.....เก็บความทรงจำไว้แต่สิ่งดี ๆ.....
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
24 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
@@...วันโจร...Valentine....@@











14 กุมภา สำหรับเรามันไม่ได้ดีเล้ย โดนโจรกระชากสร้อยคอที่ใส่ติดตัวมาตั้งนาน ลืมไม่ลง จริง ๆ


เป็นเพราะ วันที่ 13 ดั๊นแอบฟังเพื่อน ๆ มานคุยโว กัน


มานแข่งกัน เก ทับ ปลัฟ แหลก ว่าจะทำหวานแหว๋วให้แควน ๆ งัดกันมาเล่า จนเราที่แอบฟังมัน เกิดความอิจฉา (มานบอกว่า ไม่มีแฟนห้ามเข้าชมรม..)


พวกแกดูถูกช้านมากไปเว๊ย ...ฟามจริง ช้านก็มีหลายต่อหลายคน...)


นับนิ้วมือแล้ว มันเกิน 10 แฮะ ( ไอ้ที่นับน่ะ เพื่อนท้างน้าน....)


กลางเดือนแล้ว เงินไปเที่ยว ยังไม่กลับ....


ประการสำคัญ ซื้อของให้เดี๋ยวพวกมานไม่ปลื้มมมม (ฟังดู ..มีเหตุผลม๊ะ....)





ตั้งเวลาปลุกไว้ ตี 4


พอกริ่งมันดัง ก็กดปิด ขอนอนต่ออีกนิ๊ดดดด


ตื่นอีกที ตี 5 ฝ่า ๆ ลุกงัวเงีย ทั้ง ๆ กุนจิตา ยังปิดเต็มเบ้า


 Valentine day ใคร ๆ ก็ส่งฟามรักให้กันและกัน


ตั้งใจว่าจะทำ cake ฝีมือเราเนี่ยแหละ (ไม่รักไม่ทำให้น้า...ขอบอก)


แต่....วันเดียวรวด เห็นทีจะจอดแน่ ๆ


ฝีมือไม่ใช่ขั้น เทพ


แล้วจะทำ cake อะไรดี ...ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อก


เปิดตู้เย็นเห็นถุงสตอเบอรี่ สีแดงสด นอนหลบหนาวอยู่ถุงเบ้อเริ่ม


แถมยังเห็น กีวี ลูกเขียว ๆ อีกตั้งหลายลูก


โดยมิต้องคิดนาน ทำ cake สตอเบอรี่ ไง


ทำ 3 ปอนด์ ตัดแบ่งคนละชิ้น


ประมาณว่า หัวใจเดียว เฉือนให้ทุกคน 555555


ทำไป บ่นไป ได้ cake มา 2 พิมพ์


ฝีมือเฉือนยังไม่ได้ผ่าน train แบ่ง 2 พิมพ์ ประกบยังงี้แหละ


เสี่ยสั่งลุย วิปปิ้งครีมไม่อั้น หมดกล่องใหญ่เลยค่ะคุณขา....


หยิบ cake แผ่นแรกวาง (เอ๊ะ ..เรียกถูกปล่าว....อนุโลมเน๊อะ...)


ควักวิปปิ้งครีมที่ชิมรสชาติตามใจคนทำ โปะลงไปทั่ว cake


คว้า สตอเบอรี่ มาหั่น หยิบกีวี มาปอกเปลือก แล้วก็หั่นตามอารมณ์


วางทั้งหมดลงไปบนครีม ตามความต้องการ


แล้วก็ปิดทับด้วยวิปปิ้งครีมอีกครั้ง


ใกล้สำมะเหร็จแล้ววุ๊ย.....


หยิบ cake อีกแผ่นวางอย่างบรรจง


ครีมที่เหลือ ละเลงปกปิดร่องรอยการผ่านร้อน ผ่านหนาว


ขาวโพลนยังกะหิมะแน่ะ...(ยังไม่เคยเห็นเหมียนกันแฮะ...)


ถึงคิว สตอเบอรี่ (ผลไม้นะจ๊ะ) เลือกลูกสวย ๆ แดง ๆ ใหญ่ ๆ


ผ่าครึ่งลูก แล้ววางลงไป


หั่นกีวี วางสลับ ตามที่คิดว่าสวยงาม


ตรงไหนมันก็น่าวางไปโม๊ด...ผลสุดท้าย มองหาครีมแทบไม่เจอ ....


เออน่า แรกเห็น คนรับมานต้องรู้สึกดีแน่ ๆ


เขียว ๆ แดง ๆ ดูไฮโซ ซะเหลือเกิน (อย่าเบือนหน้าหนีเซ่ะ...)


รสชาติ ไม่เน้น แล้วคงไม่มีอ้ายคนไหนกล้าชิมต่อหน้าเราแน่ ๆ 55555





เสร็จสมอารมณ์หมายทุกขั้นตอน  เมื่อเวลา 11.00 am


เฮ้อ อยู่ที่ทำงาน นายสั่งทำโน่น นี่ ล่ก ๆ ยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เล้ย...




แต่หันไปมอง ตัวแทนแห่งฟามรักของเรา ก็ปลื้มไม่เบา..เออ ...ตูก็ทำได้วุ๊ย


ออกมาเป็น cake ซะ ซวย ซ๊วย สวย (ผันวรรณยุกต์ แล้วใช้คำสุดท้ายนะจ๊ะ)




ระหว่างหาอะไรใส่ปากก็เริ่มวางแผนว่าจะสลาย cake สุดสวยนี้อย่างไร




ต้องเริ่มจาก ไอ้คนที่มันไกล ๆ ก่อนละกัน


ไปหา ไอ้เบื๊อก ก่อน


แล้วต่อ ไอ้ติ๊งต๊อง


ขากลับ ผ่านไอ้หง่าว


บ้านไอ้หวาดมันอยู่ใกล้ถนน


นังเบ๊อะ ก็ทางผ่าน


....ฯลฯ....




ขับรถใหญ่ วิ่งไปแจกตามแผนด้วยดี กลับมาบ้านอีกที ก็ เกือบ บ่าย 3


ระหว่างที่วิ่งรอก พี่สาวสุดที่รักโทรมาบอกว่าจะแวะมาหา


"....บ่าย ๆ นะ น้องรัก...."


มานไม่ใช่ฝาหรั่ง เลยไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน


แถมพี่สาวคนนี้ ถ้ามาหาแล้วไม่อยู่ บ่นหูชาเลย


ไม่เป็นไร ไอ้เพื่อนคนสุดท้ายที่จะให้มันขึ้นเวรที่โรงพยาบาล


บ้านเรา กับ"โรงบาล" ก็ใกล้กัน ไปกลับไม่เกิน 4 กิโล


แถมมันบอกว่า "..ข้าออกเวรบ่าย มาให้ทัน 4โมงนะเว๊ย ไม่ง้านแกต้องไปหาที่บ้าน...."


ดู ดู๊ เพื่อนสุด Love  มันเล่นตัวขนาดนี้


บ้านมันก็ไกลจากบ้านเรา แถมเข้าซอย


เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หักมุม ทางเบี่ยง ทางตัน ทางแคบ ทางขาด...


ไปให้มันที่ "โรงบาล" นั่นแหละ ดีที่สุด




มองเวลา บ่าย 3 เกือบ ครึ่งแล้ว


พี่สาวก็ยังไม่มา บ่ายนี้ หรือ บ่ายพรุ่งนี้กันวะ


ไอ้เพื่อนก็บอก ภายใน บ่าย 4 อะไรกันวุ๊ย.....


ตัดสินใจ เอาไปให้เพื่อนแป๊บเดียว แล้วรีบกลับมา


เอารถอะไรไปดีหว่า......รถใหญ่ หาที่จอดยาก ไหนจะเลี้ยวกลับต้องไปเลี้ยวซะไกล


รถเล็ก (มอไซค์ ) คล่องตัวดี แต่แดดมันเปรี้ยงจังแฮะ.....


หรือจะเอารถใหญ่ออก โทรไปบอกเพื่อนให้มาดักรับของ แล้วยอมไปเลี้ยวไกลหน่อย


โยนหัว ก้อย เสี่ยงทาย คว้า แมงกะไซค์ นั่นแหละ


ขี่ไปแป๊บเดียว แดดคงยังไม่ทันเผาให้ดำไปกว่าเดิม....


หยิบ cake วางในตะกร้าหน้ารถ ขาขวาออกแรงติดเครื่อง....ปรึ้นนนน


เสื้อตัวเดิมนั่นแหละ คอกลม ลายขวาง แขนกุด วิ่งรอกตั้งแต่เช้าแล้ว


แดดดีเหลือเกิน นึกถึงเนื้อแดดเดียว


ตอนสอบใบขับขี่ มอไซค์ ทำข้อสอบได้เก่งมาก กฎจราจรจำแม่นยำ


รถเล็ก ขับช้า ชิดซ้าย ...




บ้านอยู่ในซอย แต่ไม่เปลี่ยว


คึกคักไปด้วยผู้คนและบ้านเรือนตลอดทาง


คิวมอเตอร์ไซค์น่ะเหรอ มีเป็นร้อย


ใครอยากไหว้พระ 9 วัด วันเดียว มาเหอะ


ตั้งแต่ปาก ยัน ก้น (ซอย) วัดเพียบบบบ




ขับผ่านได้ 3 วัด ถึงโค้งซิ่ง ต้องระมัดระวังนิดนุง


มันเป็นทางโค้ง รถสวนกันไปมาอันตราย


พวกมอไซค์ถึงโค้งนี้ชอบกันจัง


แบนเข้าโค้งทดสอบความเจ๋งไปอวดกัน บางทีฝีมือยังไม่ถึงก็ เจ็บบบ


เขาเลยเรียกว่า โค้งซิ่ง


เราขับช้าอยู่แล้ว บิด 40 เอง ไม่แบนแน่นอน




เห็นแว่บ ๆ ด้านหลัง มีมอไซค์ขับช้า เหมือนเราอยู่คัน


มีเพื่อนแฮะ ใจเย็นเหมือนเราเปี๊ยบ....



ใกล้ถึงปากซอยแล้ว ไม่กี่นาทีก็ถึงโรงพยาบาล


ในใจเริ่มนึก เตรียมคำพูดหวาน ๆ ให้เพื่อนเวลายื่นของให้มัน


.......ฉันรักแกนะโว๊ย....ไม่เอา เดี๋ยวมันคิดว่าเล่นดนตรีไทย


.......For you....ฟังแล้วทางการเกินไป


......Happy Valentine Day วุ๊ย..เชยยย




เห็นแว่บ ๆ ไอ้มอไซค์เพื่อนกันคันนั้น มันทำท่าแซงขึ้นมาแล้ว


แหงละ...มันเริ่มเบื่อตามตรูดเราแล้ว คร้าย ใคร จะทนตามเราได้..ช้า...เฉื่อย....



เอ๊ะ ....มือใครวะ มาตะปบตรงต้นคอ...เพื่อนคนไหนหว่า...ทักแรงจัง


กะลังจะหันไปดูหน้าซะหน่อย ก็รู้สึกว่า สร้อยมันถูกดึงติดคอ


โดยสัญชาตญาณ มือซ้ายเอื้อมไปจับคอ เฮ้ย สร้อยเราไม่มีแล้วนี่หว่า 


อ้าว...โดนกระตุกสร้อยเหรอเนี่ย....


แหงะขวา ก็เห็นไอ้มอไซค์คันนั้นมันแซงหน้าไปแล้ว ขับแซง ซ้าย ปาดขวา ปนกับคนอื่น ๆ


เห็นเพียง มีผู้หญิงซ้อนท้ายอยู่ด้วย หน้าแนบติดแผ่นหลังคนขับ


ทำยังไงดี...ถามตัวเอง


จะทำยังไง ...จะไปต่อ หรือจะกลับบ้าน...


ความรู้สึกตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก


ไปหาเพื่อนเหอะ....อีกใจบอก


มันเอาสร้อยไปแล้ว แต่มันก็สร้อยเรา ไม่ได้ยืมใครเขามา 5555




ถึงโรงพยาบาลจอดรถ ยังรู้สึกโหวง ๆ เหมือนสมองกลวงโบ๋วยังไงยังง้าน


โทรหาเพื่อนพูดเสียงเบาอย่างสงบ บอกลงมาหาหน่อยอยู่นี่แล้ว


อึดใจ เห็นเพื่อนมันวิ่งถลาหน้าบานมาหา ราวกับเป็นคนรักกันซะง้าน




โดนกระตุกสร้อย...เราพูดเสียง เบา เหมือนกระซิบ


 " หา...." มันตะโกน (ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยหาของหายแต่อย่างใด...)


" ที่ไหน " ...คราวนี้มันตาถลนออกมานอกเบ้า หันซ้าย ขวา (ไม่รู้จะหนี หรือ จะช่วย)


" ในซอย " กระซิบตอบอีก


 " โดนยังไง "...มันแผดเสียง


โฮ โฮ โฮ ...คราวนี้ เสียงเราเองแหละ .......


ไอ้เพื่อนมันเริ่มรู้แล้วว่า เรื่องจริงผ่านจอ มันเลยกอดเราซบอกมัน...(เซ็นเซอร์...)


น้ำตามันมาจากไหนไม่รู้ พราก ๆ ต่างกอดกันกลมตรงนั้นแหละ แล้วก็เล่ากระท่อนกระแท่น


โรงพยาบาลอยู่ติดสถานีตำรวจ เพื่อนเลยจะลากไปแจ้งความ


จะเอาอะไรไปแจ้งเล่า


หน้าคนขับก็ไม่เห็น ผู้หญิงที่ซ้อนท้ายก็ไม่รู้มีหน้าหรือเปล่า เห็นแต่ตรูดดดด


ป้ายทะเบียนก็ไม่ได้มอง


เพื่อนก็ปลอบว่า ฟาดเคราะห์เหอะเอ็ง...เออ...เคราะห์ข้า ไม่ใช่เคราะห์เอ็งนี่หว่า


แถมบ่นว่าเป็นเพราะมานแท้ ๆ เราเลยเสียสร้อย


เห็นเพื่อนมันรู้สึกเสียใจ เลยรีบบอกว่าไม่เกี่ยวกับแกหรอก อย่าคิดมาก (ผลัดกันปลอบใจเข้าไป...)


เสียดายของเหมือนกัน แต่เหตุมันเกิดไปแล้ว จะทำยังไงได้


พูดปลอบใจตัวเอง แล้วก็บอกว่าจะกลับบ้านแล้ว


เพื่อนถามว่ากลับได้ปล่าว


กลับน่ะได้ เพราะไม่มีอะไรให้มันกระตุกอีกแล้ว ทั้งสร้อย ทั้งพระ ไปธุดงค์แล้ว


แต่ความจริงก็กลัวนะ กลัวมันจำเสื้อที่ใส่ได้ แล้วทำอะไรอีกสู้มันไม่ได้น่ะซี


เพื่อนเลยวิ่งไปหยิบเสื้อคลุมมาให้สวมกลับ ถามย้ำ ...ได้แน่นะ ...


เออ ได้...ไม่อยากให้เพื่อนกังวลเพราะดูหน้าตามันรู้สึกเสียใจว่าเป็นต้นเหตุให้เราเสียของ




ขี่กลับมาบ้าน ผ่านท้องที่เกิดเหตุ ไม่อยากมองเล้ย.....


เหตุเพิ่งเกิดเมื่อตะกี้เอง.....




ถึงบ้าน สักครู่นึง พี่สาวถึงได้มา เห็นหน้าตาเราคงจะดูไม่จืดแน่ เลยถามว่ามีอะไร


เราร้องไห้กับเพื่อนไปแล้ว คิดว่าทำใจได้แล้วน๊า


แต่พอเล่าให้พี่สาวฟัง แล้วเขาทำท่าตกใจเหตุการณ์ ที่สำคัญคว้าเราไปกอดซะแน่น


แถมพูดปลอบ ไม่เป็นไร ๆ ช่างมัน ๆ ลูบหน้าลูบหลัง


เท่านั้นแหละ น้ำตามันมาจากไหนอีกแล้ว โฮ โฮ โฮ อีกครั้ง


บอกแล้ว อย่ามาแสดงความรักเรา...(อ๊าย อาย...จัง)


หลังจากจากนั้น ก็รับโทรศัพท์ปลอบใจจากพี่คนอื่น ๆ (สงสัย พี่โทรบอกทั้งตระกูล....)


ไม่นึกเลยนะเนี่ย ว่ามีคนรักแยะ......




รุ่งขึ้น ก็เริ่มทำใจได้จากที่พี่ ๆ และเพื่อน ๆ พยายามหาเหตุผลมาปลอบใจ หลายประการ


ดีเท่าไหร่แล้วที่มันไม่ถีบรถแกให้ล้ม แล้วแกต้องเจ็บตัวอีก.....ไอ้พวกเพื่อน ๆ ตัวดีมันพูด


ดีที่แกให้มันไปง่าย ๆ (ไม่ได้ให้โว๊ย...) ไม่ต่อสู้ ขัดขืน ไม่ง้าน มันอาจลงมาตบแกให้เจ็บอีก


ดีเท่าไหร่แล้วที่รถแกไม่ล้ม อาจหัวฟาดพื้น สมองไหล...(แม่ง..เห็นภาพเลย...)


ดีเท่าไหร่แล้ว ที่แกไม่เห็นหน้ามัน ไม่งั้นมันอาจตามเก็บแก..(แน้..เอาสร้อยไปแล้ว ยังจะเก็บอีกเหรอ)


ดีเท่าไหร่แล้วที่แกเสียทองแค่บาทเดียว ชีวิตแกมีค่าแค่หมื่น ฝ่า ๆ เหรอ..(ไม่รู้..เหมือนกันว่ะ)


ดีแล้วเสียอย่างเดียว ดีกว่าเสีย 2 อย่าง (อีกอย่างอะไรฟะ...อ้อ มันคงหมายถึงชีวิต)


นึกซะว่าฟาดเคราะห์ แขนขาแกยิ่งอ่อนอยู่ หยดโปลิโอไม่ครบก็ยังงี้แหละ (หยดครบโว๊ย..)


ถือว่าโชคดีนะที่มันเอาแต่สร้อยไป ไม่ทำอะไร (เออ โชคดีนิ..เอ็งเอามั่งมั๊ย)


พอโว๊ย...เออ...รู้แล้ว ว่าตูโชคดี ....โดนมันกระตุกสร้อย....โว๊ย.....




นับจากวันนั้น จนวันนี้ หมอระบุว่าสมควรไปยืนเข้าแถวคนไข้จิตเภท...


เพราะจากประสบการณ์ขายตรง...ทำให้ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าแล้ว


ความที่เราไม่คิดร้ายใคร เลยไม่คิดว่าจะมีใครมาร้ายกับเรา


เมื่อก่อนขับรถคิดเพียง เราไม่แซงใคร ไม่ปาดใคร เราก็ปลอดภัย ที่ไหนได้ ภัยมันมาหาเองเลย


เดี๊ยวนี้ ขนาดเดินในที่ทำงาน ถ้ามีใครเดินตามหลังห่าง ๆ นี่ หันกลับไปมองเลย


ใครเดินสวนมาก็จ้องแล้ว มันจะมีอะไรกับเราหรือเปล่า กลายเป็นคนขี้ระแวงไปเลย


วันแรก ที่โดน นอนซม คิดวนเวียนแต่ว่า เขามาเอาของเราไปทำไม ทำเราทำไม




เสียดายพระที่แม่ให้ไว้ สำหรับเราแล้วมีค่าจน ประมาณมิได้จริง ๆ



ตอนนี้ เริ่มทำใจปลงไปได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่กล้าขี่มอเตอร์ไซค์ มันรู้สึกขยาด


ตอนนี้ ก็ไม่ใส่ทองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสร้อย ข้อมือ แหวน หรืออะไร เข็ดจริง ๆ


คนที่มันจ้องมันอยู่ทั่วสารทิศ เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร


ถ้าไม่มีคนใส่ให้เห็น มันก็ไม่มีเหยื่อ


ตัดแหล่งรายได้ของมานไปเลย


ความที่เป็นคนไทย ไท๊ย ไทย ไม่มีพระคล้องคอแล้วมันยังไงไม่รู้ (ไม่มีพระแล้วบ้า....เพื่อนมันบอก) เลยไปหาสร้อยเงินมาห้อยพระ


ตอนแรก เพื่อนมันบอกให้ซื้อเชือกหนังสีดำมาคล้อง เห็นวัยรุ่นใส่แล้วดู " เซอร์ " ดี


หน้าแก่ อยากทำเด็ก....แถมเข้ากับสีผิวแกอีก....ไอ้เพื่อนปากมากอีกคนมันแย้ง


เฮ้ย เอาเชือกร่มดิ ขาว แถมเหนียว (เชือก...) ...อีกคนมันเสนอ


แกคล้องสายสิญจน์ไปเลย...กันผีเข้าตัว


ผีเข้าไม่ว่า ผีไม่ออก เดือดร้อนพวกเราต้องพามันไปหาพระอีก....


กัลยาณมิตรทั้งน้าน...แต่อย่างว่า ไม่คบพวกมาน ก็ไม่มีใครให้คบอีกแล้ว


ตื้นตันใจเหลือเกิน....เพื่อน...รัก...







Free TextEditor





Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 11 มีนาคม 2552 11:41:08 น. 2 comments
Counter : 368 Pageviews.

 
สวัสดีจร้า เจ้าของบล็อคนี้สบายดีนะค่ะ
ไม่ได้มาเยี่ยมนานเลย


โดย: ยายกุ๊กไ่ก่ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:10:15 น.  

 
สวัสดีคะ ขอบคุณที่ไปแวะชมที่บ้าน

ลองไปดูอีกครั้งนะคะ เอาภาพมาลงให้ชมแล้วคะ


โดย: butterfly pea วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:36:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Babycham
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




....ทำ blog นี้ เพราะคิดถึงแม่.....
....เมื่อก่อนแม่ทำอาหารให้กินเสมอ น่ากินทุกอย่าง อร่อยทุกอย่าง ดีทุกอย่าง ฝีมือแม่เป็นเลิศในปฐพี แต่ตอนนี้ไม่มีแม่ทำให้กินแล้ว เลยมาลองทำเองตามที่เคยเห็นแม่ทำ อาจไม่เหมือน รสชาติของแม่ทำ แต่ทำแล้วมีความสุข นึกว่าทำกับแม่ จากไม่เคยทำ ก็ลองทำไปเรื่อย ๆ บางทีใจกล้า ก็ทำใส่บาตร ถวายพระเพื่อส่งถึงแม่ด้วย แม่คงเห็นบ้างหรอก
.....อยากคุยกับแม่......
.....อยากกอดแม่.....
.....รักและคิดถึงแม่มาก......
Friends' blogs
[Add Babycham's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.