แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet

 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
22 มิถุนายน 2553
 

ความเชื่อที่ว่า "ซื้อที่ดินยังไงก็ไม่ขาดทุน" คุณเชื่อมั๊ย?"

ผมเห็นหลายคนๆ นี่บ้า "ที่ดิน"มาก คือ ซื้อมันทุกครั้งที่มีโอกาส ..ผมว่าดีนะ --ถ้าคุณบ้า ก่อนสมัยที่ พลเอก ชาติชาย จะเป็นนายกรัฐมนตรี "...เพราะ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา --"ราคาที่มัน แพง ซ้ำ แพงซาก..แพงงง.." ตอนนี้ กลางเมือง ตารางวาละล้าน ..(อะไรมันจะขนาดนั้น!!)

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณ "ที่ดิน" ก็ถือว่ามีค่า แต่ปัญหาคือ มันมีค่า "ถ้ามีคนไปอยู่เท่านั้น" ...สมัยก่อน(โบราณ)มนุษย์ย้ายถิ่นฐานตามภูมิอากาศ ก็เลยเห็น มีการเกิดและการดับของ ชนเผ่าต่างๆ อาณาจักรต่างๆ ตั้งแต่ อินคา ยัน เผ่าคาย่า (นี่เป็นไง ซอนต๊อก!! intrend สุดๆ) คือ ล้วนเคลื่อนย้ายตาม แหล่งอาหาร,อากาศและความอุดมสมบูรณ์ ....แต่ตั้งแต่มีประเทศ "ชัดเจน"ขึ้นมา มันทำให้ "คนเคลื่อนย้ายไม่ได้" --ปัญหาต่างๆมันจึงเกิดขึ้น!!

คุณ คิดดู นะสมัยก่อน ที่ดิน ที่มีราคาคือ ที่ดินที่สามารถทำการเพาะปลูกได้ดี แต่เดี๋ยวนี้ ถ้ามีผืนปูนทำการเพาะปลูกไม่ได้ อยู่ใกล้ๆ Paragon ตารางวาละล้าน --"อ้าว!!" ...ก่อนที่ UAE-ดูไบ เจอน้ำมัน เป็นทะเลทราย ที่ดินแทบไม่มีค่า "ให้ฟรียังไม่มีใครไปอยู่เลย" แต่พอตอนนี้ กลายเป็นสูญกลางธุรกิจ ราคาที่แพงหูฉี่!! ...ทรายผืนเดียวกัน แต่มันต่างที่เวลา ซึ่งนำพากิจกรรมที่แตกต่างมาสู่ผืนดินนั้น ..

ดังนั้น เราอาจพูดได้ว่า "ราคาที่ดิน" จึงถูกกำหนดโดย "การรวบกลุ่มของคน"มากกว่า ..ที่ดินคุณจะไม่มีค่าเลย หาก ไม่มีคนมาอยู่ ดังนั้น ราคาที่จะถูกกำหนดด้วย "คน" ...ผมเห็น Case study ที่น่าสนใจของเมืองทองที่แต่ก่อน คุณ อนันต์ มีที่ดินผืนใหญ่อยู่แจ้งวัฒนะ --ไกลสุดๆ ไม่รู้จะเอาคนมาอย่างไร ..ปรากฏเขาก็ได้ idea คือ เอาที่บางส่วนยกให้ ราชการไปเลย"ฟรี" ..สรุปว่าหลังจากนั้น infrastructure ตั้งแต่ น้ำไฟ ถนน ทางด่วน ตัดเข้ามาหมด .."แจ๋วจริงๆ"

มันจึงกลับมาที่ความเชื่อเรื่องที่ดิน ซึ่งผมมองว่า "ความเสี่ยงมันมีแน่นอน" เพราะคนสามารถย้ายถิ่นฐานได้ แต่ปัจจุบันเนื่องจาก คนมีเพิ่มขึ้น แต่ที่ดินมีเท่าเดิม .. "คนเลยย้ายถิ่นฐานยาก" --ทำให้ต้องเลือกการ "แก้ปัญหา"แทนการ "ย้ายถิ่นฐานหนีแบบแต่ก่อน" เช่น อย่างกรุงเทพ ยิ่งคนมาก อากาศยิ่ง เสีย น้ำเสีย รถติด คนติด (ถ้าเป็นสมัยโบราณ ด้วยความ"แย่"ระดับนี้ ผมว่า เราสูญพันธ์ไปก่อน เผ่าอินคา อีก)แต่เผอิญเรามี "สุขุมพันธ์" ครับ...หุ หุ (กำลังกอบกู้เมืองอยู่)

คือ จริงๆแล้ว ผมว่า หากเราเข้าใจการขยายของเมือง เราก็จะรู้ว่า ที่ไหนที่ราคาจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ..ซึ่งกำหนดโดยการดูที่"คน"เป็นหลัก ..ดังนั้น ถ้าจะเก็งกำไรของ "ที่ดิน" ท่านต้อง--- "เก็งอนาคตของพฤติกรรมของคนให้ออก" เช่น ถ้าเราเดินทางมากขึ้น "คน" อาจเที่ยวใกล้ๆ มากขึ้น ถี่ขึ้น ..ที่ดินตรงไหน ...ถ้าชอบธรรมชาติ ..แบบไหนล่ะ ภูเขา - ทะเล -หรือ ป่าๆ เพราะแต่ละพฤติกรรมมันคนละ "ทำเล"เลยจริงไหมครับ ..Trend ล่าสุดที่เขาทำเงินไปเรียบร้อย ก็คือ Second Home ติดแนวรถไฟฟ้า ซึ่งก็ "รวยกันไปเป็นแถบๆ" หรือ Trend ก่อนหน้านั้นก็ บ้านเดี่ยว ชานเมือง(แต่กลุ่มเหล่านี้เขาเก็งตั้งแต่ 10 กว่าปี ที่แล้ว ..ซื้อตอนนี้ก็ไม่กำไรแล้ว ต้องไปหา Trend อื่นถึงจะ work)

Trend ข้างหน้าอาจเป็น Second Home ที่ติดแนวพักผ่อน หรือ ที่ดินใกล้ทะเล ที่ไกลจากน้ำท่วมโลก !! ก็อาจเป็นไปได้ เพราะ--เดี๋ยวนี้ การสักแต่ว่า "ซื้อที่"ผมว่า ไม่พอแล้ว(จริงๆ เก็งซื้อหุ้นที่ ซื้อที่ดินพัฒนา ยังจะง่ายกว่าเลย นะเนี่ย..หุ หุ)
เขียนโดย pawawit ที่ //pawawit.blogspot.com


Create Date : 22 มิถุนายน 2553
Last Update : 22 มิถุนายน 2553 12:56:02 น. 1 comments
Counter : 1348 Pageviews.  
 
 
 
 
เชื่อว่าจะไม่ขาดทุน แล้วก็เชื่อด้วยว่า จะทำให้ขาดเงินหมุนเวียนด้วย ถ้าสภาพคล่องไม่ค่อยมีนะ
 
 

โดย: duo-core IP: 124.122.219.152 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:16:22:28 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

pawawit
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




เขียน Blog เกี่ยวกับการลงทุน อยู่ที่
http://pawawit.blogspot.com ก็ใครจะคุยกันก็เข้าไป ดูที่ Blog ของผมได้ มีทั้ง Link ของ Facebook / Twitter หนังสือแกะรอยหยักสมอง (สั่งที่นี่ครับ) หนังสือ(ของผม)แนะนำครับ
[Add pawawit's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com