บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 มกราคม 2559
 
All Blogs
 

ตอน 6 - เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร มธุไร (Madurai)


มาถึงมธุไรแล้ว  เรามารู้จััััััััััััััััััััััััััััััััััััััััักเมืองนี้คร่าว ๆ กันนะค่ะ มธุไร (หรือมทุไร เดิมชื่อ มทุรา) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ริมฝั่งแม่น้ำไวไก (Vaigai River) ถือเป็นเมืองใหญ่ อันดับ 2  และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของรัฐทมิฬนาฑู  ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ทางวัฒนธรรมของรัฐอีกด้วย  เป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้าย และมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ

ในทางประวัติศาสตร์ มธุไรจัดเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มี การอยู่อาศัยสืบเนื่องมากว่าสองพันปี  เคยเป็นราชธานีของราชวงค์ปาณฑยะ ตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนถึงปลาย ศต. 11 หลังจากนั้นตกเป็นของราชอาณาจักรวิชัยนคร ใน ศต. 14  และราชวงค์นายกะ ตั้งแต่ ศต. 16 ถึง คศ.1736  และตกเป็นของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ในคศ. 1801

หลังจากบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ได้ยึดครองมธุไรไว้ได้  ได้รื้อทลายกำแพงและถมคูเมืองทั้งหมด ในปี 1840 ปัจจุบันแนวคูเมืองเดิมยังเหลือร่องรอย ใช้เป็นถนนรอบเมือง - Veli Streets

มธุไรถือเป็น  "ศาสนธานี"  (Temple City) แห่งหนึ่ง  มีเทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวรอยู่กลางเมือง ล้อมรอบด้วยตัวเมืองในผังรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสเป็นชั้น ๆ  และในยุคหนึ่งเมืองนี้  ก็มีฐานะเป็นป้อมปราการด้วย  ดังนั้นจึงมีกำแพงเมืองและคูน้ำล้อมรอบอยู่ชั้นนอกด้วย (ภาพจาก internet)


มธุไรเป็นดั่งภาพที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา จากผู้แสวงบุญ ขอทาน นักธุรกิจ เกวียนเทียมวัว คนขี่สามล้อ นักท่องเที่ยว  ที่พลุกพล่านอยู่ตามท้องถนน  มธุไรเป็นศูนย์กลางของการแสวงหาความรู้ และการแสวงบุญมานานเป็นศตวรรษ

สถานที่สำคัญที่ดึงดูดความสนใจของผู้มาเยือนมธุไร คือ เทวาลัยมีนักษี หรือ เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร (Sri Meenakshi Temple - Meenakshi Sundareswarar Temple)  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า ทางตอนใต้ของแม่น้ำไวไก  มีสถาปัตยกรรมแบบ ดราวิเดียน  
(ดราวิเดียน คือหนึ่งในสองชนเผ่าสำคัญ ที่สร้างสรรค์อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ อารยธรรมอินเดียกำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ   ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียโบราณ ปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถาน  ....พวกดราวิเดียน คือชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐาน บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุราว 4,000 ปีมาแล้ว ส่วนอีกกลุ่ม คือ พวกอารยัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่อพยพเคลื่อนย้ายมาจากเอเชียกลาง  ลงมายังตอนใต้   และมีอารยันส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำสินธุ  และขับไล่พวกดราวิเดียนให้ถอยร่นไป หรือจับตัวเป็นทาส)  

สถาปัตยกรรมแบบดราวิเดียนทางอินเดียใต้   หลัก ๆ ประกอบด้วยเทวาลัยที่มีโคปุรัมทรงปิรามิด สร้างขึ้นจากหินทราย หินสบู่ หรือหินแกรนิต  เทวาลัยฮินดูสะท้อนให้เห็นถึงการปะติดปะต่อระหว่างศิลปะกับแนวคิดเกี่ยวกับธรรมะ  ความเชื่อ ค่านิยม และวิถีชีวิตภายใต้ศาสนาฮินดู  เทวาลัยเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะเชื่อมระหว่างมนุษย์ และเทพในจักรวาล   

นายกะหรืออุปราชแห่งมธุไรเป็นผู้สร้างอาคารส่วนใหญ่ ที่เห็นในปัจจุบันของเทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร  ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณศาสนธานี เพื่ออุทิศแด่ "มีนักษี" - เจ้าแม่ผู้มีดวงตาเรียวงามเหมือนตัวปลา - เทพีผู้ปกปักรักษาเมืองมธุไร ผู้ได้รับการนับถือว่าเป็นปางหนึ่งของพระนางปารวตี ชายาของพระศิวะ และอุทิศแก่ พระราชสวามี - "พระศิวะ" ณ ที่นี้คือ "สุนทเรศวร"  อีกด้วย  ตำนานของพระนางมีนักษีมีหลายสำนวนค่ะ  แต่ไม่ได้เอามาเล่าในที่นี้

เทวาลัยเป็นดั่งหัวใจและเส้นชีวิตของเมืองเก่าของมธุไรที่มีความเก่าถึง 2500 ปี .. เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาวทมิฬมาแต่สมัยโบราณ แม้โครงสร้างปัจจุบันจะก่อสร้างระหว่างปี คศ. 1623 - 1655 ก็ตาม  ในเทวลัยมีรูปแกะสลักประมาณ 33,000 รูป  

เรามาถึงเทวาลัยเอาเกือบค่ำ ตอนกลางคืนไม่แน่ใจว่าผ่านเข้าโคปุรัมทางทิศไหน  แต่ก็เห็นร้านค้าตรงทางเข้าเหมือนเดิม 



รูปสลักทั้งสองอยู่ตรงทางเข้า



ที่เทวาลัยจะมีพิธีบูชาพระแม่ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ อีกทั้งเทวลัยใหญ่น้อยอื่น ๆ ก็ได้ดึงดูดทั้งผู้แสวงบุญที่หาจิตวิญญาณและความสงบ และนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน ณ ที่นี้  ประมาณ 15,000 คนในแต่ละวัน และสูงถึง 25,000 คน ในวันศุกร์ มีรายได้ประจำปีราว 60 ล้านรูปี  เปิดตั้งแต่ ตีห้าครึ่ง ถึงเที่ยงคืนครึ่ง 


ผ่านไปเรื่อย ๆ ถึง "มณฑปพันเสา" 


Meenakshi Nayakkar Mandapam (มณฑปพันเสา)  ประกอบด้วยเสาค้ำ 2 แถว แกะสลักเป็นรูป yali (สัตว์ในตำนานเทพนิยาย ที่มีตัวเป็นสิงโต และหัวเป็นช้าง)  โดยทั่วไปถือเป็นสัญลักษณ์ของยิ่งใหญ่และพลังอำนาจของราชวงค์นายกะ  อาคารมณฑปพันเสานี้  มีเสาแกะสลักเพียง 985 ต้น  สร้างโดย Ariyanatha Mudliar ในปี 1569



เดินกันอยู่ภายในสักพักหนึ่ง ก็พากันออกมาที่สระปทุมทอง (Potraimarai kulam) ที่อยู่ทางทิศใต้  เป็นสระน้ำใหญ่ที่มีระเบียงรอบ (ภาพจาก internet)



ตามตำนานเล่าว่า เทวาลัยนี้เคยเป็นสถานที่พิสูจน์งานเขียน หรือกวีนิพนธ์  เชื่อว่าหากนำบทประพันธ์โยนลงไปในสระแล้ว  งานที่ทรงคุณค่าจะลอยบนผิวน้ำ  ส่วนที่ด้อยในสำนวนโวหาร ก็จะจมสู่ก้นสระ และจนบัดนี้ ตามผนังระเบียงรอบสระ ก็ยังมีศิลาจารึกบทกวีทมิฬโบราณติดไว้โดยรอบ ... เราไม่ได้อยู่ถึงเวลา 21.30 น ที่จะมีขบวนอัญเชิญพระศิวะเข้าหอ 

เช้าวันรุ่งขึ้นได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ไม่ได้เข้าไปภายในเทวาลัย ได้แต่ชมเพียงด้านนอกเท่านั้น  แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทวาลัยมีนักษีอีกค่ะ

เทวาลัยมีอาณาบริเวณโดยรอบ 6 เอเคอร์ (15 ไร่)  มีโคปุรัมประจำทิศขนาดใหญ่ 4 แห่ง  และโคปุรัมที่มีขนาดลดหลั่นตั้งแต่ 45 - 50 เมตร อีก 8 แห่ง รวม 12 แห่ง  


โคปุรัมด้านนอก มีรูปทรงปิรามิดประดับประดาด้วยรูปปั้นต่าง ๆ  ส่วนโคปุรัมด้านใน ถือเป็นทางเข้าสู่ส่วนในของเทวาลัยพระศิวะ


ทางทิศใต้เป็นโคปุรัมที่สูงที่สุด คือ 51.9 เมตร (170 ฟุต) สร้างในปี 1559  โคปุรัมที่เก่าแก่ที่สุดคือ ทางทิศตะวันออก สร้างระหว่างปี 1216-1238 


 ภาพทั้งหมดจากโคปุรัมทิศตะวันออกค่ะ


แต่ละโคปุรัมมีโครงสร้างเป็นชั้น ๆ ตกแต่งด้วยภาพแกะสลัก และภาพปูนปั้นของเทพ เทพี ยักษ์ และสัตว์ต่าง ๆ ในตำนานนับพัน  เป็นงานที่มีความสมบูรณ์ งดงาม เต็มไปด้วยสีสันสดใส


ประเพณีที่น่าสนใจของโคปุรัมเหล่านี้ คือ ทุก ๆ 12 ปี จะมีการบูรณะซ่อมแซมทาสีรูปปั้นต่าง ๆ ใหม่  


เมื่อแล้วเสร็จก็จะมีพิธีอภิเษก เรียกว่า "กุมภาภิเษก" (Kumbabishekam) เฉลิมฉลองเป็นทำนองคล้ายการ "เบิกพระเนตร"  ทุกครั้ง ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน พศ. 2552 (คศ. 2009) 


Chithirai Thiruvizha 

งานเฉลิมฉลองที่สำคัญประจำปีของเทวาลัย  อยู่ช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ซึ่งจะมีเทศกาลจิตธิไร (Chithirai Thiruvizha  Festival)  หรือ Meenakshi Thirukalyanam" (การอภิเษกสมรสของพระนางมีนักษี) เป็นการเฉลิมฉลองพิธีสมรสระหว่างเจ้าแม่มีนักษีกับพระศิวะ  (ภาพจาก internet ค่ะ)




ในช่วงการเฉลิมฉลองนี้ ทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยฝูงชน ดอกไม้ และม้าทองคำ




Chithirai Thiruvizha  (หมายถึงการเฉลิมฉลองในระหว่างเดือนแห่ง Chithira ของชาวทมิฬ)  มีเป็นประจำทุกปี ณ มธุไร ระหว่างเดิือนเมษายน  เป็นงานเฉลิมฉลองที่ยาวนานที่สุดในโลกงานหนึ่ง ที่ยาวนานถึง 1 เดือนเต็ม  ช่วง 15 วันแรก เฉลิมฉลองแก่พระนางมีนักษี  และ 15 วันหลัง เฉลิมฉลองแก่ Alagar (รูปแบบหนึ่งของพระอิศวร -พระศิวะ).



พิธีสมรสของเทพทั้งสอง มองว่าเป็นตัวอย่างที่ลุ่มลึกของอินเดียใต้ ที่แสดงถึงความโดดเด่นของเพศหญิงที่มีมากกว่าชาย  การจัดเตรียมทั้งหมดมักกล่าวว่าเป็น "Madurai marriage" 

 ส่วนการแต่งงานที่ชายโดดเด่นกว่าหญิง จะเรียกว่า "Chidambaram marriage"  ที่หมายถึงความโดดเด่นที่ไม่มีใครเทียบได้ของพระศิวะ ทั้งในแง่พิธีกรรมและตำนาน มีการประกอบพิธีที่เทวาลัยพระศิวะที่จิตัมพรัม  



การอภิเษกสมรสของพระนางมีนักษี ได้นำผู้คนทั้งจากในเมืองและชนบทนับล้าน ทั้งผู้ที่นมัสการพระศิวะ - พระอิศวร  และผู้ที่นมัสการพระนารายณ์ ได้มาร่วมกัน เพื่อเฉลิมฉลองในพิธีนี้ 

ความงดงามและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม ทำให้เทวาลัยมีนักษีได้รับการเสนอชื่อ และอยู่ใน 30 ลำดับต้น  เพื่อคัดเลือก  "New Seven Wonders of the World" (สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่) ในปี 2001 




หากด้านนอกของเทวาลัย ณ มณฑปร้อยเสา ได้กลายเป็นร้านค้า ขายของบูชาและของที่ระลึก ทั้งตัวอาคารและรูปแกะสลักต่าง ๆ ขาดการดูแล มีข้อมูลว่าเทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร ไม่ได้อยู่ในการดูแลของกองโบราณคดีของอินเดีย แต่ทางเทวาลัยดำเนินการเอง





ทางด้านใต้ของเทวาลัย คือ มธุไรบาซาร์ เยื้องกับโคปุรัมทางทิศใต้นี้ เป็นไปรษณีย์มธุไร  มีป้ายเขียนว่า "Indian Post, 1st. October, 2012 "Welcome to Old Age Persons"



2 สว. ก็เลยรับคำเชิญ ไปส่งไปรษณียบัตรกันหน่อย คนที่ไม่ได้เป็น สว. ก็บันทึกภาพให้ (วันที่อยู่ที่มธุไร เป็นวันที่ 15 - 17 ตุลาคม พศ. 2555 (2012) พอดีเลยค่ะ 



ก่อนจากเทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร เห็นสาวน้อยขายดอกไม้ตาคม  จับมาถ่ายรูปเสียเลย  แล้วก็ได้ภาพกับสามล้อที่จะพาเราไปที่อื่นต่อด้วย

บล๊อคหน้าก็จะไปพิพิธภัณฑ์ของท่านมหาตมคานธี (Gandhi Museum) ค่ะ


ขอบคุณภาพข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

www.madurai.es
//www.madurai.org.uk/religious-places/meenakshi-temple.html

https://suphannigablog.wordpress.com/

//board2.trekkingthai.com/board/print.php?forum_id=2&topic_no=269893&topic_id=273683&mode=normal

หนังสือ "อินเดียเริ่มที่นี่ ทมิฬนาฑู" ศรัณย์ ทองปาน และ วิชญดา ทองแดง
หนังสือ "The Rough Guide to India" 




 

Create Date : 23 มกราคม 2559
0 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2559 11:34:49 น.
Counter : 4366 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.