มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
10
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
เหรียญสองด้าน



เสียงเพลงทำนองสนุกสนานดังผ่านเครื่องขยายเสียงให้ได้ยินไปทั้งหมู่บ้านนั้นดังมาจากบ้านของนายมานพ หนึ่งในเจ้าของฟาร์มหมูที่ทันสมัยที่สุดในย่านนี้ เพื่อบอกให้รู้ว่ากำลังมีงานฉลอง ซึ่งชาวบ้านต่างรู้ดีเพราะส่วนมากได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน

เป็นแต่งงานของมุนี ลูกชายคนเล็กวัย21 ปี ของนายมานพกับนวลแข คู่รักวัยเดียวกันซึ่งพิธีรับศีลสมรสตามจารีตของศาสนาจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ที่โบสถ์ประจำหมู่บ้าน

และเย็นนี้มีงานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นในบริเวณพื้นที่กว้างขวางภายในเขตบ้านของนายมานพเอง เป็นงานขึ้นบ้านใหม่ซึ่งเป็นเรือนหอที่นายมานพปลูกให้เป็นของขวัญแก่ลูกชาย และเป็นงานเลี้ยงสละโสดของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วย สถานที่จัดงานเลี้ยงจึงไม่ใช่ที่บ้านหลังใหญ่ที่นายมานพและครอบครัวอาศัยอยู่ แต่เป็นที่บ้านชั้นเดียวทรงยุโรปสีฟ้าหลังเล็กกะทัดรัดที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยม ซึ่งตั้งอยู่เยื้องไปทางซ้ายของบ้านหลังใหญ่

หลอดไฟนีออนหลายหลากสีซึ่งเป็นสัญญลักษณ์หนึ่งของงานฉลองถูกแขวนไว้รอบกำแพงบ้านและรอบบ้านหลังใหม่ ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสว โต๊ะทรงกลมหลายสิบตัวพร้อมเก้าอี้วางเรียงรายอยู่เต็มในสนามหน้าบ้าน ชาวบ้านที่ได้รับเชิญต่างทยอยเดินเข้ามางาน นายมานพเจ้าภาพยืนคู่กับนางสมพร ภรรยา คอยต้อนรับและทักทายแขกเหรื่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับเชื้อเชิญให้หาที่นั่งตามความพอใจ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความสุข เสียงพูดคุยทักถามปะปนด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาดังไม่ขาดระยะแข่งกับเสียงเพลงคึกคักที่ดังรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา.............

......แต่ที่บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปในรั้วเดียวกันกลับเงียบเชียบ มีเพียงไฟดวงเล็กดวงเดียวในบ้านที่เปิดไว้พอให้แสงสว่าง มาโนชบุตรชายคนโตของครอบครัวซึ่งเพิ่งเสร็จจากงานในฟาร์มยืนอยู่คนเดียวที่หน้าบ้าน กำลังมองไปที่บริเวณจัดงาน กรามของเขาขบกันจนเป็นสันนูนทุกคนในบ้านแม้กระทั่งยอดสร้อยภรรยาของเขาก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นเพื่อชื่นชมยินดีกับน้องชายของเขา มาโนชไม่ไปร่วมด้วย เพราะรู้สึกขัดแย้งกับพ่อแม่และไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับงานแต่งงานของนายมุนี เพียงนี้ จัดงานเลี้ยงใหญ่โตทั้งเย็นนี้และวันพรุ่งนี้ เชิญชาวบ้านมาเกือบทั้งตำบล ทั้งๆที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของน้องชาย ไม่เคยมีสักครั้งที่ทำให้พ่อแม่สบายใจ..

พ่ออยุติธรรมเห็นๆ เขาซึ่งเป็นลูกชายคนโตเป็นคนที่ประพฤติตัวดีมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยสักครั้งที่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ร้อน เขาเชื่อฟังแม้กระทั่งยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้ แต่งานแต่งงานของเขาพ่อกลับจัดงานเรียบๆไม่เอิกเกริกและเชิญแขกเฉพาะที่เป็นญาติสนิทๆและเพื่อนบ้านที่สนิทสนมมาเท่านั้น

มาโนชรู้สึกน้อยใจจริงๆที่เหมือนทุกคนลืมเขา ดูซิ..วันนี้เขายุ่งๆกับงานที่ฟาร์มทั้งวัน เนื่องจากหมูแม่ลูกอ่อนไม่สบายและไม่ยอมให้ลูกกินนมเขาต้องเฝ้าดูมันอยู่ทั้งวันไม่มีใครแม้แต่ภรรยาของเขาที่มาตามให้เขาไปร่วมงาน พ่อแม่ก็คงลืมเขาและลืมสิ่งที่มุนีทำไว้จนหมดสิ้นแล้ว

เขาเดินกลับเข้ามาในบ้านนั่งลงตรงหน้าเครื่องรับโทรทัศน์ กดรีโมทเปิดและเปลี่ยนช่องไปจนเจอการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลที่เขาชอบ เขาวางรีโมทลงและพยายามตั้งใจดูภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอ

****************************

“ นอนแล้วหรือพี่ หลับหรือยัง ” เสียงยอดสร้อยดังขึ้นเมื่อหล่อนเปิดประตูห้องนอนเข้ามา

มาโนชนอนหลับตาแต่เขายังไม่หลับ

“ อือม์ ” เขาส่งเสียงให้ภรรยารู้

ไฟสว่างขึ้นในห้อง แล้วเตียงอีกข้างหนึ่งก็ยุบฮวบลงตามน้ำหนักของคนนั่ง

“ เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะพี่ ทำไมนอนเงียบเชียว ทำไมไม่ไปที่บ้านมุนี วันนี้เขาขึ้นบ้านใหม่ พ่อแม่พี่น้องของนวลแขเขามาช่วยกันทำอาหารเลี้ยง นวลแขก็ลงมือทำบางอย่างแต่ฝีมือทำกับข้าวยังไม่เก่ง สงสัยว่าแม่คงต้องหิ้วบิ่นโตไปส่งก่อนละมั้งช่วงแรกๆเนี่ย ” ยอดสร้อยพูดกลั้วหัวเราะอย่างเอ็นดู

“ โธ่เอ๊ย.... ก็ไอ้พวกขี้ยาทั้งคู่ มันจะทำอะไรเป็น ” มาโนชโพล่งออกมาอย่างเหลืออด

“ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ” ยอดสร้อยขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยบ่งบอกความฉงนใจ

มาโนชไม่อยากพูดต่อ เขาพลิกตัวตะแคงหันหลังให้กับภรรยา

“ ดูเหมือนพี่ไม่ค่อยสบายใจ ที่ฟาร์มมีอะไรหรือเปล่า ? ”

“ นอนเถอะ .. ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามิใช่หรือ ” มาโนชเปลี่ยนเรื่อง

“ ทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันก่อน ไม่ดีใจหรือที่มุนีจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที มีคนดูแล ไม่ต้องเป็นภาระของพ่อแม่อีก ”

มาโนชยังคงเงียบ

“ มีอะไร.. ทำไมไม่พูด เราเป็นสามีภรรยากันนะ ห้ามมีความลับต่อกันจำไม่ได้หรือที่เคยตกลงกันไว้ ” ยอดสร้อยไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง

“ ไม่มีอะไรหรอกน่า นอนเถอะ ”

“ รู้นะ ว่าพี่ไม่สบายใจ หลายวันมานี่เห็นไปขลุกอยู่แต่ที่ฟาร์ม ที่นั่นมีปัญหาหรือเปล่า? ”

“ ไม่มีหรอก พี่รู้สึกเหนื่อยๆเท่านั้น ”

“ พ่อแม่มีความสุขมากเลยที่มุนีได้แต่งงานเสียที นวลแขเขาก็เป็นผู้หญิงที่ดีนะ แม้เขาจะผิดพลาดมาแต่กลับตัวกลับใจได้อย่างนี้ก็น่าภูมิใจกับเขานะ ”

“ ก็น่าภูมิใจอยู่หรอกนะ ไม่งั้นพ่อแม่คงไม่ยอมเสียเงินมากมายจัดงานแต่งงานซะใหญ่โตแบบนี้หรอก ” เขาเค้นเสียงพูด

แต่ยอดสร้อยคงไม่ทันสังเกต “ ใช่....งานใหญ่โตจริงๆ วันนี้พ่อเชิญชาวบ้านมาเยอะมากเกือบทั้งตำบล ละมั้ง ทั้งอบต.ทั้งกำนัน นับคร่าวๆราวสองร้อยเห็นจะได้ งานเลี้ยงพรุ่งนี้พ่อก็สั่งโต๊ะจีนไว้ร้อยกว่าโต๊ะแน่ะ คนคงมาเป็นพัน ”

มาโนชระงับความคับข้องใจไว้ ไม่อยากพูดอะไรอีก เสียงยอดสร้อยยังคงพูดไปเรื่อยๆเขาจึงตัดบทด้วยการทำทีหาว

“ ฮ้าว.......พี่ง่วงแล้ว ปิดไฟเถอะ พี่จะหลับแล้ว ”

“ งั้นพี่นอนไปก่อน สร้อยจะไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ ”

ไฟดับลง เสียงยอดสร้อยเปิดประตูออกไป มาโนชพยายามลืมเรื่องราวทั้งหมดและข่มตาให้หลับ

*****************************************

เช้าแล้ว... เสียงไก่ตัวแรกขันดังก้องขึ้น มาโนชไม่รอช้า เขาตื่นขึ้นมาทำธุระส่วนตัวอย่างเงียบๆจากนั้นก็เดินออกจากบ้าน ยอดสร้อยและคนอื่นๆในบ้านยังไม่มีใครตื่น เป็นการดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องมานั่งตอบคำถาม

ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดมิดแต่เขาไม่นำพา เดินทอดน่องไปเรื่อยๆมุ่งไปยังฟาร์มเลี้ยงหมูที่เป็นเงาทึมเทาอยู่ข้างหน้า

..... อีกไม่กี่ชั่วโมง พิธีรับศีลกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นอย่างสง่างาม พระสงฆ์หลายองค์รายล้อมเต็มพระแท่น คนที่มาร่วมพิธีคงแน่นวัด ถ้าเขาจะไม่อยู่ตรงนั้นพ่อแม่คงไม่ทันรู้เพราะคงมัวแต่ภาคภูมิใจกับงานแต่งของลูกชายคนโปรด...

เขาเดินมาถึงที่พักคนงานทางด้านหน้าของคอกหมู คนงานบางคนตื่นแล้วขึ้นมานั่งงัวเงียอยู่ตรงหน้าห้องพัก พวกเขาทำสีหน้าแปลกใจที่เห็นมาโนชแต่เช้ามืดอย่างนี้

“ วันนี้วันแต่งงานของนายมุนีไม่ใช่หรือครับ ” บุญธรรมคนงานคนหนึ่งร้องถามขึ้น

“ แวะมาดูหมูหน่อย มันดีขึ้นรึยัง ” มาโนชเลี่ยงไปถามถึงหมู

“ เมื่อคืนก่อนนอน ผมเห็นมันสงบดีแล้วยอมให้ลูกๆดูดนมดี กลางคืนก็เงียบๆคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะรีบไปดูมันอีกที ”

“ จัดการธุระของนายให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวฉันล่วงหน้าไปดูมันก่อน ”

“คุณกลับไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการทางนี้เอง ”

มาโนช ทำเหมือนไม่ได้ยินที่บุญธรรมพูด เขาเดินไปหยิบไม้กวาดติดมือไปก่อนเดินตรงไปที่คอกหมูแม่ลูกอ่อน บรรดาหมูส่งเสียงอู้ดๆแอ๊ดๆเหมือนร้องทักเขา

“ เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ครับ ” เด็กหนุ่มลูกจ้างอีกคนที่ตื่นขึ้นมาเห็นร้องบอกกับเขา

“ ไม่เป็นไร ... ไม่ต้องห่วง แค่จะไปดูที่คอกนิดหน่อย ” เขาบอกกับลูกน้องแล้วก็เดินต่อไป

มาโนชยืนดูหมูแม่ลูกอ่อนที่กำลังนอนให้ลูกกินนม ท่าทางของมันบอกให้รู้ว่ามันสบายดี เขารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย จึงฆ่าเวลาด้วยการกวาดทางเดินและหยุดสำรวจหมูแต่ละคอกเหมือนปกติที่เขาทำทุกวัน โดยไม่นำพาว่าที่บ้านมีงานสำคัญรออยู่ จนกระทั่งแสงสว่างสอดส่องไปทั่วฟาร์ม เขาจึงพาตัวเองเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ด้านหน้าของฟาร์ม

เขานั่งลงบนเก้าอี้โยกพลางโยกไปมา สำนึกส่วนดีกระตุ้นให้เขารู้สึกผิดที่ทำตัวเองเหมือนคนขวางโลกอยู่อย่างนี้ แต่เขาก็มีเหตุผลของเขา....

เขาเคยเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่อยู่8 ปี ก่อนที่นายมุนีจะเกิด ตอนนั้นโลกทั้งใบเป็นของเขาคนเดียว แต่พอมุนีเกิดมาทุกอย่างกลับกลายเป็นของน้อง อะไรๆก็ต้องน้องก่อนทั้งนั้น เขาต้องเสียสละ ต้องอดทน น้องยังเล็ก พ่อแม่มักพูดแบบนี้ แม้แต่ที่ที่เขาเคยนอนอยู่ข้างๆพ่อแม่ก็กลายเป็นของน้อง เขาต้องออกมานอนอีกห้องกับน้าชาย

เขาจึงมีความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับมุนีมาตั้งแต่นั้นมาและแสดงความรู้สึกนี้ออกมาด้วยการทำตัวเหินห่าง ไม่ข้องเกี่ยว ไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องของน้องชายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา......

ประตูห้องเปิดออก ความคิดของเขาชะงักลงเมื่อบุญธรรมยกกาแฟหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะทำงานให้เขา หลังจากกล่าวขอบใจแล้วมาโนชก็ลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเพื่อจิบกาแฟ

......รสขมล้ำลึกของมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย




Create Date : 16 มิถุนายน 2555
Last Update : 23 มิถุนายน 2555 10:06:45 น.
Counter : 1033 Pageviews.

0 comments

peka
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน