แบ่งปันเทคนิคการสอบ TOEIC ค่ะ ....ทำอย่างไรให้ได้ 800 +

สวัสดีค่ะทุกๆ คน
ตอนนี้คะแนนสอบ TOEIC ของตั๊กออกมาแล้วค่ะ
แต่คะแนนที่จะเอามาให้ดูในวันนี้ เป็นคะแนนสอบจากการสอบที่บริษัทค่ะ
ส่วนคะแนนส่วนที่สอบวันนี้ ตั๊กจะได้รับวันพุธนี้ค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วันนี้ตั๊กจะมาแนะนำทริคในการสอบที่ตั๊กใช้
วิธีการฝึกและเกร็ดอื่นๆ ที่ตั๊กพอจะนึกออกค่ะ

ขอออกตัวก่อนว่า คะแนนของตั๊กอาจจะไม่ได้ดีเว่อร์
และสิ่งที่เขียนในบล็อกนี้เป็นวิธีการที่ตั๊กใช้และเชื่อว่ามันช่วยได้เท่านั้นค่ะ
อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด หรือถูกต้องตามหลักวิชาการมากมาย
แต่ก็อยากจะแบ่งปันเท่าที่รู้และเคยลองมากับตัวค่ะ

เอาคะแนนมาให้ดูก่อนเลยค่ะ
ได้คะแนนมารวม 840 คะแนน แบ่งเป็น Reading 405 Listening 435



********************* อัพเดทคะแนนล่าสุดค่ะ **************************



ได้มา 855 หุหุ คะแนนเหมือนกับสองปีก่อนเดะ ต่างแค่เลขตัวหน้าเท่านั้น
สงสัยได้ซื้อหวย 55 แน่ๆ เลยค่ะ

*****************************************************************
มารู้จักกับข้อสอบกันก่อนนะคะ
ตั๊กเชื่อว่าก่อนลงสนามสอบสิ่งที่เราควรรู้ไว้เป็นส่วนเเรกๆ
คือลักษณะของข้อสอบที่เราต้องเจอ เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่า เราควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

สำหรับข้อสอบ TOEIC แบบ Redesign นั้น
จะมีสองส่วนคือ การฟัง (Listening) และ การอ่าน (Reading) จำนวน 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990 คะแนน

การฟัง (Listening Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน จะมี 4 ส่วนย่อยค่ะ

Part 1: Photographs 10 ข้อ
Part 2: Question-Response 30 ข้อ
Part 3: Conversations 30 ข้อ
Part 4: Short Talks 30 ข้อ

การอ่าน (Reading Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน จะมี 3 ส่วนย่อยคือ

Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ
Part 6: Text Completion 12 ข้อ
Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ

เราจะรับมือกับข้อสอบแต่ละส่วนได้อย่างไร

การฟัง (Listening Comprehension)
มาเริ่มที่การฟังกันก่อนนะคะ
เรื่องที่อยากจะบอกคือ ส่วนนี้ขอให้เรามีสติในการทำข้อสอบนะคะ
แล้วถ้าหากมีข้อไหนที่เราไม่ทัน หรือไม่แน่ใจ อย่าได้แคร์ค่ะ ให้พยายามเดาให้ดีที่สุด (มันเป็นไงหว่าเดาให้ดีที่สุด ๕๕๕)

ต่อมาขอแตกย่อยแต่ละ Part นะคะ
Part 1: Photographs 10 ข้อ
ในส่วนนี้ วิธีการของตั๊กคือ ในช่วงที่ เขาเปิดตัวอย่างให้ฟัง
ให้เราลองพลิกข้อสอบแต่ละหน้าดู พอเห็นภาพแล้ว ให้เราคิดในใจว่า
ภาพนี้มีประโยคที่จะเป็นไปได้ อย่างไรบ้าง

เช่น เราเห็นภาพคนกำลังนั่งที่โต๊ะอาหารมีอาหารวางอยู่ ก็ให้ลองคิดประโยคในใจว่า เราจะอธิบายภาพนี้อย่างไรได้บ้าง



ของตั๊กก็อาจจะเป็น They are eating , They are in the restaurant แบบนี้เป็นต้นค่ะ ฮ่าๆๆ
(ประโยคอาจจะเตาะแตะ ประถมศึกษาไปบ้าง อย่าว่ากันนะคะ)

บางคนอาจจะคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการเสียเวลา แต่เชื่อเถอะค่ะ
ถ้าลองทำและฝึกบ่อยๆ มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกแน่นอน

Part 2: Question-Response 30 ข้อ
สำหรับ Part นี้จะเป็นส่วนของบทสนทนาของคนสองคน
และจะไม่มีการแสดงคำถามและคำตอบบนกระดาษคำถามค่ะ
เราต้องฟังอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น มีสติค่ะ อย่าลืม

สำหรับ Part นี้ ส่วนตัวตั๊กเองคิดว่า เราควรจะจับให้ได้ว่า คำถาม ถามอะไร
เช่น เป็นคำถามขึ้นต้นด้วย What, When, Where, Why etc.
ถ้าเราจับได้ว่าจุดประสงค์ของการถาม เป็นการถามเพื่ออะไร การหาคำตอบที่ถูกต้องก็จะทำได้ง่ายขึ้นค่ะ

และบางครั้ง อาจจะมีคำหลอกหรือการออกเสียงคำที่คล้ายๆ กัน
อาจจะทำให้สับสนได้ เป็นไปได้อยากให้ลองทวนคำตอบในใจค่ะ
ว่าข้อนี้กล่าวถึงอะไรบ้าง เพราะบางครั้งการฟังในครั้งแรกเราอาจจะไม่แน่ใจในคำตอบ
การทวนแต่ละคำตอบแต่ละข้อกับตัวเองจะช่วยได้ค่ะ

และเมื่อเราได้คำตอบที่ถูกต้องแล้ว อย่าลังเล ที่จะฝนคำตอบให้เร็วที่สุดค่ะ
เพื่อที่เราจะได้มีเวลาสำหรับข้อต่อไป

Part 3: Conversations 30 ข้อ
ในส่วนนี้จะเป็นการสนทนาของคนสองคนค่ะ ซึ่งแต่ละบทสนทนาจะมีสามคำถามด้วยกัน
เราจะได้เห็นทั้งคำถามและคำตอบในกระดาษคำถามคะ

สำหรับ Part นี้ สิ่งที่ตั๊กจะแนะนำคือ ให้พยายามอ่านคำถามและคำตอบในแต่ละข้อล่วงหน้าก่อนการฟังบนสนทนา
เพื่อเราจะได้ทราบว่า คำถามมีอะไรบ้างและคำตอบที่เป็นไปได้มีอะไรบ้าง
ในระหว่างการฟังแต่ละบทสนทนา หากเราได้คำตอบที่ต้องการแล้ว
ขอให้ทำเครื่องหมายไว้ที่กระดาษข้อสอบก่อนนะค่ะ
แล้วค่อยมาฝนหลังจากฟังบทสนทนาจบแล้ว เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียสมาธิค่ะ

พอได้คำตอบครบทั้งสามข้อแล้ว ให้ฝนให้ไวที่สุด
จากนั้นก็ไปอ่านคำถาม คำตอบของข้อต่อไปรอเลยค่ะ
แต่ถ้าอันไหน ฟังแล้วไม่แน่ใจ ขอให้พยายามเดาจากเนื้อหาที่เราได้ฟังมาแล้วค่ะ
ว่าข้อไหนมีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่เมื่อการถามตอบของข้อนั้นจบลงแล้ว
อย่าได้แคร์ค่ะ ไปที่ข้อต่อไปรอเลยค่ะ ไม่งั้นเราอาจจะจิตหลุดได้


Image : //24.media.tumblr.com/tumblr_lx56jahQMd1qib1lco1_400.jpg

Part 4: Short Talks 30 ข้อ
ในส่วนนี้เราจะได้ฟังประกาศหรืออะไรก็ตามที่มีคนพูดแค่คนเดียวค่ะ ^^
ซึ่งหลักๆ ก็ทำเหมือนกับ Part ที่ผ่านมาค่ะ
แต่ว่า คำถามมันจะไม่ได้เรียงตามเนื้อหาที่พูดเสมอไปนะค่ะ ส่วนนี้ต้องระวังด้วยค่ะ

สำหรับส่วนของการฟังก็จบไปแล้วค่ะ ต่อไปจะแนะนำในส่วนการอ่านค่ะ

การอ่าน (Reading Comprehension) การอ่านจะมีทั้งหมดสามส่วนค่ะคือ
Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ
Part 6: Text Completion 12 ข้อ
Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ


Image : //1.bp.blogspot.com/-ZoCjLHKtKcQ/Tsvl2oxrB6I/AAAAAAAAFLE/5C909KMYhjU/s1600/readingchild.jpg

ในส่วนของ Reading จะมีเวลาให้ทั้งหมด 75 นาที
สำหรับส่วนของการอ่าน การบริหารเวลาสำคัญมากๆ นะค่ะ
เพราะมีหลายๆ คน ที่พอออกจากห้องสอบแล้ว บ่นว่าทำไม่ทัน

ตั๊กสอบ TOEIC มาทั้งหมดสามครั้งค่ะ
ครั้งแรกตอนเรียนจบ ป.ตรี ตอนนั้นทำ Reading ไม่ทัน เดาไปประมาณ 25 ข้อ
การสอบครั้งที่สอง คือ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทำ Reading เสร็จก่อนเวลา 5 นาที
ส่วนการสอบครั้งที่สาม คือการสอบของวันนี้ เสร็จก่อนเวลา 15 นาที
(ปล. เสร็จไว ใช่ว่าจะถูกหมดนะค่ะ ฮ่าๆๆ)

สำหรับกลยุทธ์ของตั๊กคือ ทำส่วนที่ 7 ก่อนค่ะ
จะเป็นส่วนของการอ่านบทความแล้วตอบคำถาม โดยในส่วนนี้ ตั๊กจะให้เวลาตัวเองไม่เกิน 45 นาที ค่ะ
สาเหตุที่ตั๊กเลือกทำส่วนที่ 7 ก่อน เนื่องจากการอ่านบทความนั้น
คำตอบของคำถามทุกอย่าง เราสามารถหาได้จากบทความนั้นเอง
ซึ่งหากเราทำให้ได้แม่นๆ แล้ว การได้คะแนนมากกว่า 90% ใน Part 7 ก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ
หลังจากนั้นค่อยตามเก็บPart 5 และ Part 6

Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ 
ส่วนนี้จะเป็นการเติมคำ โดยจะมีประโยคมาให้ 1 - 2 ประโยค
แล้วให้เราเลือกเติมค่ะ ซึ่งในส่วนนนี้ ต้องใช้ความรู้ทั้งเรื่องแกรมม่าและคำศัพท์ด้วยค่ะ
(ส่วนนี้แนะนำเยอะไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ เพราะว่าแกรมม่าตั๊กก็ยังอ่อนแออยู่มาก)

Part 6: Text Completion 12 ข้อ
ส่วนนนี้ก็จะมีการเติมคำเหมือนกันค่ะ
โดยอาจจะเป็นจดหมาย หรือประกาศ แล้วเว้นข้อความไว้ให้เติม
ซึ่งทักษะที่จำเป็นก็คล้ายๆ กับ Part 5 ค่ะ

Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ
ตั๊กว่าการอ่านโจทย์ก่อนที่จะอ่านบทความ มีความสำคัญมากค่ะ
มันอาจจะดูเสียเวลาที่เราต้องอ่านโจทย์ก่อนทำ แต่ว่า หากเราอ่านโจทย์เเล้ว
เราจะทราบว่า คำถามถามอะไร และต้องการคำตอบแบบไหน
พอเราไปอ่านบทความเเล้ว เราก็จะรู้ว่าส่วนไหนที่ควรไฮไลท์ และนำมาตอบคำถามได้ค่ะ

สำหรับทริคในการสอบของตั๊กก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบนะคะ
หากมีข้อแนะนำ หรือ คำถามเพิ่มเติม ก็สามารถ comment ไว้ได้ค่ะ
แล้วจะพยายามตอบให้ดีที่สุดค่ะ

การฝึกฝนด้านการฟังและอ่าน
ส่วนนี้จะมาเล่าถึงวิธีการที่ตั๊กฝึกนะค่ะ ฮ่าๆๆๆ
มันอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผล อันนี้ตั๊กว่าแล้วแต่ตัวบุคคลค่ะ
เพราะแต่ละคนน่าจะมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันค่ะ


Image : //www.muhsd.k12.ca.us/cms/lib5/CA01001051/Centricity/Domain/967/english.jpg

การฝึกฟัง
เนื่องจากตั๊กชอบฟังเพลง แต่ไม่ชอบดูหนัง
เพราะฉะนั้นการฝึกฟังของตั๊ก จะเน้นไปที่การฟังข่าวและฟังเพลงค่ะ
ซึ่งที่ตั๊กฟังจะเป็นส่วนของ BBC และ VOA ค่ะ เพราะว่า มีสคริปให้เราอ่านด้วย
ฟังครั้งแรก ตั๊กจะลองฟังก่อนว่ารู้เรื่องแค่ไหน
จากนั้นก็ขยับไปเป็นการเอาสคริปมาดูด้วย และต่อไปก็ลองดูว่า แต่ละคำเขาอ่านว่าอย่างไรบ้าง

ในส่วนของเพลงก็เช่นกันค่ะ จะหาเพลงที่ชอบ
ลองฟัง จากนั้นก็หาเนื้อเพลงมาดู บางทีก็ร้องตามไปด้วย ฮ่าๆๆๆ

ส่วนในเวลาว่างๆ หรือนั่งทำงาน ก็จะเปิดข่าวภาษาอังกฤษฟังค่ะ
เพื่อให้คุ้นสำเนียง ซึ่งตั๊กคิดว่ามันได้ผลนะ แต่ผลเสียคือ เราจะจับใจความไม่ค่อยได้ค่ะ

การฝึกอ่าน
การฝึกอ่านก็ง่ายๆ เลยค่ะ อ่านให้มากๆ เข้าไว้
และอย่าลืมเอาพจนานุกรมมาไว้กับตัวนะค่ะ แต่ให้เปิดเท่าที่จำเป็นนะค่ะ คือคำไหนไม่รู้จริงๆ ก็เปิด
ตั๊กแนะนำให้ใช้พจนานุกรม อังกฤษ - อังกฤษค่ะ เพราะจะมีการอธิบายศัพท์ให้เราเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษ

หลังจากอ่านแล้ว ขั้นต่อไป ฮ่าๆๆ มันจะ Advance ขึ้นนะคะ
คืออ่านแล้วทำเหมือนย่อความ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร
สรุปออกมาค่ะ ว่าอะไรเป็นยังไง จะฝึกการอ่านจับใจความได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

ที่กล่าวมาทั้งหมด ตั๊กยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นค่ะ และหวังว่าในอนาคตจะพัฒนาขึ้นได้มากกว่านี้
แต่คิดว่า วิธีที่ใช้ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ หากใครมีวิธีดีๆ อย่าลืมเอามาฝากบ้างนะคะ

ฝากไว้
สุดท้ายที่อยากจะฝากคือทุกอย่างไม่มีทางลัดค่ะ
การฝึกฝนที่สม่ำเสมอ จะทำให้ทักษะเราดีขึ้นได้
ตอนนี้การอ่านและการฟังของตั๊กดีขึ้นบ้างแล้ว
ต่อไปจะพยายามพัฒนาการเขียนและการพูดค่ะ
หากประสบความสำเร็จและมีข้อแนะนำดีๆ จะเอามาแชร์ให้อ่านกันอีกนะค่ะ

:: ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ::

Create Date : 29 มิถุนายน 2556 Last Update : 7 มีนาคม 2557 9:01:16 น. Counter : 8167 Pageviews.		37 comments
Share Tweet