บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
ตอน 5 - จากสิคิริยาสู่แคนดี







ออกจากสิคิริยา เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อกลับที่พัก ผ่านร้านขายของที่ระลึกเป็นประเภทผ้าบาติค แต่ก็เงียบมาก มีร้านขายของชำ














ผ่านตู้จดหมายหมู่บ้านมีฉากหลังเป็นสิกิริยา ผ่านรถโรงเรียน ดูโบราณ





ตอนเย็นหน้าที่พักคึกคักเป็นพิเศษ ได้ถ่ายรูปคนคุ้นเคยที่เห็นหน้ากันมา 3 วัน



เจ้าของ Nilmini Lodge กับรถเต่าสีเขียว และหลานสาว







แผงขายมะพร้าวตรงข้ามที่พัก ลูกละ 10 - 15 รูปี กินแต่น้ำ มีรสเปรี้ยว เนื้อไม่มี 
















รถตุ๊ก ๆ ที่จอดแถวนั้นก็ขอให้ถ่ายรูปด้วย ทุกคนร่าเริง



ถัดจากแผงขายมะพร้าว ก็เป็นร้านอาหาร มีครอบครัวเจ้าของร้าน และพนักงาน


สายหน่อยวันรุ่งขึ้นก็ขึ้นรถประจำทางจากสิกิริยาไปแคนดี (Kandy) ค่ะ  จากสิกิริยาเมืองทางตอนกลาง เรากำลังลงมาเมืองตอนกลางทางใต้ของประเทศ








 ระยะทางประมาณ 90 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.กว่า ก็มาถึง Good Shed bus station ซึ่งเป็นสถานีรถประจำทางหลักหนึ่งเดียวในแคนดี ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หอนาฬิกา สับสนวุ่นวายพอควร เพราะเป็นที่จอดรถบัสทางไกล เช่น โคลอมโบ โบโลนนารุวะ หรือนูวาระ เอริยา (Nuwara Eliya)  ส่วนรถที่ไปใกล้ ๆ ออกคนละที่ แต่ก็เป็นแถว ๆ หอนาฬิกาเหมือนกัน 


บริเวณหอนาฬิกา เมืองแคนดี


มาถึงก็เรียกรถตุ๊ก ๆ ให้ไปที่พักที่จดมาจาก Lonely ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ แต่ต้องขึ้นเนินไป  คนขับก็พาไปเหมือนกัน ไปถึงก็จอด บริเวณนั้นเป็นแหล่งรวมที่พักราคาประหยัด ตั้งตามถนนที่ขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ  แล้วมันก็ไม่รู้โรงแรมไหนเป็นโรงแรมไหน  ก็เลยได้ที่พักที่ใกล้ที่สุดที่รถจอด เพราะก็ดูดี สะอาด มีระเบียงกว้างให้ชมวิว ค่าห้อง 800 รูปี มีเรเน เป็นพนักงานอยู่คนเดียวทำทุกอย่าง แล้วก็มีคนมาพักอยู่ห้องเดียวด้วย พอดีเรามาต้นเดือนกรกฏาคม ถ้ามาช่วงกลางเดือน 10 วัน ซึ่งจะมีเทศกาลแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว (Parahera)  เรเนบอกค่าห้องขึ้นไปถึง 2,000 - 2,500 รูปี เลยทีเดียว 

แคนดี (Kandy)

แคนดีเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของศรีลังกา แม้จะอยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบเพียง 115 กม. แต่สภาพแวดล้อมก็แตกต่างกันอย่างมาก เพราะแคนดีตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาในที่ราบสูงแคนดี ที่ระดับความสูง 500 เมตร  เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของกษัตริย์โบราณของศรีลังกา 

ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้าวิกรมพาหุ ที่ 3 (ปี 1357-1374) ผู้เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมโปลา (Gampola) เป็นผู้ก่อตั้งเมืองแคนดี และในขณะนั้นให้ชื่อว่า Senkadagalapura 

ปี 1592 แคนดียังคงเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่ไม่ติดทะเลที่ยังเป็นอิสระจากโปรตุเกส   แคนดีอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงค์นายะ 'Nayaks' และยังคงความเป็นเอกราชไว้ได้  ทั้ง ๆ ที่เมืองแถบชายฝั่งได้ตกอยู่ในการครอบครองของโปรตุเกสแล้ว  และทั้งโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษ ในช่วง ศต. ที่ 16, 17 และ 18 ต่างก็มุ่งหมายที่จะยึดแคนดีด้วยกันทั้งสิ้น  ท้ายสุด ในปี 1815 แคนดีก็ต้องตกเป็นของอังกฤษ  พระเจ้าศรีวิกรม ราชสิงหะ (Sri Vikrama Rajasinha) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งแคนดี ถูกจับและนำไปขังที่ป้อมเวลลอร์ (Vellore Fort) ทางใต้ของอินเดีย รวมทั้งผู้อ้างสิทธิ์ทั้งหลายในราชบัลลังก์ด้วย  จึงนับเป็นการสิ้นสุดสถาบันกษัตริย์แบบดั้งเดิมในศรีลังกา จากนั้นอังกฤษได้ตั้งผู้ปกครองตามแบบของตนเอง 

แคนดี มาจากคำว่า kanda หรือ "ขันธะ" เป็นภาษาสิงหล แปลว่า กองหินหรือเนินเขา ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้าครอบครอง การเรียกเมืองว่าขันธะ จึงออกสำเนียงตามฝรั่งเป็น แคนดิ หรือ แคนดี .. แคนดีตกเป็นของอังกฤษจนประเทศศรีลังกาได้รับเอกราชในปี 1948

ด้วยอิทธิพลของพุทธศาสนาในศรีลังกา เมืองแคนดียังเป็นที่ตั้งของวัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งประดิษฐานพระทันตธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นดั่งนัยของประเพณีที่มีมาตั้งแต่ ศต. ที่ 4 ที่เชื่อมโยงศาสนาเข้ากับพระบรมศานุวงค์ เพราะผู้พิทักษ์แห่งพระเขี้ยวแก้ว จะได้รับการยอมรับว่าเหมาะสมที่จะปกครองแผ่นดิน  ดังนั้น พระราชวัง และวัดพระธาตุเขึ้ยวแก้ว มีส่วนสัมพันธ์ระหว่างบทบาทการบริหาร และศาสนาของเมืองหลวง และแม้เมื่อตกอยู่ในการปกครองของอังกฤษ แคนดีก็ยังคงรักษาและดำเนินบทบาทการเป็นเมืองหลวงทางศาสนาของชาวสิงหล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพุทธศาสนิกชนในศรีลังกาและทั่วโลกอีกด้วย



บ้านเรือนสมัยอาณานิคม ตั้งอยู่บนเนิน





ทะเลสาบแคนดี  หรืออีกชื่อว่า Kiri Muhuda หรือ Sea of Milk - ทะเลน้ำนม  เป็นทะเลสาบขุดตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างในปี 1807 โดยพระเจ้าศรีวิกรม ราชสิงหะ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรแคนดี  อยู่ถัดจากวัดพระเขึ้ยวแก้ว  เป็นทะเลสาบที่ได้รับการคุ้มครอง และห้ามตกปลา 



รอบทะเลสาบแคนดีมีความยาว 3.4 กม. มีระดับน้ำลึกที่สุด 18 เมตร  มีกำแพงที่เรียกว่า Walakulu wall (Cloud wall - ลักษณะคล้ายก้อนเมฆ) ล้อมรอบอยู่ 630 เมตร  ตรงกลางเป็นบ้านฤดูร้อนของราชวงค์


หนังสือ Lonely แนะนำให้ไปเดินตอนเย็น แต่เราไปเดินตอนเช้า แต่อย่างไรก็ต้องผ่านทุกเช้าเย็นอยู่แล้ว เพราะถนนที่ขึ้นไปที่พักบนเนิน ก็แยกจากถนนรอบทะเลสาบ  ทางด้านเหนือจะเงียบมาก เพราะมีการปิดถนนจนไปถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว




ทะเลสาบแคนดี ต้นสาละและดอกสาละ

จุดรวมของแคนดีคือ ทะเลสาบ มีวัดพระเขึ้ยวแก้วอยู่ทางด้านเหนือ ใจกลางเมืองอยู่ระหว่างทางเหนือและตะวันตกของทะเลสาบ โดยมีหอนาฬิกาเป็นจุดสังเกตุ สถานีรถไฟ ตลาด คิวรถทั้งหลาย ก็อยู่ไม่ไกล  ส่วนตัวเมืองแผ่ขยายไปตามเนินเขารอบ ๆ มีบ้านเรือนที่พักทีี่สามารถมองลงมาเห็นเมือง




ตัวเมืองแคนดีคึกคักที่สุดบริเวณหอนาฬิกา มีร้านค้าริมถนน และมีอาคาร 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนจะขายสินค้าประเภทของที่ระลึก ที่แนะนำคือ เครื่องหนัง เช่นกระเป๋าสพาย กระเป๋าสตางค์ รองเท้า ลวดลายท้องถิ่น มีหลายร้าน ราคาไม่แพง แต่ก็มีนายหน้าเยอะด้วย




ลุงเขาสนใจอุปกรณ์และวิธีการลับมีดที่นี่มาก




บรรยากาศทั่ว ๆ ไป ในวันฝนตกที่แคนดี






แถว ๆ ตลาดที่แคนดี




ปัจจุบัน แคนดีเป็นทั้งศูนย์กลางการบริหารและศาสนา เป็นเมืองหลวงของจังหวัดในภาคกลาง และเป็นที่ตั้งของวัดพระเขี้ยวแก้ว (Temple of the Tooth Relic - Sri Dalad Maligawa)  หนึ่งในสถานที่บูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกของพุทธศาสนา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี คศ. 1988

บล๊อคหน้าเราจะไปพิพิธภัณฑ์ แต่เพราะพิพิธภัณฑ์ปิด เราจึงโชคดีค่ะ

ขอบคุณข้อมูจากวิกิพีเดีย 





Create Date : 12 กันยายน 2559
Last Update : 27 กันยายน 2559 14:28:45 น. 0 comments
Counter : 1247 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.