|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คำเทศน์ของพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระองค์หนึ่ง)
คำเทศน์ของพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระองค์หนึ่ง)
ความดีของพวกเธอ คือ พรอันประเสริฐ สุนทรแล้ว
ทุกคนทรงได้ในฌาน ตั้งใจอธิษฐานกุศลให้แก่ผู้ปกครองบ้านเมือง ผู้ที่รักษาชาติ ผู้ที่ช่วยชาติ ตลอดจนบรรพบุรุษ
ความดี คือ การกระทำ ที่ถูกต้องตามธรรม (ธรรม คือ ธรรมชาติ) ฉะนั้น เรียกความดีว่า การกระทำที่เป็นคุณ อานิสงค์ของการทำความดี มีมากสุดที่จะพรรณาได้ ความดีแบ่งออกได้เป็น 3 อย่าง คือ -ความดีทางกาย -ความดีทางวาจา -ความดีทางใจ อานิสงค์ที่จะรับความดีได้มากที่สุด คือ อานิสงค์กระทำความดีทางใจ ถ้าทำได้ทั้ง 3 ทางจะดีมาก ความดีทางกาย คือ การกระทำในบุญ เช่นสร้างพระ ถวายของพระ การกระทำความดีทางวาจา คือ ชอบพูด พูดปรัชญา พูดเตือน การพูดต้องประสงค์ให้ผู้ฟังได้เกิดผล เป็นความดีออกมา ความดีด้วยใจ คือ เจตนาจะกระทำความดี คิดสร้างพระ เป็นต้น รวมแล้วความดีนี้ควรทำทั้ง 3 ทาง
อันที่ 1 ความดีทางกาย มีอานิสงค์ทดแทนเราทางร่างกายเช่นเดียวกัน มีอานิสงค์อย่างน้อย 5 ชาติ อย่างมาก 1 กัป ทำความดีด้วยวาจา อานิสงค์อย่างน้อย 3 ชาติ อย่างมาก 1 ใน 3 ของกัป ทำความดีที่ใจ อานิสงค์ 6 ชาติ อย่างมาก 1 กัป กับอีก 1 ส่วน 2 ถ้าทำความดีพร้อมกันทั้ง 3 อย่าง ก็ได้ถึง 10 มหากัป เป็นอย่างยิ่ง
บุญเราทำด้วยพลังแค่ไหน อานิสงค์ทุกชาติก็ขึ้นอยู่กับกรรมตัดรอน คือ บุญมีอยู่ แต่กำลังอ่อน เจ้ากรรมนายเวรนั้น คือ ผู้ที่เคยได้รับทุกข์เพราะเราและยังฝังใจที่จะสนองเรา ส่วนการกระทำที่เราก่อโดยไม่มีผู้สนอง เช่น ด่าพระ ข้ามเศียรพระ เช่นนี้ ผู้คุ้มครองเค้าสนองกรรม เหมือนกระทำของปลอมออกมาใช้ แล้วตำรวจจับ แต่ถ้าเจ้ากรรมนายเวรเขามาเกิดแล้ว ส่วนก็ยังคงอยู่ คนทำบุญมากก็พ้น เหมือนกับเธอทำงานให้นายจ้าง แล้วทำของเขาเสียหาย แต่เธอเป็นผูทำงานเก่งก็พ้นไป
ศีล เป็นทางนำใจคนให้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูก คือ ความดี สมาธิ เป็นสิ่งที่ก่อให้ทุกคนชำระจิตใจออกจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน หัดใจให้เป็นสามัญสำนึก ปัญญา เป็นแสงสว่างชี้ทางที่ควรจะดำเนิน
ศีล มีองค์ควบคุม คือ เมตตา กรุณา สมาธิ มีองค์ควบคุม มี มุทิตา อุเบกขา ปัญญา มีองค์ควบคุม คือ อริยสัจ 4
เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เราก็จะรู้ถึงแผนความชั่ว เมื่อประจักแล้วก็เจริญวิธีอันทำให้จิตสงบ คือ วิปัสสนาญาณ เมื่อจิตสงบแล้ว เราจงใช้อิทธิบาท 4 มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ดำเนินไปอย่างสงบ
คนเรา ถ้ายืนอยู่ที่สูง ก็จะมองเห็นที่ต่ำสะดวก รู้เห็นแล้วก็วางแผนได้ คิดกันให้พอ คน ๆ หนึ่งเดินอยู่ริมแม่น้ำ เขามองไปในน้ำ แล้วรำพึงกับตัวเองว่า สัจจะทำให้เป็นสุข หมายได้อย่างไร รู้ไหม
สัจจะ คือความจริง ความจริงคือธรรมะ หรือ ธรรมดา หรือธรรมชาติ ฉะนั้น คนเขายืนอยู่ริมน้ำ เขามองว่าน้ำ มันเป็นเงา เห็นได้ สะท้อนได้ เห็นซึ่งตัวตนของเขา ว่าเขาเป็นคน ฉะนั้น น้ำเป็นธรรมชาติที่ต้องเหลว มีประโยชน์ มีความธรรมดา คือให้ความเห็น คือเห็นรูปได้แก่เรา
น้ำนั้นให้ความจริง เห็นรูปร่างทั้งส่วนดีและไม่ดี แต่เขารำพึงว่าสัจจะทำให้สุข คือใจของคนถ้ารู้จักมอง รู้จักสะท้อน ดูรูปร่างส่วนดี ส่วนเสียของคนแล้วรู้คิดให้เป็นธรรมดา ยอมรับนิสัยสันดานของคนว่าเป็นธรรมชาติของคน รู้จักกรรมดี กรรมชั่วว่าเป็นธรรม นั่นเป็นความรู้ เกิดปัญญาแตกฉาน เข้าใจ และคิดออก เขาจึงเป็นสุข (จากหนังสือพรสวรรค์ โดยคณะพรสวรรค์)
Create Date : 18 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 9:59:19 น. |
|
6 comments
|
Counter : 463 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หนุ่มเพลบอย IP: 110.49.7.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:9:11:11 น. |
|
|
|
โดย: อาร์ท IP: 110.49.7.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:9:13:35 น. |
|
|
|
โดย: เด็กใต้ IP: 110.49.7.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:9:15:44 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใส IP: 110.49.7.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:9:16:46 น. |
|
|
|
โดย: ลาเมะยะ IP: 110.49.7.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:9:18:27 น. |
|
|
|
โดย: เดินตามครู IP: 223.206.218.246 วันที่: 28 เมษายน 2555 เวลา:14:54:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|