BKK - KANCHANABURI # 4 :: น้ำตกเอราวัณ
หลังจากถ่ายรูปกันหน่ำใจแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อ จุดหมายของการเดินทางต่อไปคือ น้ำตกเอราวัณ อยู่ในอุทายานแห่งชาติเอราวัณ เมื่อมาถึงน้ำตกเอราวัณพวกเราก็โดนเก็บอีกคนละ 40 บาท ถึงบอกเพื่อนๆ ว่าถ้าทำได้ ไปเที่ยวน้ำตกก่อนแล้วค่อยลงแพ เพราะถ้าซื้อบัตรครั้งเดียวเข้าได้หลายที่แต่ต้องภายในวันเท่านั้นนะจ๊ะจะได้ไม่เสียตังค์สองรอบนั่นเอง
ก่อนอื่นเรามารู้จักน้ำตกเอราวัณกันก่อนดีกว่า น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นธารน้ำตกหินปูน ซึ่งเกิดจากการทับถมของเปลือกหอย ปูหรือปะการัง ธารน้ำตกหินปูนจึงมีน้ำใสในตอนบนและมีการตกตะกอนขุ่นในช่วงล่างของธารน้ำ เมื่อมีแสงส่องลงมาจะทำให้สะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียว สาเหตุที่เรียกว่า น้ำตกเอราวัณก็เพราะว่า น้ำตกชั้นที่ 7 ชั้นบนสุด เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีรูปคล้าย ห้วช้างเอราวัณ นั่นเอง
หลังจากที่เข้ามาที่จุดจอดรถของอุทายานแล้ว ขอแนะนำว่าถ้าอยากกินอะไรให้ซื้อไปจากจุดนี้เลย เพราะข้างบนออกแนวบังคับกินคือมีร้านแค่ร้านเดียว และมีร้านขายอาหารแค่ชั้นหนึ่งเท่านั้น ชั้นสองเค้าก็ไม่ให้น้ำอาหารเข้าไป
จากลานจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 700 เมตร บอกไว้ก่อนว่างานนี้ห้ามส้นสูงเด็ดขาด เพราะแต่ละชั้นเดินไกลพอสมควรทีเดียว พวกเราก็เดินกันเข้าเรื่อยๆ ตามทางที่เค้าบอกไว้ จนไปถึงน้ำตกชั้นแรกที่ผู้คนดูหนาตาทีเดียว จากจุดนี้สามารถเล่นน้ำได้เพราะไม่ลึกมากนัก พวกเราตัดสินใจปักหลักที่ชั้นนี้ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้ซื้ออาหารขึ้นมาเลย เพราะเชื่อคำบอกเล่าของพี่เจต สุดท้ายเราก็ต้องกินร้านบังคับ ที่มีส้มตำ น้ำตก หมูย่าง ซุปหน่อไม้และลูกชิ้น วันนี้เนื่องจากคนมากกันเยอะของก็เหลือน้อย ครั้นจะเดินลงไปซื้อก็ไกลเสียเหลือเกิน ก็กินกันแค่นี้ล่ะกัน
หลังจากกองทัพท้องอิ่มแล้ว ก็แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มแรกนั่งอยู่ที่ชั้นหนึ่ง และกลุ่มที่สองเดินขึ้นไปพิชิตชั้นเจ็ด เราเริ่มเดินกันโดยไปที่ชั้นสาม "ผาน้ำตก" ก่อน
ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าฝน น้ำเลยไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ถือว่ายังสวยอยู่นะ น้ำตกเย็นมาก เล่นนานๆ อาจเป็นตะคริวได้ เดินแวะดูชั้นนี้ได้สักพัก ก็ไปกันต่อ ต้องรีบทำเวลาเพราะทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก
ดูจากทางขึ้นแล้ว ชั้นสี่ต้องเดินไปอีกประมาณ 350 เมตร แล้วทางชันตลอด ทำให้สองสหายสภาพเป็นเช่นนี้ แต่ก็กลั้นใจเดินต่อ ดูจากสภาพคนที่ลงสวนมาแล้ว ท่าทางเหนื่อยเอาการอยู่ ไม่นานนักก็ถึงชั้นที่ 4 มีชื่อว่า "อกนางผีเสื้อ"
ก็แวะถ่ายรูปกันสักพักก็ต้องไปต่อเพราะตอนนี้จะบ่ายสองแล้ว ต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อย ทางก็ยังคงลำบากเช่นเดิม ระหว่างทางก็แอบแวะถ่ายรูปกันเป็นระยะ ไม่ใช่อะไรหรอก หาโอกาสพักเหนื่อยไปในตัว ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้บ้างก็ยังเขียวขจี บ้างก็ผลัดใบและกลิ่นไอของป่าดิบชื้น เสียงร้องของสัตว์ต่างๆ ดังเป็นระยะ อดทนกันหน่อยอีก 150 เมตรก็จะถึงกันแล้ว และก็มาถึงชั้น 5 มีชื่อว่า "เบื่อไม่ลง" คนเยอะเชียวล่ะ
ชั้นนี้ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชื่อว่าเบื่อไม่ลงหว่า เล่นไปนานๆ ชักรู้แล้วว่า เพลินนี่เอง โดยเฉพาะพี่เจตเล่นน้ำคนเดียวเลย น้ำก็เย็น อย่างว่าแหละนะ ใจมันไปแล้วนิน่า โปรดสังเกตุว่าน้ำไหลแรงมาก
จะเห็นว่าน้ำใสมาก ด้านหลังจะเห็นปลาพลวงเต็มเลยและดูเหมือนว่าชั้นนี้จะตัวใหญ่มาก โดยปกติจะตัวประมาณ 15-30 ซม. แต่เค้าว่ากันว่าเคยจับได้ตัวใหญ่สุด 50 ซม.
แล้วเวลาแห่งความสนุกก็หมดลงเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่า ลงได้แล้วครับหมดเวลาแล้วครับ เฮ้อ นี่ต้องมาใหม่ใช่ไหมเนี่ย เลยไม่ได้เห็นหัวช้างเอราวัณเลย
อีก 300 เมตรจะถึงชั้น 6 และอีก 150 เมตรจะถึงชั้น 7 คำนวนเวลาแล้วต่อให้เจ้าหน้าที่ไม่ไล่ลงเราก็ถึงราวๆ เกือบห้าโมงล่ะ กว่าจะกลับอีกพอดีหกโมงกว่า ที่นี่เค้าปิดหกโมง คงต้องไว้คราวหน้าแล้วล่ะ ดังนั้นหากใครจะขึ้นมาเที่ยวให้ถึงชั้นเจ็ดควรมาสักสิบโมงกำลังดี พวกเราก็ได้แต่มองป้ายกันตาละห้อย แต่ก็ต้องเดินตามเจ้าหน้าที่ลงไป ดูเหมือนว่ากลุ่มเราจะเป็นกลุ่มสุดท้ายของวันนี้แล้วล่ะ ก็เลยเดินไปถ่ายรูปที่ชั้นสองต่ออีกหน่อย
จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ก่อนกลับก็แวะหาซื้อของฝากกันเล็กน้อยที่ร้านแก้ว ถึงบ้านก็ราวๆ สี่ทุ่มกว่า เป็นอันเสร็จสิ้นทริปนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกทริปที่สนุกสนานเพราะบนรถก็มีเรื่องให้ขำกันตลอดเวลา ... แล้วพบกันใหม่กับโปรเจคต่อไป กุมภาหรรษา..เริงร่าเกาะนางญวน จ.ชุมพร.. จ้า
Create Date : 28 ธันวาคม 2549 |
|
3 comments |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 0:12:22 น. |
Counter : 1476 Pageviews. |
|
|
|
ยังหาเวลาอยู่เลย คงไม่ช้านี้หรอก
เห็นแล้วอยากไปเร็วๆจังเลย