เร่งเดินทาง เร่งปฏฺบัติ เตรียมรับมือกับเหตุที่จะเกิด อันใกล้นี้เถิด
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
ลูกเราช่วยกันปั้น 2

ลูกเราช่วยกันปั้น 2

วันนี้คงต้องขออนุญาตนำผลงานการวิจัยต่างๆมานำเสนอเพื่อให้ผู้ปกครองได้สบายใจว่าครูพี่ปิ่นไม่ได้นั่งเทียนเขียนในเรื่องนี้ คิกคิก ถ้านั่งเทียนแล้วเห็นก็จะขอนั่งเที่ยนเอาตัวเลขก่อนละค่ะ คิกคิก

อาจจะมีคุณพ่อคุณแม่หลายๆคนที่ยังมีความสงสัยว่า การที่ลูกเราเรียนรู้สองภาษาในเวลาเดียวกันจะหนักเกินไปสำหรับเด็กหรือไม่ ลองอ่านงานวิจัยข้างล่างนี้นะคะจะได้ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจหมดห่วงว่าจะหนักเกินไปสำหรับเจ้าตัวน้อยของเราหรือไม่

ทฤษฏีสรีรศาสตร์ภาษา ของเลนเนอเบอร์ก(lanneberg )ตั้งอยู่บนฐานที่ว่าสมองส่วนซ้ายเป็นศูนย์กลางของความสามารถทางภาษา มีผู้พบว่าถ้าสมองส่วนนี้ชำรุด สมองส่วนอื่นก็อาจทดแทนกันได้ถ้าบุคคลนั้นยังไม่ถึงอายุวัยรุ่น

จากคำกล่าวนี้น่าจะทำให้เรารู้ว่าถ้าวันนี้ลูกเรายังอยู่ในวัยประถมเข้าโรงเรียนแล้วแต่ภาษาของเขายังไม่เป็นที่พอใจของเรา เรา(พ่อและแม่ )จะมีโอกาสที่จะปั้นเขาได้เองในตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป

ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์และนักภาษาศาสตร์ ตลอดจนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมองของคน ทำให้เรารู้ว่าการเรียนภาษาของเด็กนั้น ไม่เป็นของยากเลย เด็กมักเรียนภาษาได้โดยการสังเกตุสิ่งแวดล้อม จากการได้ยินได้ฟังคนรอบข้าง เด็กเรียนภาษาโดยการเลียนแบบ โดยการฝึกซ้ำๆและโดยการซึมซาบ

การศึกษาค้นคว้าของ พิณทิพย์ ทวยเจริญ ซึ่งได้สรุปว่ากลไกลทางภาษานั้น ไม่ว่าเด็กจะเรียนภาษาอะไร จะเป็นกลไกเดียวกันทั้งนั้น เด็กที่มีโอกาสได้เรียนรู้หรือได้ใช้สองหรือสามภาษาพร้อมกันในวัยเด็ก จะสามารถใช้ภาษานั้นได้ดีเหมือนเจ้าของภาษา

แนวความคิดของนักจิตวิยากลุ่มพฤติกรรมนิยม ( Behaviorists ) นักจิตวิทยากลุ่มนี้มีความเชื่อพื้นฐานว่า เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับจิตที่ว่างเปล่า ที่พร้อมที่จะบรรจุสิ่งต่างๆเข้าไปจากสภาพแวดล้อม นั่นคือสภาพแวดล้อมจะทำหน้าที่สร้างเสริมสิ่งต่างๆให้กับเด็ก โดยผ่านกระบวนการวางเงื่อนไขที่เหมาะสม สกินเนอร์คือผู้นำนักจิตวิทยากลุ่มนี้

แบนดูราก็เป็นนักจิตวิทยาอีกคนหนึ่งที่เสริมและเสนอแนวความคิดเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ปกครองเป็นครูที่สำคัญที่สุดที่สอนให้เด็กเรียนรู้ภาษา ตลอดหลักไวยากรณ์ โดยผู้ปกครองชี้แนะ สอบถาม ให้ข้อมูลย้อนกลับ ในการเสริมแรงเมื่อเด็กพูดได้ถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังเป็นแบบอย่างของการเรียนรู้ภาษาของเด็กอีกด้วย ( เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น )

ชอมสกี( Chomsky ) ค้นพบว่าเด็กมีระบบการใช้ภาษาเหมือนๆกัน และเด็กใช้หลักไวยากรณ์ผิดน้อยมากทั้งๆที่เด็กยังไม่เคยเรียนรู้หลักไวยากรณ์มาก่อน แสดงว่าการเรียนรู้ภาษาของเด็กจะต้องเป็นระบบ คือเด็กเรียนรู้ภาษา สร้างสมมุติฐานด้วยคำพูดของตัวเอง

จากข้อความดังกล่าว เราจะเห็นว่า ไม่ว่าเด็กจะพูดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เขาจะพูดได้จากการประมวลศัพท์ที่เขามีและตั้งสมมุติฐานการสร้างประโยคต่างๆด้วยตัวเองทั้งๆที่เขายังไม่รู้หลักไวยากรณ์ เด็กพูดได้ก่อนอ่านหนังสือได้ ก่อนเขียนหนังสือได้ และไวยกรณ์ในการใช้คำพูดของเด็กก็ไม่ค่อยผิดด้วย คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะแปลกใจที่เด็กบางคนพูดคำพูดเกินตัว คือลูกพูดเหมือนผู้ใหญ่ แท้จริงคือลูกกำลังเลียนแบบการพูดจากคนใกล้ตัวนั่นเอง

ออสเบล (Ausubel ) แนวความคิดของเขาได้อธิบายว่า กระบวนการเรียนรู้คำอย่างมีความหมาย เป็นกระบวนการที่ความรู้ใหม่ เข้าไปสัมพันธ์กับความรู้เก่าที่เขามีอยู่แล้ว

ดังนั้นจากแนวความคิดนี้ ถ้าผู้ปกครองช่วยให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆตั้งแต่เขาเริ่มพูดได้ก็เหมือนกับการที่เด็กกำลังสะสมคำศัพท์ต่างๆไว้ในสมองของเขา เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนความรู้ที่เขามีอยู่ก็จะช่วยให้เด็กมีความสามารถในการอ่าน การเขียน การคิดได้เร็วและดีกว่าเด็กที่ผู้ปกครองไม่ได้เตรียมตัวมาให้ หากผู้ปกครองต้องการให้ลูกเรียนวิชาเลขได้เก่ง ขอแนะนำว่าให้อ่านหนังสือให้ลูกฟัง การเล่านิทานก่อนนอนมีประโยชน์สำหรับเด็กมากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะ ขณะที่เด็กฟังนิทานที่พ่อแม่อ่านให้ฟังก่อนนอน หรือช่วงเวลาไหนก็ตาม เด็กจะสร้างจิตนาการตามเรื่องที่พ่อแม่กำลังอ่านให้ลูกฟัง เมื่อเด็กเรียนเลขโจทย์ เด็กเหล่านี้ จะตีโจทย์ได้แตกเร็วกว่าเด็กที่ไม่เคยสร้างจิตนาการ การดูทีวีมากเกินไปเด็กไม่ได้ใช้จิตนาการเลย จะเห็นว่าเด็กที่ถูกผู้ปกครองเลี้ยงโดยให้ทีวีเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เด็กจะมีการสร้างจินตนาการได้น้อยมากไม่เหมือนกับเด็กที่พ่อแม่ ค่อยเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง คือใช้การฟังมากกว่าการดูภาพ

ข้อมูลที่นำมาลงนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ พฤติกรรมการสอนภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษา ของ ผศ.ฉลอย พร้อมมูล นะคะ

ที่นี้คุณพ่อคุณแม่คงสบายใจนะคะว่า เราเลี้ยงลูกอย่างมีทฤษฏี นะเฟ้ย ไม่ได้มั่วนิ่ม


Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 21:50:05 น. 0 comments
Counter : 630 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkaw
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




หนทางข้างหน้ายังไกลนัก ยื่นมือมาเถอะเราจะเดินไปด้วยกัน
hits
Friends' blogs
[Add tangkaw's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.