วัฒนธรรมเสื่อมถอย เพราะเราละเลยเพิกเฉยปล่อยทิ้งไป 1
นับครั้งไม่ถ้วนที่ข้าพเจ้านั่งเรือผ่านคลองแสนแสบไปหาเพื่อนพ้องน้องพี่แถบทุ่งบางกะปิ การเดินทางด้วยวิธีนี้นอกจากจะทำให้ประหยัดเวลามากกว่าการใช้ถนนหนทางแล้ว ยังทำให้รู้สึกดีที่ได้ล่องเรือผ่านสายน้ำ.... สายน้ำที่เคยใสสะอาดและไม่มีครั้งใดที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกหดหู่ยามนั่งเรือผ่านลำคลองน้ำดำเน่าเหม็นเส้นนี้ สายน้ำที่เคยใสสะอาด หล่อเลี้ยงชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คนมาเนิ่นนานกลับกลายเป็นคลองน้ำเสีย เต็มไปด้วยขยะ และสิ่งปฏิกูล ข้าพเจ้าเชื่อว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินทางผ่านลำคลองสายนี้รู้สึกไม่แตกต่างจากข้าพเจ้า แม้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่คงทน ไม่จีรังยั่งยืน เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา นั่นคือสัจธรรมของโลก แต่การเฉยเมยปล่อยให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นต่อสังคม โดยที่ทุกคนไม่ยอมรับ แต่นั่งมอง และปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องที่บ้านของพี่วิชาญ จุดรวมใจของเราที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่พวกเราเชื่อว่ามันคือรากฐานของความเป็นไทย เอกลักษณ์ที่ไม่มีชนชาติใดเหมือน เป็นรากฐานของความเป็นคนดีมีคุณค่าของสังคม และเป็นสิ่งสวยงามที่หล่อหลอมสังคมให้สันติสุข น่าอยู่อาศัยมานมนาน เสียงหนังตลุงจากเครื่องเสียง กับข้าวพื้นบ้าน และบรรยากาศพี่น้องกลุ่มเล็ก ๆ แม้จะไม่ทำให้การขับเคลื่อนขบวนศิลปวัฒนธรรมที่กำลังจะสูญหายเดินไปอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่พลังความตั้งใจไม่เคยลดน้อยถอยลงจากหัวใจดวงน้อยของพวกเราวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามที่สืบทอดต่อกันมานั้น ล้วนแตกต่างกันไปตามความเชื่อ ความผูกพันของผู้คนต่อพุทธศาสนา และการดำรงชีวิตที่สอดประสานกับฤดูกาล และธรรมชาติอย่างชาญฉลาดของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น พระยาอนุมานราชธน ได้ให้บทนิยาม คำ "วัฒนธรรม"ว่า วัฒนธรรม คือ "สิ่งที่มนุษย์เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือผลิตสร้างขึ้น เพื่อความเจริญงอกงามในวิถีแห่งชีวิตของส่วนรวม ถ่ายทอดกันได้ เอาอย่างกันได้ คือผลิตผลของส่วนรวมที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากคนแต่ก่อนสืบต่อเป็นประเพณีกันมา คือความรู้สึก ความคิดเห็น ความประพฤติ และกิริยาอาการ หรือการกระทำใดๆ ของมนุษย์ใน ส่วนรวมลงรูปเป็นพิมพ์เดียวกัน และสำแดงออกมาให้ปรากฏเป็นภาษา. ศิลปะ ความเชื่อถือ ระเบียบประเพณี เป็นต้น.คือมรดกแห่งสังคม ซึ่งสังคมรับและรักษาไว้ให้เจริญงอกงาม เป็นผลิตผลของส่วนรวมที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากคนแต่ก่อนสืบต่อเป็นประเพณีกันมาพระเทพเวที ( ประยุทธ์ ปยุตโต) ได้อธิบายความหมายของวัฒนธรรมเมื่อคราวแสดงปาฐกถาพิเศษ ๑๐๐ ปี ของพระยาอนุมานราชธน เรื่อง " วัฒนธรรมกับการพัฒนา" ไว้เป็นหลายนัยอย่างน่าพิจารณา ดังนี้ วัฒนธรรม เป็นผลรวมของการสั่งสมสิ่งสร้างสรรค์และภูมิธรรมปัญญา ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาของสังคมนั้นๆ วัฒนธรรม เป็นการสั่งสมประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ภูมิธรรมภูมิปัญญาทั้งหมดที่ได้ช่วยให้มนุษย์ในสังคมนั้นๆ อยู่รอด และเจริญสืบต่อได้ และเป็นอยู่อย่างที่เป็นในบัดนี้ วัฒนธรรม คือผลรวมของทุกสิ่งซึ่งเป็นความเจริญงอกงามที่สังคมนั้นๆ ได้ทำไว้ หรือได้สั่งสมมาจนถึงบัดนี้ วัฒนธรรม เป็นทั้งสิ่งที่ทำให้เจริญงอกงามสืบมา และเป็นเนื้อตัวของความเจริญงอดกงามที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของความเจริญงอกงามต่อไปตลอดจนเป็นเครื่องวัดระดับความเจริญงอกงามของสังคมนั้นๆศิลปะการแสดงของไทย ก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของเราที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่รังสรรค์ศิลปะอันงดงาม ประณีต จนกลายมาเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้สืบทอดต่อมาเป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่คนไทยควรช่วยกันรักษา พัฒนาและสืบสานต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังด้วยความภาคภูมิใจและในโลกที่ไร้พรมแดน สังคมไซเบอร์ เป็นโลกใหม่ที่มีเทคโนโลยีเป็นฐาน ไม่มีระยะทาง เวลา สถานที่ เป็นโลกแห่งจินตณาการ วิถีการทำงาน และใช้ชีวิตอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ภายใต้โครงข่ายที่โยงใยทั่วโลก และเป็นโลกใหม่ที่ทุกคนกำลังจะเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเราอาจจะไม่ชอบ แต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ท่ามกลางรอยต่อแห่งยุคสมัยจากคนรุ่นหนึ่งที่เติบโต และสัมผัสใกล้ชิดกับศิลปวัฒนธรรมรากเหง้าเดิม แต่ไม่สามารถเชื่อม และส่งต่อสิ่งดีงามนี้ให้กับคนรุ่นใหม่ได้เลย จึงไม่ผิดที่เด็กรุ่นใหม่อนาคตของชาติไม่สามารถเข้าถึงศิลปวัฒนธรรมไทยที่สวยงาม และประเพณีศิลปะวัฒนธรรมกำลังค่อย ๆ หายไปจากท้องถิ่น และจิตใจของพวกเขา...อนาคตของชาติเรางานวิจัยสังคมมากมายแสดงให้เห็นถึงความล่มสลายของสังคม พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเยาวชนลูกหลานของเรา ที่จะก้าวไปเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคต ดูข่าวสารในแต่ละวันแล้วชวนหดหู่สังเวชใจ การพัฒนาประเทศ โดยมุ่งเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน เป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศพึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง แต่การไม่ส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักในประเพณีศิลปะวัฒนธรรม รากเหง้าของความเป็นไทยอย่างจริงจัง เป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจ เพราะแม้ประเทศของเราเจริญมากแค่ไหน แต่จะม่ประโยชน์อะไรถ้าจิตใจของผู้คนในสังคมตกต่ำลงระบบการศึกษาของไทยที่นักการศึกษาที่มีบทบาทกำหนดนโยบายการศึกษาของชาติ ยึดเอาทฤษฎี และหลักการของชาติตะวันตก ละทิ้ง และดูแคลนภูมิปัญญาชาวบ้าน กำหนดนโยบายให้ครูทั้งประเทศเดินตาม ไม่ว่าจะเป็นการห้ามท่องจำ ทำให้เด็กสมัยนี้ท่องสูตรคูณไม่เป็น ขาดมิติทางด้านภาษาและวรรณกรรมคำต่อว่าเยาวชนวัยรุ่นสมัยนี้ว่า ไม่มีวัฒนธรรม เสเพล ไร้ความรับผิดชอบ เกิดจากการที่เขารับวัฒนธรรมต่างชาติจนลืมรากเหง้าของตัวเอง หรือว่าคนรุ่นเราไม่ส่งต่อวัฒนธรรมความเป็นคนไทย ใจไทยให้กับเขา ผิดที่เขาหรือคนรุ่นเรากันแน่ข้าพเจ้าได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดทางใต้อย่างน้อยปีละครั้ง ได้สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านเกิด ผู้เฒ่าสูงอายุหลายคนได้สิ้นบุญไปพร้อมกับวัฒนธรรมที่สืบสานมาหลายชั่วคน ไม่มีการร่วมแรงร่วมในของคนในชุมชนเหมือนดังแต่ก่อน เช่น การขนทรายเข้าวัดเพื่อกิจกรรมเวียนเทียน งานเดือนสิบไม่มีการทำหมับ ไม่มีการร่วมกันทำขนมเดือนสิบ มีการกั้นรั้วกันแทบทุกครัวเรือน นั่นคือทุกบ้านเรือนมาอาณาเขตแดนไม่สามารถก้าวข้ามอิสระเช่นคนรุ่นก่อน เด็กในหมู่บ้านเที่ยวเตร่ในสถานบันเทิง มั่วสุมทั้งในเรื่องสิ่งเสพติด และเรื่องเพศสัมพันธ์หากจะพูดไปแล้ว ไม่แปลกเลยที่สังคมชุมชนดั้งเดิมเราเป็นเช่นนั้น เมื่อรอยต่อแห่งคนรุ่นไม้ใกล้ฝั่งที่ไม่มีการศึกษามากมาย กับคนอีกรุ่นหนึ่งที่มีการศึกษาจบระดับปริญญา ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ทั้งในแง่วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และความคิด มุมมอง ต่อโลกและสังคมแท้ที่จริงแล้วแม้ว่าเราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเรามีความสุข เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเงินทอง แต่หากสังคมที่เราดำรงอยู่เต็มไปด้วยคนที่ขาดวินัย ไม่มีความรับผิดชอบชั่วดี เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ ขาดการเสียสละ และไม่มีความสามัคคี ครอบครัวของเราจะดำรงอยู่ได้อย่างสันติสุขได้อย่างไรบ้านที่มีรั้วที่มั่นคงใช่ว่าจะปราศจากโจรผู้ร้าย และชีวิตส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในบ้าน หากสายใยวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงสัมพันธ์ผู้คนในสังคมไม่มีการเชื่อมต่อดังเดิม หากเราเฉยเมยต่อการประพฤติที่มิชอบต่อลูกหลานคนอื่น วันหนึ่งสิ่งไม่ดีเหล่านั้นจะกลับมาทำลายลูกหลาน และครอบครัวของเราเองเราจะปล่อยให้อารยธรรม และวัฒนธรรมชาติตะวันตก เข้ามาแทรกซึมในจิตใจของลูกหลานเรา และเบียดแทรกวัฒนธรรมบรรพบุรุษที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน ให้มลายหายไป โดยที่พวกเราทุกคนเมินเฉย ไม่ลงมือทำสิ่งใด ๆ ปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงค่อย ๆ ฉาบทาสิ่งดีงามของเรา จนมืดมิดมองไม่เห็น กระทั่งไม่เหลือให้คนรุ่นใหม่ที่เราเรียกว่าอนาคตของชาติได้สืบต่อ ดังเช่นสายน้ำลำคองที่เคยใสสะอาด กลายเป็นสายน้ำที่เน่าเหม็นอยู่ทุกส่วนของประเทศนี้และเมื่อถึงวันหนึ่ง.....เมื่อสายน้ำไม่ไหลกลับ เฉกเช่นคลองแสนแสบที่ไอ้ขวัญกับอีเรียมและผู้คนในทุ่งบางกะปิ ว่ายเล่น และเมื่อคราเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว สายน้ำที่ใสสะอาด ค่อย ๆ สะสมสิ่งสกปรกโสโครก น้ำเริ่มเสีย และกลายเป็นสีดำเน่าเหม็น จนเราเริ่มชินกะมัน ชินกับสภาพที่เราไม่ชอบ และเราก็ยังสัมผัสกับมันอยู่ทุกวี่ทุกวันเราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อวันหนึ่งลูกหลานของเรากลายเป็น คนไทยใจต่างชาติ วัฒนธรรมต่างชาติ อย่าให้ถึงวันนั้นเลย...วัฒนธรรมอันสูงค่าสวยงามแห่งความเป็นไทย