|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ปฐมฤกษ์ (Like the flowing river)
ติดตามผลงานของ Paulo Coelho มาไม่น้อย อาจจะไม่ได้เรียกว่าเป็นแฟนตัวยง แต่ก็เป็นแฟนงานเขียนของเขาก็แล้วกัน เริ่มต้นจากคำแนะนำของใครบางคน (ที่เป็นใครบางคน เพราะว่าจำไม่ได้ว่าใคร) เกี่ยวกับหนังสือ The Alchemist อ่านภาษาไทยแล้วประทับใจขนาดต้องไปซื้อภาษาอังกฤษมาอ่านอีกครั้ง แล้วก็ได้อ่านงานเขียนของเขาอีกหลายเล่ม ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ประทับใจสักเท่าไหร่สำหรับผม ไม่ว่า Veronica decides to die, The fifth mountain, The Zahir, By the river Piedra I sat down and wept. จนกระทั่งเล่มล่าสุด Like the flowing river ซึ่งเป็นการรวบรวมงานเขียนสั้น ๆ ของเขาเข้าไว้ด้วยกัน มีหนังสือที่อ่านง่าย สั้น ๆ และมีความหมาย แต่ก็คงเหมือนงานเขียนเล่มอื่น ๆ ของเขา ที่คงจะไม่มีคนเอาไปแปลแล้วตีพิมพ์ เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากแปลบางบท บางตอนที่ผมประทับใจ เอาไว้ หวังว่าคงไม่โดนเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้องร้อง หากมีสำนักพิมพ์ไหน ได้ซื้อลิขสิทธิ์ผลงานเขาไว้แล้วเพื่อจะแปลเป็นภาษาไทยและตีพิมพ์ กรุณาแจ้ง แล้วผมจะรีบดำเนินการเอาออก
ผมตั้งชื่อหนังสือเป็นภาษาไทยเองละกันว่า ดั่งสายน้ำไหล
บทนำ เมื่อตอนผมอายุสิบห้า ผมบอกแม่ผมว่า"ผมพบแล้วว่าผมอยากทำอะไร ผมจะเป็นนักเขียน" "ลูกเอ๋ย" แม่ตอบกลับมาด้วยความเป็นห่วง "พ่อของลูกเป็นวิศวกร เขาเป็นคนมีตรรกะ มีเหตุผลพร้อมทั้งวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลก แล้วลูกรู้จริง ๆ เหรอว่าการเป็นนักเขียนหมายถึงอะไร" "ก็เป็นคนคนนึงที่เขียนหนังสือไงครับ" "ลุงของลูก Haroldo เป็นหมอ แล้วเขาก็เขียนหนังสือด้วย แล้วผลงานเขาก็ได้รับการตีพิมพ์ ทีนี้ถ้าลูกเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ลูกก็สามารถเขียนอะไรได้เหมือนกันในยามว่าง" "ไม่ครับแม่ ผมอยากเป็นนักเขียน ไม่ใช่วิศวกรที่เขียนหนังสือ" "แล้วลูกเคยพบนักเขียนไม๊ ลูกเคยเจอใครบ้างไม๊" "บอกจากในรูปแล้ว ไม่เคยครับ" "ถ้างั้น ลูกจะรู้ได้ไงว่า การเป็นนักเขียนคืออะไรหมายถึงอะไร" เพื่อที่จะตอบคำถามของแม่ ผมตัดสินใจที่จะค้นคว้า แล้วผมก็พบว่าการเป็นนักเขียนหมายถึงอะไรในปี 1960s
(a) นักเขียนจะใส่แว่นอยู่เสมอ แล้วก็จะต้องไม่หวีผม เขาจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งในการโมโหกับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วอีกครึ่งเพื่อที่จะหดหู่ เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในบาร์ถกเถียงถึงนักเขียนทั้งที่ได้เรื่องและไม่ได้เรื่อง เขามักจะพูดถึงสิ่งที่ลึกล้ำ เขามักจะความคิดอันน่าทึ่งของโครงเรื่องในหนังสือเล่มต่อไป แต่มักจะเกลียดงานเขียนของตัวเองที่พึ่งถูกตีพิมพ์ (b) แปลข้าม (เอาไว้ค่อยมาแปลใหม่นะครับ) (c) เฉพาะนักเขียนด้วยกันเองเท่านั้นที่จะเข้าใจว่านักเขียนพยายามสื่อสารอะไร แต่ถึงกระนั้น เขาก็เกลียดนักเขียนคนอื่น เพราะว่าพวกเขาพยายามแข่งกันสำหรับการเป็นงานเขียนแห่งประวัติศาสตร์ในรอบศตวรรษ ดังนั้นนักเขียนด้วยกันจึงต้องพยายามเอาชนะรางวัลงานเขียนที่ซับซ้อนที่สุด: และผู้ชนะจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการเป็นหนังสือที่อ่านยากที่สุด (d) นักเขียนจะสามารถใช้คำได้อย่างน่าตกใจ เช่น (ด้วยความไม่บรรลุถึงศัพท์ภาษาอังกฤษ) semiotics, epistemology, neoconcretism. เมื่อเขาต้องการจะทำให้ใครบางคนตกตะลึง เขาจะกล่าวบางอย่าง เช่น ไอสไตน์เป็นคนเขลา หรือ Tolstoy (ไม่ทราบว่าเขาคือใคร) เป็นตัวตลกของชนชั้นกลาง คนอื่น ๆ จะรู้สึกอับอายแต่ก็ไม่คิดจะไปบอกคนอื่น ๆ หรอกว่า ทฤษฏีสัมพันธภาพเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และ Tolstoy ก็เป็นคนแก้ต่างให้กับชนชั้นสูงของรัสเซีย (e) เหนื่อยและ... เอาไว้ต่อคราวหน้า
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 24 มีนาคม 2551 21:53:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1534 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|