Review ชีวิต..จังหวะหนึ่งในชีวิตของการเป็นมนุษย์ between jobs
24 เมษายน 2554 เวลาประมาณ 21.15 น.

ค่ำคืนนี้มีฝนเม็ดเล็กปรอยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย พลอยทำให้อากาศเย็นสบาย น่านอนหลับจนไม่อยากตื่นเป็นที่สุด หลังจากอากาศร้อนอบอ้าวมาหลายวัน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้

ตอนนี้ตกอยู่ในสถานะมนุษย์ between jobs มาได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ทำให้พอมีเวลาว่างที่จะทำอะไรๆได้อย่างที่ใจต้องการมากขึ้น และนั่นหมายถึงเวลาที่ว่างมาก..มากพอที่จะคิดฟุ้งซ่านและเวิ่นเว้อไปต่างๆนานา ซึ่งเหตุผลในการขอลาออกจากงานเก่านั้น ก็ขอบันทึกไว้พอสังเขปเพียงแค่ว่า ตำแหน่งที่ทำงานอยู่ ณ เวลานั้น มันดูไม่เติบโตในความคิดของผม ซึ่งแน่นอนว่าอีกไม่ช้าไม่นานผมจะได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ ณ จุดนั้น แต่เมื่อผมใคร่ครวญกับตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว กลับมองไม่เห็นภาพของตัวเอง ณ จุดนั้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า มันทั้งไม่เติบโต ไม่ยั่งยืน และช่างไม่เหมาะสมกับความเป็นตัวตนของผมเลยแม้สักนิด ทำให้ผมได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า..ผมคงจะไม่เหมาะกับกับงานนั้นอีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าผมคงต้องเลือกเดินทางใหม่ในอนาคต...แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ต้องรอไปถึงในอนาคต ในเมื่อวิธีแก้ปัญหาทั้งตอนนี้และภายภาคหน้าจะมีวิธีการเดียวกัน นั่นคือ การหางานใหม่ที่เหมาะสมกับตัวผมมากกว่า... นี่เพียงแค่สาเหตุหลักอันหนึ่งเท่านั้น ยังไม่รวมสารพัดเรื่องราว สารพันปัญหาของเพื่อนร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายที่ผลัดกันวนเวียนเข้ามาทักทายผมเป็นประจำระหว่างที่ยังทำงาน ณ ที่นั่น ทั้งปัญหาของคนและนานาพฤติกรรมที่ผมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ สุดท้ายจึงทำได้เพียง..นิ่งเฉยและปล่อยวาง..กับสิ่งเหล่านั้น และคิดเพียงว่า..มันเป็นเช่นนั้นเอง...

แน่นอนว่าผมค่อนข้างอาลัยอาวรณ์กับการลาออกจากบริษัทนั้นมากกว่าครั้งก่อน..ในเมื่อตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมเป็นผู้ได้รับมาโดยตลอด..ได้รับสิ่งดีๆ มิตรภาพและความผูกพัน ได้รับโอกาสดีๆมากมายจากผู้บริหาร ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีร่วมกันมากว่าหนึ่งปี แม้ในวันนี้ตัวผมจะจากไปไกลเพียงใดก็ตาม ทว่าความทรงจำและมิตรภาพดีๆจะยังคงอยู่ ณ ที่แห่งนั้น มิเลื่อนหายไปตามกาลเวลา

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมเพียรหางานและสมัครงานเป็นว่าเล่น ที่สมัครไปทางอินเทอร์เน็ตนับจำนวนได้เกือบจะหนึ่งร้อยงานแล้วล่ะมั้ง และไหนยังมีที่สมัครทางไปรษณีย์อีกประมาณ 30 กว่าบริษัท หนึ่งในจำนวนนั้นบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทสายการเดินเรือที่ตกลงรับผมเข้าทำงาน...มันเป็นการสัมภาษณ์งานที่ค่อนข้างหนักไม่น้อยเลย โดยการสัมภาษณ์รอบแรกกับผู้จัดการบริษัทโดยตรง ซึ่งผมผ่าน ณ จุดนั้นมาได้ ถัดมาอีกสามวันผมได้ัรับเชิญให้เข้าสัมภาษณ์กับผู้จัดการและคณะชาวต่างชาติอีก 3 คนซึ่งเป็นการสัมภาษณ์แบบออนไลน์ real time มาจาก New York ตามเวลาในประเทศไทย คือ แปดโมงเช้า และตามเวลาอีกฟากหนึ่ง คือ เวลาประมาณสองทุ่ม ผมได้รับเกียรติค่อนข้างมาก ณ จุดนั้นที่พวกเขาเหล่านั้นสละเวลาหลังเลิกงานมาสัมภาษณ์ผม ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ยินดีรับผมเข้าทำงานในตำแหน่ง Web Support & Documentation ทว่าตำแหน่งนี้เป็นงานที่ต้องปฏิบัติในเวลากลางคืน ตั้งแต่สองทุ่มถึงตีห้า ซึ่งจะตรงกับเวลาของฝั่งนิวยอร์กในเวลาทำการปกติ ปัญหาใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อผมไม่สะดวกกับการทำหน้ากะกลางคืนเช่นนี้ ในตอนนั้นเครียดและสับสนมาก ตัดสินใจไม่ถูก ผมปรึกษาจากเพื่อนและค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการทำงานกลางคืนในลักษณะเช่นนี้อยู่หลายวัน ก่อนจะตัดสินใจบอกกับผู้จัดการว่าผมขอสละสิทธิ์จากงานนี้ ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นการทิ้งโอกาสที่ดีของตัวเองหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละ..ผมปฏิเสธไปแล้ว เพื่อสุขภาพและวิถึชีวิตที่ดีของผมต่อไป ผมเลือกที่จะไม่ทำงานนี้ อย่างน้อยที่สุดผมได้รับประสบการณ์การสัมภาษณ์งานในแบบที่ไม่เคยประสบมาก่อน ผมผ่านการสัมภาษณ์งานแบบภาษาอังกฤษที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างจัดหนัก มาแล้ว ..และผ่านมันไปได้ แม้ว่า ณ นาทีก่อนหน้าการสัมภาษณ์นั้น ผมจะต้องพยายามทำสมาธิมากจนเรียกได้ว่าไม่เคยตั้งใจทำสมาธิให้แน่วแน่ขนาดนั้นมาก่อน เพื่อลดความตื่นเต้น ความกังวลใจและอาการประหม่าต่างๆ ผมผ่านมันไปได้และได้ประสบการณ์ที่น่าภูมิใจ

ทว่านั่นคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ผมได้เลือกปฏิเสธไปแล้ว..คิดแก้ไขสิ่งใดก็คงไม่ได้ ปัจจุบัน..ผมต้องอยู่กับปัจจุบัน แล้วเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไป... แม้ว่าจะเหนื่อย ท้อ สิ้นแรง หมดหวัง ไร้ศรัทธาเพียงใดก็ตาม ก็ยังต้องเดินต่อไป

หลังจากคืนนี้ไป ผมก็ได้แต่หวังว่า โชคคงจะเข้าข้างผมบ้าง มิใช่เพียงแกล้งเล่นให้ดีใจไม่นาน... ความพยายามและมุ่งมั่นที่ผมมีนั้น ไม่รู้ว่ามันจะหมดลงเมื่อไร และไม่แน่ใจว่าจะเติมเต็มมันอีกครั้งได้อย่างไร ที่สำคัญ คือ เส้นทางข้างหน้าซึ่งผมมิอาจล่วงรู้อนาคตได้เลยนั้น จะมีสภาพ มีวิถีดังเช่นที่ผมปรารถนาหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ผมคงทำได้แต่ภาวนาขอความเห็นใจจากใครสักคนหนึ่งเบื้องบน โปรดมองลงมาและรับฟ้งเสียงผมบ้างเถิด...

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ณ จุดนี้..ผมจึงพยายามทำความเข้าใจกับตัวเองและชีวิต ณ ตอนนี้ว่ามันคงเหมือนฤดูกาลที่ย่อมแปรเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ ฤดูที่แตกต่าง..เมื่อมรสุมผ่านพ้นไป ฟ้าใสๆก็จะกลับมางดงามดังเดิม อย่างน้อยการคิดแบบนี้ก็คอยให้กำลังใจผมได้บ้างในยามที่ไร้เรี่ยวแรง หมดแรงบันดาลใจที่จะสู้ต่อไป ผมพยายามคิดในทางบวกเพื่อเพิ่มและเสริมกำลังกาย กำลังใจที่จะก้าวเดินใหม่ในวันพรุ่งนี้ด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยที่อาจเป็นไปได้หรือไม่ก็ตาม ผมทำได้แค่บอกกับตัวเองอย่างเงียบๆว่า วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ แม้จะได้คำตอบที่อาจมาลบล้างความคิดนั้นไปบ้างแล้วว่าวันพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าวันนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละว่าชีวิตดำเนินอยู่ได้ด้วยความหวัง..ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสัมฤทธิ์ผล

ค่ำคืนนี้จึงยังต้องบอกตัวเองอย่างมีความหวังต่อไปเหมือนเคยว่า...วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้...



Create Date : 24 เมษายน 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 21:32:24 น.
Counter : 582 Pageviews.

4 comments
  
เป็นกำลังใจให้ครับ
โดย: chai_zone วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:21:50:52 น.
  
สู้ ๆ ครับ.......
โดย: backhold วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:22:01:48 น.
  
พรุ่งนี้ต้องดีกว่า
โดย: zeerun (zeerun ) วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:22:35:44 น.
  
ค่ะ พระอาทิตย์ยังขึ้นเหมือนเดิม ชีวิตเราก็ต้องเริ่ม ตามพระอาทิตย์นะคะ สุขทุกข์ เข้ามาเสมอ เราเอาทุกข์เก็บไว้นาน เราก็สับสนตัวเอง กลุ้มใจตัวเองนะคะ เพื่อนมีอยู่รอบตัวเราค่ะ ความรักก็เลยอยู่รอบตัวเราเช่นกัน ยิ้มรับวันใหม่นะคะ สู้โว้ยยย 555 ขำๆอ่าค่ะ อิอิ
โดย: สัญญาลมปาก วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:0:49:22 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Passepartout
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนธรรมดาคนหนึ่งบนโลกใบนี้ ซึ่งกำลังก้าวข้ามผ่านกาลเวลา เพื่อไปสู่อนาคต...

พยายามเข้าใจกับคำว่า "ตราบใดที่มีรัก..ย่อมมีหวัง"
เมษายน 2554

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
29
30
 
All Blog