[SF] HwaRi ; เมื่อถึงวันนั้น ~ Life, it goes on : บทท้าย - ทางที่เลือกเอง
คิวริใจเต้นแรง หน้าเปลี่ยนสี ยิ่งสบสายตาที่หวานปนอ่อนโยน ของสาวน้อยตรงหน้าแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกเขินอาย จนต้องหลบสายตาขอบคุณนะคะ ที่เห็นความสำคัญของพี่ คิวริพูดก้มหน้า แก้มทั้งสองข้างยังแดงระเรื่ออยู่ฉันรู้สึกแบบนี้จริงๆ นี่ค่ะ ฉันพูดจากใจ พี่ดีกับฉันมาตลอด คอยแนะนำ คอยคุยเป็นเพื่อนแก้เหงาให้ฉัน....จำได้มั้ยคะ? ตอนฉันมาใหม่ๆ แล้ววันหยุดของพวกเรา ฉันอยากไปดูหนัง ชวนใครไปก็ไม่มีใครไปด้วยเลย แต่พี่ก็ยอมไปดูกับฉัน พอหนังเริ่มได้แป๊บนึง พี่ก็หลับยาวไปเป็นชั่วโมงเลยอ่ะ ฮวายองยิ้มกว้าง นึกขำ เมื่อเล่าย้อนอดีต ช่วงเวลาที่พี่สาวคนสวยคนนี้ มีช่วงเวลาที่มีความสุขกับตนอ่อ แล้วยังมีอีก อย่างเวลาเราต้องไปคอนเสิร์ตต่างประเทศ หลายครั้งเลย ที่พี่ยอมพักห้องเดียวกับฉัน ทั้งๆ ที่ พี่น่าจะเลือกพักกับเพื่อนพี่มากกว่า ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ฮวายองพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย ประทับใจการกระทำที่แสนดีของสาวสวยร่างเล็กฮวา จำรายละเอียดเก่งจังเลยนะคะ ไหนบอกเป็นคนความจำไม่ดีไงล่ะ คิวริกลั้วหัวเราะ ขำในความช่างจดช่างจำของสาวน้อยฮ่าๆๆ ก็แหม...ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ ฉันจำได้เสมอแหละค่ะ จริงๆ มันเยอะกว่านี้อีกนะ... ความจำสั้น รักนั้นยาว น่ะ เคยได้ยินมั้ยคะ ฮวายองถามโดยไม่ต้องการคำตอบ แต่แอบสังเกตสีหน้าพี่สาวร่างเล็ก ที่ตอนนี้หน้ากลับมาแดงอีกครั้งพี่น่ะ เป็นคนสวยมากเลยนะ ฉันเห็นครั้งแรกยังตะลึงเลย พี่สวยเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ ...แต่เป็น...เจ้าหญิงที่แอบตลกๆ มึนๆ รั่วๆ ล่ะ ฉันว่า พูดจบ ก็หัวเราะอย่างมีความสุข เด็กบ้า มาว่าพี่ คิวริ หน้าแดงค้อนให้คนตรงหน้า พร้อมตีแขนเบาๆ แต่ พี่ก็อยากขอบคุณฮวา นะคะ ที่ผ่านมา พี่มีความสุขมากๆ ที่ได้ทำงาน ได้คุย ได้ใช้เวลาร่วมกับฮวา ได้อยู่ใกล้ๆ ฮวา...ถึงแม้ว่า...คงจะไม่มีวันนั้น...อีกก็ตาม คิวริพูดด้วยแววตาเศร้าใครว่าล่ะคะ...ตราบใดที่พี่ยังทำงานวงการนี้อยู่ แล้วฉันก็เรียนด้านภาพยนตร์ แถมตอนนี้ฉันก็พยายามหมั่นฝึกซ้อมทั้งร้อง ทั้งเต้น เผื่อสักวันนึงฉันจะกลับมา....เราสองคน...อาจจะได้เจอกันในงานใดงานหนึ่งก็ได้นะคะ ใครจะไปรู้ ฮวายองยิ้มกว้าง พูดให้สาวสวยร่างเล็กสบายใจขึ้นจริงๆ แล้ว การที่ได้มาอยู่ในวงทีอาร่า ฉันถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะคะ อย่างแรกก็คือได้รู้จักกับพี่คิวริ.....แล้วก็ได้ทำงานวงการเพลง ได้ออกทั้งทีวี วิทยุ ได้ประสบการณ์มากมายจากคนทั้งในและนอกประเทศ...ได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับคนอื่นๆ... ฉันจะเก็บแต่ช่วงเวลาที่มีความสุข ระหว่างเราสองคน รวมทั้งกับสมาชิกคนอื่นๆ ไว้เป็นความทรงจำที่ดีในใจตลอดไปนะคะ....ส่วนเรื่องต่างๆ ที่ทำให้เสียใจ ฉันจะพยายามลืมมันไปค่ะ ฮวายองพูดด้วยแววตาที่มุ่งมั่น แฝงรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคิวริ นั่งฟัง และมองหน้าสาวน้อย ที่เมื่อสามปีก่อนยังดูเป็นเด็กดื้อ ซนๆ แก่นๆ ในบางครั้ง แต่ตอนนี้ กลับตรงกันข้าม พี่ไม่เจอฮวา แค่ไม่ถึงปี ดูโตขึ้น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะคะ พี่ดีใจด้วย คิวริยิ้มน้อยๆ ก่อนลูบแก้มเนียนใสของสาวน้อยตรงหน้า ซึ่งกำลังนั่งมองสาวสวยร่างเล็กไม่วางตา...ก่อนที่จะเคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่สาวคนสวยตรงหน้ามากกว่านี้....สาวน้อยร่างสูงก็รีบเรียกสติตัวเองกลับคืนมา...เอ่อ.....ขอบคุณนะคะ พี่.....ฉันคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวต้องไปธุระต่อกับพี่ฮโย...ขอบคุณมากนะคะสำหรับชาร้อนหอมๆ กับบรรยากาศในห้องสวยๆ ฮวายองรีบลุกขึ้นโค้ง ยิ้มน้อยๆ ให้พี่สาวร่างเล็กอ่า จะกลับแล้วเหรอคะ...งั้นพี่ออกไปส่งนะ คิวริรีบลุกขึ้นตามไม่เป็นไรค่ะพี่ ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ฮวายองเกรงใจ โบกมือห้าม ไม่เป็นไรค่ะ พี่อยากใช้เวลากับฮวา ให้นานที่สุด คิวริพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังฮวายองอึ้งกับคำพูดของสาวสวยร่างเล็ก แต่ก็ยอมทำตามโดยดี อ่า....ก็ได้ค่ะสาวสวยร่างเล็ก เจ้าของห้อง เดินออกมาพร้อมสาวน้อยร่างสูง ซึ่งเป็นแขกผู้มาเยือน มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออก สาวน้อยร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปยืน หันหน้ามายิ้มและโบกมือให้สาวสวยร่างเล็ก......แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเคลื่อนตัวเข้าหากัน....สาวร่างเล็กรีบเอามือขวางประตูไว้ทันที !!!ฮวา....สัญญากับพี่ได้มั้ยคะ ว่าเราจะยังติดต่อกัน อย่าหายไปเลยได้มั้ย คิวริ พูดด้วยน้ำเสียงและแววตาขอร้องทันใดนั้น เสียงออดจากตัวลิฟต์ก็ดังขึ้น จนทำให้สาวร่างเล็กต้องปล่อยมือจากประตูลิฟต์....แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์ทั้งสองข้างจะเคลื่อนปิดกันสนิท.....สาวน้อยร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์...ก็ยิ้มกว้างและพูดให้คนนอกประตูลิฟต์ได้ยินว่า ~~ค่ะ ฉันสัญญา แล้วจากไปด้วยรอยยิ้ม จนประตูลิฟต์เคลื่อนปิดสนิท~~ขอบคุณมากค่ะ ฮวายอง สาวสวยร่างเล็กที่ยืนรอจนประตูลิฟต์ปิดสนิท พูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมน้ำตาแห่งความสุขที่คลอเบ้าลิฟต์พาสาวน้อยร่างสูง ลงมาจนถึงชั้นล่าง เมื่อเดินออกมาพ้นตัวตึก สาวร่างสูงก็ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย กดโทรออกเมื่อมีเสียงคนรับ....เสียงปลายสายก็รีบชิงพูดก่อนทันที อ้าว...เสร็จแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง.....ไม่ต้องเลย...อยู่ไหนเนี่ย พี่ฮโยตัวดี..... สาวน้อยร่างสูง พยักหน้าหงึกๆ ฟังเสียงปลายสาย อธิบายตำแหน่งที่อยู่ของตัวเองอือๆ โอเคๆ เดี๋ยวฉันเดินไปหาเดี๋ยวนี้แหละ....มีเรื่องจะเคลียกับพี่ซะหน่อย พูดจบก็กดตัดสายโทรศัพท์ทันที ชิ....เจ้ากี้เจ้าการดีนัก....แต่ก็....ขอบคุณนะ...พี่ฮโย.....แล้วก็....... สาวน้อยร่างสูงยิ้มกว้าง แหงนหน้ามองชั้น 12 ของตึกคอนโดหรู ~~ขอบคุณมากค่ะ พี่คิวริ~~End~~>**********************************Zone : คนเขียนอยากบอก*เพิ่งหัดเขียนฟิคเรื่องแรกในชีวิตค่ะ ปกติอ่านแต่ของคนอื่น...พยายามจะลองเขียนให้หวาน วี้ดวิ้ว กว่านี้ แบบจิกกัดหมอน หรือมีฉาก NC ก็ไม่สามารถค่ะ แบบว่าคนเขียนอายเอง อ่ะ สงสัยงานนี้ จะไม่รุ่ง ** แต่ที่อยู่ๆ มาลองหัดเขียนเพราะ ชอบคู่ HwaRi (HwaYoung x Qri) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ Hwa ก็ออกจากวงไปซะก่อน ด้วยกรณีที่...ถ้าคนเป็นแฟนHwa เป็นแฟนวง T-ara หรือ ตามผลงานวงนี้ก็จะรู้ๆ กัน (*ไม่ขอพูดอีก*)** แต่เรา อยู่ดีๆ เพิ่งไปเจอข้อมูล...ว่าช่วงที่มีเรื่องนั้น "ลูกพี่ลูกน้องของฮวายอง" (รู้สึกจะเป็นแฟนสาวของนักเบสบอลทีม KIA Tiger) โพสในทวิตเตอร์ว่า "สมาชิกในวงรุมรังแก Hwa....ยกเว้น Qri...">> ลองคลิกอ่าน (ปล. ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เดิมมี account twitter = @anima9808 แต่ลบออกไปแล้ว....รวมทั้งรูปที่ ฮโยยอง พี่แฝดฮวา ถ่ายกับลูกพี่ลูกน้อง ก็ลบออกจากทวิตเตอร์ตัวเองเหมือนกัน)*** และก่อนหน้านั้น หลังจากที่ฮวายอง ออกจากวง ได้ประมาณสักเดือนนึงได้ อยู่ดีๆ คิวริ ก็ favorite ข้อความ และ link รูปในทวิตเตอร์ของตัวเองตามรูปนี้ # ซึ่งข้อความด้านบน ก็คือ ที่มาของชื่อเรื่อง short fiction นี้ ซึ่งแปลว่า "ชีวิตต้องดำเนินต่อไป" # ส่วนข้อความล่าง จริงๆ คือรูปที่คิวริถ่ายกับฮวายอง แต่ไป favorite ข้อความที่แฟนคลับตอบกลับรูปนี้ ที่ว่า I like this รูปที่ว่า ก็คือ //spic.kr/57r8 << ลองคลิกสิ ว่าคือรูปไหน ตอนนั้นยอมรับว่า "คนชอบ HwaRi" อย่างเรา ดีใจที่เลือกชอบ เลือกจิ้น ไม่ผิดคู่ แต่ คิวริ ก็ favorite 2 ข้อความนี้ได้สักพักนึง ก็เอาออก!! ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือไม่อยากให้เป็นข่าว?**** ที่มาเขียนฟิคนี้ โดยใช้ข้อมูลจริง มาอิงแต่งเติม ไม่ได้ต้องการรื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมาอีก...แค่อยาก มโนแลนด์ HwaRi ในแบบ drama ชีวิตจริง..เท่านั้นเอง...ขอบคุณบางคน ที่ติดตามอ่านนะคะ ****
จบแบบหวานๆเศร้าๆเหงาๆ
จบแบบนี้มีตอนพอเศษมั้ยหนอ
(ไม่กดดัน555)