Bloggang.com : weblog for you and your gang
ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
ลานอโศก
ห้องบริหารจิต
รอยอินทร์
ศิลปวัฒนธรรมไทย
วิ่งตามนาย
ข้อคิดคำเขียน
มองผ่านเลนส์
เพลงภูต
ร่ำไปในใบเรียว
ปลายทางที่โค้งฟ้า..ฯ
เรื่องสั้นหลายวันจบ
มีสุขร่วมเสพ..ฯ
เก็บรักมาเก็บไว้ที่ในรัก
อโรคยาปรมาลาภา
คลีนิคกายภาพ
วิทยายุทธ
แสนรักษ์
เพลงเพื่อแผ่นดิน
Music Box
เพลงเพื่อคุณ
MV Romance XL
MV น่ารัก
เพลงประกอบ
ฟังเพลงออนไลน์
รวมเพลงขิม
รวมเพลงขลุ่ย
เพลงลูกทุ่งไทย
ห้องภาพ
คนแถวหน้า
แดนสนธยา
มุมเตือนภัย
ถนนดวงดาว
บ้านและสวน
ตกแต่งสวน
ท่องไปในโลกกว้าง
คู่สร้าง-คู่สม
มุมซ่อมสวย
หยุดก่อนโลก..ฉันจะลง
ทัศนา-จร
เวทีดาว
ตลาดนัดงาน
เก็บออมรอมจ่าย
ซ่อมได้
ครัวไทย
ไทยน้ำทิพย์
บ้านเล็กในป่าใหญ่
ย่อโลก
หน้าต่างโลก
แฟชั่น
ชีวิตต้องสู้
คนรักรถ
กระฉ่อนเว็บ
งานสร้าง
กฏ+หมาย
สินทรัพย์
ศาสตร์แห่งตัวเลข
สมุนไพรไทย
อัญมณี
เทคนิคการถ่ายภาพ
รวมโค้ดแต่งบล็อก
มุมกีฬา
เรือนจำกลาง
สาวเอยจะบอกให้
ระเบียงรุ้ง
Lab
<<
มีนาคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
2 มีนาคม 2553
โปรแกรมลดน้ำหนัก Fit & firm
เทคนิคพิชิตเครียด
6 วิธี เสริมภูมิ...ต้านโรค
เคล็ดลับดูแลร่างกาย... เมื่อเลข 5(0) มาเยือน
วิธีป้องกันไมเกรนกำเริบหน้าร้อน
โรคกระดูกพรุนในวัยทอง
กินต้องเลือกเพื่อ เหงือกและฟัน
ลดการกินน้ำตาลอย่างไรดี ?
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล
อาหารกับอารมณ์
กินยืดอายุ มีสุขยืนยง
All Blogs
:::คลีนิคกายภาพ 55:::
:::ท่าบริหารกระชับอก:::
:::บริหารร่างกาย 2:::
:::บริหารร่างกาย 1:::
::: ยอดอาหารช่วยบำรุงสติปัญญา:::
:::กินอะไรให้ผมสวย:::
:::กินอะไรให้ความจำดี:::
:::มีขาไม่ใช้..ต้องเอาไปบริจาค:::
:::กินอะไร..ทำไมขี้โมโห:::
:::7 ความเชื่อผิดๆ เมื่อเป็นไข้หวัด:::
:::6 โรคที่ระบาดเยอะในช่วงน้ำท่วม:::
:::แค่ขยับ..ก็เท่ากับออกกำลังกาย:::
:::การถนอมสายตาและป้องกันโรคจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน:::
:::สบู่ฆ่าเชื้อโรคจำเป็นไหม:::
:::รับมือโรคกระดูกพรุนก่อนสายไปดีกว่า:::
เท็จ-จริง บางประการเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
กินอย่างไรให้ได้พลังงานทั้งวันและไม่ง่วงซึม
กินเค็ม อร่อยปากลำบากกาย
Vitamin C กับมลพิษในร่างกาย
ยุทธศาสตร์ต้านมะเร็ง
อย่างไรคือไมเกรน
กินผลไม้ให้ถูกเวลา...มากคุณค่า
กินเป็นสายตาดี
กาแฟแคลอรี่ต่ำดีกว่าไหม
กินข้าวทำให้อ้วนจริงหรือ
ใส่ใจตัวเองนิด ชีวิตสุข
ความโกรธเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลไม่รู้ตัว
สารอาหารสำหรับผิวของคุณ
10 ข้ออ้างยอดฮิต เลี่ยงออกกำลังกาย
ฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้จริงหรือ?
เลือกอาหารเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
อาหารเช้า ขุมพลังงานสำคัญระหว่างวัน
คนอดนอนต้องระวัง!!
ออฟฟิศ ซินโดรม... ภัยเงียบของคนทำงานยุคใหม่
Computer vision syndrome
เนื้องอกมดลูก : ปัญหาซ่อนเร้นที่พบบ่อย
ตรวจก่อน รู้ก่อน ปลอดภัยกว่า..
เกร็ดน่ารู้ถนอมสายตา
ปวดหลัง...ภัยเงียบของคนทำงาน
10 ข้อแนะนำ ป้องกันมะเร็ง
กินเต้าหู้มากเสี่ยงสูญเสียความจำ
กินของว่างเพื่อสุขภาพ
คุณประโยชน์ของน้ำทับทิม
กิน อย่างผู้มั่งมี(สติ)
เรื่องน่าอายที่ผู้หญิง ต้องรู้
Burn แคลอรีอย่างไร...ให้ได้ผล?
สนุกกับจักรยานกันดีกว่า
10 วิธีง่ายๆ ในการเผาผลาญพลังงาน
ออกกำลังเพื่อหุ่นสวย
Free weights กับ Weight machines แบบไหนผลดีกว่า
มหัศจรรย์พลังผักและผลไม้
หลีกให้ไกลโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทข้อมือ
บาปหนัก 7 ประการ กรุณาเลิกด่วน!
กินอยู่ดี ผมก็มีสุข
รู้จริงเรื่องการนอน
ยืดเส้นยืดสายใต้น้ำ
โปรแกรมลดน้ำหนัก Fit & firm
เทคนิคพิชิตเครียด
6 วิธี เสริมภูมิ...ต้านโรค
เคล็ดลับดูแลร่างกาย... เมื่อเลข 5(0) มาเยือน
วิธีป้องกันไมเกรนกำเริบหน้าร้อน
โรคกระดูกพรุนในวัยทอง
กินต้องเลือกเพื่อ เหงือกและฟัน
ลดการกินน้ำตาลอย่างไรดี ?
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล
อาหารกับอารมณ์
กินยืดอายุ มีสุขยืนยง
หัวเราะยืนยง สุขภาพยืนยาว
กินเป็นอยู่เป็นช่วยลดความอ้วน
กินอย่างไรให้น้ำหนักลด
เทคนิคควบคุมน้ำหนัก
ลดไขมันวิธีไหนดีที่สุด!!
ลดน้ำหนักได้...ไม่ต้องอด
วิธีลดน้ำหนักทันใจ
โยคะเพื่อการลดน้ำหนัก
วัยรุ่นอยากผอม...ความกดดันของเด็กยุคนี้
ปาร์ตี้อย่างไรไม่ให้อ้วน!
กินข้าวนอกบ้านก็คุมน้ำหนักได้ไม่ยาก
สังกะสี ธาตุอาหารปริมาณน้อยที่ขาดไม่ได้
ป้องกันกระดูกพรุนด้วยผักตระกูลคะน้า
มังสวิรัติเพื่อสุขภาพ
สารพันคุณค่าจากเนื้อปลา
เรื่องจริงของการรับประทานอาหาร
อาหารบำรุงสมอง
อาหารเพื่อเส้นผมสวย
อาหารเพื่อสุขภาพ ในความหมายของคุณ?
อาหารต้านทานโรค
อาหารกับอารมณ์
รศ.ดร.อรอนงค์ กังสดาลอำไพ
คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ ที่รู้สึกว่าหลังตื่นนอนตอนเช้า อารมณ์ไม่แจ่มใสอย่างที่ควรเป็น (ไม่นับอาการเบื่อเรียนหรือเบื่องาน) ทั้งๆ ที่นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่เครียดหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ บางครั้งรับประทานอาหารเช้าแล้วกลับทำให้ยิ่งหิวเร็ว หนำซ้ำช่วงสายก่อนเที่ยงมีอาการมือสั่น อ่อนเพลีย หรือบ่ายๆ หลังรับประทานอาหารกลางวัน ยิ่งอ่อนเพลีย ง่วงนอน เฉื่อยชายิ่งกว่าเดิม อาการแบบนี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการรับประทานอาหาร ซึ่งอาหารกับอารมณ์นั้นเกี่ยวข้องกันชนิดที่คุณคาดไม่ถึงทีเดียว
แหล่งต้นเหตุของอาหารที่มีผลต่ออารมณ์
ทั้งนี้ในต่างประเทศมีงานวิจัยและบทความทางวิชาการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทสารอาหารกับอารมณ์อยู่มากมายหลายชิ้น แต่บทความที่ได้รับรองอย่างเป็นทางการยังมีเพียงเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆ ปัจจัยในร่างกายที่มีผลต่ออารมณ์ มาจาก 2 แหล่ง คืออาหารและสารเคมีในสมอง
เริ่มจากอาหาร ที่ปกติเรารับประทาน 3 มื้อต่อวัน แต่ละมื้อประกอบด้วยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตคือแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย หลังจากรับประทานแล้ว ร่างกายจะค่อยๆ ย่อย เปลี่ยนให้เป็นคาร์โบไฮเดรตที่เล็กลง และกลายเป็นน้ำตาลกลูโคส เพื่อร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและนำไปใช้ตามอวัยวะต่างๆ ทั้งนี้ปริมาณและชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่ต่างกัน ย่อมส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงต่างกัน เช่นเดียวกับระดับน้ำตาลกลูโคสที่ได้จากอาหารแต่ละชนิด หรือที่เราเรียกว่า ดัชนีน้ำตาล ค่าดัชนีน้ำตาลแบ่งเป็น 3 ระดับ คืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลางและอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง
การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงมากเท่าไร คาร์โบไฮเดรตก็จะย่อยเป็นกลูโคส และถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว กระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ที่นำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ต่างๆ เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน แต่หลังจากรับประทานไปได้ 2-4 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง อารมณ์เซื่องซึม ตัวอย่างอาหารดัชนีน้ำตาลสูง ได้แก่ ไอศกรีม ข้าวขาว ข้าวเหนียว มันฝรั่งบด ฯลฯ นอกจากนี้ระดับน้ำตาลในเลือดอาจแปรปรวน ลดและเพิ่มอย่างรวดเร็วจากกรณีอื่นๆ อีก เช่น
รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารประเภททอด ขนมขบเคี้ยวต่างๆ น้ำอัดลม เป็นต้น เพราะหลังจากรับประทานร่างกายจะรู้สึกหนัก อ่อนเพลียและง่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ที่คนทำงานหลายคนมีอาการตาหนัก ลืมไม่ขึ้นเป็นประจำ
เว้นระยะเวลาการรับประทานอาหารระหว่างมื้อนานเกินไป หรือออกกำลังกายติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดสัญญาณเตือน เช่น อาการปวดหัวหรือเหนื่อยล้า มือสั่น เหงื่อแตก
ไม่รับประทานอาหารเช้า หรือใช้วิธีลดความอ้วนด้วยการงดอาหารบางมื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานชดเชยมากขึ้นจากมื้อที่หายไป ส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปรับประทานมากเกินได้ง่าย
ส่วนปัจจัยที่มีผลต่ออารมณ์ ส่วนหนึ่งมาจากสารเคมีในสมอง ยกตัวอย่างเช่น
เซอร์โรโทนิน (serotonin) ถ้าระดับเซอร์โรโทนินต่ำจะทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ และมีการศึกษาพบว่า หากได้รับอาหารที่ไม่มีกรดอะมิโนทริบโทเฟน (Tryptophan) โดยอาหารที่มีทริบโทเฟน เช่น นม กล้วย โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในการสังเคราะห์เซอร์โรโทนินในสมอง จะทำให้การสร้างเซอร์โรโทนินลดลง ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในบางคน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าวเหนียว ข้าวโพด กรอย เผือกหรือมัน จะเพิ่มการสร้างเซอร์โรโทนินทำให้อารมณ์ดีขึ้น ซึ่งจะพบว่าคนบางคนเมื่อมีอาการซึมเศร้า จะอยากรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น (เศร้าแล้วก็เลยอ้วน)
การขาดกรดโฟลิก จากการศึกษาในหนูทดลอง เมื่อขาดกรดโฟลิก ทำให้ระดับเซอร์โรโทนินในสมองลดลง ซึ่งคาดว่าถ้ามนุษย์ขาดสารโฟลิกก็จะมีอารมณ์ซึมเศร้า ไม่กระตือรือร้น อาหารที่มีกรดโฟลิก ได้แก่ บร็อกโคลี ถั่วลิสง ข้าวซ้อมมือ
การขาดไทอะมิน (วิตามินบี1) ทำให้ซึมเศร้า อ่อนเพลีย เนื่องจากวิตามินบี1 มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญกลูโคสให้เป็นพลังงาน และสมองจำเป็นต้องใช้พลังงานจากกลูโคส ถ้าขาดวิตามินบี1 ก็จะมีผลเหมือนการขาดคาร์โบไฮเดรต อาหารที่มีไทอะมิน ได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ปีก
การขาดไนอะซิน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ก็มีผลต่ออารมณ์เช่นกัน คนที่ขาดวิตามินไนอะซินจะหงุดหงิด อารมณ์เสีย ถ้าขาดมากๆ ก็อาจจะถึงขั้นความจำเสื่อม ไนอะซินเป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญกลูโคสเช่นกัน การขาดไนอะซินนี้จะพบมากในกลุ่มคนที่รับประทานข้าวโพดเป็นอาหารหลัก ซึ่งในประเทศไทยยังไม่พบการขาดวิตามินชนิดนี้ อาหารที่มีไนอะซิน ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ปีก ปลา ธัญพืชที่ไม่ขัดสี นม
รับประทานอาหารอย่างไรจึงทำให้อารมณ์ดีขึ้น
การปรับเปลี่ยนประเภทของอาหารเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่คุณ...
รับประทานอาหารให้ครบมื้อ ถ้าไม่มีเวลารับประทานอาหารเป็นมื้อแบบกิจลักษณะ ควรเลือกของว่างเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนมปังโฮลวีทสักแผ่นหรือ ขนมปังกรอบธัญพืชสัก 2-3 แผ่น อย่าปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด หรือว่าจะแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ แต่รับประทานบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดตก
รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยมาก และมีรสไม่หวาน เป็นต้น เพราะร่างกายจะค่อยๆ ย่อยและดูดซึมช้าๆ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ สม่ำเสมอ และหลังรับประทานอาหารได้ 4-6 ชั่วโมง ร่างกายจะหลั่งสารฮอร์โมนบางชนิดเพื่อสลายไกลโคเจน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่สะสมอยู่ในร่างกายและเพิ่มการสร้างกลูโคสจากแหล่งอาหารอื่น เช่น ไขมัน
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หันมาดื่มน้ำผลไม้คั้นสดหรือน้ำเปล่าธรรมดาแทน
หมั่นออกกำลังกาย เนื่องจากหลังออกกำลังกายต่อเนื่องสัก 20 นาที ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแอนโดรฟีนออกมาตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้ปกระเปร่าและมีความสุข ลดความกังวลและเครียดลงได้
สรุปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและอารมณ์นี้ยังมีความซับซ้อนอยู่มาก จำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อหาข้อสรุปต่อไป แต่ปราการป้องกันขั้นพื้นฐานไม่ให้อารมณ์หม่นหมอง ง่วงซึม ทุกครั้งที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร ก็ควรรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมครบมื้อพอเพียงกับความต้องการของร่างกาย รับประทานอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและมีค่าดัชนีน้ำตาลสูง ประกอบกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับรองว่าอาการเซื่องซึม ง่วงนอน อ่อนเพลียจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อ้างอิง
Briony Thomas Manual of Dietetic Practice 3rded. Blackwell Science , London. 2001 pp. 571-573
ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today
Create Date : 02 มีนาคม 2553
Last Update : 2 มีนาคม 2553 0:09:37 น.
0 comments
Counter : 500 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Peakroong
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
?
]
"หากต้องตัดสินใครสักคน
เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"
เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง
สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี
สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่
สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ
มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"
"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..
๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน
๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่
ขอบคุณ
https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล
๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ
'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553
Friends' blogs
Peakroong
Webmaster - BlogGang
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
ร้านค้าออนไลน์
สโมสรสร้างสรรค์ทางเลือก
ทางด่วน
Facebook
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.