ไอ้กล้วยอยู่ดีมีสุข เป็นส่วนหนึ่งของคณะเราอยู่นาน
หลายปี
จนกระทั่งวันหนึ่งฝันร้ายก็มาเยือนชีวิตไอ้กล้วยจนได้
เมื่อคำสั่งฟ้าผ่าจากเบื้องบนมีนโยบายให้กำจัดหมาจรจัด
เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของคณะในฐานะเจ้าภาพจัดงานวิชาการสัตวแพทย์ระดับชาติ
เดือดร้อนนักศึกษาอย่างพวกเราต้องหาบ้านใหม่ให้น้องหมาๆในคณะกันจ้าละหวั่น
หมอตัดสินใจรับเลี้ยงไอ้กล้วยเพราะเห็นว่ามันใจดีและที่สำคัญมันทำหมันแล้วด้วย
วันแรกที่รับไอ้กล้วยกลับบ้าน sheแสดงอาการอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
อาจเป็นเพราะมันไม่มีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้เหมือนก่อน
วิถีชีวิตของกล้วยเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นอิสระ ไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ
บัดนี้ไอ้กล้วยกลับถูกจำกัดบริเวณ สามารถออกนอกเขตบ้านได้ตามเวลาที่แม่กำหนด
ซึ่งต้องอยู่ในสายตาของแม่ตลอดด้วย
เพื่อป้องกันไม่ให้sheโดนรถชนเพราะที่บ้านเป็นแหล่งชุมชน รถเยอะมาก
หากปล่อยให้sheได้รับอิสระมากเกิน อาจเสี่ยงต่อการโดนรถทับซะมากกว่า
ข้าวปลาอาหารดีๆจัดให้ก็ไม่ค่อยกิน วันๆเอาแต่นอนหน้านิ่วคิ้วขมวด ถอนหายใจเฮือกๆๆๆ
พอตื่นขึ้นมาก็เอาแต่มองเหม่อออกไปนอกรั้วบ้าน ตาละห้อย
วันดีคืนดีsheก็ทะเลาะกับไอ้ยักษ์หมาลูกรักที่บ้าน
ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจน ไม่มีแอ๊บเลยว่าทั้งคู่เกลียดขี้หน้ากันมากๆ
บ่อยครั้งที่แม่ต้องคอยหย่าศึกระหว่างไอ้กล้วยกับไอ้ยักษ์ขณะฟัดกันนัวเนีย
โถๆๆๆๆ ลูกๆ(หมา)อยู่บ้านเดียวกัน แต่กลับไม่รักกันซะงั้น มันช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดใจเสียนี่กระไร
ถึงจะมีอาหารดีๆให้sheกิน มีที่ซุกหัวนอนดีๆให้sheอยู่
ซึ่งดูๆไปแล้วทุกอย่างก็น่าจะลงตัวและราบรื่นดี
แต่ผิดคาด ไอ้กล้วยกลับเลือกที่จะหนีออกจากบ้านทุกครั้งที่sheมีโอกาส
เพื่อออกไปหาอิสรภาพในแบบเดิมๆที่มันเคยมี
เดือดร้อนแม่ต้องออกตามหา ซึ่งช่วงแรกๆก็ตามเจอมันทุกครั้ง
หนีไปถึงหน้าปากซอยบ้าง หลังบ้านบ้าง เข้าป่าบ้าง แม่ก็ลากมันกลับมาได้ทุกที
จนครั้งล่าสุด แม่โทรมาบอกว่าไอ้กล้วยหนีออกจากบ้านอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ตามหาไม่เจอ
เวลาผ่านไป3-4 วัน มีรุ่นน้องเห็นไอ้กล้วยนอนซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ข้างถนนใกล้ๆคณะ
เขารับไอ้กล้วยขึ้นรถพากลับมาส่งที่คณะสัตวแพทย์ บ้านหลังเดิมที่มันเคยอยู่
(บ้านหมอกับคณะสัตวแพทย์ที่หมอเรียน อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ค่ะ ประมาณ 6-7 กม.เอง)
โชคดีที่งานประชุมวิชาการที่คณะมันจบพอดี
ไอ้กล้วยจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นหมาเฝ้าคณะได้ดังเดิม
ความสุขในชีวิตของไอ้กล้วย หาใช่อาหารดีๆหรือที่นอนอุ่นๆอย่างที่คนเราเข้าใจ
หากแต่เป็นอิสระภาพต่างหากเล่า ที่เป็นความสุขที่แท้จริงในชีวิตของไอ้กล้วย
การหนีออกจากบ้านของหมารักอิสระอย่างไอ้กล้วยในครั้งนั้น
เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หมอได้แง่คิดดีๆในชีวิตหลายอย่างเหมือนกันนะ
หมอเลี้ยงไอ้กล้วยได้แต่ตัว แต่เราขังใจที่รักอิสระของมันให้อยู่กับเราไม่ได้
หมามันก็เหมือนกับคนเรานี่แหล่ะ
ลึกๆแล้วมันก็มีอิสระทางความคิด และเป็นตัวของตัวเอง
ไม่มีประโยชน์ที่เราจะพยามตีกรอบหรือเปลี่ยนแปลงใคร เพื่อให้เป็นในแบบที่เราต้องการ
เพราะขนาดหมา ซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้อำนาจของเรา
เรายังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดมันได้เลย
นับประสาอะไรที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคนอื่นๆให้คิดเหมือนกับเราได้
ไม่มีใครหรอกที่สามารถเป็นได้ในแบบที่เราต้องการทั้งหมด
หรือแม้แต่ความคิดของเราเองก็เถอะ
บางครั้งเราก็ยังเปลี่ยนความคิดของเราเองไม่ได้
ดังนั้น...
จงเปิดใจให้กว้าง ให้อิสระและยอมรับในสิ่งที่คนอื่นเป็น
แล้วเราจะอยู่กับคนอื่นได้อย่างมีความสุข
สุดท้ายไอ้กล้วยก็กลับไปเป็นหมาอ้วนรักอิสระ เฝ้าคณะตามเดิม
ปัจจุบัน ไอ้กล้วยตายแล้ว (เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง)
มันโดนรถอาจารย์ทับเพราะมัวแต่หลับเพลินอยู่ใต้ท้องรถ หนีออกมาไม่ทัน
โดนทับไปเต็มๆตายสนิท คาที่(กระแสข่าวว่างั้น) เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
พี่น้องชาวสัตวแพทย์เรากระจายข่าวเรื่องไอ้กล้วยตายกันได้รวดเร็วมากๆ
ขนาดหมอในคณะบางคนแถลงข่าวแต่งงาน ท้อง คลอดลูก
ก็ยังไม่ดังเท่าข่าวเรื่องไอ้กล้วยโดนรถอาจารย์ทับตายเลยนะ
พี่น้องชาวสัตวแพทย์ มช เราต่างก็เสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับไอ้กล้วย
ใครมีเพื่อนจบจากสัตวแพทย์ มช ลองไปถามดูสิคะว่า รู้จักไอ้กล้วยมั้ย
รับรองว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักมัน ไอ้กล้วย...
หลับให้สบายนะไอ้กล้วย
เจ้าหมาอ้วน
ร่วมไว้อาลัยในการฝังศพไอ้กล้วย คลิ๊กเข้ามาดูภาพถ่ายได้เลยค่ะ
โททนต์เสน่ห์คง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
(กฤษณาสอนน้อง : สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส)
โคควายวายชีพได้ เขาหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง ขารร่าง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่..ร้าย..กับ..ดี
(โคลงโลกนิติ)
ขนาดเป็นหมา ยังมีคนรักและอาลัย แม้ตายไปก็ยังมีคนกล่าวถึง เกิดเป็นคน ถ้าไม่ฝากความดีไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ ตายไปมีแต่คนสาบแช่ง ลูกหลานจะมีแต่คนดูแคลน จำไว้..อย่าอายหมา
ขอร่วมไว้อาลัยไอ้กล้วยด้วยคน