เล่าเรื่องเกิ่วโด๋ย (câu đối) งานศพ
ปฐมภาค:เกริ่น ธรรมเนียมงานศพของชาวไทยเชื้อสายเวียตนามในเขตอำเภอเมืองนครพนมนั้น ไม่เหมือนกันเลยทีเดียวหากแต่มีความต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยของชุมชน (หล่าง : Làng) ที่สังกัด เช่น ชุมชนบ้านนาจอก ชุมบ้านต้นผึ้ง-ดอนโมง ชุมชนบ้านโพนบก ชุมชนวัดป่า ชุมชนบ้านนาราชควาย ชุมชนวัดอรัญ ชุมชนชาวเวียตนามในเทศบาลที่สังกััดด่ายเหียวและชุมชนคาธอลิกเวียตนามบ้านหนองแสง นอกจากนี้ยังมีบ่อยครั้งที่พบว่าชุมชนมากกว่า 1 ร่วมกันจัดงานศพ 1 งาน ดังนั้นจึงทำให้ธรรมเนียมงานศพมีข้อแตกต่างกันไปเสียทุกครั้งเมื่อมีการผสมผสานดังกล่าวเกิดขึ้น ตรงนี้อาจสืบเนื่องจากค่านิยมเก่าสมัยก่อนที่ชาวไทยเชื้อสายเวียตนามมักแต่งงานกันในเชื้อสายเดียวกัน (แต่งข้ามหล่าง วนเวียนกันไปมา) หรืออาจมาจากผู้ตายสังกัดชุมชนมากกว่า 1 ชุมชนนั่นเอง ผมเองมองความแตกต่างในรายละเอียดปลีกย่อยแต่ละหล่างเป็นสิ่งที่สวยงาม เหมือนเสื้อผ้าที่ตัดพอดีตัวสวยงามสบายเหมาะกับแต่ละคน ไม่ใช่เสื้อผ้าโหลที่ตัดไซร์เดียวกันเหมือนกันหมดทุกตัวเมื่อตัวไหนตัดต่างไปย่อมมองผิดหรือพลาดได้ หากแต่เรื่องธรรมเนียมงานศพที่ต่างกันไปในแต่ละหล่างนั้นย่อมไม่มีสิ่งใดผิด สิ่งใดถูกทุกสิ่งย่อมมีเหตุผลและคำตอบในตัวมันเอง บ้านนาจอกนั้นได้ชื่อว่าเป็นชุมชนที่มีระเบียบแบบแผนทางสังคม (ระบบหล่าง) ยอดเยี่ยม หากแต่ธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับพิธีศพ และการไหว้ (กุ๋ง: Cúng ) ต่าง ๆ นั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย ผ่อนปรน และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย แต่ทว่ายังคงรักษาธรรมเนียมหลักแบบนาจอกไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น การทำพิธีฝังศพที่นาจอกนั้นไม่ปรากฎว่ามีการใช้ หล่าเจี่ยวเลยตั้งแต่สมัยโบราณ และไม่มีการทำป้ายวิญญาณมาก่อนหน้า พ.ศ. 2540 แต่ภายหลังจึงมีการปรับเปลี่ยนให้มีป้ายวิญญาณไว้ทำพิธี แต่ทว่าก็ต้องทำพิธีหลังจากฝังศพแล้วเท่านั้น ระหว่างที่ศพยังไม่ถูกฝังจะไม่มีพิธีไหว้ใด ๆ เลย ถ้าให้วิเคราะห์ก็คงเป็นเพราะนาจอกนั้นมีระบบเท่ยหล่าง (ซินแสประจำชุมชน) ที่มักจะสืบทอดตำรากันลงมาไม่ขาดสาย จึงทำให้คงเอกลักษณ์เฉพาะหล่างที่ไม่เหมือนชุมชนอื่นไว้ได้อย่างยาวนาน และธรรมเนียมอีกอย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นได้ในงานศพในชุมชนบ้านนาจอกก็คือ "เกิ่วโด๋ยงานศพ" ซึ่งแม้ว่าไม่เป็นที่นิยมแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีให้เห็นเลยดังนั้นจึงขอนำเสนอเรื่องราวของเกิ่วโด๋ยงานศพไว้พอให้ครบถ้วนกระบวนความรู้ในธรรมเนียมงานศพที่จะได้รับจาก บล๊อก นาจอก ณ นครนพม ทุติยภาค : บอก เกิ่วโด๋ยงานศพคือ ป้ายผ้าสีต่าง ๆ ที่เขียนอักษรเวียตนามสองแถวเป็นคำไว้อาลัยต่อการจากไปของผู้ตาย โดยการเขียนเกิ๋วโด๋ยนั้นต้องอาศัยผู้ที่มีลายมือสวยทั้งยังสามารถเข้าใจในหลักการแต่งเกิ่วโด๋ยเวียตนามที่ถูกต้องตามอักขรวิธีอีกด้วย สีของป้ายผ้าที่นิยมนำมาเขียนเกิ่วโด๋ยงานศพ ในช่วงหนึี่่่่งมีความนิยมในการสื่อความหมายที่ต่างกันไปตามสีผ้า ดังนี้ 1. สีขาว มักเป็นของลูก-หลาน สายตรงของผู้ตาย 2. สีชมพู มักเป็นตระกูลของดอง (ตระกูลพ่อแม่ของลูกเขย หรือลูกสะใภ้ของผู้ตาย) 3. สีเหลือง มักเป็นของหลานทั้งหลานในและหลานนอก 4. สีเขียวอ่อน มักเป็นน้อง ๆ ของผู้ตาย 5. สีแดง มักเป็นสีที่ใช้ทั่ว ๆ ไปกรณีผู้ตายมีอายุประมาณ 80 ปีขึ้นไป
แต่ปัจจุบันสีที่ยังคงยึดตามความนิยมดังกล่าวคือสีขาวเท่านั้น ส่วนสีอื่น ๆ ก็ใช้ได้ตามความพอใจแต่ก็มักจำกัดแค่สีขาวกับชมพูเพราะมีร้านค้าที่ตัดผ้าสำหรับเขียนเกิ่วโด๋ยขายเพียง 2 สีขนาดมาตรฐานยาว 2 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร หากต้องการสีอื่นคงต้องตัดผ้าแล้วเย็บเอง ซึ่งออกจะดูวุ่นวายเอาการอยู่จึงไม่ค่อยมีสีอื่นให้เห็นบ่อยนัก ส่วนชุมชนที่นิยมใช้เกิ่วโด๋ยงานศพและมีการสร้างสรรค์ฝีมือฝากไว้กับป้ายผ้าสีต่าง ๆ ดังกล่าวคือ ชุมชนวัดป่า ชุมชนด่ายเหียว และชุมชนบ้านโพนบก ส่วนชุมชนอื่น ๆ จะมีให้เห็นบ้างแต่ก็ล้วนเป็นฝีมือการเขียนของคนในสามชุมชนดังกล่าวนั่นเอง เกิ่วโด๋ยที่ใช้ในงานศพถ้าขณะที่ศพตั้งอยู่ที่บ้านก็นิยมแขวนไว้เป็นฉากหลังโลงศพหรือบริเวณด้านข้าง ๆ ที่ไม่ห่างจากโลงศพนัก ตติยภาค : เล่า ส่วนตำแหน่งเดินของเกิ่วโด๋ยในขบวนแห่ศพมักจะจัดให้เดินตามหลังลิงซาโดยใช้ไม้ไผ่ยาวผูกติดแล้วยกชูขึ้นลักษณะคล้ายผืนธงหากแต่ไม่จัดเป็นธง แต่ปัจจุบันขบวนแห่งศพของชุมชนต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากอาทิ การผูกลิงซาไว้กับรถศพจากเมื่อก่อนแยกกันเดิน การนำธงมาปักไว้กับรถศพ เหล่านี้ทำให้รูปแบบขบวนแห่ศพจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยและบริบทของแต่ละชุมชน ภาพตำแหน่งเกิ่วโด๋ยผืนสีชมพูในขบวนแห่ศพชุมชนด่ายเหียว ปลิวไสวคล้ายธงงานศพ ตำแหน่งเกิ่วโด๋ย 3 ผืน 2 แบบในขบวนแห่ศพชุมชนโพนบก ตำแหน่งเกิ่วโด๋ย สำเร็จรูปที่ซื้อจากเวียตนามในขบวนแห่ศพชุมชนโพนบกแบบเก่าที่เกิ่วโด๋ยจะตามหลังลิงซา (ยุคที่ยังไม่ผูกลิงซาเข้ากับรถศพ) จตุรภาค : ตัวอย่าง เกิ่วโด๋ยงานศพนั้นมีเพียง 2 แถวหลักยืนพื้นและมีคำอยู่ไม่มากแต่ทว่าความหมายกลับลึกซึ้งและกว้างขวางกว่าขนาดของผืนผ้าที่เขียนไว้ ขอนำเกิ่วโด๋ยของ 2 ชุมชนมาถ่ายทอดเป็นตัวอย่าง เกิ่วโด๋ยงานศพชุมชนวัดป่า ซึ่งถือว่าเป็น original ของชาวไทยเชื้อสายเวียตนามในจังหวัดนครพนม ผืนสีขาว แปล - เมื่อยังเล็กเฝ้าเลี้ยงดู เมื่อเติบใหญ่ให้สร้างตัว พระคุณพ่อยิ่งใหญ่ดุจดังขุนเขา - เช้าเย็นให้ความรักความเอ็นดู พระคุณปู่ (ตา) มากมายดุจดังมหาสมุทร แปล - เพื่อนฝูงต่างรักใคร่ เช็ดน้ำตาเมื่อนึกถึงวันวาน- สองครอบครัวสมัครสมานสามัคคีลูกหลานมีแต่ความสงบสุข เสียใจเมื่อต้องเสียดองไป +++++++++++++++++++++++++++++++++ ส่วนเกิ่วโด๋ยงานศพชุมชนโพนบก ถือว่าเป็นของใหม่เพราะคนเขียนอายุยังไม่ถึง 30 เสน่ห์ของแบบนี้คือภาษาเวียตนามที่สะกดด้วยอักษรจีนแบบเก่าในแถวกลางของผืนเกิ่วโด๋ย ผ้าสีขาว ซ้าย - Chập chờn cơn ác mộng, mẹ con ở lại, bàn hoàn buốt dạ buổi chia ly ขวา - Lởn vởn cõi uyên nguyên, cha đã ra đi, trăn trở run môi lời đoạn biệt แปล - แม่กับลูกต้องพบกับฝันร้ายที่ไม่คาดคิด แสนโศกเศร้าเสียใจเมื่อต้องพลัดพรากจากพ่ออันเป็นเป็นที่รัก ปากสั่นเมื่อถึงเวลาที่ต้องกล่าวคำอำลา ผ้าสีชมพู ซ้าย - Thương cha tóc bạc tiễn đưa con, não nùng thảm thiết một niềm buồn đau ขวา - Khóc anh vội lên tiên cưỡi hạc, ngơ ngẩn buồn tình trăm việc bối rối แปล - ปู่ต้องมาส่งศพศพลูกชาย จิตใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้า น้องๆ ร้องไห้ส่งศพพี่ชาย จะหันไปทางไหนก็มีแต่ความสับสน ทำอะไรไม่ถูก +++++++++++++++++++++++++++++++++ ส่วนเกิ่วโด๋ยที่มาแรงไม่แพ้สองแบบข้างต้นคือแบบสำเร็จรูปที่ซื้อจากเวียตนามคำที่ใช้จะเป็นคำกลาง ๆ แต่โดยส่วนตัวผมว่าแม้จะสวยแต่ดูขาดเสน่ห์ความเป็น "ศิลป์" ไปมากพอสมควร ซ้าย - Bóng hạc xe mây về cõi Phật ขวา - Để lại trần gian phúc cháu con แปล - ดวงวิญญาณล่องลอยสู่ดินแดนแห่งพระอามิตาพุทธเจ้า - โลกมนุษย์เหลือไว้เพียงพระคุณอันยิ่งใหญ่ให้ลูกหลานได้จดจำ เบญจมภาค : สรุป ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นย่อมพอสรุปได้ว่าการใช้เกิ่วโด๋ยในงานศพจัดเป็นทั้ง "ศาสตร์" และ " ศิลป์" แห่งบรรพชนที่ชาวไทยเชื้อสายเวียตนามควรเปิดใจทำความรู้จักถึงที่มา ความงาม และความสำคัญ ศาสตร์ ที่ต้องใช้คือความรู้ด้านไวยากรณ์เวียตนามที่เป็นหลักในการแต่งเกิ่วโด๋ยซึ่งนับเป็นศาสตร์ชั้นสูงและหาผู้รู้ยากยิ่ง การสรรหาคำมาใช้ การผูกโยงแต่งให้สอดคล้องกับกรณีงานศพแต่ละงาน และหากแต่งให้ในนามผู้ใดผู้แต่งย่อมต้องเข้าใจบริบทแห่งการเขียนเกิ่วโด๋ยอย่างลึกซึ้งจึงจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่าง งดงาม และไพเราะ ศิลป์ ที่ต้องใช้คือการเขียนด้วยปากกาหมึกปลายตัด ให้ลายมือสวยงามเป็นศิลป์ การเลือกผ้า การจัดวางตำแหน่งการเขียน การวัด การกะช่องว่างของคำที่แต่งไว้ให้พอดีกับระยะความยาวของผ้า ตลอดจนการจัดวางเกิ่วโด๋ยในห้องพิธีตั้งศพ และบางครั้งเกิ่วโด๋ยงานศพจากผืนผ้าเหล่านี้ถูกนำไปต่อยอดให้เป็นป้ายจารึกถาวรที่โหม่ (หลุมศพ) ของผู้วายชนม์ได้อีก เหล่านี้นับเป็นศาสตร์และศิลป์อันสำคัญ และเป็นสิ่งที่ทำให้เกิ่วโด๋ยที่ถูกแขวนในงานศพแบบเวียตนามนั้นยังคงงดงามตามประเพณีเสมอ ตัวอย่างเกิ่วโด๋ยจากงานศพ ที่นำมาทำเป็นจารึกถาวรที่โหม่หรือหลุมศพ (2 ข้างซ้ายขวา) แต่ธรรมดา การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นนิรันดร์ ถึงแม้เกิ่วโด๋ยงานศพจะลดจำนวนการใช้ลงมากในทุกชุมชมที่กล่าวมาอันเนื่องจาก คนรุ่นใหม่น้อยคนที่จะเข้าใจและรู้ความหมายของการใช้เกิ่วโด๋ยงานศพ ทั้งยังอ่านไม่ออกแปลไม่ได้ จึงไม่เห็นความสำคัญ พวงหรีดดอกไม้สดจึงเข้ามาแทนที่สัญลักษณ์ในการแสดงความอาลัยอย่างแนบเนียน และคงแนบเนียนไปเรื่อย ๆ ตราบจนเกิ่วโด๋ยผืนสุดท้ายจะถูกเผามอดไหม้ไปกับกองไฟหลังครบ 100 วันตามธรรมเนียมการไว้ทุกข์... *************************************************** ฉภาค : ขอบคุณ ขอบคุณ น้องต้อม @ HANOI ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบทความเรื่องนี้ รวมทั้งกรุณามอบไฟล์ภาพประกอบ ตลอดจนสำนวนแปลภาษาที่งดงาม ขอบคุณน้องตี๋เล็ก@นครพนม ที่กรุณาถ่ายภาพเกิ่วโด๋ยงานศพให้แม้จะอยู่ในช่วงทุกข์โศกของครอบครัว ขอบคุณพี่ Bumpkin Nkp ช่างภาพแถวหน้าของนครพนมที่กรุณาส่งไฟล์งานศพที่นาจอกมาให้ผมได้เลือกมาประกอบบล๊อกพร้อมทั้งนำไปแชร์ในกลุ่มเฉพาะของผู้สนใจใฝ่รู้ธรรมเนียมเวียตนามในไทย ทุกคนฝากขอบพระคุณพี่และหวังว่าหากมีวาระอื่น ๆ อีกคงจะได้รับความกรุณาจากพี่อีกครั้ง
Create Date : 25 มกราคม 2556 |
|
10 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2560 17:59:16 น. |
Counter : 4110 Pageviews. |
|
|
|
แต่ก็เป็นเพราะคนรุ่นใหม่ไม่ทราบวิธีการอ่านและเขียน จึงทำให้ประเพณีนี้ค่อยๆ เลือนไปตามเวลา
อ่านแล้วรู้สึกเสียดายจังเลยค่ะ..