|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
:::ละมุลใจ-ใต้ฟ้าคราม:::
สิทธิสภาพนอกอาณาเขตของสดายุ
O โลกวันนี้ .. จึงสวยงาม แต่เนตรหนึ่งวับวามด้วยความหมาย เคียงร่มเงาดวงฤดี .. ของพี่ชาย บังตะวันโชนฉายรำบาย .. ร้อน
O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน ก็ตระการใจอยู่ไม่รู้ผ่อน ละเมียดละมุนทรวงทุกช่วงตอน- นั้นสะท้อนเยื่อใย .. แห่งใจคน
O ค่อยถักทอ .. ม้วนสายเป็นปลายบ่วง แทนเงื่อนห่วงใยวางที่กลางหน งามก็คล้ายปีกวิหคไหววกวน กระพือให้อึงอลสับสนนัก
O โชนช่วงปวงฤทธิ์อย่างผิดแปลก สอดแทรกปริศนา .. เกินฝ่าหัก เร่งร้นรีบรุด .. ไม่หยุดพัก จำหลักงามจับลงกับทรวง
O คือน้องสาวที่แสนดี .. คือคนที่พี่ชาย .. ยากคลายห่วง- จากผองลิ้นลมร่ำและคำลวง อีกมีหวงเผลอบ้างเป็นบางครั้ง
O ฟังนะ .. คนดีของพี่ชาย หากอยากคลาย .. ความนัยที่ใจสั่ง จงกระซิบผ่านถวิล .. พอยิน-ฟัง แล้วหยุดยั้งอย่าไถลนะใจเอย
O ฟังเถิด .. คำพี่ชาย อย่าผ่อนคลายความนัย .. ที่ใคร่เผย อย่าได้ออกจากปาก .. ให้ยากเลย เกรงหากเอ่ย .. จะยากอ้างว่าต่างกัน !
O สายเอยสายใยนี้ .. จักแผ่คลี่ออกขวาง .. เพื่อกางกั้น- ความเหินห่าง, เงื่อนงำในสัมพันธ์ ให้มุ่งมั่นจดจ่อ .. แต่รอคอย
O ใจเอยหัวใจสาว .. แม้เหน็บหนาว, เย็นเยียบและเงียบหงอย อุ่นจะฝากฝ่าพลบเข้ากลบรอย พร้อมคำถ้อยออดอ้อน ..ให้อ่อนใจ
O ใจแข็งสักนิด .. นะคนดี แม้ท่วงทีรำพัน .. ทำหวั่นไหว นั่น - เพียงความแฝงเร้นให้เห็นนัย เผยออกให้รับรู้ .. ช่วยดูแล
O อย่าใส่ใจจนเกินเลย คำความเอ่ยร้อยเรียงก็เพียงแค่- หมายฝากดินฟ้าเวียนร่วมเปลี่ยนแปร- ให้อีกสายตาเหลือบแล .. เฝ้าแต่คอย
O คอยคำปลอบโยนจากพี่ชาย หวังเพียงสายสวาดิเจ้า .. สิ้นเหงาหงอย ความ, คำกล่อมเกลาขวัญ-เพื่อขวัญพลอย- ห่วงละห้อยพี่ชาย .. สุดคลายคลอน
O น้องสาวที่แสนดี .. แม้นใจพี่ดูจะสาย .. เกินถ่ายถอน เถิด .. จะเก็บเงียบงำทุกคำวอน จะไม่อ้อนออดความออกตามใจ
O ดึกแล้วนะคนดี แว่วคำพี่รำพัน .. หากหวั่นไหว- จงรู้เถิด .. ที่หวั่นยิ่ง .. กว่าสิ่งใด- คือดวงใจดวงนี้ .. ของพี่ชาย
O เหมือน-นัยน์ตาตื่นดำมีคำถาม- ต่อโลก-ยามคลุมพอกด้วยหมอกขาว น้ำค้างต้องแสงจับ..เห็นวับวาว ลมเหน็บหนาวก็โลมทั่วทุกตัวตน
O ฟ้าเปิดให้แสงสางเริ่มวางรอย เมื่อน้ำค้างหยาดย้อยแล้วผล็อยหล่น กลางแววตาสงสัยที่ไหววน คล้ายสับสนวัยเยาว์-คล้ายเข้าใจ
O แผ่วพลิ้วสายลมร่ำเสียงคร่ำครวญ- ฝ่าม่านหมอกอบอวลทั้งมวลให้- ค่อยค่อยเจือจางขุ่น-ด้วยอุ่นไอ- ของแสงวันลูบไล้จนไร้รอย
O ปลายหนาว-จวนสิ้นหนาว, หมอกขาวขุ่น- ต้องแสงอุ่นอบสู่จึงรู้ถอย แสงแรกพร่างพราวกระพริบ, ตาปริบปรอย- คงเหลือบคอยรับรู้ฤดูกาล
O มือรูปเรียวเกาะแน่น, อีกแขนหนึ่ง- ค่อยจับจูงเหนี่ยวดึง, ความซึ้งหวาน- ก็เผยออกแอบ-ออกลีบช่อมาลย์ เมื่อลมผ่านพลิ้วหอมเข้าล้อมทรวง
O ก้าวผ่านพื้นลาดเท, ลมเพพัด ไม้ระบัดรูปเต้นอยู่เป็นช่วง แววอ่อนโยนเหลือบชม้อยก็คอยทวง- รอบความห่วงใยล้น-อีกคนนั้น
O มือเรียววางบนแขนเกาะแน่นอยู่ เหลือบตาดูครั้งไหน, ที่ไหวสั่น- คือหัวใจเร้นแฝง-ลอบแบ่งปัน- ความผูกพันทุกช่วงของดวงใจ
O ละก้าวย่างเหยียดช่วง-พาล่วงสู่- ความรับรู้เร้นซ่อนแสนอ่อนไหว หลังหมอกหม่นลับล่วง, ความห่วงใย- คล้ายขับไขออกแล้วทั่วแววตา
O ผ่านยาม-การเกาะเกี่ยวยิ่งเหนียวแน่น มั่นคงปานเปรียบแทนด้วยแผ่นผา สิ้นมัวหมอกหม่นครึ้ม, เมฆทึมทา- ทาบแผ่นฟ้าพยับฝนก็หม่นรอ
O ย่ำเหยียบแต่ละเที่ยวเปล่าเปลี่ยวทั่ว ลมโยนตัวทิ่มแทง-ไม้แกว่งช่อ หากมือเรียวเกาะแขนยังแน่นพอ- ข่มทดท้อ-ขับทะนงขึ้นตรงนั้น !
O ไม่นานนัก-เม็ดฝนก็หล่นร่วง- ดาวสองดวงข้างกายก็พรายสั่น ความเด็ดเดี่ยวในดวงกลับช่วงพลัน- ที่ฝั่งฝันเชื่อมถึงเป็นหนึ่งเดียว
O ฝนต้องพื้น, ลมโรยเสียงโหยหอบ คน-เมินเมียงสบตอบทั้งลอบเหลียว ท่อนแขนที่ยุดยื้อด้วยมือเรียว- กลับล่มความเปล่าเปลี่ยว-สิ้นเดี๋ยวนั้น
O จากหมอกสู่ฝนแล้วจนแดด ดาวยังแวดล้อมอยู่ไม่รู้หวั่น แล้วกลีบกรองหอมไหนกลางไพรวัลย์ จะเช่นขวัญที่หอมอยู่พร้อมแล้ว ?
O จากหมอกสู่ฝนแล้วจนแดด ร้อนเคยแผดเคยเผากลับเบาแผ่ว ความเชื่อมั่นคลับคล้ายจะฉายแวว ความแน่แน่วมั่นหมาย-ก็ฉายทอ
O จากเหน็บหนาว, เปียกชื้นใต้ผืนฟ้า จนแดดจ้าแอบอิงโลมกิ่งช่อ พร้อมเรณูโกสุมฉ่ำชุ่มรอ- การแอบออเสพหวาน..จึง-ผ่านรู้ !
O ด้วยมือเอื้อมจับจูงผ่านสูงต่ำ พาเท้าย่ำเหยียบทางเพื่อย่างสู่- จุดปลาย, ก้อยกอดเกี่ยวเมื่อเหลียวดู- ยังเกี่ยวอยู่คู่ข้างไม่ห่างเลย..
O เคยมองแล้วขัดเขิน-ต้องเมินหลบ แล้วเวียนสบเวียนชม้อยจนค่อยเผย- ความอ่อนหวานในจริตให้ชิดเชย หอมก็เย้ยหยามยั่วทั้งหัวใจ
O เหมือนว่า..ตาตื่นดำมีคำตอบ แฝงการลอบเหลือบสะท้อน-ความอ่อนไหว ย่านเถาวัลย์เบื้องหน้า, แววตาใคร- ดั่งต้องลม, เลศนัย..แล้วไกวตัว
O จะเหลือหรือ-หมอกขุ่น, ทั้งฝุ่นฝน เมื่อตาคนชายชม้อยแต่คอยยั่ว มือเกาะแขนแน่น, พลัน-ที่สั่นรัว- กลับเป็นหัวใจคน..เต้น-อลเวง !
วรรณประทีป เพลงประกอบ : สิ่งที่ดีที่สุด..
ศิลปิน : ศิลปิน : นิ้ง เปี่ยมปิติ หัตถกิจโกศล
ค่ายเพลง : RS
Create Date : 11 มีนาคม 2555 |
Last Update : 11 มีนาคม 2555 12:19:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 839 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]
|
" ๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม.. ๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์ ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน
๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์ ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล
๐ ขอบคุณความเป็นเธอ.. ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน ขอบคุณความเป็นฉัน.. คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ
'ปีฆรุ้ง 27 มกราคม 2553
|
|
|
|
|
|
|