มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
10
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
11 มิถุนายน 2555
พิษแค้น # 1


าฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงนอนบอกเวลา00.45 แล้ว แต่พักตร์พิไลยังมิอาจข่มจิตใจให้สงบและหลับไปได้ เพราะความคับแค้นใจที่มีต่อสบโชคสามียังคงคุกรุ่นอยู่ในใจ

.... หล่อนนอนนิ่งเงียบอยู่ในความมืดเพียงลำพังมาหลายชั่วโมงแล้ว ข้างกายว่างเปล่าไม่มีร่างของสามีที่เคยนอนเคียงกันมาตลอด 8ปีที่แต่งงานอยู่กินกันมา ป่านนี้เขาคงกำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆในร้านคาราโอเกะที่ไหนสักแห่งที่มีสาวๆแต่งตัววับๆแวมๆคอยบริการ มันเป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว แม้หล่อนจะพยายามหยุดยั้งเขา แต่ไม่เคยสำเร็จและมักลงเอยด้วยการทะเลาะกัน จนกลายเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องระหองระแหงอื่นๆตามมาไม่เว้นแต่ละวัน….

และเมื่อช่วงหัวค่ำนี้เอง ในขณะที่หล่อนกำลังปลอดโปร่งโล่งใจที่ภารกิจต่างๆประจำวันเสร็จสิ้นลงและน้องพิณลูกสาวคนเดียววัย 5 ขวบ ไม่อยู่บ้านเนื่องจากป้าของหล่อนมารับไปและให้ค้างคืนอยู่ที่บ้านป้า ทำให้หล่อนมีเวลาส่วนตัวและมีโอกาสอยู่กับเขาเพียงลำพังโดยไม่ลูกมาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆ แต่พอเพื่อนของเขาโทรศัพท์มาชวนให้ออกไปเที่ยวข้างนอก เขาก็รีบแต่งตัวจะออกไปทันที ทำให้หล่อนโกรธมาก ต่อว่าเขาอย่างรุนแรงและยึดกุญแจตู้เซฟไว้ไม่ให้เขาเอาเงินออกไปใช้ แต่เขาก็ยังออกไปจนได้และยังพูดทิ้งท้ายไว้อย่างโกรธๆว่าไม่ต้องคอยเพราะเขาจะ ไปนอนที่บ้านแม่ของเขา อารมณ์ของหล่อนก็ระเบิดไล่ส่งเขาไปทันที.....

นี่กระมังที่เขาพูดกันว่าชีวิตคู่มักเริ่มคลอนแคลนเมื่อ 7 ปีผ่านไป หล่อนไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของหล่อนเข้าแล้ว...

...หล่อนลุกขึ้นจากเตียงนอนมายืนที่ริมหน้าต่างมองไปยังท้องฟ้าที่เว้งว้างและมืดมิดข้างนอก พลันความเศร้าก็กรูเข้ามาในจิตใจแล้วน้ำตาก็ร่วงพรูออกมา หล่อนปล่อยให้มันไหลลงอาบแก้มระบายความกดดันที่อยู่ภายใน

…มันเคยเกิดขึ้นแบบนี้บ่อยๆในชีวิตของหล่อน คืนที่หล่อนต้องอยู่อ้างว้างคนเดียวอย่างนี้ ตั้งแต่แม่ได้ตายจากไป

ตอนนั้นหล่อนมีอายุราว 7ขวบเท่านั้น หล่อนเสียขวัญและต้องการการปลอบประโลมใจจากพ่อ แต่พ่อกลับพาหล่อนไปทิ้งไว้กับป้าซึ่งมีลูกสาววัยเดียวกัน แม้ป้าจะยินดีและเลี้ยงดูหล่อนเช่นลูกคนหนึ่ง แต่มันไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปจากจิตใจของหล่อนได้ หล่อนได้แต่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งพ่อจะมารับไปอยู่ด้วย แต่หล่อนก็ต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อพ่อแต่งงานใหม่และมีลูกคนใหม่ ทิ้งให้หล่อนเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเดียวดายอย่างนั้น หล่อนจึงโกรธและชิงชังพ่อยิ่งนักและพาลแค้นเคืองแม้แต่กับแม่ที่เหมือนจงใจทิ้งหล่อนไป...

...แต่เมื่อมาพบสบโชค ความรักทำให้หัวใจของหล่อนเต็มตื้นขึ้น แม้เขาจะไม่ได้เป็นคาทอลิคแต่หล่อนก็เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา และหวังเต็มเปี่ยมว่าหล่อนจะไม่เดียวดายอีกต่อไป สบโชคจะอยู่เคียงข้างหล่อนเสมอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ดั่งคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ไว้แก่กันต่อหน้าพระเจ้าในวันรับศีลกล่าว ซึ่งหล่อนก็โชคดีที่สมหวังตามที่ต้องการ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาสบโชคปฏิบัติหน้าที่สามีของเขาอย่างดี เอาใส่ใจ ห่วงใยและอยู่ใกล้ชิดเสมอ

สบโชคทำงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่โรงงานของป้าของหล่อน หลังแต่งงานป้าได้ยกตึกแถวสามชั้นครึ่งนี้ให้หล่อนเป็นของขวัญสำหรับเปิดเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์จากโรงงานของป้าและเป็นที่พักอาศัยด้วย หล่อนอยู่ในร้านทำหน้าที่เป็นคนขายและรับออเดอร์ลูกค้าที่มาสั่งทำ

สบโชคเป็นคนมีความสามารถ ขยันและซื่อสัตย์ ทำให้โรงงานของป้ามีออเดอร์เข้ามาไม่ขาดระยะและเฟอร์นิเจอร์ในร้านของหล่อนก็ขายดี จึงทำให้ฐานะของหล่อนดีขึ้นในเวลาไม่กี่ปีหลังแต่งงาน จนสามารถซื้อตึกแถวเพิ่มอีกหนึ่งคูหาและเปิดเป็นโชว์รูมสำหรับงานตกแต่งภายในโดยเฉพาะ

และเมื่อน้องพิณเกิดมา ครอบครัวของหล่อนก็ครบสมบูรณ์ อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก เป็นครอบครัวเช่นที่หล่อนหวัง ...อบอุ่นและสุขสงบตลอดมา

แต่ตอนนี้ปีศาจได้ยื่นขาข้างหนึ่งของมันเข้ามาในชีวิตครอบครัวของหล่อนแล้วรึไง.... สบโชคจึงเปลี่ยนไปอย่างนี้...

...หล่อนคิดวนไปเวียนมาจนความแค้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เขาไม่มีสิทธิ์ทำกับหล่อนเยี่ยงนี้ หล่อนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา เขาจึงต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของหล่อน เขาไม่มีสิทธิ์ทิ้งหล่อนไว้อย่างนี้ หรืออาจเป็นเพราะหล่อนใจอ่อนเกินไปเขาจึงกล้าทำอย่างนี้ จะมีทางไหนที่จะทำให้เขาสำนึกตัวและกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก อารมณ์ของหล่อนพลุ่งพล่านขึ้นมาจนไม่อาจนิ่งสงบอยู่ต่อไปได้ หล่อนเดินไปเดินมาและครุ่นคิดหาหนทาง...จนมาหยุดหน้าโทรศัพท์ หล่อนหยิบมันขึ้นมากดเบอร์มือถือของสามีและถ้าเขารับสายหล่อนตั้งใจจะพูดให้เขากลับบ้านให้ได้ .........แต่ไม่สามารถติดต่อได้ .. ปิดมือถือรึ....ดีล่ะ เดี๋ยวจะได้เห็นกัน ....

หล่อนเคยได้ยินชื่อร้านที่พวกเขาชอบไปกัน และรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน คงไม่ยากที่จะตามหาเขาให้พบและแสดงให้เขาเห็นฤทธิเดชของหล่อนบ้างต่อไปจะได้เกรงกลัวไม่กล้าทำเช่นนี้อีกคิดดังนั้นหล่อนก็หยุดกึกลงที่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดมันออก ในนั้นมีตู้นิรภัยขนาดเล็กซ่อนอยู่ที่มุมตู้ หล่อนหมุนระหัสด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อประตูเหล็กบานเล็กเปิดออก ก็เห็นกล่องเครื่องเพชรเครื่องทองของประดับอันมีราคาแพงที่หล่อนซื้อสะสมไว้หลายสิบชิ้นวางอยู่ใกล้กับเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง แต่หล่อนไม่ใส่ใจเหมือนทุกครั้ง เอื้อมมือหยิบถุงกำมะหยี่สีดำที่วางอยู่หลังกองเงินอีกที ในถุงนั้นบรรจุวัตถุสังหารที่สบโชคซื้อไว้เพื่อป้องกันภัย หล่อนไม่กล้าที่จะเปิดถุงออกดู และรีบเอาไปใส่กระเป๋าถือไว้ ขณะปิดประตูตู้ของชิ้นหนึ่งก็ตกลงมากระแทกที่หัวไหล่ของหล่อนก่อนจะกระดอนไปตกลงบนเตียงนอน หล่อนรู้สึกเจ็บแปล็บที่หัวไหล่ และเมื่อหันไปมองสิ่งที่ตกลงมา หล่อนก็รีบคว้าขึ้นมาตรวจดูทันที

รูปแม่พระปูนปั้นขนาดเล็กซึ่งเจ้ตุ๊เพื่อนบ้านของหล่อนได้ให้มาเป็นของขวัญวันคริสตมาสเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง คงเพราะแรงกระเทือนจากการปิดตู้คงทำให้รูปปั้นตกลงมา แต่หล่อนก็ยืนอยู่ห่างหิ้งพระนี่นา น่าประหลาดที่เหมือนกับรูปปั้นจงใจตกลงมาใส่หล่อน

พักตร์พิไลนั่งลงบนเตียงพิจารณารูปปั้นซึ่งยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีอะไรเสียหาย หล่อนมองใบหน้าเรียวสวยแววตาอ่อนโยนของพระแม่มารี หรือแม่พระต้องการเตือนหล่อน....

.........แต่ไม่นะ หล่อนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้หรอกและพยายามคิดปลอบใจตนเองว่ามันเป็นแค่เหตุบังเอิญมากกว่า หล่อนจึงวางรูปปั้นลงบนโต๊ะข้างเตียงจากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำล้างคราบน้ำตาจนหมดและเช็ดจนแห้ง

แต่เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งหล่อนรู้สึกอ่อนเพลีย และเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้อารมณ์ของหล่อนเย็นลง เมื่อมองไปที่นาฬิกาอีกครั้งก็เห็นว่าตีหนึ่งกว่าแล้ว สถานบันเทิงทั้งหลายคงปิดแล้วอีกไม่นานเขาคงกลับมา หล่อนทรุดนั่งลงบนเตียงแล้วคิดใหม่ หากหล่อนออกไปตอนนี้อาจสวนทางกับเขาและเสียเวลาไปเปล่าๆ หัวสมองตอนนี้ก็มึนตื้อ ดวงตาก็บวมช้ำและรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง

เอาเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยสะสาง หล่อนตัดสินใจที่จะนอนแต่ในอารมณ์แบบนี้คงไม่ใช่ง่ายที่จะหลับโดยไม่คิดอะไร หล่อนจึงหยิบยานอนหลับออกมาจากลิ้นชักในโต๊ะข้างเตียงกินไปถึงสองเม็ด แล้วสวดบทภาวนาสั้นๆสองสามบทอย่างเร็วๆก่อนล้มตัวลงนอน...

f f f

พักตร์พิไลรู้สึกตัวตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติในตอนเช้า ดีที่ได้หลับอย่างสนิททำให้สมองค่อยปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง หล่อนปรือตามองนาฬิกา.. จวนเจ็ดโมงเช้าแล้ว ฉับพลันหล่อนก็นึกขึ้นได้จึงยื่นมือควานไปข้างตัว แต่กลับสัมผัสกับความว่างเปล่า หล่อนหันกลับไปมองตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้น...ไม่มีร่างของสบโชคสามีตัวดีของหล่อนเลย เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับมานอนบ้านจริงๆด้วย เขาไม่ได้แค่พูดขู่แบบทุกครั้งแล้วคราวนี้ แล้วนี่เขาไปนอนที่บ้านแม่ของเขาอย่างที่บอกหรือไปนอนกับใครที่ไหนกัน “ .... มันชักจะมากไปแล้ว กล้าทำขนาดนี้เชียวหรือ ” ...ความแค้นพุ่งขึ้นในใจอีกครั้งเหมือนไอน้ำที่พ่นออกมาจากพวยกา

“ อยากลองดีกับฉันรึ นายสบโชค ” หล่อนขบเคี่ยวเคี้ยวฟันงึมงำขณะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัว

หลังจากได้น้ำเย็นชื่นรดผิวกายหล่อนก็คิดใหม่ บางทีเขาอาจไปนอนกับแม่เขาจริงๆก็ได้ แต่ที่นั่นเป็นหมู่บ้านใหม่ยังไม่มีโทรศัพท์ และแม่ของเขาก็ไม่ใช้มือถีอ หล่อนรีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วจึงลองโทรเข้ามือถือของเขาอีกครั้ง...........ติดต่อไม่ได้อีกตามเคย.... หรือบางทีเขาอาจไปนอนกับลูกที่บ้านป้าของหล่อนก็ได้ หล่อนจึงโทรไปบ้านป้า ... ลูกชายของป้าเป็นคนรับสายและบอกกับหล่อนว่าเขาไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้ว

อ้าววันก่อน เขาบอกว่าจะเข้าโรงงานนี่นา เอาอีกแล้ว ... โกหกอีกแล้ว หล่อนตัวสั่นด้วยความโมโห.....

แต่ขณะกำลังหันรีหันขวางอยู่กลางห้อนอนเสียงออดก็ดังขึ้น

“ กิ๊ง ก่อง ” ... ใครนะมาแต่เช้าเชียว ไม่อยากรับแขกเลยในอารมณ์แบบนี้ …หล่อนพึมพำขณะสำรวจตัวเอง เมื่อเห็นว่าพร้อมที่จะลงไปข้างล่างแล้ว หล่อนก็หยิบกระเป๋าถือที่หนักขึ้นกว่าทุกวันคล้องไหล่และออกจากห้องเพื่อลงไปข้างล่าง

พิกุลลูกจ้างในร้านกำลังยกแผงเหล็กที่กั้นหน้าร้านขึ้น เมื่อเห็นคนที่มากดออดเต็มตา หล่อนรู้สึกตื้นตันใจจนแทบผวาเข้าไปหา

“ วันนี้ไม่ต้องเปิดร้านนะ ” หล่อนสั่งพิกุลที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องข้างหลังร้าน แล้วเดินไปหาเจ้ตุ๊ผู้หญิงรูปร่างเล็กแต่งกายเรียบร้อยมิดชิดที่ยืนรออยู่ตรงหน้าร้าน เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่อยู่เลยร้านของหล่อนไปสองคูหา

“ กำลังกลุ้มใจพอดีเลยเจ้ เมื่อคืนทะเลาะกันใหญ่ แต่เขาก็ออกไปจนได้ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ติดต่อเขาก็ไม่ได้ เขาปิดมือถือ ” หล่อนระล่ำระลักบอกเพื่อนบ้านแล้วก็ร้องไห้ออกมา

เจ้ตุ๊จับมือของหล่อนและพาเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ในร้าน

พักตร์พิไล สะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกไว้

“ ฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ ช่วยฉันคิดหน่อยเถอะ ”

“ ใจเย็นๆน่าคุณพักตร์ เขาบอกหรือเปล่าว่าเขาจะไปนอนที่ไหน ”

“ เขาบอกว่าจะไปนอนบ้านแม่ของเขา ฉันคิดว่าเขาแค่ขู่ไม่นึกว่าจะทำจริงๆ เขาไม่เคยทำอย่างนี้เลยนะเจ้ ฉันกำลังจะไปตามเขา ถ้าเจอละก้อ..... ”

หล่อนถมึงตาไปที่กระเป๋าถือ

เจ้ตุ๊มองตามสายตาของหล่อน “ คิดจะทำอะไรหรือ ”

พักตร์พิไลหันไปยิ้มเจื่อนๆ “ คงไม่เอาถึงตายหรอกเจ้ แค่ขู่เท่านั้น ”

“ ไม่ดีนะคุณพักตร์ หากพลาดพลั้งขึ้นมาจะต้องเสียใจภายหลัง คิดใหม่เถอะนะ คิดถึงลูกไว้ เราผัวเมียทะเลาะกันโกรธกันอย่างไรก็ค่อยๆคุยปรับความเข้าใจกัน อย่าให้ถึงขั้นทำร้ายกันเลย ลูกจะพลอยทุกข์ใจไปด้วย ”

“ แล้วจะให้ทำอย่างไรดีล่ะ เขาจะได้อยู่ติดบ้าน เหมือนเฮียปรุงของเจ้บ้าง ”

“ เฮียเขาไม่มีแรงไปเที่ยวที่ไหนหรอกจ้ะยืนขายของทั้งวันก็เหนื่อยแล้ว อีกอย่างเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ”

“ เจ้โชคดีนะที่ได้สามีแบบนั้น เมื่อก่อนคุณโชคเขาก็ไม่เป็นแบบนี้ เพิ่งมาเปลี่ยนไปตอนมาคบเพื่อนกลุ่มนี้แหละ ”

“ เขาคงอยากไปสังสรรค์บ้าง หลังจากทำงานหนักมาหลายปีแล้ว ”

“ ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ไปร้องเพลงกินเหล้าเท่านั้นนะซี แล้วที่ไม่เปิดมือถือเนี่ย ไม่รู้ไปนอนบ้านแม่หรือไปนอนกับใครที่อื่นหรือเปล่า ”

“ คิดมากไปทำไม ไม่สบายใจเปล่าๆ ดูเขาก็รักลูกรักเมียดีนี่นา ”

“ มันก็ไม่แน่นะเจ๊ คนเราขาดสติได้เมื่อเหล้าเข้าปาก รู้อย่างนี้แต่งงานกับคนคริสตังด้วยกันดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาแบบนี้ ”

“ ก็น่าจะจริงอย่างคุณพักตร์พูดนะ คนศาสนาเดียวกันมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเหมือนกัน มีความเชื่อเหมือนกัน คิดแบบเดียวกันก็น่าจะมีความเข้าอกเข้าใจกันมากกว่า แต่เจ้เห็นมาเยอะแล้ว คริสตังกินเหล้าเข้าผับก็มีเยอะไป แล้วปัญหาในชีวิตคู่ก็มีกันทุกคู่ไม่ว่าจะนับถือศาสนาเดียวกันหรือถือคนละศาสนา เจ้กับเฮียก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหากัน แต่เฮียเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยเถียง ปล่อยให้เจ้พูดปาวๆอยู่คนเดียวเหมือนทะเลาะกับฝาบ้าน คิดแล้ว ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยเปลืองอารมณ์ไปเปล่าๆ เจ้ก็เลยเลิกทะเลาะกับเขามาหลายปีแล้ว อดทนและ อภัยให้เขาทุกเรื่อง ปัญหาก็เลยเหมือนไม่มี .... ”

พักตร์พิไลถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ แล้วถ้าเกิดปัญหานี้กับเจ้บ้าง ถ้าเฮียปรุงเขาไม่กลับมานอนบ้านแบบนี้ เจ้จะทำอย่างไร ”

“ โธ่...คุณพักตร์ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับเฮียปรุงเป็นแน่ เขาหนะอยู่แต่บ้านไม่ค่อยไปไหนอยู่แล้ว ไม่เคยออกไปสมาคมกับใครนอกบ้านหรอก เป็นประเภทรักสันโดษน่ะ หากหายไปแค่เพียงสองสามชั่วโมงเจ้ก็คงต้องไปแจ้งความแล้วหละ .. แล้วนี่คุณพักตร์ไม่คิดจะไปแจ้งความหรือ เผื่อเขาเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรไป ตำรวจเขาคงรู้และจะได้ช่วยติดตามให้ ”

คำพูดของเจ้ตุ๊ทำให้พักตร์พิไลนิ่งงัน แต่เพียงครู่เดียวหล่อนก็คิดได้ “ ถ้าเกิดเรื่องอย่างที่เจ้ว่าป่านนี้เพื่อนเขาคงมาบอกฉันแล้ว เขาคงอยู่ที่บ้านแม่ของเขานั่นหละ พักหลังนี่เราทะเลาะกันบ่อยบางทีเขาก็หลบไปหาแม่เขา พอสบายใจแล้วเขาก็กลับมา ฉันจะไปที่นั่น คุยกันให้เคียร์ต่อหน้าแม่ของเขานั่นแหละ ” พักตร์พิไลกระแทกเสียงตอนท้ายอย่างเดือดดาล “ แต่ถ้าไม่เจอที่นั่นแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป ”

“ ถ้าคุณพักตร์แน่ใจอย่างนั้น ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เอาอย่างนี้ดีไหม ไปวัดกันก่อน วันนี้เป็นวันอาทิตย์เจ้กำลังจะไปวัดเลยมาชวน ฟังมิสซาแล้วอาจได้ความคิดใหม่ๆหรือคุณโชคอาจกลับมาบ้านแล้วตอนนั้น จะได้คุยกันดีๆที่บ้าน ”

พักตร์พิไลครุ่นคิด ไปวัดหรือ ? หล่อนลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่เรื่องของสามียังคาราคาซังอยู่แบบนี้หล่อนไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงเรื่องพระเรื่องเจ้าหรอก

“ แค่ชั่วโมงเดียวเอง ไปนั่งสงบสติอารมณ์ก่อน ขืนไปเจอคุณโชคด้วยอารมณ์แบบนี้มีแต่ผลเสีย ” เจ้ตุ๊เกลี้ยกล่อม

เจ้ตุ๊เป็นประหนึ่งพี่สาวที่หล่อนไม่เคยมี เป็นที่พึ่งที่ปรึกษายามหล่อนไม่สบายใจ และน่าประหลาดทุกครั้งที่หล่อนมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ เจ้ตุ๊จะปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของหล่อนเสมอและชวนให้หล่อนไปวัด และทุกครั้งที่ได้ไปวัด ความทุกข์ร้อนใจของหล่อนก็หมดไปหรือไม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ดีไป และตอนนี้หากหล่อนไปตามเขาที่บ้านแม่เขาด้วยอารมณ์แบบนี้ หล่อนคงระงับปากระงับใจให้พูดดีๆกับเขาไม่ได้แน่ คงจะมีแต่ผลเสียแบบเจ้ตุ๊พูดแน่ๆ

คิดได้เช่นนี้หล่อนจึงตัดสินใจที่จะพักเรื่องของสามีไว้และขับรถยนต์คันงามตามรถปิคอัพเก่าๆของเจ้ตุ๊ไปวัด..

..... เพียงสิบห้านาทีหล่อนก็มาถึงวัด เจ้ตุ๊พาหล่อนเข้าไปนั่งในที่ว่างทางด้านหน้าด้วยกัน ส่วนเฮียปรุงและลูกๆ ได้ที่นั่งแถวหลัง







Create Date : 11 มิถุนายน 2555
Last Update : 23 มิถุนายน 2555 10:07:31 น.
Counter : 418 Pageviews.

0 comments

peka
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนซื่อๆ มองโลกตามความจริง ใช้ชีวิตไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ วันไหนฟ้าใส จิตใจสดชื่น อาจหัวเราะเริงร่า พูดคุยสนุก วันไหนฟ้ามืด จิตใจซึมเศร้า อาจนั่งเงียบเหงาเขียนบทกวี วันไหนโลกแล้งยุติธรรม จิตใจหดหู่ อาจกินๆนอนๆดูทีวีทั้งวัน