หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
พรหมวิหารสี่ ตอนที่ 1


พรหมวิหารสี่ ตอนที่ 1

โดย พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน ( วีระ ถาวโรมหาเถร )

ท่านพระโยคาวจรทั้งหลายและบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเวลานี้ท่านทั้งหลายได้พากันสมาทานศีลสมาทานพระกรรม ฐานแล้ว ต่อไปจงสำรวมใจตั้งใจ สดับรับฟังคำแนะนำ ในการเจริญพระกรรมฐาน ขณะที่ท่านนั่งฟังอยู่ เสียงได้ยิน หูได้ยิน เสียงทุกถ้อยคำ จิตมีความรู้สึก ไปตามกระแสเสียง โดยไม่เอาจิต ไปทรงอารมณ์อย่างอื่น อย่างนี้ เชื่อว่า อารมณ์ของท่าน ทรงสมาธิ การทรงสมาธิ เพื่อการรับฟัง เป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา

ในอีกประการหนึ่งขณะใด ที่ท่านตั้งใจฟังเสียงธรรมะซึ่งไม่มีอารมณ์อื่นมารบกวน ขณะนั้นชื่อว่าจิตของท่านว่างจากกิเลส ถ้าบังเอิญ จิตของท่านว่างจากกิเลสจากหู เนื่องจากหูฟังเสียงธรรมะอยู่เสมอๆ ต่อไปอารมณ์จิตจะชินจะมีอารมณ์ว่างจาก กิเลส จนชินในที่สุดกิเลสก็จะหมดไปจากจิตของท่าน การที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุสสูสัง ลภเต ปัญญัง การฟังด้วยดีย่อม ได้ปัญญา

ฉะนั้น เวลาที่ท่านฟัง จงตั้งใจฟังด้วยความสงบ ถ้าบังเอิญจะให้มีกำไรยิงไปกว่านั้น เวลาที่ท่านฟังก็คิดตามไปด้วย เอาจิต น้อมยอมรับเหตุผล ในการรับฟังแต่ทว่าอย่ารับด้วยการไร้ปัญญา ใช้ปัญญาพิจารณาไปด้วยว่าจริงหรือไม่ จริงถ้าหากว่าทำ ได้อย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง และภิกษุสามเณรทุกท่าน หากว่าท่านมีกำลังของจิตพอแล้วก็ไม่ละอารมณ์แบบนี้ ความเป็นพระอริยเจ้าย่อมง่าย สำหรับท่าน ว่าการฟังทุกวัน ขณะที่ฟัง ตั้งใจฟัง ด้วยความเคารพ จงคิดว่าเสียงที่ได้ฟังนี้ เป็นเสียงที่นำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสอนและจงจำไว้ให้ดีว่าเมื่อตอนที่พระ พุทธเจ้าจะนิพพาน ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เมื่อเรานิพพานไปแล้วพระธรรมวินัยที่เราสอนไว้จะเป็น ศาสดาสอนเธอ คำว่า ศาสดา แปลว่า ครู

เป็นอันว่าเสียงที่ฟังอยู่ จงคิดว่า นี้เป็นกระแสเสียงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ความจริงจง อย่านึกว่า อาตมา เป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง เราคิดอย่างนั้น ที่เป็นเสียงของพระพุทธเจ้า

พระธรรมนี้ เป็นธรรมะที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้ากำลังสอนเราโดยตรง โดยน้อมจิตเข้าไปนึกถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าว่า เวลานี้กำลังประทับอยู่หน้าของเรา และกำลังพูดกับเราโดยตรง จิตจะชื่นบาน และก็ตั้งใจ สดับตรับฟังเสียงนั้น และก็คิดตาม และก็คิดว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่เกินวิสัยสำหรับเรา ถ้าเกินวิสัยแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วไม่สอนเรา สร้างธรรมปีติให้เกิดในใจ

สร้างกำลังใจ คิดว่า เราสามารถ สมเด็จพระบรมโลกนารถจึงโปรด

ถ้าคิดไว้อย่างนี้เสมอ บรรดาท่านพุทธบริษัท คิดไว้ ฟังบ่อยๆ ถ้ามีเทป สำหรับฟัง ฟังไว้ เรื่อยๆ ขณะที่ฟัง ขณะใดใจตั้งอยู่ ในการฟังตั้งใจฟัง จิตจะว่างจากกิเลส ถ้ามันว่างบ่อยๆ จิตเราไม่คบกิเลส กิเลสมันก็ไม่อยากคบกับจิตของเรา ในที่สุดจิต ของเราก็จะกลายเป็นจิตที่บริสุทธิ์ กลายเป็นผู้หมดกิเลสไป

เอาละสำหรับวันนี้ ก็จะขอนำเอา พรหมวิหาร 4 มาแนะนำ กับบรรดาท่านพุทธบริษัท ตามกำลังปัญญา การแนะนำกันนี้ จงอย่าคิดว่าเป็นการแนะนำละเอียดลออความจริงใช้เวลาอย่างนั้นไม่ได้ถ้าจะใช้ได้ท่านฟังตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายเรื่องพรหม วิหาร 4 ก็ไม่จบ การฟังนี่ก็ถือว่า การให้รับฟังเพื่อใช้ปัญญาเท่านั้น คือว่าใช้ปัญญาพิจารณาไปด้วย ฟังด้วยไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะ มานั่งสอนกันจบอรหันต์ในวันนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้คนที่รับฟังอยู่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนดีฟังแล้วเกิดปัญญา ใช้ปัญญาที่ฉลาด เข่นฆ่ากิเลสก็เป็นของไม่หนัก แต่ว่าสำหรับคนไม่ดี ฟังแล้วมีหูคล้ายว่า หูกระทะ มีตาเหมือนตากระทู้ ทั้งนี้เพราะอะไร ตา กระทู้ มองอะไรไม่เห็น หูกระทะ ฟังอะไรไม่ได้ยิน สำหรับคน ตามองเห็น หูฟังได้ยิน แต่ไม่สนใจกับเสียงที่ฟัง คนประเภท นี้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงโปรด เพราะว่าโปรดมากเท่าไหร่ คนประเภทนี้ ก็ลงนรกมากขึ้นเท่านั้น

ฉะนั้นบรรดาท่านทั้งหลายจะพิสูจน์ตัวของท่านได้ว่า ท่านรับฟังกันทุกวันวันละหลายครั้ง ท่านละความเลวได้มากน้อยเพียงใด จิตใจของท่านดีหรือว่าจิตใจของท่านเลว ต่อไปนี้ธรรมะในด้านของพรหมวิหาร4 เป็น เครื่องวัดจิตใจว่า ดีมากหรือเลว มากคำว่า พรหมวิหาร วิหารแปลว่า ที่อยู่ พรหม นี้แปลว่าประเสริฐ หมายความว่า เอาใจไปจับอยู่ในอารมณ์ แห่งความประ เสริฐ หรือเอาใจไปขังไว้ในความดีที่สุด ที่เรียกว่า ประเสริฐ ประเสริฐนี้แปลว่า ดีที่สุด พรหมวิหาร 4 อย่างคือ

1. เมตตา ความรัก

2. กรุณา ความสงสาร

3. มุทิตา มีจิตอ่อนโยนไม่อิจฉาริษยาใคร

4. อุเบกขา วางเฉย

ความจริงพรหมวิหาร 4 นี้เป็นธรรมะกลาง ที่ว่ากลางก็เพราะว่า ถ้าบุคคลใดมีอารมณ์ใจ ทรงอยู่ในพรหมวิหาร 4 เป็นปกติ บุคคลนั้น จะมีศีลบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา จะมีจิตทรงฌานอยู่ตลอดเวลา และก็จะเป็นคนมีความฉลาดในด้านปัญญาสามารถ ตัดกิเลส เป็นสมุจเฉทปหานได้โดยง่าย ถ้าจะกล่าวกันว่า กรรมฐานบทนี้ เป็นกรรมฐานใหญ่ก็ว่าได้ นี้กล่าวกันโดยนัยหนึ่ง ก็คือว่า พรหมวิหาร 4 เป็นอาหาร อาหารเลี้ยงศีลให้อ้วน มีกำลัง เป็นอาหารเลี้ยง สมาธิให้มีกำลัง อาหารเลี้ยง ให้มีคมกล้า สามารถจะฟาดฟันกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเมื่อไหร่ก็ได้

จึงขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านจะดีหรือว่าท่านจะเลว ท่านจะเป็นคน หรือว่าท่านจะเป็นมนุษย์ ความจริงมนุษย์นี่ เขาแยกไว้หลายอย่าง คำว่า

มนุสโส แปลว่า ผู้มีใจสูง มีศีลบริสุทธิ์ หรือ มีกรรมบท 10 บริสุทธิ์

มนุสสเทโว ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ว่ากำลังใจเป็นเทวดา คือมีหิริ และโอตตัปปะ

มนุสสพรหมา หมายความว่า ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ใจประกอบไปด้วย พรหมวิหาร 4 อย่างนี้ตายแล้วเป็นพรหม

แล้วก็ มนุสสติรัจฉาโน ร่างกายเป็นมนุษย์ ใจไม่ยอมมาเคารพนับถือในสิทธิซึ่งกันและกัน ขาดความเมตตาปรานี ร่างกาย เป็นมนุษย์ใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตายแล้วเป็นสัตว์เดรัจฉาน

มนุสสนิรยโก มนุษย์สัตว์นรก หมายความว่า สัตว์ประเภทนี้หาความดีอะไรไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกตัวไม่รู้ดีไม่รู้ชั่ว ขาดความ เมตตาปรานี คนประเภทนี้ร่างกายเป็นมนุษย์ ใจเป็นสัตว์นรก ตายแล้วก็เป็นสัตว์นรก

ในหมู่คณะของเราจะพอมีอยู่บ้างไหม ที่อยู่กันมาแล้วหลายหลายปี ยังไม่หมดความเลว ยังบูชาความเลวว่าเป็นความดีเข้า กับคนนั้นก็ไม่ได้ เข้ากับคนนี้ ก็ไม่ได้ ถืออารมณ์ใจตัว เป็นสำคัญ ถ้าเรามีความเลว อย่างนี้ ก็ตั้งหน้าตั้งตา จำไว้ว่า ถ้าเรา ตายคราวนี้ อีกหลายแสนกัป ที่จะได้กลับมาเป็นมนุษย์ แล้วก็เป็น มนุษย์อีกหลายแสนวาระ ที่จะเป็นมนุษย์สมบูรณ์บริบูรณ์ ยังต้องเป็นมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยความยากลำบากยากแค้น มีแต่ทุกข์โทมนัส อยู่ตลอดเวลา ถ้าบังเอิญ ยังมิกลับเนื้อกลับตัว เสียจะได้เป็นคนกับเขาบ้าง ถ้าเป็นคนมันก็ยังยุ่ง เกิดมาในโลกก็รกโลก ถ้าเป็นมนุษย์ก็ยังสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ แต่ ก็ไม่มีความดีอะไร ยังมีทุกข์ ไปเป็นเทวดา หรือพรหม พบสุขเล็กน้อย ไม่ช้าก็มาทุกข์ใหม่

ทุกคนเขาตั้งใจไปนิพพานกัน แต่เราทำไมตั้งใจเป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉานจะมีประโยชน์อะไร

ต่อนี้ก็ฟังกันพรหมวิหาร 4 นี่ความจริงไม่ต้องอธิบายก็ได้แต่ทว่าเวลานี้ถือว่าเป็นการแนะนำกรรมฐานรวม อันดับแรกก่อน ที่จะทรงพรหมวิหาร 4 คือ ว่าทำกรรมฐานทุกกอง ก็จงอย่าทิ้ง อานาปานุสสติกรรมฐาน กับ พุทธานุสสติกรรมฐาน

แม้แต่กำลังฟังอยู่นี้ ก็เช่นเดียวกัน ควรจะกำหนด รู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วย และก็ตั้งใจฟัง เวลาฟังก็คิดว่า เวลานี้องค์สม เด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำลังทรงประทับอยู่ข้างหน้าของเรา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระมหากรุณาธิคุณมาหาเรา ถึงที่อยู่ในกระแสเสียงขององค์สมเด็จพระบรมครู ก็ก้องอยู่ในโสตประสาท ความดีขององค์สมเด็จพระบรมโลกนาถยากที่ เราจะบูชาให้ครบถ้วน ตั้งใจไว้อย่างนี้นะ ตั้งใจไว้อย่างนั้น คิดว่า เสียงนี้เป็นเสียงของพระพุทธเจ้า และก็พระองค์กำลังประ ทับอยู่ข้างหน้าของเรา ใจจะได้เป็นสุข จะได้มีอารมณ์ชุ่มชื่น นี่ไม่ใช่อาตมา จะมาอวดว่า ตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ใช่อย่างนั้น และการทำใจอย่างนี้ จิตใจสบายมีความสุขแล้ว จิตจะหมดกิเลสได้ง่าย ต่อไปก็มาพรหมวิหาร 4 คือ

1. เมตตา ความรัก คำว่า ความรักในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า ความรักประกอบไปด้วยกามคุณ เหมือนหนุ่มรักสาว สาวรัก หนุ่ม หรือ หญิงรักชาย ชายรักหญิง ปรารถนา จะครองคู่ นั้นเป็นเรื่องความรัก เกี่ยวกับราคะ อำนาจของกิเลส ไม่ใช่พรหม วิหาร 4 ที่เรามีความรัก ก็เพราะว่า ใจของเราเป็นคนใจดี มีความเมตตา ปรานีมีความรู้สึก อยู่เสมอว่า คนและสัตว์ ว่าคน ทุกคนในโลก แม้แต่ สัตว์เดรัจฉาน ที่เกิดมานี้มีความรู้สึกเสมอกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกันหมด เรามีความรักสุขฉัน ใดเขาก็มีความรักสุขฉันนั้น

สำหรับเมตตาความรัก ต้องอยู่ในขอบเขต ของความดี อย่ารักแบบโง่ ในคณะของเรามี ทั้งฆราวาสก็ดี พระก็ดี ที่มีเมตตา แบบโง่ ก็มีอยู่ ผมสลดใจมาก คือว่า บางทีเห็นพระบางองค์ เห็นฆราวาสบางคน พอฟัง เสียงพูด ในคำสงสัย ก็รู้สึกเสียดาย แรงที่สั่งสอน เพราะอะไรเพราะว่า คนที่เขาได้ดีกัน เขาฟังแล้วก็คิดคิด แล้วก็จำ ไม่ใช่ว่าจะมานั่งหน้าตั้ง ตั้งหน้าตั้งตาสงสัย ปัญญามี เพียงแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่รู้จักจะคิด ที่น่าเสียดาย สงสารองค์สมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงทรมาน พระวรกายมาทั้ง 4 อสงไขยกับแสนกัป รวบรวมความดีมาเพื่อแจกจ่าย แก่บรรดาพุทธบริษัท แล้วผมเองผมก็เสียดายแรงงาน ของผม เหมือนกัน เพราะตัวผมเอง ไม่เคยจะเรียนแบบนี้ ฟังคำสอนจากอาจารย์นิดหนึ่งก็ไปปฏิบัติให้ได้ ถ้าไม่ได้เกินวิสัย ก็มาถามหน่อยหนึ่ง แล้วก็กลับไปทำ ถ้าสิ่งนั้นยังไม่ได้ จะไม่ยอมกลับมาหาครูบาอาจารย์

อย่างกับบรรดาท่านทั้งหลาย ที่สงสัยว่า จำภาพพระพุทธรูป ลืมตาแล้วก็หลับตา นึกถึงภาพ ภาพมันเลือนไปแล้ว ก็ลืมตามา ดูใหม่ แค่นี้ก็ยังสงสัยกัน ว่าทำไมภาพนั้น เห็นไม่ชัด มันก็สิ่งที่ไม่น่าจะถาม ถ้าใช้คำถาม อย่างนี้ก็แสดงว่า เป็นบรมโง่มัน เป็นเรื่องธรรมดา ที่เด็กอมมือก็รู้การจะจำภาพที่นึกถึงภาพอะไรก็ตาม อยู่ๆจะให้อารมณ์มันแจ่มใสจำได้ถนัดไม่ได้ถ้าฝึก ฝนเรื่อยๆไป อารมณ์นั้น มันก็ปรากฏ วันเวลา ตั้งแต่ตื่นอยู่ถึงหลับ จงอย่าทิ้งอารมณ์นั้น ทำอารมณ์ไห้มันชินคิด ถึงภาพนึก ว่าในสมัยที่เราเคยรักใคร ซึ่งเป็นคู่รัก เวลาหลับตาก็เห็น ลืมตาก็นึกเห็นภาพ หรือว่าถ้าเรามีบ้านอยู่เราจากบ้านไปไหน เว ลานึกถึงบ้านขึ้นมาเมื่อไหร่ เราก็นึกถึงภาพบ้าน เมื่อนั้น จิตใจของเรา ไม่ลืมเลือน ไม่ปล่อยสติสตัง ให้มันพลั้งเผลอ นี่เขาทำกันอย่างนี้ มันเป็นของธรรมดาๆ สำหรับด้านอารมณ์ เมตตา นี่ก็เหมือนกัน ให้ใช้ปัญญาพิจารณา หาความจริง ไอ้เรื่องเมตตานี่มีความสำคัญ ถ้าเมตตาแบบโง่ๆ มันมีภัยต่อตัวเอง อย่าลืมว่าคนที่เราจะต้อง เมตตานะ พระพุทธเจ้า แบ่งคนไว้เป็น 4 พวก คือ

1. อุคฆฏิตัญญู คนมีปัญญาดี

2. วิปจิตัญญ ปัญญาต่ำมานิดหนึ่ง

3. เนยยะ พอแนะนำได้ เมื่ออธิบายหลายๆ ครั้ง อันนี้คน 3 จำพวกนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ

4. ปทปรมะ เอาดีไม่ได้นี้ องค์สมเด็จพระจอมไตร ทรงเสด็จหลีก ไม่ทรงสั่งสอน จะถือว่า พระองค์ขาดเมตตาไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสอนเขา เขาไม่รับฟัง

สำหรับพวกเราก็เหมือนกัน ถ้าจะแสดงเมตตาจิตก็ดูเสียก่อนว่า คนประเภทนั้นเราควรจะเมตตาไหมแต่เห็นว่าแนะนำแล้ว ไม่ได้ผล ก็จงอย่าสงเคราะห์ คนประเภทนั้น หลีกไปเสีย อย่างพระพุทธเจ้าทรงหลีก แต่ทว่าเขาไม่เลื่อมใส ในองค์สมเด็จ พระบรมสุคต ไม่เชื่อพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ทรงสั่งสอน นี่ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใครไปใครมาก็เมตตาเสียดะ เมตตาโง่ๆ แบบนั้นจะสร้างความเดือดร้อน เหมือนกับ เราจะให้ของเขา เขาไม่รับ ไปให้เขาทำไม ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ ต้องไปแค่นเขาให้รับ และ อีกประการหนึ่ง วันเวลา กำหนดระเบียบวินัย เป็นของสำคัญ จงอย่าเมตตาคน เกินกว่าระเบียบวินัย ดูตัวอย่าง องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา มีพระมหากรุณา ไม่มีขอบเขต แต่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ ทรงวางวินัย ไว้ลงโทษพระ ลงโทษเณร ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ถ้าไม่มีระเบียบวินัย คนนั้น เราเมตตาไม่ได้ เพราะเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าทรงวางวินัย ไว้กี่พันข้อ 227 นี่มัน ยังไม่หมด ยังมี ส่วนอภิสมาจารบ้าง ยังส่วนธรรมะ บ้างที่พระองค์ทรงห้าม

นี่เป็นอันว่า พระพุทธเจ้ามีพระมหากรุณาธิคุณ ก็จริงแหล่ แต่ทว่า ทรงเลือกเอาแต่เฉพาะคนดีเท่านั้น ไม่ใช่คนเลวก็ทำนี่ เมตตา ของเราก็เหมือนกัน ใครจะมาจากไหนก็ช่าง จะมียศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะเช่นใดก็ช่าง ถ้าผิดระเบียบวินัย อันนี้เรา จงถือว่า นั้นเขาเป็นคนเลว ไม่ควรแก่การเมตตา จำไว้ไห้ดีนะ แม้แต่พระก็เหมือนกัน พระที่บวชอยู่พรรษานี่นะ บางองค์ก็ ลืมตัวบ้างก็มี จงระวังให้ดีนะว่า เราเป็นพระถ้าหากว่าผิดพระธรรมวินัยเกินไป ผมก็จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับ องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงขับพระวักกลิได้ฉันใด ผมก็จะขับทั้งพระ ทั้งคนที่ ไม่รักระเบียบวินัย เช่นเดียวกับ พระพุทธเจ้าเหมือนกัน

นี่เป็นอันว่า เมตตาเราต้องมีขอบเขต คือเมตตาเฉพาะคนดี ไม่ใช่ไปเมตตาคนเลว คนเลวถ้าหากว่าจะดีได้เมตตาได้ ถ้า อย่างพวกเรา ที่อยู่ในที่นี้ รับฟังกันอยู่ตลอดเวลายังเลว เราก็ไม่ต้องเมตตาแล้ว คำสั่งคำเดียวคือ ไปจากที่นี่ ก็ต้องไปทันที เพราะการที่จะติดตามสั่งสอนกันไม่มีอีกแล้ว นี่เป็นอันว่า ขอบเขตการ เมตตาปรานี นี้มีอยู่ ไม่ใช่ สักแต่ว่า เมตตา ใครจะ มาจากไหนก็ช่าง ในเมื่อเข้ามาขอบเขตนี้ จะต้องมีระเบียบ ทุกอริยาบถ อย่าถือว่า เป็นแขกมาไม่รู้ไม่ได้ ถ้าคนดีเขาต้อง เคารพใน ระเบียบวินัยของสถานที่อย่าถือว่า อยู่ที่บ้านฉัน ฉันไม่ได้ทำอย่างนี้ ที่โน่นไม่ทำอย่างนี้ นั้นมันที่อื่น ไม่ใช่ทีนี่ ถ้า คนไม่รักระเบียบวินัย จงอย่าปรานีช่วยกันจัดการไปให้พ้นที่นี่ทันที โดยไม่ต้องบอกผมก็ได้ ไอ้คนประเภทนี้เป็นคนเลว

อีกประการหนึ่ง คนพูดมากปากพล่อย ทำลายศรัทธาของคน พระก็มี คนก็มีเหมือนกัน มีบ้างไหม พระของเราที่มีปากเลว เลวไม่ได้ใช้ปัญญาคือ พูดก่อนคิด ใครเขาทำอะไรผิด ใครเขาทำอะไรถูกต้องคิดว่า

ถ้าเขาทำด้วยเจตนาดี อันนี้เราก็ควรจะให้อภัย การพลั้งพลาดเป็นของธรรมดา

การมีความรู้สึกให้อภัยซึ่งกันและกันรู้สึกสงสารในการพลั้งพลาด ทั้งทั้งที่เขาทำด้วยเจตนาดีแต่ว่ามันผิดไปบ้างอันนี้ก็ต้องมีจิต ให้อภัยอย่างดีที่สุด ก็ควรจะปลอบกำลังใจว่า เราทำผิดไปแล้ว วันหน้าความดียังมีอยู่ ถ้าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จ พระบรมครู เราก็ควรจะยับยั้งตั้งต้นใช้ปัญญาเสียใหม่

นี่สำหรับวันนี้ เราก็ควรจะได้ขอบเขต ของความเมตตาเท่านั้น แล้วความจริง ก็เรื่องเมตตานี้ ไม่ต้องสอนกันก็ได้ แต่ว่าไม่สอน ก็เห็นจะไม่ไหว เพราะว่าทั้งเก่าทั้งใหม่ มองมองดูแล้ว บางท่านก็ ดีแสนดี แต่บางคนก็เลวแสนเลว เพราะไม่มีความ รู้สำนึกในตัว บางคนอยู่กับผมตั้ง 10 ปีก็ยังเอาดีไม่ได้ ก็มีคนประเภทนี้เขาเรียกว่า มนุสสเปโต คือ มนุษย์เปรต หรือมนุส สติรัจฉาโน มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน เราจะเห็นได้ว่า การเลี้ยงสัตว์ ถ้าคนใดคิดว่า หมาไม่จำเป็นต้อง กินดี คนประเภทนี้ ขาดความเมตตาปรานี อย่างนี้เขาเรียก มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน หรือมนุสสนิรยโก ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์นรก

เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท และพระโยคาวจรทั้งหลาย วันนี้เราก็ได้กันในขอบเขตของความเมตตาเท่านั้น แต่ก็ยังไม่หมด แต่เวลามันหมด

ต่อแต่นี้ไป ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จงกำหนดใจ ตั้งอยู่ในความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำรวจศีลให้บริสุทธิ์ว่า ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเวลานี้ เรามีความบกพร่องในศีลบ้างหรือเปล่า

ประการที่ 2 สำรวจกำลังใจของเราว่าเรามีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์หรือเปล่า

ประการที่ 3 นึกถึงความตายหรือเปล่า

ประการที่ 4 เห็นว่า โลกเป็นทุกข์หาความสุขไม่ได้ ใจรักพระนิพพานหรือเปล่า ถ้าบกพร่อง จุดใดจุดหนึ่ง รักษากำลังใจจุด นั้นให้สมบูรณ์ จะมีความสุขนั้น คือความเป็นพระอริยเจ้า

ต่อแต่นี้ไป ขอท่านทั้งหลายตั้ง กายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่นกำหนดรู้ ลมหายใจ เข้าหายใจออก ใช้คำภาวนาแล้วพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะเห็นว่า เวลานั้นสมควรจะเลิก .....สวัสดี

*************
มีทั้งหมด 6 ตอนนะครับ
ที่มา
เวปพลังจิต



Create Date : 27 พฤษภาคม 2552
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 11:18:09 น. 28 comments
Counter : 1109 Pageviews.

 
พรหมวิหาร 4 ประกอบด้วย เมตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

ตอนนี้ได้คงเหลือที่ยากมากมายคือ อุเบกขา ค่ะ
วางได้ยาก เผลอออกบ่อยเลย
คงต้องมาติดตามอ่านอีก 5 ตอนค่ะ
ครบ 6 ตอน น่าจะวางได้แล้วมั้งคะ ใช่ป่าวน๊า คุณไผ่

มีความสุขทั้งกายและใจ นะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:36:28 น.  

 
สวัสดีครับ

รายละเอียดเยอะมากเลยครับ
แต่แค่อ่านข้อแรกในหมวดเมตตา
ก็ชอบแล้วล่ะครับ







โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:37:51 น.  

 
พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน มีการเตือนด้วยนะว่าอย่านึกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง เรียกว่ารอบคอบมากมาก เดี่ยวคนฟังไม่ได้ศัพท์จะยุ่ง (นี่เราเม้นท์เรื่อยเปื่อยอีกละ)

จริงด้วยค่ะ มีคนที่บูชาความเลวเพราะเห็นเป็นเรื่องความดีอยู่อีกเย๊อะ

ไม่ค่อยรู้จักพระสงฆ์องค์เจ้าเท่าไหร่ แต่อ่านดู องค์นี้มีความพยายามมากเลยในการปฏิบัติธรรม และท่านก็เทศน์ดีด้วยค่ะ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกัน

ก็ต้องขอรบกวนให้ไปตามมาอ่านด้วยนะคะ (อีกเหมือนเคย แบบที่รบกวนคุณพ่อระนาด แบบนั้นเลย)

ทานข้างกลางวันแล้วนะคะ กองทัพเดินด้วยท้องนะคะ


โดย: Mermaid AI วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:33:29 น.  

 


แวะมาทักทายเช่นกันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า เมตตาธรรม ค้ำจุญโลก ค่ะ...

ปล.ฟังเพลงแล้วรู้สึกสงบดีจังค่ะ....


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:55:31 น.  

 
รีบเข้ามาตามคำเชิญค่ะ
มาฝังธรรมมะ จะได้มีสติค่ะ
จริงอย่างพ่อระนาดว่า
อุเบกขา สำหรับป้าอิ่มแล้วไม่ใช่แค่ทำยาก แต่ทำไม่ได้เลยค่ะ

ป.ล.ขออนุญาติแอดเฟรนด์นะคะ ไม่อนุญาติก็แอดไปแล้วค่ะ


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:57:55 น.  

 
รายละเอียดเยอะนะครับ แต่เวลาทำแค่สามารถหยุดใจนิ่งอย่างเดียวทุกอย่างก็สมบูรณ์แล้วนะครับ

ปล.นึกว่าเข้าบล็อกน้องปุ๊กซะอีก เพลงเหมือนกันเรยยยย...^_^


โดย: JohnV IP: 125.26.106.163 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:23:07 น.  

 

สาธุครับพี่จอห์น
หยุดใจนิ่งแล้วยุงก็ไม่มากัดด้วยใช่มั๊ยขอรับ

ปล.เออ..ออ ทำนองเดียวกัน น่ะครับ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:45:07 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
อยากให้ทุกคนมีพรหมวิหาร4


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:54:43 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณหมีกสีดำ แต่ ชอบไผ่สีทอง มากกว่าค่ะ
วาว..ดีจังเลย blog ร่มเย็นจัง
เหมือนเดินอยู่ในสวนธรรมที่ไหนซักแห่ง ที่สบายใจอ่ะค่ะ
เป็นไปได้ทั้งสวนธรรม และ สวนพักผ่อนหย่อนใจอ่ะนะมินว่า
ยืนดีที่ได้รู้จัก มาเป็นเพื่อนแลกเปลี่ยนโลกทัศน์กันดีกว่าค่ะ
ปล.ขอบคุณนะคะที่ไปเที่ยว blog


โดย: มินทิวา วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:14:14 น.  

 
ขออนุญาต เดินตามมาค่ะ

โอ๊ะ เพลงนี้... กับบทความธรรมะ
แนวเดียวกับพ่อระนาดเลย ..ยิ้ม..

สวัสดีค่ะ


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:57:39 น.  

 
พรหมวิหาร 4
แต่ละข้อ ต้องมีไม่มากไป และไม่น้อยเกินไป

ส่วนตัวเราก็พยายามทำให้แต่ละข้อให้มันดีขึ้นอยู่
เพราะเป็นคนใจร้อน ขี้โมโหอ่ะ



โดย: HastaLaVista วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:13:32 น.  

 
หนูตามมาอ่านค่ะ บางช่วงหนูก็เคยอ่านมาแล้ว บ้างช่วงหนูก็ยังไม่เคยอ่าน หนุเข้าบ้านพี่หมึกดำ มีแต่ได้กับได้ค่ะ


ขอบคุณพี่หมึกสีดำมากนะคะ ที่ตอบคำถามหนูทุกคำถามเลยค่ะ


โดย: tukta IP: 125.24.221.12 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:38:25 น.  

 

สวัสดีค๊า...K...หมึกสีดำของไผ่สีทอง...ชื่อเท่มั๊กๆ

มาแล้วน้า..บ้านอบอุ่นด้วยอ้อมกอดของความรักที่
เป็นดั่งรักอันแผ่ไพศาลแด่ชาวโลก...ยิ่งใหญ่มีพลัง
แห่งธรรมะอันร่มเย็นในหัวใจด้วย...ขอบคุณอัน
ถ้อยความหากเราทุกคนสามารถถือปฏิบัติแห่ง
ประพฤติอยู่ดังนั้นจะดีมากเลยยยอ่าคับ.....
•.★*... ...*★.• •*.:。✿✲-•(¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´¯)*¤°•★


ปล...บ้านแพมอ่านได้แบบสบายใจเลยค่ะ
อ่านแล้วอาจจะเครียดเรื่องความรักกลับมานิดนุงน้า...
...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ....


โดย: มัททะนะ (mastana ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:13:14 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


คืนนี้ ฝันดีจ้า


โดย: อาลีอา วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:28:30 น.  

 
ตาม อาลีอา มาส่งเข้านอนค่ะ
ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ คุณไผ่

ปล.หวังว่าคงฝันดี นะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:07:35 น.  

 
ธรรมะสวัสดีขอรับ




โดย: คนสาธารณะ วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:41:47 น.  

 
มาเชิญไปโมทนาค่ะ คุณไผ่

ปล.มะคืนฝันดี ป่าว?

ปล.2 ตอนใกล้จะตื่นฝันว่า ได้สนทนาธรรมกับพระค่ะ
(ในฝันรุ้สึกได้ว่าท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ไม่ทราบเท่านั้นว่าเป็นใคร แบบนี้เรียกว่าฝันดี?)


โดย: พ่อระนาด วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:14:20 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ
ถ้าทุกคนรู้จักนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
โลกของเราจะน่าอยู่มากกว่าเดิมแน่ค่ะ
อนุโมทนาบุญนะค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:18:31 น.  

 
สวัสดีครับ น้องปุ๊ก
ขออนุญาต ตอบน้องปุ๊กที่นี่นะครับ
การที่มีนิมิต หรือฝันเห็น พระพุทธเจ้าบ้าง พระสงฆ์บ้าง ถือว่าเป็นฝันดีนะครับ คือฝันได้อยู่ในขอบเขตของพระรัตนตรัย
และยิ่งได้สนทนากับพระสงฆ์ ก็ถือว่ามีจิตน้อมไปในทางปฏิบัติธรรมครับ

ขอโมทนาด้วยนะครับ

ฝันดี ฝันดี..

ใช่องค์นี้มั๊ยน๊า


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:39:21 น.  

 



สวัสดีวันดีส้มจร้าคุณหมึกสีดำ...

ขอให้มีความสุข มาก มาก รักษาสุขภาพด้วยจร้า...


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:04:49 น.  

 
มาอ่านคำตอบค่ะ
ขอบคุณนะคะ คุณไผ่
ขอตอบว่าใกล้เคียงน๊า



โดย: พ่อระนาด วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:06:07 น.  

 
เข้ามาสงบใจ เหตุจากแมนยู ฮือ ฮือ


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:36:56 น.  

 
ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ พี่หมึกสีดำ


โดย: tukta IP: 125.24.243.23 วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:07:24 น.  

 
ยินดีได้รู้จักกัลยาณมิตรที่ดีอีกท่านในบ้านหลังนี้นะค่ะ ดีใจจังวันนี้เข้าที่นี้ก็ทำให้ไดเพิ่มบุญอีกหนึ่งเรื่องที่ดีๆในชีวิตค่ะแปล้วจะมาติดตามตอนต่อไปอีกนะค่ะขออนุญษติแอ๊ตไว้นะค่ะขอมอบดอหไม้ช่อใหญ่แทนคำขอบคุณค่ะ




โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:15:24 น.  

 
เจอสาวน้อยยิ้มแก้มปริ... รีบบินตามมาโดยพลัน
..ยิ้มน้อย ๆ.. กลัวเห็นฟันหรอแบบนางแบบน้อย
ในภาพ ..ขำ..


glitter-graphics.com


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:37:11 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ทักทายกันด้วยรอยยิ้ม
กับศุกร์สุดท้ายของเดือนค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:14:03 น.  

 


โดย: อาลีอา วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:03:47 น.  

 
Photobucket

สวัสดีค่ะ

ระยะนี้ปอ ป้า งานเข้า...ค่ะ
กำลังเร่งมือทำหนังสือสวดมนต์แปลส่งโรงพิมพ์
ก็พอดีคุณลุงตี๋แมนยูฯ มาปอ ป่วย เสียอีก
ปอ ป้า ก็เลยต้องผลุบ ๆ โผล่ ๆ อย่างนี้

หวังว่าเพื่อนผองพี่น้องหมู่เฮา
คงจะสบายดีกันทุกคน...นะคะ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ ในทุกวันดี ๆ
และอย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองและคนใกล้ตัวด้วย..นะคะ

คุณเคน...

ป้าขอติดไว้ก่อน...นะคะ
ว่างแล้วจะเข้ามาอ่าน
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมป้าบ่อย ๆ ...นะคะ

...เจริญธรรม จำเริญจิต...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:49:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.