BKK - PRACHUAPKHIRIKHAN :: ตะลุยถ้ำพระยานคร เมืองสามร้อยยอด
จาก ตอนที่แล้ว พวกเราเดินทางมาถึงเขาสามร้อยยอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาแวะพักกันที่ร้านอาหารของน้องในกลุ่มคนหนึ่ง ระหว่างที่รอเรือมารับก็นั่งพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ใครใคร่กินก็กินกันไป ใครใคร่ถ่ายรูปก็ถ่ายกันไป จากนั้นสักพักเรือก็มา ได้เวลาลงเรือมุ่งหน้าสู่ถ้ำพระยานครกันแล้วล่ะ
การเดินทางไปถ้ำพระยานครนั้นจริงๆ แล้วสามารถไปได้สองวิธีคือ เดินเท้าและนั่งเรือ ซึ่งการนั่งเรือก็จะสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางไปได้ครึ่งหนึ่ง พวกเรามากันสิบกว่าคนก็เหมาเรือหนึ่งลำได้พอดิบพอดีเลยล่ะ
จากนั้นเรือก็มุ่งหน้าผ่านเกาะแก่งใหญ่น้อยไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางโดยผ่านศาลเจ้าแม่นมสาว ซึ่งพวกเราไม่ได้แวะเพราะมาถึงบ่ายแล้วกลัวว่าจะขึ้นถ้ำพระยานครไม่ทัน
เขาลูกใหญ่ที่เห็นอยู่ด้านหน้านี้เป็นเกาะปราการด่านแรก หากต้องการเดินเท้าไปถ้ำพระยานครก็ต้องเดินข้ามเขาลูกนี้มาเสียก่อน เพื่อไปยังอีกฝั่งของเขาเข้าสู่ทางขึ้นถ้ำพระยานคร แต่สำหรับพวกเรามาเรือก็นั่งสบายๆ ผ่านไป
จนมาถึงชายหาดทางขึ้นถ้ำพระยานคร พวกเราก็ตรงไปยังจุดทางขึ้น ซึ่งต้องเสียค่าผ่านอุทยานสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาทและเด็ก 20 บาท แต่ด้วยความที่เรามีลูกตาเปี๊ยก อดีตเจ้าหน้าที่อุทยานไปด้วย จึงทำให้พวกเราเข้าฟรีโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เพิ่งรู้ว่าเป็นลูกตาเปี๊ยกดีอย่างนี้นี่เอง และเป็นสาเหตุให้น้องอีฟโดนล้อเรื่องตาเปี๊ยกมาจนทุกวันนี้
ถ้ำพระยานคร (Phraya Nakhon Cave) ถ้ำพระยานครเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในบริเวณแหลมศาลา เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ ด้านล่างเป็นป่า ต้นไม้ค่อนข้างสูงชะลูด ถ้ำพระยานครถูกค้นพบกว่า 200 ปีมาแล้ว โดยพระยานครผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช ขณะที่ขึ้นฝั่งมาหลบพายุ ภายในถ้ำมีโบราณสถานที่สำคัญคือ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นพลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2433 พระที่นั่งนี้ใช้เป็นตราประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เสด็จมาที่ถ้ำพระยานครในปี พ.ศ. 2469 ซึ่งมีลายพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์อยู่ที่ผนังถ้ำเส้นทางไปสู่ถ้ำพระยานครจะห่างจากหาดแหลมศาลานี้ตามทางเดินขึ้นเขาประมาณ 430 เมตร และตามความสูง 130 เมตรใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที
ตอนนี้ได้เวลาเดินขึ้นถ้ำพระยานครกันแล้วล่ะ มองไปข้างหน้าทางหฤโหดเอาการเลยล่ะ ยังกะขึ้นภูกระดึงเลยล่ะ ทำให้เกิดความสงสัยว่าการที่คนมากันเยอะขนาดนี้ ขนาดหนทางลำบากยังเดินทางมากัน ด้านในต้องมีอะไรดีแหละ
พอขึ้นมาได้สักระยะก็จะพบกับจุดชมวิว ซึ่งเป็นจุดอีกจุดหนึ่งที่ผู้คนนิยมแวะถ่ายรูปไปพร้อมๆ กับแวะพักไปในตัว พอมองจากด้านบนลงไปสวยมากๆ เลยล่ะ จากจุดชมวิวพวกเราก็มากันครึ่งทางแล้วล่ะ ทางขึ้นก็แสนจะทุลักทุกเลเหลือเกิน ขณะที่เดินสวนกันเห็นคนที่เดินสวนลงมา ตอนแรกคิดว่าเค้าเอาน้ำราดตัวซะอีก ที่ไหนได้เหงื่อทั้งนั้น ตอนนี้เรามาถึงปากทางเข้าไปในถ้ำแล้วล่ะ มาทั้งที่ก็ต้องแบกป้ายกันหน่อย
นอกจากจะแวะถ่ายรูปกันแล้ว สาเหตุอีกประการคือพักให้หายเหนื่อยไปในตัว พอถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางกันต่อ หนทางก็ยังคงชันเหมือนเดิม
ภายในถ้ำพระยานครจะมีชุดเที่ยวชมอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๐ จุด โดยจุดที่ ๑ที่เราจะได้พบคือ "น้ำตกแห้ง" ซึ่งก็แห้งสมชื่อเพราะไม่มีน้ำสักหยด แต่ลักษณะของหินบริเวณนี้เหมือนกับธารน้ำตกที่กำลังไหล จึงเป็นที่มาของน้ำตกแห้งล่ะ
DRY-WATER FALL
จุดที่ ๒ คือสะพานมรณะ ตอนแรกเราก็มองหาสะพานใหญ่เลย ไม่เห็นจะมีสะพานเลย พอดีน้องคนที่รู้ประวัติก็บอกว่าให้ดูด้านบน จะเห็นเป็นสะพานอยู่ตรงปล่องถ้ำด้านบน
จากนั้นจะเป็นจุดที่ ๓ คือทางสันจระเข้ เป็นทางเดิน แต่บริเวณพื้นจะมีลักษณะขลุขละคล้ายหลังจระเข้ ซึ่งตรงช่วงนี้จะมืดมาก หากมาเที่ยวอย่าลืมนำไฟฉายติดมาด้วยนะ
จุดต่อไปเป็นจุดที่ ๔ คือ หินรูปเจดีย์ มีลักษณะของหินที่ถับถมกันจนมีลักษณะคล้ายเจดีย์
จุดที่ ๕ คือพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ไฮไลท์ของถ้ำแห่งนี้ ตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดถ้ำแห่งนี้มากทรงมีพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร จารึกไว้ที่ถ้ำและที่หน้าผาพร้อมด้วยปีที่เสด็จ จ.ศ. สามบรรทัดเรียงกันลงมาคือ ๑๒๒๕.๑๒๔๘.๑๒๕๑
วันที่ ๑๓ สิงหาคม รศ.๑๐๘ เวลา ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นประพาสเขาสามร้อยยอด แล้วจารึก จ.ป.ร. ๑๐๘ ไว้ที่หน้าผาในถ้ำและเสด็จประทับบนเนินศิลาตรงหน้าผาที่จารึก โปรดเกล้าให้ฉายพระบรมรูปที่นั่น เสด็จประทับอยู่ที่ในถ้ำจนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งอุบลบุรพทิศ เวลาย่ำค่ำออกเรือใช้จักรมาตลอดรุ่ง
วันที่ ๒๐ มิถุนายน ร.ศ. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปยกช่อฟ้าในคราวที่เสด็จกลับจากประพาสแหลมมลายูและพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์"
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ นับว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นสถานที่พระมหากษัตริย์บรมจักรีวงศ์ถึง ๓ พระองค์ ทรงโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินประพาส ณ ถ้ำนี้ ประกอบด้วย รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมื่อ ร.ศ. ๑๐๘.๑๐๙ รัชกาลที่ ๗ เสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ จารึกพระปรมาภิไธยย่อ ป.ป.ร. ณ ผนังถ้ำด้านตะวันตกของพลับพลา และรัชกาลที่ ๙ เสด็จประพาสเป็นการส่วนพระองค์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑
จุดต่อไปจะเป็นจุดที่ ๖ ลายพระหัตถ์ จ.ป.ร และ ป.ป.ร.จารึกของรัชการที่ ๕ และรัชกาลที่ ๗ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้
จุดที่ ๗ เป็นอัฐิหลวงพ่อเงิน ว่ากันว่าท่านได้มาที่นี่ แล้วบอกว่าถ้ามรณะภาพให้นำอัฐิมาฝั่งไว้ที่นี่ล่ะ
จุดที่ ๘ คือ ต้นซุ้มรอดคู่ จุดนี้สำคัญ ว่ากันว่า ใครไม่มีคู่หากได้มารอดต้นซุ้มรอดคู่นี้ จะมีคู่ล่ะ พลาดไม่ได้เลยต้องลองซะหน่อย รอดไปล่ะได้คู่จริงหรือเปล่าแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะ (ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่เห็นมีคู่เลยอ่ะ) 555
จุดที่ ๙ คือ หินจระเข้ ตรงนี้ก็จะมีหินลักษณะคล้ายจระเข้ล่ะ ตอนแรกเกือบหาไม่เจอ เพราะอยู่ซะสุดขอบถ้ำเลยล่ะ
และจุดสุดท้ายคือ จุดที่ ๑๐ ต้นไม้มีพิษ ห้ามจับเชียวนะ เค้าว่าจะเป็นผื่นเลยล่ะ ครั้นจะลองก็ไม่กล้า เพราะระยะทางขากลับไกลซะเหลือเกิน ดังนั้นเชื่อเค้าไว้ดีกว่า "อย่าจับ"
เมื่อเดินชมกันทั้ง ๑๐ จุดแล้ว ก็ต้องถึงเวลาอำลาถ้ำพระยานครแล้วล่ะ ต้องบอกว่า "อะเมซิ่งไทยแลนด์" จริงๆ เพราะทางขึ้นถ้ำทรหดได้ใจมากๆ แต่พอได้มาเห็นแล้วต้องบอกว่า ถ้ำแห่งนี้สวยจริงๆ ล่ะ
ก่อนกลับเห็นเค้าเอาหินมาตั้งซ้อนกันแบบญี่ปุ่น ระหว่างที่รอน้องๆ ถ่ายรูปกันก็เอากับเค้าหน่อย ลองอยู่ตั้งนานกว่าจะได้เลยถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อยว่า หินเค้าอยู่ตรงนี้นะ อิอิ
ขากลับลงมาถึงกลับลิ้นห้อยกันเลยทีเดียว แต่ไม่ค่อยเหนื่อยมากเหมือนตอนขึ้น ลงมาด้านล่างก็จะเจอกับบ่อพระยานครล่ะ ว่ากันว่า บ่อนี้ขุดในสมัยรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยานครศรีธรรมราชครั้งที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานครโดยทางเรือ ครั้งหนึ่งได้นำเรือมาหลบพายุบริเวณหาดแหลมศาลาเป็นเวลาหลายวัน จึงได้ขุดบ่อน้ำนี้เอาไว้ใช้ชาวบ้านจึงเรียกว่า "บ่อพระนคร"
บริเวณแหลมศาลาแห่งนี้สามารถมาพักในเขตอุทยานได้ด้วยล่ะ โดยที่นี่มีบ้านพักและเต็นท์ให้เช่า เสียดายที่ไม่ได้ถามราคามาให้อ่ะ ช่วงเทศกาลก็มีคนมาพักกันเยอะเชียวล่ะ
สำหรับตอนต่อไปจะมารีวิวบ้านรักทะเลนะจ๊ะ ราคาไม่แพงด้วยล่ะ
Create Date : 28 เมษายน 2552 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 23:21:58 น. |
|
2 comments
|
Counter : 6224 Pageviews. |
|
|
|
ขอตามมาเที่ยวด้วยค่ะ