เร่งเดินทาง เร่งปฏฺบัติ เตรียมรับมือกับเหตุที่จะเกิด อันใกล้นี้เถิด
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

สวรรค์บนดิน

การตอบแทนความโกรธด้วยความรักและเมตตา


........วันนี้ขออนุญาตนำข้อความในหนังสือ “คู่มือชีวิต ภาคกฎแห่งกรรม “ โดย ศุภวรรณ พิพัฒนพรรณวงศ์ กรีน มาลงไว้ให้เพื่อนได้อ่านนะคะ เพราะ เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดี และหนังสือที่เราทุกคนมีไว้อ่านเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

.........ชาวพุทธเราจะถูกสอนให้ตอบแทนความโกรธเกลียดและการกระทำที่มุ่งร้ายของคนอื่นด้วยความเมตตา ซึ่งเป็นวิธีการทำบุญอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก นอกจากการทำใจให้เด็ดเดี่ยว อ่อนโยน และเมตตาเข้าไว้ ใครจะทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากมีการทะเลาะเบาะแว้งกันฝ่ายหนึ่งโกรธอีกฝ่ายหนึ่ง และถ้าอีกฝ่ายหนึ่งโกรธตอบแล้ว พระพุทธเจ้าจะตำหนิผู้ที่โกรธตอบเสียมากกว่า เหตุผลคือ นั่นเป็นการสร้างกรรมและต่อช่วงของ สังสารวัฎให้นานมากขึ้น การตอบแทนความโกรธด้วยความรักและความเมตตานั้นเท่ากับเป็นการตัดสังสารวัฏของคนคนนั้นให้หดสั้นเข้า

.........ใครที่สามารถปฏิบัติธรรมข้อนี้ได้ คนนั้นก็จะพบสวรรค์บนพื้นโลกนั้นได้ทันที เพราะไม่มีอะไรจะเป็นทุกข์และเจ็บปวดเท่ากับความเจ็บใจและซึ่งความโกรธในสิ่งที่คนอื่นทำไว้กับเรา หากคุณไม่สามารถปล่อยวางและยกโทษให้กับเขาแล้วชีวิตของคุณเองนั่นแหละที่จะถูกทำลายเพราะความเจ็บใจและความขมขื่นของคุณเอง

.........เรื่องของกฎแห่งกรรม หรือกรรมและวิบากโดยตรง คุณต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับคุณนั้นก็เป็นเพราะวิบากแห่งกรรมเก่านั้นตามทันคุณ หากคุณไม่เข้าใจ ไม่รู้จักยกโทษ และปล่อยวางไม่ได้ กลับไปโกรธเกลียด และคิดแก้แค้นแล้ว มันก็เป็นการสร้างกรรมใหม่ที่จะให้วิบากกรรมต่อไปอีกในอนาคตอย่างไม่จบสิ้น

..........พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร “ ฉะนั้น หากคุณเข้าใจกฎแห่งกรรมแล้ว คุณต้องพยายามระงับเวรนั้นด้วยการไม่จองเวรกรรมอีกต่อไป คนที่ทำกรรมไปแล้ว เขาย่อมได้รับวิบากกรรมที่เขาสร้างไว้ไม่เร็วก็ช้า หากคุณต้องการมรรคผล คุณต้องหยุดสร้างกรรมดำเหล่านี้เสียและเริ่มเจริญกรรมขาวโดยการหัดให้อภัย อโหสิกรรม แผ่เมตตาให้มากมากต่อไป เมื่อคุณเข้าใจเรื่องวิปัสสนาและทำได้เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว คุณสามารถรู้สึกและแสดงออกถึงความเมตตาได้อย่างแท้จริง

..........ที่ได้นำเอาเนื้อหาในหนังสือมาลงเพราะเห็นว่า ชีวิตเราทุกวันนี้ มีหลายครั้งเหลือเกินที่ถูกผู้อื่นมาทำร้ายจิตใจ แต่ก็เช่นเดียวกัน เราเองก็เคยกระทำร้ายให้ผู้อื่นเสียใจ ดังนั้นจึงเห็นด้วยว่า กรรมที่เราได้กระทำกับผู้อื่น ก็ย้อนกลับมาที่ตัวเรา เช่นกัน และนี่ก็เป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้เราได้เห็นว่า
กฎแห่งกรรม นั้นมีจริง

..........การที่เราได้ชดใช้กรรมที่เราได้กระทำในชาตินี้ เป็นบุญเหลือเกินที่เราได้เข้าใจว่า เรื่องกรรมเวรเป็นเรื่องจริง และ เราก็ได้รับกับมันจริงๆ และรวมไปถึงจำได้ว่าเราเคยกระทำกรรมเวรเช่นนี้กับผู้อื่นมาก่อนในชาตินี้ ในวันวานที่ผ่านมา ทำให้เรายอมรับง่ายขึ้นและไม่ทุกข์ใจกับผลที่เราได้รับมานักเพราะ เมื่อใจเรายอมรับว่า สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นช่วงที่เราใช้กรรมเก่าที่เราเคยทำ และ อีกเหตุผลหนึ่งที่ดีที่เราได้ใช้กรรมเร็วก็คือ ทำให้เรามองเห็นความทุกข์ที่เกิดจากการทำกรรมเลว และเมื่อไหร่ที่เราจะทำชั่ว เราจะเกรงกลัวถึงผลที่จะตามมาภายหลัง

..........เมื่อเราสงบและมีสติเราจะมองเห็นชีวิตว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาอาจเคยทำผิดมามากมาย แต่ต่อไปเราจะเริ่มสร้างกรรมดี ชำระจิตใจให้ขาวสะอาดขึ้นทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย เหมือน ผ้าขี้ริ้วที่สกปรกหากเราหมั่นซักล้างมันบ่อยๆ สักวันมันก็จะขาวขึ้นไปเอง

..........ชีวิตเราสั้นนัก อย่าผัดวันประกันพรุ่งไปเลย เพราะ กรรมดีที่เราทำ เราเองนั่นและที่จะได้รับผลของมันในอนาคต เหมือนเงินที่สะสมในบัญชี สะสมวันละเล็กวันละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ มันก็มากขึ้นไปเอง

..........การใช้ชีวิตที่มีสติ จะช่วยให้เราผ่านพ้นความทุกข์ไปได้ในไม่ช้า ชีวิตทุกชีวิต มีสุขและทุกข์ควบคู่กันไปเสมอ เมื่อทุกข์ก็อย่าตกใจ เพราะวันเวลาของความทุกข์ จะแตกดับไปเองตามกาลเวลา หากวันนี้เราทุกข์ให้ใช้สติบอกกับตัวเองว่า แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องรีบร้อน ให้มันหายทุกข์ ทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปรกติสุข เฝ้ามองดูทุกข์เฉยๆ เหมือนเราเฝ้ามองดูใครบางคน ไม่คิด ต่อเติมเสริมแต่งเพิ่มความทุกข์นั้น แต่ปล่อยให้มันจางหายไปเองตามวัฏจักร

..........จำไว้อย่างหนึ่งว่าจิตของมนุษย์เรารับรู้ทุกเรื่องราวได้ครั้งละหนึ่งเรื่องเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเราทุกข์กับเรื่องอะไรก็ตาม ให้เราย้ายจิตของเราไปจดจ่อในสิ่งอื่นที่ช่วยให้เรามีความสุขซะ อย่างเช่น ไปในที่ที่สนุก อย่าซุกตัวอยู่กับผ้าห่ม ออกไปข้างนอก เปลี่ยนบรรยากาศให้กับตัวเอง ไปนั่งดูฝูงชนในศูนย์การค้า ทุกคนล้วนเป็นเหมือนๆที่เราเป็น

..........เมื่อใจเราจะวิ่งกลับไปหาความทุกข์ ก็วิ่งตามดู แต่แค่ดู อย่าต่อเติมให้ฟุ้งซ่าน ดูพอแล้ว ก็ละไปทำอย่างอื่นซะ ไม่นาน ความทุกข์มันก็จะจากไปเอง
..........หากเราปล่อยไม่ลงปลงไม่ได้ ความทุกข์ก็จะเกาะเกี่ยวใจเราไม่ไปไหน หากเราคิดจะสลัดมันทิ้ง ก็อย่าคร่ำครวญเสียดายความทุกข์นั้นเลยอย่ายึดยื้อความทุกข์ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับชีวิตเรา ชีวิตสั้นนักรีบปล่อยวางให้มันจางหายไปตามกาลเวลาเถอะ






 

Create Date : 21 กันยายน 2552
0 comments
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 22:00:49 น.
Counter : 799 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


tangkaw
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




หนทางข้างหน้ายังไกลนัก ยื่นมือมาเถอะเราจะเดินไปด้วยกัน
hits
Friends' blogs
[Add tangkaw's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.