::: 4C วิธีเลือกซื้อเพชรมือโปร :::
ซื้อเพชรอย่างชาญฉลาด เคล็ดลับการเลือกซื้อเพชรCarat (กะรัต ขนาดเพชร) เลือกเพชรขนาดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เนื่องจากขนาดของเพชร (Carat) ถือว่าเป็นปัจจัยที่สามารถเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนที่สุด ด้วยตา เราสามารถเห็นความแตกต่างระหว่างเพชรขนาด 40 ตังค์ กับ 30 ตังค์ได้อย่างชัดเจน และแยกแยะได้อย่างง่ายดาย ถ้าให้เลือกระหว่างเพชรน้ำ 100 ขนาด 70 ตังค์ กับเพชรน้ำ 95 ขนาด 1 กะรัต คงเลือกอย่างหลัง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอยากได้เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่งบจะอำนวย โดยเพชรที่ได้ยังมีคุณภาพดี ถ้าเลือกเพชรกลมแนะนำให้เลือกเพชรน้ำ 96-94 (H,I,J) ความสะอาด VS1-2 หรืออาจเลือกเป็นเพชรแฟนซีน้ำสูงหน่อย ก็ได้ เพราะเพชรแฟนซี ราคาต่ำกว่าเพชรกลมพอสมควรเคล็ดลับ ให้พยายามเลือก หรือหาเพชรที่มีขนาด Premium คือ เกือบๆจะข้ามไปอีกช่วงราคา เช่น เพชรขนาด 0.30-0.39 (30-39 ตังค์) ให้เลือกเพชรขนาด 0.37-0.39 เพราะเพชรขนาดเกือบๆจะ 40 ตังค์แล้ว แต่ราคาต่อกะรัตยังอยู่ในเกณฑ์ 30 ตังค์ หรืออย่างเพชรขนาด 0.50-0.69 พยายามเลือกเพชรขนาด 60 ตังค์ขึ้นไป เพราะขนาดใกล้ๆ 70 ตังค์แล้ว แต่ราคาต่อกะรัตยังเป็นราคาเพชรครึ่งกะรัต Cut (การเจียรไน) เลือกเพชรที่มีคุณภาพการเจียรไน และสัดส่วนที่ดี ต่างจากปัจจัยด้านอื่นๆ ของเพชร เช่น สี หรือ ความสะอาด เราอาจเลือกสีหรือ ความสะอาดที่ต่ำลงไปบ้าง เพื่อแลกกับขนาดเพชรที่ใหญ่ขึ้น แต่ปัจจัยด้านการเจียรไน (Cut) ถือเป็นปัจจัยเดียวที่ไม่ควรประนีประนอม เพราะมีผลโดยตรงต่อความสวยงามของเพชร ทั้ง ไฟ (Fire), การสะท้อนแสง (Light Return), ประกาย (Brilliancy) และ ความระยิบระยับ (Scintillation) ต่อให้เราเลือกเพชร น้ำ 100 ไร้ตำหนิ DIF แต่ถ้าเพชรเจียรไนเกรด Good Fair เพชรเม็ดนั้นย่อมไม่เปล่งประกายเท่าที่ควร ถ้าสัดส่วนไม่สวย เพชรบางเม็ดหน้าอาจมืด หรือถ้าการขัดเงาที่ผิวคุณภาพต่ำ เพชรอาจจะดูหมองๆ ไม่แวววาวเท่าที่ควร แนะนำให้เลือกเพชรคุณภาพเจียรไนอย่างน้อย Very Good หรือ Excellent ได้ยิ่งดี ทั้งสำหรับ Cut, Polish, Symmetry เคล็ดลับ เลือกเพชร คุณภาพเจียรไน อย่างน้อย Very Good ยังไม่พอนะครับ ควรเลือกเพชรสัดส่วน Class 1 หรืออย่างน้อย Class 2 นะครับ จุดที่ห้ามมองข้ามคือ ความลึกไม่ควรเกิน 63% Table ไม่ควรเกิน 60% และขอบเพชร (Girdle) อยู่ระหว่าง Thin-Medium-Slightly Thick Color (สี) เลือกเพชรเกรดไร้สี หรือเกือบไร้สี สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเพชรขาว ไร้สี ก็อาจเลือกเพชรน้ำ 100, 99, 98 (D, E, F) หรือถ้าอยากประหยัดงบ อาจเลือกเป็นเพชรเกรดเกือบไร้สี (Near Colorless) น้ำ 96, 95, 94 (H,I,J) ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะเพชรเกรดเกือบไร้สี (Near Colorless) เวลามองจากด้านหน้า ก็ยังดูขาว แทบไม่ต่างจากเพชรไร้สี ยิ่งถ้าเกรดเจียรไนสูงๆ Tripple Excellent สะท้อนแสงดีๆ แสงที่สะท้อนมาด้านหน้าเพชร จะทำให้เพชรดูขาวขึ้นด้วย ต้องดูจากด้านข้าง หรือด้านหลังเพชร ถึงจะออกนวลเล็กน้อย เคล็ดลับ แนะนำให้เลือกซื้อเพชรน้ำ 94 (J) ขึ้นไป เพชรที่น้ำต่ำกว่านั้น เช่น K (93) สีจะออกนวลค่อนข้างชัด และเพชรน้ำ 94 กับ 93 ราคาไม่ต่างกันมากด้วย ในกรณีที่อยากประหยัดและใช้เพชรน้ำต่ำกว่า 93 แนะนำให้เลือกใช้ตัวเรือนทอง ดีกว่าทองขาว เพราะจะหลอกตาว่าเพชรขาวกว่าปกติ Clarity (ความสะอาด) เกรด VS คุ้มค่ากว่า ในส่วนปัจจัยด้านความสะอาด แนะนำให้เลือกเพชรเกรด VS1-2 (Very Slightly Include) เพราะตำหนิยังมีขนาดเล็กมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่ขัดขวางการเดินทางของแสง และไม่มีผลใดๆต่อความสวยงามของเพชร ถ้าเรานำเพชรมาสองเม็ด JIF กับ JVS2 มาวางข้างๆกัน เราจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าเม็ดไหนเป็น IF เม็ดไหนเป็น VS2 เพราะตำหนิหรือมลทินมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า บางคนที่มีงบประมาณเพียงพออาจเลือก IF-VVS ก็ได้ เคล็ดลับ กรณีที่ต้องการประหยัดงบ อาจเลือกเพชรเกรด SI ก็ได้ แต่ต้องเลือกหน่อย เลือกเพชรเม็ดที่ตำหนิไม่ชัดนัก หรืออย่างกรณีเพชร VS1-2 ก็เช่นกัน ถ้าเลือกได้ให้เลือกเพชรเม็ดที่ตำหนิไม่มีสี และไม่อยู่กลางหน้าเพชรสรุป ถ้าเราให้ความสำคัญการขนาดมากที่สุด แนะนำให้มองหา I-J/VS1-2 ส่วนในกรณีที่เราให้ความสำคัญกับสีมากที่สุด แนะนำให้เลือกเป็น D-F/VS1-2 สำหรับคุณภาพการเจียรไน อย่างน้อยควรเป็น Very Good ถ้าจะให้ดีก็เป็น Excellent ไปเลย