เที่ยวเชียงคาน (ตะเข็บชายแดนไทย-ลาว) 2 วัน 2 คืน
หลังจากที่กลับมาจากเขาค้อเมื่อช่วงคริสมาสต์ที่ผ่านมา อากาศข้างบนเย็นมากและลมก็แรงมากด้วย แต่เสียดายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอก ผิดหวังอย่างแรงค่ะ ดังนั้น ทริปต่อไปต้องเห็นทะเลหมอกให้ได้ แต่จะไปไหนกันดี เพื่อนๆในกลุ่มก็เสนอเชียงคาน เมืองเล็กๆที่ธรรมชาติยังคงมีอยู่ เมื่อสรุปได้แล้วพวกเราจะเดินทางกลางคืนของวันศุกร์และกลับกทม.วันอาทิตย์ เอ๋..แล้วจะไปยังไงกันดี มีกันแค่ 4 สาว (โสต) จะนั่งรถทัวร์ไปลงเชียงคานกันเลยหรือว่าจะเช่ารถตู้ หรือว่าจะขับกันไปเอง เพราะเชียงคานเป็นเมืองเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆไม่ค่อยมี ถ้าไปรถขนส่งคงไม่สะดวก กลัวจะกดดันเรื่องเวลาในการเที่ยวค่ะ จะเช่ารถตู้ก็มีแค่ 4 คน คงเหงาน่าดูเนอะ สุดท้ายเพื่อนคนหนึ่งอาสาขับไปเองดีกว่า เป็นอันจบก่อนที่เราจะไปเชียงคาน เราก็สำรวจที่พักกันก่อนว่าจะพักที่ไหนกันดี แน่นอนเราต้องนอนบนถนนคนเดินซึ่งมีที่พักมากมายจนเลือกไม่ถูก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าช่วงที่พวกเราไปคนจะไปกันเยอะมาก guesthouse ส่วนใหญ่เต็มค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีแผนไปกันอย่าลืมจองที่พักล่วงหน้าน่ะค่ะ พวกเราจองกันเกือบ 1 เดือนเลยค่ะ เมื่อได้ที่พักแล้วก็สบายใจ รอวันเดินทางอย่างเดียว คืนก่อนเดินทางพวกเราก็นอนกันเต็มที่เลยค่ะ เพราะจะได้นั่งเป็นเพื่อนคุยกันง่วง แถมได้ Redbull +น้ำแดง ช่วยได้มากเลยค่ะ (แถมอร่อยด้วย) พวกเราในกลุ่มไม่เคยไปเชียงคานสักคน ก็เลยศึกษาหาข้อมูลกันมาอย่างดี เราจะเดินทางกันยังไง เที่ยวที่ไหนกันดีระหว่างทาง ฯลฯ (ขอบคุณแผนที่ละเอียดๆจาก คุณโฟมน่ารักน่ะค่ะ ไม่ได้แผนที่นี้แย่เลย)ก่อนเราจะออกเดินทาง 4 ชม. ก็เกิดอุปสรรคซะแล้ว เริ่มจากรถที่พวกเราจะไปเกิดสตาร์รถไม่ติด ทั้งๆที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย จากที่จะออก 2 ทุ่มกลายเป็น 5 ทุ่ม ยังไม่พอแค่นี้ ช่วงเข้าเส้นสระบุรี พวกเราต้องขับตรงไป(ตามเส้นเหลือง)แต่เพื่อนขับขึ้นสะพานโค้งซึ่งเป็นเส้นทางเปิดใหม่ไปนครราชสีมาได้ แต่ทางนี้สามารถไปลพบุรีเข้าเพชรบูรณ์ได้ แต่พอขับไปขับมากลายเป็นพวกเราขับกลับมาวังน้อยซะงั้น เข้ากรุงเทพเฉยเลยเสียเวลาไป 1 ชม.เปล่าๆ (เศร้าจริง ) อุปสรรคยังไม่หมดเพียงเท่านี้ พอพวกเราถึงปั้มน้ำมันแถวหล่มสักประมาณ ตี 3.30 น. เจอกลุ่มนักท่องเที่ยว หน้าตาประมาณว่าคนพื้นที่กำลังจะไป camping ก็เลยสอบถามเส้นทางเพื่อความชัวร์ กลายเป็นว่าพวกพี่เขาแนะนำให้ไปเส้น อ.น้ำหนาว บอกว่าเส้นนั้นขับปลอดภัย ถ้าไปเส้นหล่มเก่า-ด่านซ้าย ขับขึ้นเขาอันตรายมาก พวกเราดันหลงเชื่อ เห็นว่าน่าจะเป็นผู้รู้และเคยมีประสบการณ์มาก่อน อยากตะโกนดังๆว่า "สุดยอดดดดด" ทางน้ำหนาวมันคือทางไปป่าดีๆๆนี่เองค่ะ พวกเราขับผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีป้ายปักไว้ว่า "ระวังช้างข้าม" แล้วทางก็แคบๆ 2 เลนสวนกัน ทางโค้งไม่ต้องพูดถึง เยอะมากค่ะ ที่สำคัญอากาศหนาว หมอกเต็มถนนเลยค่ะ กว่าพวกเราจะฝ่าด่านออกมาได้ก็ตี 4.30 น. โชคดีที่เพื่อนเคยขับไปปายมาก่อน ไม่งั้นตัวใครตัวมันกันล่ะคราวนี้ (ต่อไปไม่เชื่อใครง่ายๆอีกแล้ว จะดูแผนที่เองดีกว่า อ้อ..ระหว่างทางถามคนแถวนั้นว่าเส้นน้ำหนาวกับเส้นหล่มเก่า-ด่านซ้ายทางไหนลำบากกว่ากัน ทุกคนส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้คับ ไม่เคยไปเส้นน้ำหนาว ) กลายเป็นว่าจากทางเส้นเหลืองมาต่อเส้นแดงซะงั้น กว่าจะถึงเมืองเลยก็ 8 โมงเช้า หิวข้าวมากแต่หาตลาดไม่เจอ เลยคุยกันว่างั้นไปเชียงคานเลยไปหาไรกินที่นั่นเพื่อนๆค่ะ บางทีการอ่านที่เขาโพสต์กันหลายคนก็ไม่ควรหลงเชื่อน่ะค่ะ ควรศึกษาเส้นทางมากๆดีกว่า ดังตัวอย่างนี้ค่ะ คือเขาบอกว่า จากอ.ท่าลี่ไปเชียงคานจะเป็นเส้นริมโขง ธรรมชาติสวยมากๆๆ ไม่ควรพลาด พอพวกเราเห็นป้ายบอกทางว่าไป อ.ท่าลี่ เลี้ยวซ้าย ก็เลี้ยวเลยค่ะ อยากเห็นจะสวยแค่ไหนเพราะขณะนั้นท้องฟ้าเป็นใจมากๆคือสีฟ้า-ขาว อากาศเย็นๆกำลังดี โอ้แม่เจ้า!! ผ่านไป 1 ชม. ยังอยู่ท่าลี่ไม่เห็นน้ำโขงสักที พอเห็นทหาร (เส้นอ.ท่าลี่กับอ.เชียงคาน คือตะเข็บชายแดนระหว่างไทย-ลาว) ก็เดินเข้าไปถามทางเลยค่ะ กว่าพวกเราจะถึงเชียงคาน ปาไป 10.45 น. พวกเราอ้อมเขาอีกแล้วค่ะ (จากเมืองเลยไปเชียงคานใช้ 48 กม. แต่พวกเราใช้ 80 กว่ากม. โฮกอีกแล้วค่ะท่าน) คราวนี้หนักกว่าเส้นน้ำหนาวอีก เพราะทางเล็กมากแถมผิวถนนขรุขระ โชคดีที่ทางไม่ตัดขาด ไม่งั้นก็...เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยค่ะ ถ้าพวกเราขับตรงไปไม่เข้าอ.ท่าลี่ ป่านนี้ถึงเชียงคาน 9 โมงแล้วค่ะ ขึ้นไปดูทะเลหมอกที่ภูทอกได้เลย เพราะหมอกสวยมากๆๆๆ กว่าหมอกจะจางก็ 11 โมงค่ะ พวกเลยพลาดโอกาสดีๆไปซะแล้ว ก็ภาวนาให้พรุ่งนี้เช้าจะสวยเหมือนวันนี้ แม่น้ำโขง เวลา 10.30 น.ถึงแล้วเชียงคาน ดีใจมากๆค่ะ คนอื่นไปเชียงคานใช้เวลา 7 ชม. พวกเราไปเชียงคานใช้เวลา 12 ชม. อย่างกับไปปายเลยค่ะ (กรุงเทพ-เชียงคาน คนอื่นขับประมาณ 600 กม แต่พวกเราขับ 800 กม. เหนื่อยโฮก) อย่างแรกที่ทำคือเข้าที่พักก่อนเลย พวกเราจองที่ "แม่น้ำมีแก่ง" เป็น guesthouse น่ารักมากค่ะ เห็นแล้วชอบเลย เจ้าของชื่อ คุณโด่ง อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ดูแลดีมากๆค่ะที่สำคัญแนะนำร้านอาหารอร่อยๆถูกใจพวกเราทุกคนเลยค่ะ มาดูห้องนอนกันค่ะ ตอนมาถึงเตียงยังไม่ได้ปู คุณโด่งเห็นเข้ารีบจัดการปูเตียงให้กับมือเองเลยค่ะ ห้องน้ำน่ารัก สีสรรถูกใจจริงจนอดถ่ายรูปไม่ได้เลยค่ะระเบียงด้านบน ดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามุมนี้น่ารักค่ะ เหนื่อยๆนั่งตรงนี้รู้สึกสบายๆมากเลย หายเหนื่อยไปเยอะเลยค่ะหลังจากหายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว เราไปชมเมืองกันค่ะ ขอโทษด้วยน่ะค่ะ รูปในภายเมืองอาจจะน้อยไปหน่อยค่ะ เอามาเป็นตัวอย่างแล้วกันน่ะ เห็นแก๊งส์นี้ที่พันธ์ทิพย์ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. แล้วตอนไปช่วงปลายเดือนก็ยังเห็นแก๊งส์นี้อยู่เลยค่ะ พวกเขาใส่ชุดดำ คลุมหัว ใส่แว่น ทุกอย่างสีดำหมดเลยค่ะ พวกเราเลยเรียกกลุ่มนี้ว่า "แก๊งส์นินจา" เพราะข้างตัวรถมีอักษรภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ วัดมหาธาตุหลังจากเดินจนเหนื่อย ก็เย็นๆพอดี คุณโด่งแนะนำร้านอาหาร "สาลาลาว" ค่ะบอกว่า ร้านนี้อร่อย ให้รีบไปก่อนโต๊ะเต็ม จะไม่ให้เต็มเร็วได้ไงมีแค่ 4 โต๊ะเอง พวกเราไปถึงประมาณ 17.00 น.ค่ะ บรรยากาศดียังไม่ค่อยมีคนมานั่งกิน นั่งทานข้าวในบรรยากาศริมโขง สวยมากค่ะพอตกกลางคืน ผู้คนเริ่มทยอยมาเดินเที่ยวเล่นกันค่ะ คนเยอะมากผิดกับกลางวันเลยแทบจะไม่มีคนเดิน รูปด้านล่างอยู่ในร้าน coffee shop จำชื่อไม่ได้ เห็นปุ๊บเพื่อนๆรีบมานั่งถ่ายรูปกันเลยค่ะ ก่อนเข้านอนทางเจ้าของร้านแจ้งว่าให้มาเจอกันด้านล่างเวลา 6.30 น.เพื่อมาใส่บาตรข้าวเหนียวค่ะ ชุดตักบาตรของพวกเราค่ะบ้านข้างๆขายชุดตักบาตรข้าวเหนียวค่ะ ราคาชุดละ 50 บาทหลังจากตักบาตรเสร็จ พวกเรารีบเดินทางไปภูทอกเลยค่ะ อยากเห็นทะเลหมอกเต็มทีแล้ว แต่พอขึ้นไปถึงผิดหวังอย่างแรงส์!!! เพราะว่าฝนตกค่ะ แม้ว่าจะมีหมอกแต่ท้องฟ้าไม่เป็นใจ ครึ้ม ไม่เหมือนเมื่อวานเลย เศร้ามากๆๆค่ะ คำภาวนาไม่เป็นผลพอลงมาจากภูทอก ก็ไปที่แก่งคุดคู้กัน เพราะเป็นทางผ่าน ที่นี่สวยกว่าภูทอกอีกค่ะ พอออกจากแก่งคุดคู้ พวกเราก็เดินทางกลับกรุงเทพ ใช้เส้นภูเรือ ด่านซ้าย หล่มเก่า อยากรู้นักว่ามันลำบากสักแค่ไหนกัน นี่คือเส้นทางบนภูเรือมุ่งหน้าไปด่านซ้ายค่ะ ทางสบายๆไม่แคบมาก แต่เส้นด่านซ้ายไปหล่มเก่าที่บอกว่าโค้งเขาเยอะและอันตราย ถ้าเทียบกับเส้นน้ำหนาวที่พวกเราผ่าน ถือว่าสบายมากเลยค่ะ เพราะมี 3 เลน (เส้นกลับ 2 เลน เส้นไป 1 เลน) ทางโค้งก็กว้าง ไม่ได้หักศอกอะไรเลยค่ะ คิดแล้วเสียดายมากๆถ้ามาเส้นนี้ ป่านนี้ได้เห็นทะเลหมอกสวยๆตามเวปไซด์ที่เขาลงกันแล้วค่ะ ระหว่างทางแวะพระธาตุศรีสองรักภาพ guesthouse ในเชียงคานที่เพื่อนๆถ่ายมาค่ะ ตัวอย่างน้ำจิ้มค่ะ กว่าจะถึงเพชรบูรณ์ก็ปาไป 4 โมงเย็น หิวข้าวมากๆ เลยแวะกินไก่ย่างวิเชียร ร้าน "ตาแป๊ะ" คนพื้นที่แนะนำค่ะ อร่อยกว่าร้านบัวตองค่ะ เพราะตอนไปเขาค้อลองทานร้านนี้ตามเวปที่เขาแนะนำ รสชาดไม่ค่อยถูกใจเท่าไรค่ะ (แล้วแต่คนน่ะ อย่าเชื่อถ้าไม่ได้ลอง) ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้ครั้งหน้าเจอกันใหม่ค่ะ บายบาย