บริษัทอาร์เอสเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในฐานะที่เป็นเจ้าของช่องทีวีดิจิทัลช่อง 8 และคลื่น Easy Listening อย่างคูลฟาเรนไฮด์ โดยในช่วงก่อนหน้านั้น บริษัทอาร์เอสเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของค่ายเพลงมาก่อน ซึ่งในตอนที่จับธุรกิจค่ายเพลงก็ถือเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการสร้างศิลปินดัง ๆ มากมาย รวมไปถึงผลงานเพลงคุณภาพที่ยังคงเป็นที่รู้จักกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันนี้
บริษัทอาร์เอสได้ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นในช่วงปี 2546 โดยได้ทำการจับธุรกิจสื่อบันเทิงเป็นหลัก ทั้งสื่อเพลง ภาพยนตร์ ละคร วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ แต่เมื่อโลกได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคดิจิทัล บริษัทอาร์เอสก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีความสอดคล้องกับตลาดและนำพา RS Group มาสู่จุดที่กลายเป็นหุ้นเนื้อหอมในตลาดได้อย่างสง่างาม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเป็นมาของ RS Group จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เรามีมาฝากกันในวันนี้ ประวัติ RS จากเริ่มต้น สู่ความยิ่งใหญ่ในธุรกิจสื่อและพาณิชย์
บริษัทอาร์เอส เริ่มต้นทำธุรกิจแรกในปี พ.ศ. 2519 ด้วยการรับอัดเพลงจากแผ่นเสียงลงเทปอยู่ราว ๆ 5 - 6 ปี ก่อนที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจเพลงในปี พ.ศ. 2525 และเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี อาร์เอสก็ได้เริ่มผลิตสื่อบันเทิงชนิดอื่น ๆ เช่น ภาพยนตร์ ละคร รายการทีวี รายการวิทยุ เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจรอย่างเต็มตัว
ปี พ.ศ. 2546 อาร์เอสได้เข้าสู่ตลาดหุ้นในหมวดธุรกิจประเภทสื่อและเริ่มเป็นเจ้าของช่องทีวีในปี พ.ศ. 2552 และยังร่วมประมูลช่องดิจิทัลทีวีในปี พ.ศ. 2556 อีกด้วย เมื่อประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำสื่อบันเทิงหลากหลายรูปแบบ อาร์เอสก็ได้เริ่มทำการต่อยอดธุรกิจของตนเองออกไปสู่การทำพาณิชย์ หรือ commerce ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่าแสนล้านบาทในขณะนั้นอัตราการเติบโตดีและยังสามารถเติบโตได้อีกและนี่ก็คือช่องทางที่ทำให้บริษัทอาร์เอสนั้นมองเห็นโอกาสที่จะทำให้ฐานผู้ชมและฐานผู้ฟังที่มีอยู่เดิมนั้นกลายมาเป็นลูกค้าและขยายการตลาดออกไปสู่สื่อต่าง ๆ ซึ่งความชำนาญในเรื่องของสื่อช่วยให้สินค้าของอาร์เอสกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นและยังถูกส่งสารตรงสู่กลุ่มเป้าหมายจึงยิ่งทำให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด เมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นได้ทำการอนุมัติให้อาร์เอสย้ายจากหมวดธุรกิจประเภทสื่อมาเป็นหมวดธุรกิจพาณิชย์ ส่งผลทำให้ RS Group สามารถขับเคลื่อนโมเดล Entertainmerce หรือกลยุทธ์การทำให้ผู้ฟังและผู้ชมเป็นลูกค้าด้วยในเวลาเดียวกันได้อย่างเต็มกำลัง และเมื่อไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2563 สิ้นสุด ผู้บริหารของ RS Group ก็ได้ออกมาเผยตัวเลขกำไรสุทธิจำนวน 186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสูงถึง 184% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2562 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ส่งผลทำให้ราคาหุ้น RS นั้นดีดตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกและกลายเป็นที่จับตามองของกลุ่มนักลงทุนโดยหลายรายคาดการณ์ว่า RS Group จะสามารถเติบโตได้อีกในไตรมาสถัดไปด้วยการขับเคลื่อนโมเดล Entertainmerce ที่ว่านี้
หากลองศึกษาประวัติ RS อย่างคร่าว ๆ อาจจะไม่สังเกตเห็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารแต่ละชุด แต่ถ้าหากได้ลองศึกษาประวัติ RS ให้ละเอียดลึกลงไปจะสังเกตได้ว่าผู้บริหารของอาร์เอสตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถปรับธุรกิจให้นำยุคสมัยไปได้อย่างน้อยก้าวหนึ่งอยู่เสมอ ทำให้อาร์เอสสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันนี้ หุ้น RS ได้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นเนื้อหอมในตลาดไปเรียบร้อยแล้ว
หากใครอยากเห็นโฉมหน้าเหล่าผู้บริหารอาร์เอส คลิกชมได้ที่นี่เลย https://www.rs.co.th/th/rs-accelerates-growth-in-full-force-with-new-management-team/
| Create Date : 13 กันยายน 2563 |
| Last Update : 13 กันยายน 2563 22:50:03 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1180 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
