บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
ตอน 1 - เมื่อถึงโคลอมโบเกือบเที่ยงคืน




การเดินทางไปศรีลังกาแม้จะผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว  (พศ. 2549 -2006  ปีนี้ พศ. ???!!! )  แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจำได้อยู่เสมอเป็นธรรมดาของผู้สูงวัยค่ะ ที่มักจะจำเรื่องในอดีต  ได้ดีกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาไม่นาน  โดยเฉพาะการเดินทางครั้งนี้ แม้จะลุ่ม ๆ ดอน ๆแต่ก็ได้เจอผู้คนที่มีอัธยาศัยดี น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส บรรยากาศสงบที่แม้ไม่มีอะไรหวือหวา ไปเรื่อย ๆ ได้แต่ความสบายอกสบายใจกลายเป็นเส้นทางที่ประทับใจและน่าจดจำอีกครั้งหนึ่ง แต่ดู ๆ ไป เหมือน 2 สว.จะประทับใจทุก ๆ ที่ และทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางงั้นแหละ

เรามาย้อนเส้นทางศรีลังกากันเลยค่ะไปคราวนั้นได้ใช้บริการของสายการบิน คาเธย์ แปซิฟิค  ค่าเครื่องจำได้ว่า 13,400/คนออกจากกรุงเทพ  เป็นครั้งแรกที่จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์เองผ่านเว็บของคาเธย์ฯ  พอจองเรียบร้อยก็มีรายการการจองส่งมาพร้อมข้อมูลว่า “ต้องนำบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อตั๋วออนไลน์ไปแสดงตอนเช็คอินด้วย”  ซึ่งก็เหมือนหลายสายการบินที่แจ้งมาอย่างนี้แต่เขาก็เอาไปดูเฉย ๆ  “จ่ายด้วยบัตรแล้วนะ ชื่อผู้โดยสารก็ตรงกับเจ้าของบัตร เป็นอันเรียบร้อย” แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้วพอไปเช็คอิน พนักงานก็เอาบัตรไปรูดอีกครั้ง บอกว่าถ้าไม่รูด จะออก boardingpass ไม่ได้ ตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรค่ะ ได้ boarding pass มาแล้วก็พร้อมเดินทางเลย แล้วก็ไปเอ้อระเหยเสียเกือบ 2 อาทิตย์

แต่ตอนกลับมาแล้วซิ  มีเรื่องปวดหัวตามมาเลย  พอใบแจ้งยอดชำระมา ยอดที่เดินทางไปศรีลังกา เป็น 2 ยอด เพิ่มอีกเท่าตัว จาก 26,800 บาท 2 คนกลายเป็น 26,800 บาท 2 ยอด ก็รีบด่วนโทรไปที่ธนาคารเขาบอกต้องทำเป็นหนังสือแจ้งรายละเอียดมา แล้วก็ตรวจสอบอีกที ถึงจะคืนเงินได้แต่ตอนนั้นไม่ทันแล้ว เพราะเป็นการหักบัญชีอัตโนมัติ ก็ต้องถูกหักไปก่อนปวดหัวกันเลยทั้ง 2 สว. ตามเรื่องกันหลายครั้งไม่แน่ใจว่าทางสายการบินได้ทำอะไรบ้างหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นก็จำไว้ตลอด ห้ามใครรูดบัตร ฯ เรา 2 ครั้ง เป็นอันขาด

ครื่องของคาเธย์ฯถึงสนามบิน  Bandaranaike International Airport (CMB)  ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองโคลัมโบขึ้นมาทางเหนือ35 กม. 5 ทุ่มกว่า ออกจากตม.  - แลกเงินก็เกือบเที่ยงคืนแต่ก็เบาใจเพราะได้จองที่พักไว้ และบอกให้รถมารับโดยบอกรายละเอียดทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว พอออกมาถึงด้านนอกอาคารขาเข้า  เห็นมีคนชูป้ายชื่อผู้โดยสารเยอะแยะก็สอดส่ายสายตาหาป้ายที่พัก หรือชื่อเราที่แจ้งไว้  แต่หามีไม่ก็เลยถามผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ที่บริการรถแท็กซี่  ว่าเราจองทีพักไว้ที่นี่ ๆ นะ ให้รถมารับเห็นบ้างไหม เขาก็บอกว่ารอเดี๋ยวนะ เหมือนรู้เรื่อง หายไปแป๊บหนึ่งก็มาพร้อมกับคนขับรถ บอกว่าคันนี้แหละ .. ได้รถแล้วก็ค่อยโล่งอก  จากสนามบินเข้าเมืองผ่านถนนเห็นแสงไฟวอมแวม  ผ่านมาจะเห็น จนท, ตำรวจหรือทหาร เป็นระยะๆ เกือบตีหนึ่งแล้ว  ก็ถึงตัวเมืองโคลัมโบ

คราวนี้พอเห็นจนท. ตำรวจ คนขับรถก็แวะถามทางที่จะไป Shurbbery Gardens อันเป็นที่ตั้งที่พักที่เราจองไว้คือ Mrs. Settupathy’s guesthouse  ที่พักนี้หาจาก Lonely Planet ฉบับศรีลังกา  ถามอยู่ 2 ครั้งก็เลี้ยวเข้าถนนซอยหนึ่งแล้วเขาก็บอกว่าเป็นถนนนี้ มีบ้านเรียงรายไปตลอดทางปรากฏว่าคนขับรถไม่รู้ว่าเป็นหลังไหนกันแน่ ก็เลยให้ลุงเฝ้าของ แล้วอีกคนก็เดินไปดูเลขบ้าน พอไล่ดู เลขบ้าน Mrs.Suttupathy ก็หายไปเฉย ๆ แล้วก็เป็นเลขอื่นขึ้นมา แถมถนนก็มีแค่ไฟสลัว ๆ  ก็ขึ้นรถแล้วคนขับก็แล่นช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ จนสุดซอย ถึงถนนอีกด้านเป็นถนนติดหาดแล้วก็ยังไม่เจอ มีที่พักเหมือนกัน แต่เห็นโคมเขียว-แดงแล้ว ก็ไม่กล้าเข้าไป ตอนนั้นก็คิดๆ เอาไงดี 

ภาพขอยืมมาจาก internet ค่ะ ถ่ายจากระเบียง  Mrs. Settupathy’s guesthouse ออกไปทางถนน  จากถนนซอยที่เห็นรถตู้สีขาวจอด ต้องเลี้ยวเข้าซอยมาทางที่รถเก๋งจอด ผ่านบ้าน 2-3 หลัง สุดซอยเล็กก็จะเจอ Mrs. Settupathy’s guesthouse  ความที่ต้องเข้าซอย เลขที่บ้านที่ถนนใหญ่จึงไม่ต่อเนื่อง  แถมมืดด้วย ถ้าเป็นกลางวันก็ไม่มีปัญหาอะไร 

ก็เลยบอกคนขับรถให้ไปที่YWCA ก็แล้วกัน ต้องย้อนกลับมาต้นซอยถึงถนนใหญ่ แล้วย้อนกลับไปอีก แต่ก็ไม่ไกลเท่าไร คราวนี้คนขับรู้จักถนนซอยที่เป็นที่ตั้งของ YWCAพอเลี้ยวเข้าไปซัก 20 เมตรก็มี จนท. มากั้นบอกว่าห้ามเข้า ต้องอธิบายกันว่าจะมาพักที่ Y น่ะ ลุงบอกว่าคงมีบ้านคนสำคัญอยู่ซอยนี้

ถึงหน้าY ประตูปิดสนิท คนขับลงไปกดกริ่งให้ โชคดีจริง ๆ ที่ยังมีคนงัวเงียใส่เสื้อคลุมชุดนอนมาเปิดประตูให้ พอมีคนมาเปิดประตูเหล็ก คนขับรถก็บอกว่าขอค่าเสียเวลาเพิ่มอีก 800 รูปี (ราว 320.- บาท) นะ  ก็คิดอยู่ว่าน่าจะเป็นความรับผิดชอบของคนขับที่ไม่รู้จักที่พัก อันที่จริง ก็ไม่รู้เป็นรถที่มาจาก Mrs.Settupathy หรือไม่ เพราะพอมีคนบอกว่าคันนี้แหละ ก็ขึ้นเลยมันก็เป็นความไม่รอบคอบของเราเหมือนกัน แต่เมื่อเขาพามาส่งถึง Y ก็นึกขอบคุณในใจว่ายังดีที่ไม่พาเราปลดทรัพย์ หรือถ้าพาไปไกล ๆ ก็ช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว  

อาคาร YWCA โคลัมโบ คืนนั้นประตูเหล็กทุกบานปิดสนิท

ตอนที่ออกมาจากอาคารที่สนามบินก็เห็นป้าย YWCA ตัวเบ่อเร่อ เฮ้อ!!! พักที่ Y เสียแต่แรกก็หมดเรื่องไปแล้ว ตอนเช็คอินเรียบร้อยดูนาฬิกาหลังแขวนผนังเป็นเวลา ตี 2 พอดี  เช้าเราก็ตื่นตั้งแต่ 6 โมงกว่า ลงไปกินอาหารเช้าดูเหมือนเป็นขนมปัง ไข่ทอด แยมกาแฟ ทั่ว ๆ ไป มีผลไม้ด้วย เป็นมะละกอผ่ามาให้คนละครึ่งลูกเลย รวมเปลือกรวมเมล็ด ให้ตักกินเอง ตามรูปล่ะค่ะ


มารู้ภายหลังว่าคนศรีลังกาจะกินเมล็ดมะละกอด้วยเพราะถือว่าเป็นยา ตามข้อมูลเมล็ดมะละกอช่วยต้านมะเร็ง ขับของเสียจากตับและบำรุงตับ ป้องกันไตเสื่อม ขับพยาธิ เป็นเหมือนยาธรรมชาติที่ใช้คุมกำเนิดสำหรับผู้ชายและ ฯลฯ ค่ะ

หลังอาหารเช้าก็ไปจ่ายค่าที่พักเจ้าหน้าที่คนเดิม บอกว่าวันนี้ต้องจ่ายค่าอาหารเช้านะ แต่พรุ่งนี้ไม่ต้องจ่าย คือ เหมือนคืนนี้ไม่คิดเงินค่าที่พัก เพราะมาเช็คอินตอนตี 2   ค่าห้องที่ชำระเป็นของคืนถัดไป ก็บอกเขาว่าจะเช็คเอาท์แล้วจ้า ถามข้อมูลที่จะไปต่อที่เมืองโบโลนนารุวะ (Polonnaruwa) แล้วก็ขอให้เขียนชื่อสถานีรถประจำทางและเมืองปลายทาง เป็นภาษาพื้นเมืองให้ด้วย 

ได้เวลาออกจากจากโคลัมโบ เดินทางไปตามแผนการของลุง คือ ไปไกลก่อน แล้วค่อยกลับมาจุดตั้งต้นทีหลัง

การเดินทางครั้งนี้คือ จากโคลัมโบทางตะวันตก (Western) ของประเทศ ไป เมืองโบโลนนารุวะ (Polonnaruwa) ทางตอนกลางทางเหนือ (North Central)   ย้อนลงมาที่สิกิริยา (Sigiriya)  แล้วลงมาแคนดี้ (Kandyเมืองบนภูเขา (Hill Country)  ที่อยู่ตอนกลาง (Central)  จากนั้นลงใต้สุดไปเมืองกอล (Galle) เมืองริมทะเล  แล้วจึงย้อนกลับมาโคลัมโบท้ายสุด  (ทริปนี้ตัดอนุราธปุระออกไปค่ะ)


ถึงสถานีรถ 9 โมงกว่า มีรถไปโบโลนนารุวะ 2 ประเภท คือ รถปรับอากาศ เป็นรถตู้ และรถประจำทางคันใหญ่ 

สถานีรถประจำทางที่โคลัมโบ

ภายในรถตู้ปรับอากาศ (ดูสภาพแล้วไม่น่าไปไหนได้ไกล)

2 สว.เลือกที่จะไปรถปรับอากาศ เพราะ  1. เจ้าของรถดูนาฬิกาแล้วบอกว่า “อีกครึ่งชม. ก็ออกแล้ว” (ดังนั้น ก็น่าจะออกได้ตอน 10 โมง)   2. เปิดแอร์ให้พร้อมแล้ว – ขึ้นไปนั่งได้เลย (อากาศก็เริ่มร้อนแล้ว)   3. คันเล็ก – เต็มเร็วและคงไปได้เร็วกว่า คิดเอาเอง (555 ไม่ใช่รถตู้กรุงเทพ ฯ สักหน่อย)   4. ไม่รอบคอบที่จะถามคันใหญ่ว่าออกเมื่อไร - ถึงเมื่อไรให้ดีเสียก่อน

โบโลนนารุวะห่างจากโคลัมโบขึ้นไปทางเหนือตอนกลาง  216 กม. ถ้าใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 6 ชม.  ก็ควรจะถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 3 - 4 โมง ก็ขึ้นไปนั่งรอ มีแค่ 2 คน  ผู้โดยสารอื่นขึ้นเหมือนกัน แต่สักพักก็ลงไป สลับกันขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างที่รออยู่นั้นก็เห็นรถบัสคันใหญ่ที่ด้านหน้าเขียนว่า Polonnaruwa ออกไป รถโล่งเชียว เราก็รออยู่อย่างนั้นเพราะคำว่า “อีกเดี๋ยว ๆ“  จนรถบัสคันใหญ่ออกไป 3 คัน โชเฟอร์คงคิดได้ว่าถ้ารอคนเต็ม คนที่รออยู่ก็จะหายไปอีก จึงมาเอารถออกตอน 11 โมงกว่า ระหว่างทางรถจอดพัก 1 ที่ ประมาณ 15 นาทีแล้วก็ไปต่อ แล้วก็ถึงโบโลนนารุวะประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ สามล้อพาไปที่พักที่เราไม่ได้บอกให้ไปแทนที่จะไปที่เราบอก แต่ก็ดูดี และยังใหม่อยู่มาก ก็ตกลงพักแล้วก็เดินออกมาหาอะไรกินกัน เป็นโรตีผัดเหมือนข้าวผัดค่ะ  แล้วก็มืดพอดี ..


วันแรกที่ศรีลังกา จากโคลัมโบมาโบโลนนารุวะ ระยะทาง 216 กม. ที่ใช้เวลาเดินทางทั้งวัน 

 คราวนี้เรามารู้จักประเทศศรีลังกากันสักนิดหน่อยก่อนค่ะ

Lonely Planet ฉบับ Sri Lanka เขียนกล่าวนำประเทศนี้ ไว้ว่า "ถ้าคิดกันง่าย ๆ ศรีลังกาก็คือ เกาะเขตร้อนที่อยู่นอกชายฝั่งของประเทศอินเดีย มีความแตกต่างกัน คือ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาฮินดู และมีประวัติศาสตร์ที่นองเลือดกว่า  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศรีลังกาแตกต่างจากอินเดียโดยสิ้นเชิง และมีคุณลักษณะเฉพาะของตนเอง"  


มีเพียงประวัติอันยาวนานเท่านั้น ที่บอกเล่าความเป็นไปได้เกีีี่ยวกับชาวสิหลกลุ่มแรก ๆ (ซึ่งอาจเป็นชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ทางเหนือของประเทศอินเดีย)  ได้มาถึงศรีลังการาว  5 - 6 ร้อยปีก่อนคริสตกาล  และค่อย ๆ มากขึ้น ๆ จนชนพื้นเมืองดั้งเดิม ที่เรียกว่า Wanniyala - aetto (People of the Forest - คนป่า) หรือ Veddahs ค่อย ๆ ถอยร่นไปและกลมกลืนกันไปในที่สุด  จากนั้น ราว 100 ปีถัดมา คือ 400 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรอนุราธปุระของชาวสิงหลจึงได้ก่อตัวขึ้นบริเวณที่ราบทางภาคเหนือของเกาะ โดยโดยมีเมืองอนุราธปุระเป็นเมืองหลวงแห่งแรก 

ต่อมาในราว 300 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอโศกมหาราช จักรพรรดิผู้นับถือพุทธแห่งอินเดีย  ได้ส่งพระราชโอรสที่เป็นอรหันต์ คือ พระมหินท์เถระ (Mahinda) พร้อมด้วยบริวารอีก 5 รูป มายังเกาะนี้ และเดินทางมาจนถึงแผ่นดินในภาคเหนือตอนกลาง คือ อนุราธปุระ  พระมหินท์เถระได้เผยแผ่คำสอนของพระพุทธองค์ไปทั่ว  จนท้ายสุดสามารถเปลี่ยนให้กษัตริย์แห่งอนุราธปุระ และประชาชนมานับถือศาสนาพุทธ  ส่วนพระขนิษฐา พระสังฆมิตตาเถรี (Sangamitta) ได้นำกิ่งพระศรีมหาโพธิ์  ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ที่พุทธคยาทางเหนือของอินเดีย มาปลูก ณ ที่นี้เช่นเดียวกัน (ตามที่มีการบันทึกไว้อย่างต่อเนื่อง โพธิ์ต้นนี้เป็นต้นไม้ที่มนุษย์ปลูกทีี่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก)  จนอนุราธปุระได้กลายเป็นเมืองต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์  

อาณาจักรอนุราธปุระอยู่มายาวนานราว 1,500 ปี จนถึง ศต. ที่ 13 จึงได้เสื่อมลง พร้อมกับการเกิดขึ้นของอาณาจักรทมิฬ โดยมีเมือง "โปโลนนารุวะ" เป็นเมืองหลวงยาวนานประมาณ 200 ปี 

ชาวทมิฬจึงได้อพยพไปตั้งอาณาจักรจัฟฟ์นาทางคาบสมุทรจัฟฟ์นาตอนเหนือของประเทศ  ส่วนชาวสิงหลได้ถอยร่นลงไปตั้งรกรากอยู่ทางใต้ ก่อตั้งเป็นอาณาจักรแคนดี ซึ่งมีเมืองแคนดีเป็นเมืองหลวง นอกจากนี้ก็มีอาณาจักรโกฎเฏและอาณาจักรรุหุนะ โดยอาณาจักรแคนดีเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจมากที่สุดประมาณศตวรรษที่ 15 (ข้อมูลคร่าว ๆ ค่ะ ถ้าสนใจประวัติศาสตร์ประเทศศรีลังกา เข้าตามลิงค์นี้ได้//www.oceansmile.com/Srilangka/SrilankaHistory.shtml ซึ่งสรุปได้ใจความ และน่าอ่านมาก)



ในทางภูมิศาสตร์ ประเทศศรีลังกาเป็นเกาะเล็ก ๆ รูปคล้ายไข่มุก หรือหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นมาจากทางใต้สุดของประเทศอินเดีย มีความยาว 433 กม. จากเหนือจรดใต้สุด และกว้าง 225 กม. มีชายฝั่งทะเลยาว 1,330 กม. ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย  ห่างจากประเทศอินเดีย 35 กม. ในอดีตเรียกกันหลายชื่อ เช่น  ลงกา ลังกาทวีป สิงหลทวีป (สิงหล หรือ สีหล แปลว่า ราชสีห์หรือสิงโต)  และซีลอน ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในสมัยอาณานิคม 

จนถึง พศ 2517  จึงมีชื่่อทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (The Democratic Socialist Republic of Sri Lanka)  ภายหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ "ศรีลังกา" หมายถึง แผ่นดินแห่งความรุ่งโรจน์

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราข้ามอนุราธปุระ - เมืองหลวงแห่งแรกไป  ต่อไปในวันรุ่งขึ้นเราจะไปชมเมืองเก่าโบโลนนารุวะ -  เมืองหลวงแห่งที่สองของศรีลังกากันแต่เช้าเลยค่ะ 


อบคุณภาพจาก internet และเว็บไซด์

//srilankaoneislandtwonations.tumblr.com/post/118662474671/papaya-seeds-for-gut-health-liver-and-kidney

//www.liekr.com/post_135038.html

//www.oceansmile.com/Srilangka/Srilanka.shtml
//www.2by4travel.com/home/Data-travel/sri-l/prawatisastr-sri-langka





Create Date : 04 สิงหาคม 2559
Last Update : 10 สิงหาคม 2559 15:53:21 น. 2 comments
Counter : 831 Pageviews.

 
เชียงใหม่ กับ ลังกา ผูกพันธุ์กันในสมัยก่อนมาก ในทางพระพุทธศาสนา จะเห็นว่า มีวัดพุทธอยู่ ๒ วัดในนามวัดลังกา อยู่ใน อ.เมือง ๑ วัดและอยู่ใน อ.สันกำแพง ๑ วัด แสดงว่า มีบรรพบุรุษเป็นชาวศรีลังกา ท่ีติดตามคณะผู้ปฏิบัติศาสนกิจในสมัยนั้นเข้ามา ตั้งเป็นหมู่บ้าน อีกท้ังเมื่อสมัยเป็นเด็กเคยได้ยิน พระน้อยและสามเณร เรียกผ้าจีวร ของพระภิกษุว่า ผ้าลังกา รวมท้ังพระภิกษุในสมัยของพระเจ้ากือนา และพระเจ้าติโลกราช มีความเชี่ยวชาญในภาษาบาลีมคธ จนถึงกับนิพนธ์เร่ืองราวทางพระศาสนาหลายเร่ือง เช่นพระรัตนปัญญาญาณ นิพนธ์ ชินกาลมาลินี เป็นต้น


โดย: หนานเตอะ IP: 119.76.110.165 วันที่: 12 ตุลาคม 2559 เวลา:20:29:50 น.  

 
ขอบคุณ คุณหนานเตอะ สำหรับข้อมูลระหว่างเชียงใหม่ กับลังกา ทุก ๆ แห่ง ล้วนมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ให้เราได้เรียนรู้ และเข้าใจอดีตและบรรพบุรษของเรา มนุษยชาติ ขอบคุณค่ะ


โดย: payaichow (สมาชิกหมายเลข 1920579 ) วันที่: 13 ตุลาคม 2559 เวลา:14:50:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.