ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
:::ละมุลใจ-ใต้ฟ้าคราม:::



สิทธิสภาพนอกอาณาเขตของสดายุ


O โลกวันนี้ .. จึงสวยงาม
แต่เนตรหนึ่งวับวามด้วยความหมาย
เคียงร่มเงาดวงฤดี .. ของพี่ชาย
บังตะวันโชนฉายรำบาย .. ร้อน


O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน
ก็ตระการใจอยู่ไม่รู้ผ่อน
ละเมียดละมุนทรวงทุกช่วงตอน-
นั้นสะท้อนเยื่อใย .. แห่งใจคน

O ค่อยถักทอ .. ม้วนสายเป็นปลายบ่วง
แทนเงื่อนห่วงใยวางที่กลางหน
งามก็คล้ายปีกวิหคไหววกวน
กระพือให้อึงอลสับสนนัก

O โชนช่วงปวงฤทธิ์อย่างผิดแปลก
สอดแทรกปริศนา .. เกินฝ่าหัก
เร่งร้นรีบรุด .. ไม่หยุดพัก
จำหลักงามจับลงกับทรวง

O คือน้องสาวที่แสนดี ..
คือคนที่พี่ชาย .. ยากคลายห่วง-
จากผองลิ้นลมร่ำและคำลวง
อีกมีหวงเผลอบ้างเป็นบางครั้ง

O ฟังนะ .. คนดีของพี่ชาย
หากอยากคลาย .. ความนัยที่ใจสั่ง
จงกระซิบผ่านถวิล .. พอยิน-ฟัง
แล้วหยุดยั้งอย่าไถลนะใจเอย

O ฟังเถิด .. คำพี่ชาย
อย่าผ่อนคลายความนัย .. ที่ใคร่เผย
อย่าได้ออกจากปาก .. ให้ยากเลย
เกรงหากเอ่ย .. จะยากอ้างว่าต่างกัน !

O สายเอยสายใยนี้ ..
จักแผ่คลี่ออกขวาง .. เพื่อกางกั้น-
ความเหินห่าง, เงื่อนงำในสัมพันธ์
ให้มุ่งมั่นจดจ่อ .. แต่รอคอย

O ใจเอยหัวใจสาว ..
แม้เหน็บหนาว, เย็นเยียบและเงียบหงอย
อุ่นจะฝากฝ่าพลบเข้ากลบรอย
พร้อมคำถ้อยออดอ้อน ..ให้อ่อนใจ

O ใจแข็งสักนิด .. นะคนดี
แม้ท่วงทีรำพัน .. ทำหวั่นไหว
นั่น - เพียงความแฝงเร้นให้เห็นนัย
เผยออกให้รับรู้ .. ช่วยดูแล

O อย่าใส่ใจจนเกินเลย
คำความเอ่ยร้อยเรียงก็เพียงแค่-
หมายฝากดินฟ้าเวียนร่วมเปลี่ยนแปร-
ให้อีกสายตาเหลือบแล .. เฝ้าแต่คอย

O คอยคำปลอบโยนจากพี่ชาย
หวังเพียงสายสวาดิเจ้า .. สิ้นเหงาหงอย
ความ, คำกล่อมเกลาขวัญ-เพื่อขวัญพลอย-
ห่วงละห้อยพี่ชาย .. สุดคลายคลอน

O น้องสาวที่แสนดี ..
แม้นใจพี่ดูจะสาย .. เกินถ่ายถอน
เถิด .. จะเก็บเงียบงำทุกคำวอน
จะไม่อ้อนออดความออกตามใจ


O ดึกแล้วนะคนดี
แว่วคำพี่รำพัน .. หากหวั่นไหว-
จงรู้เถิด .. ที่หวั่นยิ่ง .. กว่าสิ่งใด-
คือดวงใจดวงนี้ .. ของพี่ชาย





O เหมือน-นัยน์ตาตื่นดำมีคำถาม-
ต่อโลก-ยามคลุมพอกด้วยหมอกขาว
น้ำค้างต้องแสงจับ..เห็นวับวาว
ลมเหน็บหนาวก็โลมทั่วทุกตัวตน

O ฟ้าเปิดให้แสงสางเริ่มวางรอย
เมื่อน้ำค้างหยาดย้อยแล้วผล็อยหล่น
กลางแววตาสงสัยที่ไหววน
คล้ายสับสนวัยเยาว์-คล้ายเข้าใจ

O แผ่วพลิ้วสายลมร่ำเสียงคร่ำครวญ-
ฝ่าม่านหมอกอบอวลทั้งมวลให้-
ค่อยค่อยเจือจางขุ่น-ด้วยอุ่นไอ-
ของแสงวันลูบไล้จนไร้รอย

O ปลายหนาว-จวนสิ้นหนาว, หมอกขาวขุ่น-
ต้องแสงอุ่นอบสู่จึงรู้ถอย
แสงแรกพร่างพราวกระพริบ, ตาปริบปรอย-
คงเหลือบคอยรับรู้ฤดูกาล

O มือรูปเรียวเกาะแน่น, อีกแขนหนึ่ง-
ค่อยจับจูงเหนี่ยวดึง, ความซึ้งหวาน-
ก็เผยออกแอบ-ออกลีบช่อมาลย์
เมื่อลมผ่านพลิ้วหอมเข้าล้อมทรวง

O ก้าวผ่านพื้นลาดเท, ลมเพพัด
ไม้ระบัดรูปเต้นอยู่เป็นช่วง
แววอ่อนโยนเหลือบชม้อยก็คอยทวง-
รอบความห่วงใยล้น-อีกคนนั้น

O มือเรียววางบนแขนเกาะแน่นอยู่
เหลือบตาดูครั้งไหน, ที่ไหวสั่น-
คือหัวใจเร้นแฝง-ลอบแบ่งปัน-
ความผูกพันทุกช่วงของดวงใจ

O ละก้าวย่างเหยียดช่วง-พาล่วงสู่-
ความรับรู้เร้นซ่อนแสนอ่อนไหว
หลังหมอกหม่นลับล่วง, ความห่วงใย-
คล้ายขับไขออกแล้วทั่วแววตา

O ผ่านยาม-การเกาะเกี่ยวยิ่งเหนียวแน่น
มั่นคงปานเปรียบแทนด้วยแผ่นผา
สิ้นมัวหมอกหม่นครึ้ม, เมฆทึมทา-
ทาบแผ่นฟ้าพยับฝนก็หม่นรอ

O ย่ำเหยียบแต่ละเที่ยวเปล่าเปลี่ยวทั่ว
ลมโยนตัวทิ่มแทง-ไม้แกว่งช่อ
หากมือเรียวเกาะแขนยังแน่นพอ-
ข่มทดท้อ-ขับทะนงขึ้นตรงนั้น !

O ไม่นานนัก-เม็ดฝนก็หล่นร่วง-
ดาวสองดวงข้างกายก็พรายสั่น
ความเด็ดเดี่ยวในดวงกลับช่วงพลัน-
ที่ฝั่งฝันเชื่อมถึงเป็นหนึ่งเดียว

O ฝนต้องพื้น, ลมโรยเสียงโหยหอบ
คน-เมินเมียงสบตอบทั้งลอบเหลียว
ท่อนแขนที่ยุดยื้อด้วยมือเรียว-
กลับล่มความเปล่าเปลี่ยว-สิ้นเดี๋ยวนั้น

O จากหมอกสู่ฝนแล้วจนแดด
ดาวยังแวดล้อมอยู่ไม่รู้หวั่น
แล้วกลีบกรองหอมไหนกลางไพรวัลย์
จะเช่นขวัญที่หอมอยู่พร้อมแล้ว ?

O จากหมอกสู่ฝนแล้วจนแดด
ร้อนเคยแผดเคยเผากลับเบาแผ่ว
ความเชื่อมั่นคลับคล้ายจะฉายแวว
ความแน่แน่วมั่นหมาย-ก็ฉายทอ

O จากเหน็บหนาว, เปียกชื้นใต้ผืนฟ้า
จนแดดจ้าแอบอิงโลมกิ่งช่อ
พร้อมเรณูโกสุมฉ่ำชุ่มรอ-
การแอบออเสพหวาน..จึง-ผ่านรู้ !

O ด้วยมือเอื้อมจับจูงผ่านสูงต่ำ
พาเท้าย่ำเหยียบทางเพื่อย่างสู่-
จุดปลาย, ก้อยกอดเกี่ยวเมื่อเหลียวดู-
ยังเกี่ยวอยู่คู่ข้างไม่ห่างเลย..

O เคยมองแล้วขัดเขิน-ต้องเมินหลบ
แล้วเวียนสบเวียนชม้อยจนค่อยเผย-
ความอ่อนหวานในจริตให้ชิดเชย
หอมก็เย้ยหยามยั่วทั้งหัวใจ

O เหมือนว่า..ตาตื่นดำมีคำตอบ
แฝงการลอบเหลือบสะท้อน-ความอ่อนไหว
ย่านเถาวัลย์เบื้องหน้า, แววตาใคร-
ดั่งต้องลม, เลศนัย..แล้วไกวตัว

O จะเหลือหรือ-หมอกขุ่น, ทั้งฝุ่นฝน
เมื่อตาคนชายชม้อยแต่คอยยั่ว
มือเกาะแขนแน่น, พลัน-ที่สั่นรัว-
กลับเป็นหัวใจคน..เต้น-อลเวง !



วรรณประทีป
เพลงประกอบ : สิ่งที่ดีที่สุด..


ศิลปิน : ศิลปิน : นิ้ง เปี่ยมปิติ หัตถกิจโกศล

ค่ายเพลง : RS



ขอบคุณทุกบทกวี ภาพและเพลงที่ปรากฏในบล็อก,

ภูมิใจเถิด..วันนี้ผลงานของคุณเผยแพร่ไปทั่วโลก..

ให้งานออนไลน์ทุกชิ้นเป็นดาวประดับฟ้า

ขอบคุณทุก"งานสร้าง"ที่แสนงดงาม.


'ปีฆรุ้ง...



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 12:19:26 น. 0 comments
Counter : 839 Pageviews.

Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.