บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มกราคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 มกราคม 2562
 
All Blogs
 
ฆาต (Ghats) ท่าแห่งเมืองพาราณสี (Varanasi)



"พาราณสียืนยงมาช้านานกว่าประวัติศาสตร์ของตัวเอง เก่ากว่าตำนานของเมือง  และยิ่งโบราณเป็น 2 เท่า เมื่อเอาทั้งประวัติศาสตร์ และตำนานมารวมกัน"

Mark Twain - ผู้ประพันธ์นวนิยายที่มีชื่อเสียง 'Adventures of Huckleberry fine and Tom Sawyer'  เขียนไว้หลังจากที่ได้มาพาราณสี และซึบซับความศักดิ์สิทธิ์ของเมือง  ... คัดลอกโดย Pratap Rpb - 16 June 2017

พาราณสี (บาลี: Bārāṇasī พาราณสี; สันสกฤต: Vārāṇasī วาราณสี)  เคยเป็นเมืองหลวงของ
แคว้นกาสี (Kingdom of Kashi) ในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ  ห่างจากลัคเนา
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ 320 กม. พาราณสีมีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน เป็นหนึ่งในเจ็ดของเมือง
ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด  ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูและเชน ทั้งยังถือว่าเป็นสุทธาวาสที่สถิตแห่งศิวเทพ
เป็นเมืองที่ไม่เคยร้างผู้คนเลย ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 4,000 ปี 

นอกจากนั้น พาราณสียังเป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาหลายด้าน มีอาณาเขตครอบคลุม

ถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ ปัจจุบันเรียกว่า

สารนาถ อยู่ชานมืองพาราณสี 





แม่น้ำคงคา - Ganges River


"แม่น้ำคงคา" เป็นแม่น้ำสายสำคัญของอินเดีย มีต้นกำเนิดทางภาคเหนือของประเทศ บริเวณ

เทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปทางตะวันออก และรวมกับแม่น้ำ

พรหมบุตร ที่บังกลาเทศ ก่อนจะไหลออกที่อ่าวเบงกอล มีความยาวประมาณ 2,510 กม. 





"แม่น้ำคงคา" โดยเฉพาะที่ท่า "เมืองพาราณสี"   ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ล้างบาปได้ เพราะเชื่อว่า

กระแสน้ำนี้ ได้ไหลผ่านเศียรของพระศิวะลงมาที่ท่าน้ำแม่น้ำคงคาที่เมืองนี้  ดังนั้น พาราณสีจึง

เป็นเมืองอมตะของอินเดีย และเป็นที่แสวงบุญทั้งของชาวฮินดูและชาวพุทธทั่วโลก


ใคร ๆ ก็รู้จักเมืองพาราณสี มีเรื่องราวของมากมายของเมืองนี้ ที่ประกาศให้โลกได้รับรู้จากผู้มาเยือน

ทั้งหลาย... ไม่ว่าใครก็ไฝ่ฝันที่จะเห็นพาราณสี อยากไปสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต

  
ก่อนไปพาราณสี ได้หาข้อมูลไปพอสมควร แต่ ณ ที่นี้ เป็นเฉพาะข้อมูลของฆาต (Ghats) หรือ
ท่าต่าง ๆ ที่มีมากมายหลายท่าเสียจริง ๆ ค่ะ และแต่ละท่าก็มีเรื่องราวของตัวเองให้บอกกล่าวกัน
       


ฆาตแห่งเมืองพาราณสี ส่วนใหญ่สร้างช่วงปี 1700 เมื่อมีการสร้างและปรับปรุงเมืองใหม่ ภายใต้

จักรวรรดิ Maratha (จักรวรรดิที่มีอำนาจในช่วง คศ. 1674 - 1818 โดยมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่

บางส่วนของประเทศอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศในปัจจุบัน มีสมเด็จพระจักรพรรดิศิวาจี 

เป็นจักรพรรดิองค์แรก)




แผนที่ฆาต (Ghats) หรือ ท่าริมแม่น้ำคงคา แห่ง เมืองพาราณสี (ภาพจาก internet)


ตามเส้นทางแม่น้ำคงคาที่พาราณสี  มีท่ามากเกือบ 100  แต่มีท่าหลัก ๆ ราว 25 แห่ง ทีี่อยู่ระหว่าง 

Raj ghat ใต้ลงมาถีง Assi ghat ส่วนใหญ่เป็นท่าอาบน้ำ และบูชา ...มีเพียง 2 แห่งเท่านั้น 

ที่มีพิธีเผาศพ คือ Manikarnika and Harishchandra ghats


เริ่มต้นจากทางเหนือ ใต้ไปรษณีย์ลงมา ฆาตแห่งแรกที่สำคัญ คือ


1. Panchganga Ghat  : ฆาตนี้ถือว่าเป็นที่บรรจบของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า หรือ เทพธิดาแห่งสายน้ำ

ทั้งห้า คือ คงคา (Ganga)  ยุมนา (Yamuna) สรัสวดี (Saraswati) ธุภาพา (Dhutpapa และ กิรานา

(Kirana) ...ณ ที่นี้ มีรูปของเทพธิดา ทั้ง 5 ทำด้วยหินสีดำ  ที่นี่จะเห็น มัสยิด Alamgir ที่เชื่อว่าสร้างโดย

พระเจ้าออรังเซป เป็นตัวอย่างของความสามัคคีของชาวฮินดู และมุสลิม ตั้งตระหง่านอยู่




Panchganga Ghat (ภาพจาก internet)


2. Bhonsale Ghat มีอาคารที่เป็นเอกลักษณ์สร้างโดย Maratha กษัตริย์แห่ง Nagpur ใน

ตระกูล Bhonsale ปี 1780 มีการซ่อมแซมและบูรณะใหม่ใน ปี 1795 





Bhonsale Ghat (ภาพจาก internet :โดย Ashish Tibrewal)  


เป็นอาคารหินขนาดใหญ่ที่มีหน้าต่างขนาดเล็ก และมีศิลปที่งดงามอยู่ด้านบน



3. Scindhia Ghat : เป็นฆาตที่สวยงามและเงียบสงบ ต่างจาก Manikarnika ghat ที่อยู่ติด ๆ กัน

สร้างมากว่า 180 ปี มีชื่อเสียงจากที่บางส่วนของวัดพระศิวะได้จมลงในแม่น้ำคงคา

ระหว่างการก่อสร้างในปี 1830 ฆาตนี้อุทิศแก่พระศิวะ – เทพเจ้าแห่งความตาย ตามความเชื่อใน 

ศาสนาฮินดู หลังจากความตาย วิญญาณของมนุษย์จะเข้าไปรวมกับพระศิวะ






Scindhia Ghat (ภาพจาก internet)



เนื่องจากความสงบและสะอาดของสภาพแวดล้อม จึงมีการอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เพื่อล้างบาป และ

มีพิธีบูชาหลายอย่างที่นี่  ที่สำคัญคือ การทำสมาธิตอนเช้าตรู่ที่ริมฝังแม่น้ำ .... ตรอกซอยแคบ ๆ 

เหนือฆาตนี้ มีวัดที่สำคัญของเมืองพาราณสีหลายแห่ง บริเวณนี้เรียกว่า Sidha Kshetra ซึ่งดึงดูด

ผู้แสวงบุญเป็นจำนวนมาก




4. Manikarnika Ghat : เป็นฆาตหลักที่ทำพิธีเผาศพ และยังเป็นฆาตที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่ง  มีอีกชื่อว่า 

Burning Ghat (การเผาไหม้)  มีพิธีเผาศพทุกวันอย่างต่อเนื่อง ผู้ตายจะถูกหุ้มห่อด้วยผ้าขาว ...

หามไปตามตรอกซอย และนำมาเผาที่ฆาตนี้





Manikarnika Ghat (ภาพจาก internet)



Manikarnika Ghat อยู่ทางเหนือของ Dasaswamedha ghat  สร้างช่วงปี 1600..โดยกษัตริย์ Serfoji II 
แห่ง Thanjavur เมื่อพระองค์เสด็จมาแสวงบุญที่แคว้นกาสี ตามตำนานของศาสนาฮินดู เชื่อว่าต่างหู 
ของเทพี Sati (ผู้เป็นต้นกำเนิดประเพณีโบราณของอินเดีย -พิธี Sati ตั้งแต่ช่วงก่อนคริสตศักราช ถึงกลาง
ศต.ที่ 1990 ที่หญิงหม้ายจะถูกเผาข้าง ๆ สามีที่สิ้นชีวิตแล้ว  ด้วยเทพี Sati ได้เผาตนเองจนตาย 
เพื่อสร้างพลังอำนาจให้ตนเอง)   ตกลงตรงฆาตนี้ ขณะที่พระศิวะอุ้มเธอไปยังภูเขาหิมาลัย

ชาวฮินดูเชื่อว่าผู้ที่ได้รับการเผาที่นี่ จะปลดปล่อยตนออกจากความตายและเกิดใหม่  และจะเป็น อิสระ  (Moksha
มีวัดที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ เช่น วัด Sthuladanta Vinayaka, Rameshwara และ Someshwara 



5. Lalita Ghat  : หนึ่งในฆาตที่มีการเคารพบูชามากที่สุด เป็นที่ตั้งของวัด Keshava ที่ทำจากไม้ 

สร้างโดยกษัตริย์ชาวเนปาล จึงมีสถาปัตยกรรมแบบเนปาล การแกะสลักบนผนัง แสดงภาพทิวทัศน์ 

มักดึงดูดผู้ชอบศิลปะ  ฆาตนี้อุทิศแก่เทวี Lalita ที่ถือว่า เป็นร่างของเทพธิดา Durga ..บรรดาผู้ศรัทธา

จะมาชำระล้างบาปที่นี่ เพื่อรับพรจากเทพธิดาและได้รับความมั่งคั่ง  














วัด Keshava  อยู่บนสุด เห็นหน้าต่างไม้





6. Man Mandir Ghat  : มีลักษณะโดดเด่น โดยมีพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมแบบราชบัท (Rajput) 

ที่สวยงาม สร้างโดยมหาราชา Man Singh แห่งชัยปุระ ในปี 1600  ทั้งยังมีหอดูดาวที่สร้างเพิ่มเติม 

เข้ามาในช่วงทศวรรษที่ 1730  โดยพระเจ้า Sawai Jai Singh II อุปกรณ์ดูดาวยังอยู่ในสภาพดี 







มีระเบียงกว้างทีี่สามารถนั่งชมทิวทัศน์ทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำคงคา



7. Rajendra Prasad Ghat  : เป็นส่วนขยายของ Dasaswamedha ghat เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็น

เกียรติแก่ ประธานาธิบดีคนแรกของอินเดีย (1950-1962)  Rajendra Prasad (1884-1963) ..สร้างโดย

เทศบาลพาราณสี ....เดิมชื่อ Ghoda ghat (Horse –ม้า)  เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ Bhara Shiva Nagas 

ทำพิธีบูชายัญ ม้า 10 ตัว ในศต. ที่ 2 ....มีรูปม้าแกะสลักจากหิน ตั้งอยู่ที่นี่จนถึงปลาย ศต. 19 ..

ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัด  Sankatmochana 



ฆาตนี้เป็นอีกแห่งที่แสดงถึงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง สู่เส้นชีวิตของพาราณสี ปรับปรุงอีกครั้ง ในปี 

1795 มีวัดที่สำคัญ 3 แห่ง บริเวณนี้  คือ วัด Lakshminarayan, วัด Yameshwar และวัด Yamaditya 






มีพิธี aarti ทุกวันที่ท่า Rajendra Prasad ต่อเนื่องถึงท่า Dasaswamedha ghat


8. Dasaswamedha Ghat  :  เป็นท่าเก่าที่สุดในพาราณาสี ถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญ  เป็นสถานที่


ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ อยู่ใกล้กับวัดวิศวนาถ (Vishwanath temple






พิธีบูชาไฟ (aarti)  ด้วยการลอยกระทงไฟที่ทำจากดิน ลงในแม่น้ำคงคา ที่ท่า Dasaswamedha  ต่อเนื่องกับ ท่า Rajendra Prasad 



ท่า Dasaswamedha เป็นสถานที่ดึงดูดความสนใจมาก จะมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามา ทั้งผู้แสวงบุญ นักบวช 


คนขายดอกไม้ คนขายของบูชา และขอทาน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 






กิจกรรมยามเช้า ที่ท่า Dasaswamedha ที่นิยมมากอย่างหนึ่ง คือ ล่องเรือในแม่น้ำคงคา





















กิจกรรมอื่น ๆ ที่ท่า Dasaswamedha






จากท่า Dasaswamedha  เลยขึ้นไปเป็นตลาด ทำให้เป็นเส้นทางหลักที่ลงไปยังท่า ตลอดทั้งเส้นทางและท่าจึงเต็มไปด้วยผู้คน ร้านค้า แผงลอย พาหนะต่าง ๆ สามล้อ รถลาก รถขายผลไม้ วัวศักดิ์สิทธิ์ ดูคึกคัก อลหม่านและวุ่นวาย 








หากมีที่พักบริเวณท่าต่าง ๆ แถบนี้ รถจะจอดที่ 4แยก ด้านนอก และต้องลากกระเป๋าเดินเข้ามาราว 

กม. แล้วจึงแยกไปยังท่าที่จองที่พักไว้ เราพักที่ท่า Munshi ซึ่งติด ๆ กับ ท่า Dasaswamedha


(โชคดีที่คนขับรถตุ๊กๆ พาไปอีกเส้น -  แล้วให้ก็ลงเดินไปตามตรอกซอกซอย คงรู้ว่าเราคง


ไม่ไหวแน่ ๆ )  หากมาตามเส้นทางนี้ ต้องลากกระเป๋าขึ้นบันไดชัน ๆ เกือบ 50 ขั้น เพื่อไปยังที่พัก


  อย่างไรก็ตามเมื่อมาพักบริเวณนี้  ก็จำเป็นที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดนี้ ทุกเช้าเย็น หรือมากกว่า 

เพราะเป็นเส้นทางตรงที่สุดที่จะไปยังท่าต่าง ๆ ทำเอา สว แย่ไปเลย และถึงที่พักก็ต้องเดิน

ขึ้นบันไดชัน ๆ ไปถึงชั้น 3 อีก 



9. Chausathi Ghat :   มีชื่อเสียงจากพระราชวังที่งดงามที่สร้างโดยกษัตริย์  Digbatiya แห่ง
Champaran  (แคว้นหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดีย ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของตำบล Champaran ตะวันออก 

รัฐพิหาร) ..เป็นที่พักของนักวิชาการสันสกฤต นาม  Madhusudan Sarasvati ที่มีชื่อเสียง ทั้งยังมีวัด 

ที่มองเห็นภาพเจ้าแม่กาลี เทพธิดาพื้นบ้าน พระอิศวร พระพิฆเนศวรและคาร์กิเจียได้ …..



Chausathi ghat (ภาพจาก internet)


Chausathi ในภาษาฮินดีหมายถึง 64 และที่เหนือฆาตนี้ มีวัดของเทพเทพี 64 องค์ ภายในมีรูปปั้น

ของ 64 Yoginis (เพื่อนสตรีของเจ้าแม่กาลี)


10. Ahilyabai Ghat : เดิมชื่อว่า Kevalgiri ghat สร้างปี 1778 ...ต่อมาพระราชินี Ahilyabai Holkar

ได้สั่งให้มีการบูรณะ และเปลี่ยนเป็นท่าคอนกรีต 






ฆาตนี้มีชื่อเสียงเพราะเชื่อว่า เป็นแห่งแรกที่มีการตั้งชื่อตามบุคคล  เวลาที่ควรไปชม คือ ช่วงเช้าเมื่อผู้นับถือศาสนาฮินดูได้มาชำระล้างบาปที่นี่



11. Darbhanga Ghat : เป็นจุดที่ถ่ายรูปได้สวยที่สุด ถัดจาก  Dasaswamedha ghat ไปทางใต้ 

เป็นส่วนขยายของ Munshi ghat  ซื้อโดยกษัตริย์แห่ง Darbhanga   ส่วนที่ขยายนี้จึงได้ชื่อว่า

Darbhanga ghat เป็นท่าที่ใช้ประกอบพิธี และพิธีกรรมสำหรับบุคคลที่เป็นที่รัก



















ด้านหลังเป็นพระราชวังที่สร้าง ด้วยหินทรายจาก เมือง Chunar ที่ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงแรมหรู 

มีระเบียงที่สวยงาม เสาแบบกรีก และบันไดที่แข็งแรงสู่หลังคา สร้างในปี 1930 





พื้นที่นี้มีบริบทที่สำคัญ  แต่ความยิ่งใหญ่และรูปแบบของสถาปัตยกรรม กลับมีความสำคัญมากกว่า 

ปี 1944 พระราชวังถูกซื้อโดยกลุ่มโรงแรม Clarks และเรียกว่าพระราชวัง Brajrama Palace

โดยมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรม 5 ดาว


12 .Rana Mahal Ghat : สร้างโดยราชา Rana Jagat Singh ที่มาแสวงบุญที่พาราณาสี มีพระราชวังใกล้ท่านี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่ ราชา Rana มาประทับขณะที่มาแสวงบุญ 






Rana Ghat (ภาพจาก internet)


พระราชวังมีลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแบบ Rajputana ซึ่งเป็นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวอย่างมาก



13. Harishchandra Ghat : ได้ชื่อจากกษัตริย์องค์หนึ่งในตำนาน ชื่อ ราชา Harishchandra ที่ครั้งหนึ่งเคยมาทำงานที่ท่านี้ .. เชื่อว่าพระองค์เป็นคนชอบธรรมและมีความซื่อสัตย์ และพระเจ้าก็พอใจพฤติกรรมที่ถ่อมตนของพระองค์.... ดังนั้น จึงได้เรียกอาณาจักรที่สูญหาย รวมทั้งโอรสที่สิ้นพระชนม์แล้วคืนมา ...ฆาตนี้เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีพิธีเผาศพ และเชื่อว่าจะเป็นอิสระเช่นเดียวกัน


















คุณ Manna Lal เจ้าของเรือพาย บอกว่าที่เห็นเป็นปล่องสูง 2 ปล่อง เป็นส่วนของเตาเผาสมัยใหม่ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 800 รูปี/ครั้ง ส่วนการเผาแบบดั้งเดิมจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 6,000 รูปี/ครั้ง 






ระหว่างที่ล่องเรือ ก็เห็นทัศนียภาพ และฆาตอีกหลายแห่ง ติด ๆ กันไปหมด


14. Shivala Ghat : เป็นฆาตหนึ่งที่งดงาม ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ....สร้างใน ศต. 19 โดยกษัตริย์ชาวเนปาล ชื่อ Sajay Vikram Shah มีชื่อเสียงจากการเป็นวัดของพระศิวะ ...รวมทั้งความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และความละเอียดของงานฝึมือ มีผู้นับถือศาสนาฮินดูจะมาชำระล้างในแม่น้ำศักดิ์ที่ท่านี้มาก






ขอบคุณภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Shivala_Ghat_Varanasi

15. Chet Singh Ghat  : มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นสถานที่มีการรบพุ่งกัน ระหว่าง มหาราชา Maharaja Chet Singh ผู้ปกครองเมือง กับทหารอังกฤษ 






Chet Singh Ghat


พระองค์สร้างป้อมเล็ก ๆ ที่นี่ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะอังกฤษได้ พระองค์ถูกจับและจำคุกภายหลังได้หนีออกมาโดยใช้ผ้าโพกหัวปิดร่องรอย



16. Tulsi Ghat  : ได้ชื่อตามกวีผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อ Tulsidas ผู้ประพันธ์มหากาพย์  เรื่อง Ramcharitramanas  แปลว่า "Lake of the deeds of Rama" Ramcharitramanas ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของวรรณกรรมฮินดูอย่างหลากหลาย เช่น เป็น "ผลรวมของวัฒนธรรมอินเดียที่ยังคงอยู่" หรือ "คู่มือที่ดีที่สุดและเชื่อถืือได้ทีี่สุดเกี่ยวกับความเชื่อที่ยังคงอยู่ของชาวอินเดีย"  เชื่อว่าท่านอาศัยอยู่ และเขียนงานส่วนใหญ่ที่นี่ จนเสียชีวิตในปี 1623




ขอบคุณภาพจาก expedia.com

ความสำคัญของฆาตนี้อีกประการ คือ  ใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมทางวัฒนธรรมหลายอย่าง  ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ Krishna lila แสดงในเดือน Kartika (ควบระหว่างตุลาคม/พฤศจิกายน) 



17. Assi Ghat : เป็นท่าศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำคงคา และ Assi อยู่ทางใต้สุดของเมือง จึงไม่จอแจ สับสนวุ่นวายเหมือนฆาตอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีความสำคัญน้อยกว่าแห่งอื่น ๆ





Assi ghat (ภาพจาก internet)


ชาวฮินดูจะมาอาบน้ำที่นี่ เพื่อบูชาพระศิวะ มี Shivalingam (ศิวลึงค์) ขนาดใหญ่ ที่อยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ 


หากเดินจากฆาต Assi ถึง  Dasaswamedh  ใช้เวลาราว  30 นาที  ...ทุก ๆ ท่า มีทางเดินถึงกัน บางแห่งอาจไม่ได้เชื่อมกันโดยตรง แต่ก็อ้อมไปไม่ไกล สามารถเดินเที่ยวได้สบาย ๆ ค่ะ  แต่ถึงจะอยู่ที่พาราณสีถึง 3 คืน  เดินเที่ยวไปตามท่าต่าง ๆ และตรอกซอกซอย  แต่ก็มึนมากไม่รู้ว่าท่าไหนเป็นท่าไหน


คราวนี้ จึงเป็นบรรยากาศเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เพราะไม่สบายกันถ้วนหน้า 




 ล่องเรือตอนเย็น

































ส่วนเชื่อมกันระหว่าง Dasaswamedha และ Man Mandir ghats





































กองฟืนที่ Jalasen ghat



เส้นทางตามซอกซอย ทะลุไปถึงถนนใหญ่ได้ (แต่ระวังอย่าเดินหลง) เต็มไปด้วยร้านค้า และบ้านพัก
         

       



จบด้วยภาพสวย ๆ อีกภาพค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย  และ

https://prataprpb.wordpress.com/2017/06/16/bhonsale-ghat-and-manikarnika-ghat-at-varanasi
https://www.makemytrip.com/travel-guide/varanasi/panchganga-ghat-religious.html
https://www.stmuhistorymedia.org/ancient-indian-practice-of-sati/




Create Date : 17 มกราคม 2562
Last Update : 29 มกราคม 2562 19:55:55 น. 0 comments
Counter : 2560 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.