Bloggang.com : Nepster - ไปจีนมาไง ตอน 4 : Shanghai ไม่ไปไม่รู้

Group Blog

สิงหาคม 2558

23 สิงหาคม 2558

ไปจีนมาไง ตอน 4 : Shanghai ไม่ไปไม่รู้

All Blog

ไปจีนมาไง ตอน 4 : Shanghai ไม่ไปไม่รู้

สวัสดีค่ะกลับมาแล้ว หลังจากดอกบล็อกไว้อีกตามเคย

หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ พาไปเที่ยว Suzhou Old Town มา

วันนี้จะชวนไปเที่ยว Shanghai หรือที่คนไทยเราเรียกว่า เซี้ยงไฮ้ ค่ะ

ทริปนี้เราไปแบบด่วนๆ อีกตามเคย เนื่องจากพี่ที่ไปทำงานด้วยกัน เขามีเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว

เราก็เลยหาที่เที่ยวใกล้ๆ ซูโจวค่ะ สุดท้ายก็เลือกไปเซี้ยงไฮ้กัน เพราะว่าไปง่ายแล้วก็มีของให้ช้อปปิ้ง

การเดินทางไปเซี้ยงไฮ้ครั้งนี้เราไปด้วยรถไฟความเร็วสูงค่ะ

แต่เราคิดว่า ซื้อตั๋วเองไม่รอดแน่ๆ เลยให้พนักงานโรงแรมช่วยจองตั๋วให้

เพราะในเวบจองตั๋วมีแต่ภาษาจีน !!!! 555 ++ เป็นมิตร ต่อนักท่องเที่ยวมาก

(เดี๋ยววันหลังจะมาเม้าท์เรื่องป้ายรถเมลล์ให้ฟังค่ะ โหด ฮา น้ำตาเล็ดมาก ขอบอก)

หน้าสถานีรถไฟซูโจวค่ะ มีกำแพงเมืองจีนด้วย 555 ไม่ต้องไปที่ไหนไกล

แพลนในการเที่ยวเซี้ยงไฮ้ของเรา ไม่มีอะไรมาก 5555 ไปแค่ในที่ที่ไกด์บุ๊คบอกพอ

เราเลือกไป The Bund แล้วก็ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เซี้ยงไฮ้ค่ะ จากนั้นก็ไปเดินดูของฝากที่สถานีรถไฟใต้ดิน แถวๆ พิพิธภัณฑ์

มาถึงเซี้ยงไฮ้ เนื่องจากเป็นทริปที่ค่อยข้างรีบร้อน เราเลยเลือกที่จะขึ้นแท็กซี่มาที่ The Bund

พี่แท็กซี่จีนนี่ เป็นแทบจะเหมือนกันหมดเลยนะคะ คือชอบเปิดกระจก ขับรถ ทั้งๆ ที่มลภาวะเยอะมาก

นั่งรถไปแสบตาไป ฮาาาา แถมขับรถซิ่งมากๆ คือพี่จะรีบไปหนายยยยยยยยยยยยย

มาถึง The Bund ความรู้สึกแรกคือ เห้ย ทำไมมันไม่เห็นจะจีนเลยว่ะ

ทีแรกคิดว่า เป็นสถานที่ที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ เหมือนที่พี่ไทยชอบสร้างตึกเลียนแบบยุโรป

ตามสถานที่ท่องเที่ยว แต่ที่ไหนได้ พอไปอ่านประวัติ The Bund นี่มีอายุเป็นร้อยๆ ปีแล้วค่ะ

คือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของที่นี่มานานแสนนานแล้ว

เมื่อมองทางฝั่ง The Bund ไม่ว่าจะมองยังไงก็ให้ความรู้สึกแบบยุโรปมากค่ะ

และที่สำคัญคนที่นี่ ไม่ผ่าไฟแดงนะเออออ (ไม่เหมือนที่ซูโจว ข้ามถนนทีหัวใจจะวาย)

อีกฝั่งของ The Bund เราจะมองเห็น หอไข่มุก ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเซี้ยงไฮ้

พอเรามองไปตึกด้านโน้น ความรู้สึกเป็นจีนก็จะกลับมาอีกครั้ง เพราะว่าที่นี่ ตึกเขาจะดีไซน์ค่อนข้างแปลก

เนื่องจากเขาจะดูหลักหวงจุ้ยประกอบด้วยค่ะ ตึกบางตึกแปลกจนแอบคิดไปว่า เขาออกแบบมาได้ไง

สำหรับคนที่มาเซี้ยงไฮ้แล้วไม่อยากนั่งแท็กซี่ การนั่งรถบัส City Sightseeing ก็เป้นทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ

แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น รถเขาจะมีสองสายคือสายสีแดงและสีน้ำเงิน ซึ่งแต่ละสายจะครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างกัน หากอยากไปทั่ว ก็ต้องซื้อตั๋วทั้งสองสาย 555 ซึ่งแพงมากกกกกกกกกกกกกกกกก

สถานทีต่อมา ที่เราจะไปกันคือ Yuyuan Garden Markets Shanghai ตรงนี้เท่าที่ทราบจะเป็นถนนที่มีของที่ระลึกขาย ค่อนข้างเยอะ และต่อรองได้ค่ะ

ตรง Yuyuan Garden Markets Shanghai จะมี ตึกสวยๆ ให้เราชมด้วยนะคะ ซึ่งภายในตึกก็จะเป็นห้างร้านต่างๆ

เนื่องจากเรามากันวันเสาร์ อาทิตย์ อยากจะบอกว่าคนเยอะมาก เยอะเว่อร์ ฮ่าๆๆ

หลังจากหนีตายจากผู้คนมาได้ เราก็ไปหาข้าวกินกัน แต่ว่า ร้านที่ลุงแซมแนะนำมา หายังไงก็หาไม่เจอ

สุดท้ายเจอร้านไหนก็จัดเลย สรุป เจอร้านอร่อยและถูกเหลือเชื่อ อิ่มแปล้กันไป

จากนั้น เราก็เดินทางต่อไปที่ Shanghai Science and Technology Museum

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบได้สวยดีค่ะ แต่ค่าเข้าก็ถือว่าแพงนะ เพราะค่าเข้าคือ แค่ค่าเข้าไปในอาคาร

ส่วนความบันเทิงอื่นๆ ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

จากการเข้าไปแล้ว ตั๊กว่า พิพิธภัณฑ์บ้านเราเหมือนจะดีกว่าเยอะเลยค่ะ

ที่นี่จะมีห้องจัดแสดงประมาณ สี่ชั้น แต่ละชั้นก็มจะมีเนื้อหาแตกต่างกันออกไป

ส่วนที่ตั๊กว่าน่าสนใจสุด น่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวกับอวกาศ เพราะเพิ่งเคยเจอที่นี่ที่แรก 555

หลังจาก เดินชมที่นี่จนขาลาก สุดท้ายเราก็ไปเดินช้อปกันต่อ ที่ สถานีรถไฟใต้ดิน

ร้านรวงก็ค่อยข้างเยอะค่ะ แล้วก็ต่อราคากันได้สุดๆ เลย แต่ตั๊กไม่ได้ต่อเท่าไร เพราะไม่มีเงินซื้อ

อ่อๆ ถ้าไม่มีดราม่าก็ไม่ใช่ทริปตั๊กสินะคะ ใช่มั้ย

ขากลับ มีดราม่าเล็กๆ เนื่องจากเราจองตั๋วรถไฟขากลับไว้แล้ว รอบหนึ่งทุ่ม

แต่ตอนเย็นประมาณห้าโมงเย็น เราจะหารถแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ ปรากฏว่า .... ไม่มีคันไหนรับเลยจ้า

แล้วเราก็ร้อนรนกันมาก กลัวตกรถไฟ แท็กศี่ที่นั่นก็ไม่ต่างจากพี่ไทยเลย 5555

แล้วตั๊กก็พยายามมองหาว่าใครจะช่วยชีวิตได้บ้าง ตัดสินใจไปคุยกับคุณลุงที่ยืนรอแท็กซี่อยู่ข้างหลัง

ถามว่า ยูพูดอังกฤษได้ม้ายยยย เขาบอกได้ เลยลองถามไป ว่าจะไปยังไง

คุณลุงใจดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก ช่วยเขียนชื่อสถานีรถไฟเป็นภาษาจีนให้

ไปเจรจากับแท็กซี่ให้ พยายามพาหารถ แนะนำวิธีการเดินทางทางอื่นให้

จนสุดท้าย เราหมดหนทางแล้วจริงๆ เลยต้องไปไปทางรถไฟใต้ดิน คุณลุงก็ช่วยอธิบายให้ฟังว่าไปยังไง

แล้วก่อนจะจากกัน เขาบอกว่า เขา sorry นะ ช่วยได้แค่นี้จริงๆ (แค่นี้ก็ซึ้งแล้วค่ะ)

+ 1 คะแนนเพิ่มให้เซี้ยงไฮ้ เพราะลุงเลยค่ะ

หลังจากกุลีกุจอ ลกุลี้ลุกลน สุดท้ายเราก็มาถึงสถานีรถไฟ แบบเส้นยาแดงผ่าแปด พร้อมทั้ง

วิ่งไปขึ้นรถไฟ ประมาณหนึ่งกิโลเห็นจะได้ จากโบกี้ 11 มาโบกี้ 1 แม่เจ้า เหนื่อยแบบว่า เหงื่อท่วม

ุสุดท้ายก็ขึ้นรถทัน และกลับ Suzhou โดยสวัสดิภาพ

พอมาทำงานเล่าให้บัดดี้ฟัง เขาบอกว่า ทำไมยูไม่รอขบวนถัดไป ไม่ต้องรีบก้ได้

คิดในใจ กรูจะรู้ม้ายยยยยยยยยยย

สรุปเซี้ยงไฮ้ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไรค่ะ ฮ่าๆๆๆ

เดี๋ยวบล็อกหน้าจะพาไปชม สวนระดับ 5A ของรัฐบาลจีน อย่าลืมติดตามนะคะ

Create Date : 23 สิงหาคม 2558
Last Update : 23 สิงหาคม 2558 21:42:34 น.
Counter : 1002 Pageviews.

0 comments

Nepster

Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์

Rss Feed

Smember

ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]

สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะค่ะ :)

เจ้าของบ้านชื่อตั๊กแตนค่ะ
เป็นคนชอบการเดินทาง ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับบันทึกการเดินทาง ชอบถ่ายรูป แล้วก็ชอบเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยด้วยค่ะ

มีความฝัน อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากมีหนังสือบันทึกการเดินทางของตัวเองสักเล่ม
แล้วก็อยากพูดได้หลายๆ ภาษา ฮ่าๆ จริงๆ อยากเป็นล่าม หรือไม่ก็นักแปล สนใจภาษาต่างประเทศค่ะ หุหุ

ตอนนี้ Bloggang เป็นเหมือนบ้านไปแล้ว
เพราะทำให้ตั๊กแตนได้มีโอกาสแบ่งปันข้อความกับเพื่อนๆ
และยังทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ และได้ความรู้มากมายด้วยค่ะ

ถ้าแวะผ่านมาก็ทิ้งข้อความทักทายกันไว้ได้นะค่ะ :)

New Comments

Friends Blog

[Add Nepster's blog to your weblog]

Link