Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

ไหว้ 100 วัน (วันออก-ช่วงไหว้ออกทุกข์)

ที่สุดแล้วผมก็เขียนมาถึงตอนสุดท้ายของชุดเรื่องราว
ธรรมเนียมเกี่ยวกับการตาย ตอนนี้จะเป็นการไหว้ 100 วัน
โดยหลังจากไหว้บรรพบุรุษเพื่อขออนุญาตรวมวิญญาณผู้ตาย
เข้าทำเนียบแล้วก็จะย้ายไปไหว้
ที่โต๊ะไหว้วิญญาณใหม่ (บ่าน เถ่อ ตาง) เพื่อคารวะระลึกถึงพระคุณ
รวมทั้งขอออกทุกข์ (ปลดผ้าขาว)

โต๊ะไหว้วิญญาณใหม่วันนี้จะต้องมีการเตรียมของไหว้หลักดังต่อไปนี้
- ไก่ต้ม 1 ตัว พร้อมข้าวเหนียว 1 จาน
- เกิมอุ๊บ (ข้าวจ้าวถ้วยพูน วางไข่ต้มแล้วปักตรึงด้วยตะเกียบ)
- สำรับอาหารคาว 1 สำหรับ พร้อมข้าวสวย 4 ถ้วย
- น้ำชา 1 กา
- เหล้าขาว
- เบียร์
- กล้วยน้ำว้า 1 หวี
- ผลไม้ และขนม รวมทั้งของบริวารอื่น ๆ
- พลู-หมาก (แบบจีบเป็นคำ)
- กระดาษเงิน-กระดาษทอง + กระดาษที่ญาติ ๆนำมาฝากไหว้

ขั้นตอนการไหว้ทำพิธีนั้นมากเอาการอยู่ขอสรุปเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ

1. ลูกชายล้างมือด้วยเหล้าขาวก่อนเริ่มพิธี
(โดยการจุ่มนิ้วให้โดนเหล้าขาวในแก้วแล้วแตะที่กระดาษทองหน้าโต๊ะไหว้)



2. ลูกชาย และผู้ร่วมพิธี จุดธูปไหว้
3. คารวะแบบเวียตนาม
4. ลูกสะใภ้เดินยกถาดข้าว (เกิมอุ๊บ)
เป็นแสดงความกตัญญู และถือเป็นการปรนนิบัติเป็นครั้งสุดท้าย



ขออธิบายแทรกหน่อยว่า ที่ใช้เกิมอุ๊บนี้ แท้จริงแล้วมีนัยคือข้าวสวยที่พูนล้นจากอีกถ้วยหนึ่งขึ้นมาจะคล้ายกับโหม่ (ฮวงซุ้ย) หรือกองดินบนหลุมฝังศพในสมัยก่อนที่เป็นกองหรือมีลักษณะพูนขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจุดสิ้นสุด
หรือจุดสุดท้ายแห่งชีวิตในโลกนี้ ส่วนไข่ต้มที่ปักอยู่มีนัยว่าเป็นการเดินทางเริ่มต้นใหม่หรือเกิดใหม่ในโลกอันเป็นภพภูมิหลังความตายนั้นเอง

ดังนั้นการใช้เกิมอุ๊บในงานศพหรือพิธีทีเกี่ยวเนื่องจากงานศพก็เป็นนัยที่แสดงว่าการตายเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตในขณะเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นใหม่ในอีกภพภูมิหนึ่ง

5. คารวะแบบเวียตนาม
6. ลูกชายรินเหล้าครั้งที่ 1
(รินลง ส่อมาว เล็กน้อย แล้วค่อยยกขึ้นจบก่อนวางบนโต๊ะ)
7. คารวะแบบเวียตนาม
8. ซินแส (เถ่ย) อ่านบทไหว้ 100 วัน
9. คารวะแบบเวียตนาม
10. ลูกชายรินเหล้าครั้งที่ 2
(รินแบบเดียวครั้งแรก แต่จะเปลี่ยนคนริน)
11. คารวะแบบเวียตนาม
12. ลูกชายรินเหล้า (เบียร์) ครั้งที่ 3
(รินแบบเดียวกับครั้งแรก แต่จะเปลี่ยนคนริน)
13. คารวะแบบเวียตนาม
14. ลูกสาว เดินยกน้ำชา ถือเป็นปรนนิบัติพ่อเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน



15. คาราวะแบบเวียตนาม
16. กั้นผ้าที่โต๊ะไหว้ เพื่อเรียกวิญญาณมาทานอาหาร-น้ำ
โดยขั้นตอนนี้ทุกคนจะต้องหันหลังให้โต๊ะไหว้ห้ามหันมามอง
มีเพียงซินแซผู้ทำพิธีเท่านั้นที่จะหันหน้าไปที่โต๊ะไหว้วิญญาณ
ตรงนี้น่าจะมีนัยเปรียบเสมือนว่าตอนนี้อยู่กันคนละโลกแล้ว
แม้แต่การกินข้าวก็ต้องแยกจากกันไม่มองไม่รู้ไม่เห็น

17. ซินแสอ่านบทไหว้ระลึกถึงวิญญาณ
และขออนุญาตออกทุกข์ (ปลดผ้าขาวไว้ทุกข์)
18. โยนเหรียญเสี่ยงทายการขอออกทุกข์
(ซึ่งต้องเสี่ยงให้ได้ เหรียญจีนที่ใช้เสี่ยงทายต้องขึ้น หัว-ก้อย)
19. ถอดชุดขาวไว้ทุกข์ และปลดผ้าขาวโพกศีรษะออกทุกคน



20. เผากระดาษเงินกระดาษทอง และป้ายวิญญาณที่ใช้มาตลอด 100 วัน
21. ลูกหลานไหว้คารวะในชุดออกทุกข์



++++++++++++++ เสร็จพิธี ++++++++++++++++

ธรรมเนียมแต่เดิมมานั้น จะจัดให้ไหว้ 100 วันเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องรอถึง 2 ปีเต็ม กว่าจะยอมทำพิธีไหว้ขอ ออกทุกข์ได้
แต่ในยุคสมัยใหม่เห็นว่าการไว้ทุกข์ 2 ปีออกจะมากไป
เพราะลูกหลานสมัยนี้ต้องไปทำมาหากินต่างถิ่นฐานบ้านเกิด
หาได้ใช้ชีวิตตามท้องไร่ท้องนาเรือกสวนเรียบง่ายอย่างแต่ก่อนมา
ดังนั้นการจะไว้ทุกข์ซึ่งมีข้อห้ามข้อปฎิบัติอย่างโบราณมากมายนั้น
ก็เป็นการยากที่จะรักษาไว้ได้อย่างบริบูรณ์ ถึง 2 ปี
สมัยนี้ส่วนใหญ่จึงเลือกไว้ทุกข์แค่ 100 วันเท่านั้น
แต่ก็ยังพอมีบ้างบางครอบครัวหรือชุมชนที่ยังรักษาธรรมเนียมไว้ทุกข์
2 ปีบริบูรณ์ไว้ได้อย่างน่าชื่นชมมาก



ยกตัวอย่างข้อห้ามของการไว้ทุกข์แบบโบราณเท่าที่นึกออก
1.ชั้นลูก รวมถึงสะใภ้ต้องผูกผ้าขาวไว้ทุกข์ 100 วัน
2.ลูกหลานสายตรงต้องแต่งการด้วยชุดดำ 100 วัน
3.ห้ามไปงานมงคลทุกประเภทมีกำหนด 2 ปี (ยุคนี้แค่ 100 วันยังเลี่ยงยาก)
4.วิญญานใหม่ต้องไหว้แยกจากบรรพบุรุษในทุกเทศกาล (ตั้งโต๊ะแยก)
5.ห้ามเช็คถู ทาสี แตะต้อง/ปรับแต่ง โหม่ หรือฮวงซุย 2 ปี
6.ห้ามจัดงานมงคล งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ของลูกหลานสายตรง 2 ปี
(ข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่มาก ก็อย่างว่าคนจะเบียด ฝนจะตก พระจะสึก...)
7. จัดพิธีไหว้ใหญ่คล้ายกับ 100 วันอีก 2 ครั้งคือเมื่อครบ 1 และ 2 ปี
ฯลฯ



++++++++++++++++++++++++++++++++++

คลิปช่วงทำพิธีสำหรับผู้สนใจ...




 

Create Date : 28 มกราคม 2555
15 comments
Last Update : 13 มิถุนายน 2555 7:33:33 น.
Counter : 19561 Pageviews.

 

ข้าวน้ำที่ยกที่บ้านผมจะห่อด้วยกระดาษเงินกระดาษทองก่อน พอวางลงถึงจะแกะกระดาษออกแล้วค่อยปักตะเกียบ รายละเอียดหลักใหญ่เหมือนกัน แต่ต่างก่อนตรงความนิยมของแต่ละที่ ทุกพิธีกรรมสวยงามเสมอ

 

โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.158 1 กุมภาพันธ์ 2555 12:42:22 น.  

 

น่าชมนะครับไว้มีภาพหามาฝากบ้าง
การแกะทีหลังก็ดูเหมือนข้าวหรืออาหารสมัยนี้ที่มักจะ
แรฟด้วยฟิล์มบาง ๆ ก่อนถึงมือผู้ทาน
แสดงออกถึงความปราณีตบรรจงดีนะครับครับ

ปล.จะถามว่าหลังจากครบสองปีแล้ว เวลางานไหว้ประจำปีจะยังมีเกิมอุ๊บมั้ยครับ ไปไหว้บ้างบ้านก็มีพอถามเค้าว่าทำไม่ต้องมีเค้าก็ตอบว่าไม่รู้ มันสวยดี ????

 

โดย: peeradol33189 1 กุมภาพันธ์ 2555 12:46:13 น.  

 

ที่มีก็เพราะ ข้าวถ้วยนั้นจะเป็นของผุ้ตายใช้กิน เพราะในการไหว้ครบรอบวันตายไม่ได้เชิญเฉพาะคนตายเพียงอย่างเดียว แต่จะเชิญญาติพี่น้องของผุ้ตายที่ล่วงลับไปแล้วมาร่วมด้วย ดังนั้นเพื่อให้พิเศษขึ้นมาหน่อยและเพื่อให้เกียรติแก่ผุ้ตายจึงต้องมีข้าวให้กับผุ้ตายต่างหาก จึงต้องมีเกิมอุ๊บครับ เอาง่ายๆ ปู่ผมบอกว่าเกิมอุ๊บก็เหมือนเค้กอ่ะครับ วันเกิดคนเป็นมีเค้ก วันตายมีเกิมอุ๊บ อ่ะครับ

 

โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.158 1 กุมภาพันธ์ 2555 12:53:22 น.  

 

สงสัยว่าทำไมถึงสองปีค่ะ

มาหัดแปะหัวใจให้บ่าวคนนี้คนแรกค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 1 กุมภาพันธ์ 2555 14:41:15 น.  

 

เหตุที่คนเวียดนามต้องไว้ทุกข์ยาวนานยาวถึง 2 ปีนั้นก็เพราะถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ เพราะคนเวียดนามเค้าให้ความสำคัญกับคนที่ตายจากไป เพื่อแสดงถึงความเศร้าโศกเลยต้องไว้ทุกขืนานถึง 2 ปี แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะไว้ทุกยาวนานเท่ากันหมด เฉพาะลูกชายคนโตที่จะไว้ทุกข์นานกว่าคนอื่นคือ 2 ปีกับ อีก 100 วัน(หรือ 3 เดือน) เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ และที่สำคัญคนเวียดนามเชื่อกันว่า คนเราเมื่อตายไปใหม่ๆ วิญญาณยังไม่บริสุทธิ์พอที่จะไปอยู่รวมกับบรรพบุรุษ จึงต้องอยู่แยกต่างหากนานถึง 2 ปี โดยใช่วงนี้ปู่บอกว่าวิญญาณคนตายจะยังมีผุ้คุมวิญญาณคอยดูแล 2 คน พอพ้นทุกข์ไปแล้วจึงจะสามารถเข้าอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษได้ แต่โบราณจริงๆ เค้าไว้ทุกขืกันยาวนานถึง 3 ปี ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากจีนด้วยครับ

 

โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 69.22.174.177 1 กุมภาพันธ์ 2555 17:21:55 น.  

 

มาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับประเพณีของชาวเวียตนามครับ

 

โดย: Insignia_Museum 1 กุมภาพันธ์ 2555 22:50:59 น.  

 

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 2 กุมภาพันธ์ 2555 10:30:53 น.  

 

ลืมตอบเลย

ตอนที่เล่าเรื่องก๋วยเตี๋ยว ก่อนปี 2511 ตอนนั้นเรียนประมาณ ป. 4-5 จำราคาก๋วยเตี๋ยวไม่ได้แต่อาหารถาดที่โรงเรียนว่าน่าจะ 1.50 บาทค่ะ ราคาก๋วยเตี๋ยวน่าจะประมาณนั้น

 

โดย: tuk-tuk@korat 2 กุมภาพันธ์ 2555 10:35:11 น.  

 

เรื่องราวที่คุณพีร์เล่าเอาไปออกรายการ"พันแสงรุ้ง"ได้เลย
นะคะ

เมื่อวานดูเรื่อง"อิ้วเมี่ยน" ก็ชอบเหมือนกันค่ะ ที่ครอบครัวปัจจุบันก็ยังรักษาประเพณีเดิมของเผ่าพันธุ์น่ะค่ะ

 

โดย: รัชชี่่ (รัชชี่ ) 5 กุมภาพันธ์ 2555 14:48:45 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์

 

โดย: กะว่าก๋า 6 กุมภาพันธ์ 2555 5:24:22 น.  

 

ผมก็ชอบดอยมากกว่าทะเลอีกครับ



 

โดย: กะว่าก๋า 6 กุมภาพันธ์ 2555 14:41:03 น.  

 

ถ้าคุณพีร์เคยดู "กวนมึนโฮ "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก""โหมโรง" แล้วชอบ ก็คิดว่า" 30 กำลังแจ๋ว" ก็น่าจะชอบค่ะ

 

โดย: รัชชี่่ (รัชชี่ ) 6 กุมภาพันธ์ 2555 20:47:55 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์



 

โดย: กะว่าก๋า 7 กุมภาพันธ์ 2555 6:02:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่



 

โดย: กะว่าก๋า 8 กุมภาพันธ์ 2555 5:55:57 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่

 

โดย: กะว่าก๋า 9 กุมภาพันธ์ 2555 5:46:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Gia Huy - Peeradol
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
แจกฟรีแบ๊คกราว
Friends' blogs
[Add Gia Huy - Peeradol's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.