดูคู่กรณีของอัสฟาแล้วฉันก็ต้องตกใจ...ท่านมุสซาร์ในวัยเด็กกำลังยืนหอบสีหน้าโกรธเกรี้ยวอยู่ไม่ไกลกันนัก ขณะเดียวกันเนปาก็เข้าไปห้ามศึกของหญิงกลางคนอีกคู่ให้ยุติลง เกิดอะรขึ้น...พวกเจ้าทะเลาะตบตีกันไปทำไม เนปาตวาดลั่นถามไปตรง ๆ ถ้าฉันเดาไม่ผิด หญิงคนหนึ่งนั้นเป็นญาติห่างๆ ของอัสฟานั่นเอง ข่าวว่านางได้รับเงินจากเนปาเป็นค่าช่วยเลี้ยงดูอัสฟาไปจำนวนไม่น้อย มันจะแย่งของ ๆ นายข้า พี่เลี้ยงของท่านมุสซาร์ชี้หน้าอัสฟา นายข้าหยิบตุ๊กตาผ้าได้ก่อน แต่เด็กนั่นยังจะพยายามมาแย่งไปอีก หยิบพร้อมกันต่างหาก ญาติของอัสฟายืนยันเสียงดัง พอข้าจะจ่ายเงินให้พ่อค้าจีน เอ็งก็มาชิงจ่ายตัดหน้า ตุ๊กตาอะไรกัน...มีตัวเดียวรึ...ถึงได้ต่อยตีแย่งชิงกันขนาดนี้ ฉันถามขึ้นบ้าง มีเหลือตัวเดียว...ฉันอุตส่าห์เวียนดูอยู่หลายวัน แต่ไม่มีเงินพอจะซื้อไปให้น้อง...ฉันจึงต้องไปทำงานตักน้ำใส่ตุ่มแลกกับเงินที่พอจะมาซื้อตุ๊กตานี่ได้...แต่กลับมาถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา อัสฟาในวัยห้าขวบกว่าร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะก้มลงไปเก็บชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตุ๊กตาผ้าที่กองเละอยู่กับพื้นดิน ข้าอยากได้ตุ๊กตาไปให้ท่านหญิงปารีซา ท่านมุสซาร์เดินเข้ามาบอกกับฉันโดยตรง เพราะเราเคยได้เจอและพูดคุยกันมาก่อนแล้วเมื่อวันที่ฉันเข้าไปตรวจเยี่ยมอาการของมารดาท่านหญิงปารีซา แต่ตอนนี้...ไม่มีตุ๊กตาให้ใครแล้ว ฉันสรุปเมื่อเห็นซากชิ้นส่วนตุ๊กตาผ้าในมืออัสฟาที่ยังคงยืนน้ำตาไหลริน ปากบวมเจ่อที่คงเป็นผลจากการถูกท่านมุสซาร์ซึ่งโตกว่าชกเอานั่นเอง และคำพูดต่อมาของอัสฟาที่เงยหน้าขึ้นพูดวิงวอนต่อเนปาก็ทำเอาฉันรู้สึกจุกแน่นในอกขึ้นมาทันที ฉันอยากได้ตุ๊กตาไปให้น้องสร้อย...แต่...มันฉีกขาดหมดแล้ว เรือนญาติของอัสฟา อยู่ใกล้กับเรือนนายทหารเปอลุส...สามีของแม่เปลื้อง เนปาให้คำตอบโดยที่ฉันไม่ต้องถาม ดูท่าว่าอัสฟาจะเอ็นดูสร้อยมาก ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยถามท่านมุสซาร์ต่อไป ตุ๊กตาก็ขาดเสียหายไปแล้ว...ขอให้อย่าถือสาเอาความกันต่อไปอีกได้หรือไม่ ถ้าเด็กคนนี้เป็นคนของทหารเนปา...ข้าก็จะไม่ถือสา ท่านมุสซาร์แย้มยิ้มออกมาในที่สุดก่อนจะหันไปทางเนปา เราเคยเจอกันที่ลานฝึกขี่ม้า...ท่านจำข้าได้ใช่ไหม จำได้...ความซุกซนของท่านยังทำให้ข้าคอเคล็ดไปหลายวัน เนปาบอกกลับด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง อภัยให้อัสฟาด้วย...เขายังเล็กนัก แต่ฉันไม่ผิด...ฉันมาจองตุ๊กตาตัวนี้ก่อนหลายวันแล้ว อัสฟายังดื้อรั้นตามประสาเด็ก จองแต่ไม่มีเงินจ่าย ตุ๊กตานี้ก็ยังไม่ใช่ของเอ็ง พ่อค้าเกาหัวแกรกกรากก่อนจะพูดถึงประเด็นสำคัญ แล้วใครจะจ่ายค่าตุ๊กตาตัวนี้ให้ฉัน ในเมื่อเด็กนั่นอยกได้นัก...ก็ให้ทางญาติเขาเป็นคนจ่ายไปก็แล้วกัน พี่เลี้ยงของท่านมุสซาร์สรุปแบบง่าย ๆ เรากลับกันได้แล้วท่านมุสซาร์ อย่ามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่นานอีกเลย ข้ายังมีของต้องซื้อหาไปให้มารดาของท่านอีกหลายสิ่ง เนปาควักเงินจากถุงผ้าจ่ายเป็นค่าตุ๊กตาให้พ่อค้าแต่โดยดีเพื่อแสดงความรับผิดชอบก่อนจะนั่งลงปลอบใจอัสฟาที่ยังมีอาการน้ำตาไหลริน อย่าเสียใจไปเลย...หากวันหน้ามีตุ๊กตาผ้ามาขายอีก...ฉันสัญญาว่าจะซื้อให้เจ้านำไปฝากน้องสร้อยให้จงได้ อัสฟาสูดน้ำมูกพรืดใหญ่ก่อนจะแย้มยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายร้องขอ ฉันอยากซื้อด้วยเงินของตัวเองที่หามาได้นี่...ถ้าท่านซื้อให้...ตุ๊กตาก็เป็นของท่าน...ไม่ใช่ของฉัน แม้อัสฟามีวัยเพียงห้าขวบกว่าแต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกทึ่งในความคิดความอ่านของเขาเป็นอย่างมาก...ยิ่งเป็นการแสดงออกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เขามีให้ต่อสร้อยตั้งแต่วัยเยาว์แล้วก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกใจหายต่อชะตาของพวกเขาทั้งคู่ * * * * * * * * *
Create Date : 14 มิถุนายน 2558 |
Last Update : 14 มิถุนายน 2558 16:38:16 น. |
|
1 comments
|
Counter : 433 Pageviews. |
 |
|
เห็นชื่อตอนแล้วตื่นเต้น
เดี๋ยวขอกลับไปอ่านสองตอนที่แล้วก่อน
ค่อยมาอ่านตอนนี้ใหม่นะคะ
ติดนิยายเพื่อนยังไม่ได้ไปอ่านยาวเป็นหางว่าว TT
กะลังทำภารกิจอยู่ค่ะ ช่วงนี้ห่างบล็อคห่างเฟสหน่อย
ไม่นานจะกลับมาอ่านค่า