Group Blog
กาลครั้งหนึ่ง...เราเคยรักกัน
หนังสือกับระบบการศึกษาของไทย
หนังสือไทย หนังสือเทศ เมื่อการอ่านไม่จำกัดอาณาเขต
ถ้าเราจะเปรียบการเขียนหนังสือกับการเดินทางของชีวิต
PICs
เที่ยวไป...เรื่อยๆ
ตุลาคม 2554
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
6 ตุลาคม 2554
มหกรรมอ่านหนังสือประจำปี (อีกครั้ง)
All Blogs
มหกรรมอ่านหนังสือประจำปี (อีกครั้ง)
มหกรรมอ่านหนังสือประจำปี (อีกครั้ง)
อันที่จริงมันก็คือสปดาห์ของการเสียทัพย์ครั้งมโหฬารนั่นเอง เชื่อหรือไม่หากคุณได้ไปเดินในงานทุกวันคุณก็เสียทุกวัน วันละเล่มสองเล่มก็ว่ากันไป คนใกล้ชิดเคยรำพึงรำพันทำนองว่า เสียเงินซื้อหนังสือทีละเป็นหมื่น นี่หล่อนบ้าหรือเปล่า แต่เราก็หาฟังไม่ และก็ไม่อาจพลาดได้ ปีนี้ก็จะไปอีกก็จะไปเสียเงินหนังสืออีก ต่อให้ซื้อมาแล้วอีกห้าปีสิบปีจะโดยปลวกกินเราก็ไม่สน
หลายครั้งที่สมาชิกที่บ้านบ่น ว่าจะซื้อหนังสือเป็นเล่มๆทำไม สมัยนี้เขาไปถึงไหนๆ กันแล้ว หนังสือออนไลน์มีอยู่ถมถืดก็โหลดเข้าไปสิ รู้หรือไม่ว่าการทำหนังสือสักเล่มสิ้นเปลืองทรัพยากรแค่ไหน
แต่สำหรับเรามันไม่ใช่ไง เสนห์ของการอ่านอย่างหนึ่งคือการหยิบเอาหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน นั่นคือหนังสือ
ห้องสมุดจะเป็นห้องสมุดได้อย่างไรหากมีแต่คอมพิวเตอร์เอาไว้ให้ประชาชนดาวน์โหลด
สมัยเรียนมัธยมที่ต่างจังหวัด สถานที่ที่ชอบไปหมกตัวอยู่มากที่สุดก็คือ ห้องสมุดของโรงเรียนและห้องสมุดประชาชน ปัจจุบันไม่ทราบว่าเด็กๆรุ่นใหม่จะเข้าห้องสมุดกันเป็นหรือเปล่า และห้องสมุดประชาชนยังมีอยู่อีกใหม น่าเสียดายถ้าหากสถานที่ให้ความรู้แบบนั้นสูญหายไปแล้ว
จากการที่เป็นเด็กต่างจังหวัด โอกาสสัมผัสหนังสือดีๆ ข้อมูลข่าวสานใหม่ๆนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย ยิ่งถ้าคุณไม่ใช่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ หรือ เมืองย่าโมด้วยแล้ว โอกาสที่คุณจะได้เป็นเจ้าของหนังสือดีๆนั้นยากยิ่ง โรงเรียนในต่างจังหวัดมีงบการจัดซื้อหนังสือน้อยมาก ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กๆต่างจังหวัดถึงมีระดับคุณภาพการศึกษาต่ำกว่าเด็กในเมื่องใหญ่ ก็เพราะเขาขาดการเข้าเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หนังสืออย่างไรล่ะ เด็กต่างจังหวัดไม่ได้โง่นะ เด็กบางคนมีคุฯภาพการใช้ชีวิตดีกว่าเด็กเมืองใหญ่เสียอีก แต่โอกาสที่เขาจะเข้าถึงข้อมูลต่างๆมันจำกัด อย่าได้มองว่าการที่เด็กต่างจังหวัดมีโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ทใช้เหมือนเด็กในเมืองจะทำให้เด็กเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น แต่กลับกันเด็กๆยิ่งออกห่างหนังสือ ข่าวสารไปทุกที เด็กๆลืมที่อ่านหนังสือ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เด็กสมัยนี่อ่านหนังสือที่เป็นแก่นสารน้อยมาก และระบบการเรียนการสอนของไทยก็ไม่ได้พยายามส่งสริมให้เด็กอ่านมากขึ้นเลย ต่อให้แจกไอแพดหรือเน็ทบุ๊คให้ก็ไม่ได้ทำให้อัตราการอ่านหนังสือของเด็กไทยเพิ่มขึ้นเลย หากคุณไม่ปลูกฝังค่านิยมรักการอ่านหนังสือ เลือกอ่านหนังสือให้แกเด็ก
ก็เคยเปรยเล่นๆกับเพื่อนที่เป็นชาวเมืองกรุงแต่อ้อนแต่ออกว่า เราอยากให้มีการจัดมหกรรมหนังสือแบบนี้ที่ต่างจังหวัดบ้าง แต่เพื่อนเขากลับไม่เห็นด้วย เขาแย้งว่ามันเกิดขึ้นไม่ได้หรอกเพราะปัจจัยมันต่างกัน ปัจจัยหมายถึง กำลังซื้อส่วนหนึ่งและค่านิยมการอ่านอีกส่วนหนึ่ง เราก็ย้อนกลับไปว่าแล้วถ้าไม่ส่งเสริมเขาแล้วเขาจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงค่านิยมการอ่านหรือ
คนที่ขาดอยู่แล้วถ้าเราไม่เสริมหรือพยายามเติมแล้วเขาจะเต็มหรือ และถ้าเราจะเติมและปลูกฝังกันจริงจัง มันก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดระบบการศึกษาของเด้กไทยด้วย ต้องพยายามสร้างโอกาส ส่งเสริมให้เด็กรู้จักการอ่าน แล้วคิดเป็น ให้เด็กรู้จักเลือกรับข้อมูลข่าวสาร เมื่ออ่านเสร็จ ก็คิดวิเคราห์ สังเคราะห์ และสุดท้ายเรียบเรียงออกมาไห้ได้ใจความ ไอ้เทคนิคการอ่านจับใจความสำคัญนั่นไง
ทุกคนอาจพอทราบว่าปัญหาใหญ่ของบ้านเราอีกหนึ่งอยางที่นอกเหนือจากความแตกแยกทางสังคม คือระบบการศึกษา
ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เด็กไทยก็ไม่ชอบการอ่าน ความอดทนน้อยเหลือเกินเวลาที่อ่านหนังสือ เด็กๆทั้งหลายจะรู้ใหมว่า การอ่านคือการ ศึกษาด้วยด้วยเอง เวลาที่เราอ่านหนังสือ เรารับสารเข้าไป แล้วคิด กลั่นกรอง ผลที่ได้คือคุณได้รับความรู้เพิ่ม โลกทรรน์ของคุณจะกว้างขึ้น และในยามที่คุณเขียนก็คือคุณกำลัง ให้ การศึกษาแก่ผู้อื่นทางหนึ่ง เพราะในยามที่คุณเขียน คุณต้องคิดและประมวลสารของคุณ กลั่นกรองว่านี่แหละคือสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อออกไป จากนั้นคุณส่งสารของคุณออกไป
มาถึงตรงนี้ก็ให้นึกถึงคำพูดของเพื่นคนหนึ่งที่พูดไว้ในงานหนังสือปีก่อน “อ่านเสร็จแล้วเล่าย่อๆให้ฟังด้วยนะ ส่งเมลล์ย่อความมาก็ได้นะ อยากรู้แต่ขี้เกียจอ่านเอง”
เวรกรรม…นี่ตกลงสอนตัวเองเสร็จฉันต้องไปสอนแกอีก แต่ก็ดีฉันอ่านฉันเข้าใจ ฉันเขียนฉันจดจำ ท้ายที่สุดฉันมีปัญญากว่าแก ถึงแม้แกจะลาดเอาเปรียบฉันแบบศรีธนนชัย แต่ฉันว่าฉันได้กำไรมากกว่าแก หึหึ
Create Date : 06 ตุลาคม 2554
Last Update : 6 ตุลาคม 2554 12:00:08 น.
9 comments
Counter : 431 Pageviews.
Share
Tweet
เห็นด้วยค่ะ อ่านหนังสือยังไงก็ต้องอ่านจากหนังสือไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้เราก็เข้าห้องสมุดของโรงเรียนค่ะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าเลยล่ะค่ะ
โดย:
หนึ่งตะวันพันไมล์
วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:12:24:20 น.
ยินดีที่มีคนเห็นความสำคัญของหนังสือเหมือนกันค่ะ ^^*
โดย:
Pharnuch
วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:12:32:30 น.
เลิกซื้อหนังสือมาตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยแล้วครับ
เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ
พักอยู่อพาร์ทเมนท์ ไม่มีที่เก็บเลยครับ
ตอนนี้ก็ เช่า ยืม โหลด เท่านั้น
อยากซื้อ อยากอ่านหรอกครับ
แต่ไม่มีงบเลยจริงๆ
หนังสือเมืองไทยราคาแพง
ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ
ดูหนังเมืองไทยก็ราคาแพง
สิ่งบันเทิงที่จรรโลงใจมนุษย์
รัฐบาลไทยไม่เคยสนับสนุนเลยครับ
เชิญ"กำลังพัฒนา"กันต่อไป
โดย: I've moved in! IP: 192.168.182.162, 58.10.12.180 วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:13:32:52 น.
อย่าโมโหๆ ^^*
อ่านจากสื่อไหนก็แล้วแต่ ขอให้อ่านเยอะๆเป็นพอค่ะ ที่จริงก็เคยโหลดหนังสือมาอ่านนะคะ พวกห้องสมุดออนไลน์ทำนองนี้น่ะคะ เพียงแต่มันไม่อินอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆๆ
พวกสื่ออิเลคทรอนิคเนี่ยถ้ารู้จักใช้นี่ก็ให้คุณอนันต์เหมือนกัน
อันที่จริงดิฉันเป็นพวกหัวโบราณติดจะโรคจิตนิดๆน่ะค่ะ พอพูดคำว่าหนังสือ ไอ้ตำราหนาๆมันก็ลอยมาเลย พอมีกำลังก็เลยซื้อเล่มทีี่ชอบๆเก็บไว้ เพื่อว่าในอนาคตเขาเลิกทำหนังสือกระดาษกันจริงๆ จะเอาสมบัติมาทำห้องสมุดส่วนตัวให้ลูกให้หลานเข้ามาดู
อีกอย่างส่วนตัวกลัวหนังสือกระดาษมันจะสูญพันธ์น่ะค่ะ :-)
โดย:
Pharnuch
วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:14:33:43 น.
กลัวหนังสือกระดาษสูญพันธ์ เพราะขนาดตัวเองยังต้องมาเขียนหนังสือออนไลน์เลย
โดย:
Pharnuch
วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:14:35:44 น.
หนังสือกระดาษคงไม่สูญพันธุ์หรอกครับ
เว้นแต่โลกจะเปลี่ยนสภาพแบบเรื่อง วอเตอร์ เวิลด์
หรือมีเหตุอะไรที่ทำให้อารยธรรมล่มสลาย นั่นล่ะครับ
หนังสืออาจจะสูญพันธุ์
อย่างอเ้มริกา อีบุคเป็นที่นิยมมากครับ
แต่หนังสือกระดาษก็ยังคงต้องมีครับ
อย่างน้อยสำหรับนักสะสมแบบปกสวยๆน่ะัครับ
ว่าแต่พอจะกรุณาผมหน่อยได้ไหมครับ?
ผมมีเวลาไปเลือกซื้อหนังสือไม่มาก
(จำกัดทั้งงบ ทั้งเวลาเลยครับ)
จึงอยากถามว่ามีบูธไหนที่ลดราคากระชากใจมากๆไหมครับ?
แล้วมีบูธไหนที่มีกะบะเลหลังโละสต็อคบ้างครับ?
โดย: I've moved in! IP: 192.168.182.21, 58.10.12.136 วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:20:25:38 น.
เป็นคนที่ใช้บริการทั้งอ่านออนไลน์ และอ่านจากหนังสือ แต่อารมณ์การอ่านมันคนละแนว
อ่านแบบออนไลน์เหมือนแบบอาหารจานด่วน คือได้เร็ว ง่ายๆ แต่ไม่ได้อารมณ์ร่วม หรือคิดจะกลับมาอ่านซ้ำ แต่มันสะดวกนะ
อ่านแบบหนังสือเหมือนกับข้าวฝีมือแม่ คือสนุกและเข้าถึงอารมณ์ทุกครั้งที่หยิบมาอ่าน
โดย:
ถั่วฝักยาวสีขาว
วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:23:04:05 น.
เคยอ่านแบบออนไลน์ค่ะ เป็นพวกทดลองอ่านนะ
แต่ความรู้สึกมันไม่ร่วมยังไงไม่รู้
เลยไปซื้อแบบที่เป็นเล่มมาอ่านดีกว่า
ถ้าต่อไปหนังสือสูญพันธุ์แล้วไปอ่านในอีบุ๊คทั้งหมด
แล้วมีช่วงที่ไฟฟ้าไม่มีใช้
พวกเราจะคิดถึงหนังสือโบราณๆกัน
โดย:
Yok_Cartoon
วันที่: 8 ตุลาคม 2554 เวลา:23:50:39 น.
แวะมาค่ะ
Powershot s95
โดย:
arunlakbuo
วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:12:30 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ล็อกอินมาเพื่อการนี้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
อ่าน แล้วก็เขียน แล้วก็อ่าน
ความสุข ความสุขแท้
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add ล็อกอินมาเพื่อการนี้'s blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.