ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของปริยาธร / ณวลีค่ะ
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
21 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
คำตอบของ...ความรัก

คำตอบของ...ความรัก เป็นเรื่องสั้นที่เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นเขียนส่งนิตยสารไอน้ำ ผ่านการพิจารณาแล้วแต่เพราะหนังสือปิดตัวไปก่อนเลยไม่ได้ตีพิมพ์ วันนี้นั่งจัดไฟล์งานในเครื่องแล้วเจอเข้า ก็เลยเอามาลงให้อ่านกันค่ะ ฝากเรื่องสั้นเศร้าๆ เรื่องนี้ด้วยนะคะ ^_^

*****

คำตอบของ...ความรัก


เสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับแรงสะเทือนจนแม้แต่พื้นที่ยืนอยู่ยังไหวโยก ทำให้หญิงสาวรู้สึกคล้ายมึนงงไปชั่วขณะ เพราะทุกอย่างหมุนคว้างจนแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ บรรยากาศรอบด้านนั้นราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมอกขาวที่ลงอย่างหนักจนมองแทบไม่เห็นอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงเรียก 2 เสียงที่ดังสลับกันแว่วมาไกลๆ แล้วเสียงหนึ่งที่ชัดเจนกว่าก็ดังขึ้นที่เบื้องหลัง

“ดรีม” เจ้าของเสียงทุ้มนั้นคือชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ที่เดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม

“พี่นัท” ดังฝันเรียกชื่อนั้นขึ้นอย่างดีใจพร้อมด้วยรอยยิ้มใสๆ จนเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้ง 2 ข้าง เพราะไม่คาดฝันว่าเธอจะได้พบกับเขาที่นี่

นัทที เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของเธอมาตั้งแต่เด็ก และยังเป็นพี่ชายที่แสนดีที่คอยดูแลเธอมาตลอด จากความใกล้ชิดกลายเป็นความผูกพันที่ค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นจนแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่เกิดขึ้นกลางใจ และดังฝันก็รู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร แต่ความรู้สึกทั้งหมดของเธอนั้นก็ยังเป็นได้แค่ความในใจที่ไม่กล้าเอ่ยให้ชายหนุ่มได้ล่วงรู้ และสิ่งเดียวที่หญิงสาวคิดว่าตัวเองจะทำได้ก็คือ การบอกความรู้สึกของเธอผ่านทางแววตาและการกระทำ

ทว่าความรักของเธอไม่เคยได้รับคำตอบ ดังฝันออกจะแน่ใจด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของเธอแต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ตลอดมา จะเป็นเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองหรือท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นได้เพียงแค่น้องสาวเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นเอง

“พี่นัทมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ดังฝันถามอย่างแปลกใจ เพราะความจริงตอนนี้นัททีน่าจะอยู่ช่วยรุ่นพี่เตรียมจัดนิทรรศการภาพวาดอยู่ที่กรุงเทพฯ มากกว่า

“พี่ก็ตามดรีมมาน่ะสิ” นัททีตอบยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนจนเกือบจะเป็นอ่อนหวาน และเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นเขายิ้มแบบนี้กับเธอ ชายหนุ่มหันมองไปรอบๆ ตัว สูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้าอย่างสดชื่น

“ตอนเช้าๆ แบบนี้อากาศดีจังนะ” เขาหันมายิ้มกับหญิงสาวอีกครั้ง ทำให้ดังฝันต้องหันไปมองรอบๆ ตัวบ้าง ที่ด้านหลังของเธอคือบ้านของคุณยายที่ต่างจังหวัด หญิงสาวจึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมและเธอก็กลับมาเยี่ยมคุณยายนั่นเอง ในยามเช้าแบบนี้อากาศจะสดชื่นที่สุด เธอจึงชอบที่จะออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้านแบบนี้ทุกครั้งที่ได้กลับมา

“ค่ะ แล้วพี่นัทมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ถึงได้แวะมาหาดรีมได้เช้าขนาดนี้ หรือว่ามีธุระกับพี่โดมคะ?” ดังฝันถามอย่างแอบน้อยใจเล็กๆ เขาคงไม่มีทางมาหาเธออยู่แล้ว ที่รีบมาตั้งแต่เช้าแบบนี้คงมาตามพี่ชายเธอให้ไปช่วยงานนิทรรศการที่กรุงเทพฯ มากกว่า

นัททียิ้มขบขันกับน้ำเสียงตัดพ้อแกมน้อยใจของคนตรงหน้า “พี่ไม่ได้มาหาเจ้าโดมมันหรอก พี่มาหาเราต่างหากล่ะ พี่มีของอยากจะให้ดรีมแล้วก็มีอะไรอยากจะบอกดรีมด้วย”

ดังฝันเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มเต็มตา แล้วก็พบกับแววจริงใจและหนักแน่น จนหญิงสาวแอบจะคาดหวังอยู่ในใจไม่ได้ว่า สิ่งที่เขาจะบอกเธอนั้นจะเป็นคำที่อยากได้ยินมาตลอดหรือเปล่า?

“แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ” นัททีบอกอย่างยั่วเย้าคล้ายกับจะแกล้งน้องสาวคนเดิมที่เขาเคยหยอกเย้ามาตั้งแต่เด็ก

“อ้าว บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ? ดรีมอยากรู้ตอนนี้นี่นา พี่นัทแกล้งถ่วงเวลาแบบนี้ไม่ดีนะ เวลาเป็นสิ่งมีค่ามากนะคะ พี่นัทไม่เคยรู้เหรอ?” หญิงสาวอุทธรณ์เพราะรอมานานแสนนานจนไม่อยากที่จะรอแล้ว

ประโยคนั้นทำให้ดวงตาคมของคนฟังนั้นไหววูบไปนิดหนึ่ง ราวกับผู้เป็นเจ้าของจะรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่าเวลานั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากขนาดไหน

“ใช่...เวลาเป็นสิ่งมีค่าจริงๆ” น้ำเสียงนั้นไม่เป็นที่แน่ชัดว่าคนพูดต้องการจะเอ่ยรำพึงขึ้นกับตนเองหรือเพื่อจะบอกหญิงสาวที่กำลังรอฟังอยู่กันแน่

“ใจเย็นน่า ยังไงพี่ก็ต้องบอกเราแน่ๆ แต่วันนี้เราออกไปเที่ยวกันดีไหม ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านคุณยายตั้งนานแล้วนี่นา วันนี้ดรีมอยากจะทำอะไร อยากจะไปเที่ยวไหน หรืออยากจะได้อะไรก็บอกพี่มาได้เลย พี่ยินดีจะหามาให้ทุกอย่าง” นัททีบอกด้วยรอยยิ้มละมุน ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวบานขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใส นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเป็นฝ่ายชวนเธอออกไปเที่ยวกันตามลำพังแบบนี้

“พี่นัทจำดอกไม้ที่เราเคยไปช่วยกันปลูกตรงที่ดินที่ว่างๆ ของคุณยายได้ไหมคะ? ตั้งหลายปีแล้วไม่เห็นเคยออกดอกบ้างเลย ดรีมเคยถามคุณยายดูคุณยายบอกว่าไม่ค่อยมีใครว่างไปดูแลให้ มันอาจจะเฉาไปหมดแล้วก็ได้ ดรีมอยากไปดูจังเลยค่ะ ไม่แน่นะ เจ้าของมาดูทั้งทีอาจจะพร้อมใจกันบานจนเป็นทุ่งดอกไม้ไปแล้วก็ได้” ดังฝันเอ่ยชวนด้วยความหวังที่มีอยู่ลึกๆ
…..

2 ข้างทางอันเป็นเส้นทางที่ตรงไปยังที่ดินที่ปลูกดอกไม้เอาไว้นั้น สวยงามไปด้วยป่าสนร่มครึ้มอย่างที่ดังฝันไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวจำได้ว่าที่แถวนี้เมื่อปีที่แล้วที่เธอมายังเป็นที่ดินโล่งๆ ที่มีแต่ต้นหญ้าขึ้นอยู่จนรกเท่านั้นเอง

หากที่ดึงดูดความสนใจของร่างบางได้มากไปกว่านั้นก็คือ ทะเลสาบที่มีสีเข้มจัดจนเกือบดำด้วยเงาของต้นสนที่ทอดอยู่ในน้ำใสๆ นั้น และเมื่อมองเลยขึ้นไปผิวน้ำบางส่วนสะท้อนสีท้องฟ้าเบื้องบนแจ่มชัด ขณะที่ส่วนที่เหลือคือเงาของทิวเขาสีครามสลับซับซ้อน แสงแดดที่ทาบทาลงมาทำให้เห็นผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ

ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นสวยงามราวกับภาพฝันไม่มีผิด ดวงตากลมใสจึงเป็นประกายขึ้นอย่างตื่นตะลึง ถ้ามีเรืออีกสักลำก็คงจะดีไม่น้อยเลย

“ไปพายเรือเล่นกันไหม?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามนั้นดังขึ้นแทบจะทันกันกับความคิดของหญิงสาว ดังฝันหันไปมองตามชายหนุ่มและก็ได้เห็นเรือลำหนึ่งอยู่ที่ข้างทะเลสาบ หญิงสาวออกจะแปลกใจนิดๆ เพราะเมื่อครู่นี้เธอมองไปยังไม่เห็นมีเรือเลยนี่นา แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอมองไม่ทั่วเองก็ได้

นัททีแก้เชือกที่ผูกเรือไว้ก่อนจะก้าวลงไป แล้วจึงหันมายื่นมือให้หญิงสาวจับเป็นหลักเพื่อลงมาในเรือ และเมื่อเห็นดังฝันนั่งลงได้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงพายเรือให้ออกจากฝั่งไปช้าๆ เขามองภาพที่หญิงสาวเอามือละไปตามสายน้ำใสอย่างมีความสุขด้วยความพึงพอใจ ราวกับจะประทับภาพทั้งหมดนั้นให้ติดอยู่ในหัวใจตลอดไป

“อุ๊ย พี่นัทดูสิคะ มีเป็ดแมนดารินด้วยแหละ เนี่ยดรีมเพิ่งคิดๆ อยู่เองว่าน่าจะมีเป็ดมาว่ายน้ำให้เห็นบ้าง แล้วก็มีจริงๆ ด้วย ยังกับที่เคยฝันเอาไว้เลย”ดังฝันบอกอย่างตื่นเต้นพลางชี้ชวนให้ชายหนุ่มดูเป็ด 2 ตัวที่ว่ายน้ำมาคู่กันอย่างมีความสุข หญิงสาวสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเข้าจนเต็มปอดด้วยความอิ่มเอมใจ วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ ดังฝันอยากให้วันนี้ เวลานี้ยาวนานออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะตอนนี้เธอกำลังมีความสุขเหลือเกิน

“เอ่อ ป...ป่าสนที่นี่สวยจังเลยนะคะ” ดังฝันเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเรือ เพราะชายหนุ่มไม่พูดอะไรกับเธอเลย ความรู้สึกบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากคนที่เอาแต่จ้องหน้าเธอเงียบๆ มาตลอด ทำเอาหญิงสาวชักจะทำหน้าไม่ถูก มือเรียวจึงเสหย่อนลงไปแกว่งอยู่ในน้ำใสเล่น เพื่อไม่ต้องสบตากับคนตรงหน้า

“อืม...” เสียงตอบรับจากอีกฝ่ายมีเพียงเท่านั้น ขณะที่ดวงตายังจับจ้องไปยังดวงหน้าของหญิงสาวไม่วางตาคล้ายกับกำลังบันทึกภาพทั้งหมดนั้นไว้โดยไม่ให้พลาดไปแม้แต่วินาทีเดียว

“ไม่รู้ว่าที่นี่มีทะเลสาบตั้งแต่เมื่อไหร่นะคะ...แล้วยังเรืออีกไม่รู้ว่าใครเอามาผูกไว้” ดังฝันพยายามชวนคุยต่อ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น คนฟังก็เพียงแต่ตอบรับกลับมาในลำคอเช่นเดิมแล้วก็เงียบไป ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าดวงตาคู่นั้นไม่ได้เลื่อนไปมองที่อื่นเลยนอกจากมองตรงมาที่เธอ

หญิงสาวขยับตัวขยุกขยิกอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี และรู้สึกเกะกะแขนขาของตัวเองขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบเอ็ดปีที่เกิดมา

“ไม่รู้ว่าดอกไม้จะบานหรือยังนะคะ?...”ดังฝันพูดไปเรื่อยๆ แต่คนนั่งมองทำซึ้งเงียบอยู่ก็ยังเฉย “ระ...เราขึ้นจากเรือแล้วรีบไปดูกันไหมคะ?”

“อืม..”

คำตอบรับที่ยังมีเพียงแค่นั้นทำให้หญิงสาวชักเริ่มฉุน “พี่นัทได้ยินที่ดรีมพูดบ้างหรือเปล่าคะเนี่ย”

คราวนี้คนที่แกล้งนิ่งมาตลอดจึงกลั้นไม่ไหว ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่นัทน่ะ เห็นดรีมเป็นเด็กกว่าใช่ไหมล่ะ ถึงได้แกล้งกันแบบเนี้ย” หญิงสาวต่อว่าหน้าง้ำ ก็อีกแหละเขาไม่เคยมองเธอในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเห็นเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กไว้แกล้งเล่นได้เสมอ

“ใครว่า” เสียงทุ้มยังเจือด้วยความขบขัน

“ก็ดรีมนี่แหละว่า ไม่เอาแล้วค่ะ ไปดูดอกไม้ที่ปลูกไว้กันดีกว่า”

ชายหนุ่มจึงพายเรือลำนั้นกลับเข้าฝั่ง แล้วพาหญิงสาวเดินผ่านป่าสนเขียวขจีมุ่งตรงไปยังบริเวณที่เคยปลูกดอกไม้เอาไว้
.....

ลมที่พัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ให้ลอยตามมาด้วย หากสิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงก็คือ ภาพของที่ดินที่เคยโล่งว่างนั้นบัดนี้ถูกแต่งเติมด้วยดอกไม้หลากสีสัน ที่ชูช่อดอกบานสะพรั่งพลิ้วไหวตามแรงลม ดังฝันเดินเข้าไปแตะกลีบกุหลาบสีแดงแผ่วเบาก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นหอมชื่นใจ แล้วหันไปมองดอกสีอื่นๆ ที่รายล้อมอยู่รอบกายอย่างมีความสุข

“พี่นัท ดูสิคะที่นี่สวยจังเลย ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าเวลาแค่ไม่นานดอกไม้ก็บานเต็มทุ่งได้ขนาดนี้ ดรีมดีใจจังเลยค่ะ วันนี้ทุกอย่างที่ได้เห็นยังกับฝันไปเลย เพราะมันคือสิ่งที่ดรีมอยากได้อยากเห็นมาตลอด ดรีมจะจดจำทุกอย่างวันนี้ไว้จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ”

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏชัดอยู่ตรงหน้านั้นราวกับภาพฝัน แต่ที่ยิ่งไปกว่าฝันก็คือการที่เขาคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ตามใจเธอทุกอย่าง ไม่เหมือนกับนัททีคนเก่าที่ไม่เคยเข้าใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

“พี่ก็จะไม่ลืมวันนี้เลยเหมือนกัน”

“วันนี้พี่นัทมีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ ดรีมว่าวันนี้พี่นัทแปลกๆ ไปจากทุกทีนะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ใช่แล้วจ้ะ วันนี้เป็นวันพิเศษมากเลย แล้วพี่ก็มีของขวัญจะให้ดรีมด้วยนะ เรากลับบ้านไปดูกันดีกว่า” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ราวกับกำลังมองการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลา

“หา...ไม่เอาอ่ะ ดรีมยังไม่อยากกลับเลย นานๆ เราจะได้มีโอกาสมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้ อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ ของขวัญน่ะไว้เย็นๆ ค่อยกลับไปดูก็ได้”

ไม่รู้มีใครเคยบอกว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านเราไปอย่างรวดเร็วเสมอ เพราะเวลาเปลี่ยนอะไรๆ มันก็มักจะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเสมอ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาดีๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นได้อีกไหม เมื่อตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้หัวใจของเธอมีความสุข เธอจะไม่ยอมเสียเวลาปล่อยให้มันเลยผ่านตัวเธอไปได้อีก ถ้าบอกเขาด้วยแววตาแล้วเขาไม่เข้าใจ เธอก็จะบอกเขาตรงๆ ให้เขาเข้าใจ เธอจะไม่รออีกต่อไปแล้ว

“พี่นัทคะ” ดังฝันมองสบตาชายหนุ่มพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ อะไรบางอย่างบอกเธอว่าถ้าวันนี้ไม่พูดออกไปเธอก็จะไม่มีโอกาสได้พูดความรู้สึกให้เขารับรู้ได้อีกแล้ว

“ดะ...ดรีมรักพี่นัทค่ะ”หญิงสาวกลั้นใจบอกออกไปเสียงดัง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย

หากไม่มีคำตอบจากร่างสูงนอกจากอ้อมแขนแกร่งที่รั้งร่างบางเล็กๆ ของหญิงสาวเข้ามากอดไว้แนบอก วงแขนนั้นอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับผู้เป็นเจ้าของกำลังถ่ายทอดความสุขทั้งหมดของหัวใจผ่านไปทางสัมผัสนั้น ชายหนุ่มซบหน้าลงกับเรือนผมสีดำนุ่มสลวย หัวใจอบอุ่นและซาบซึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ดังฝันกระพริบตาปริบอยู่ในอ้อมแขนนั้นไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้รับนั้นแทนคำตอบว่าอย่างไรกันแน่ หญิงสาวได้ยินคล้ายกับเสียงชายหนุ่มกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูแต่เธอก็ได้ยินไม่ชัดนัก และยังไม่ทันจะได้เอ่ยถาม วงแขนของชายหนุ่มก็คลายลง มือข้างหนึ่งเลื่อนลงมาจับมือของเธอเอาไว้

“เราต้องกลับกันแล้วนะ พี่พาดรีมออกมานานแล้วเดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง”

“แล้ว...แล้วพี่นัทไม่มีอะไรจะบอกดรีมบ้างเหรอคะ?” ดังฝันจ้องหน้าชายหนุ่มยังไงวันนี้เธอก็อยากจะฟังคำตอบจากปากเขาให้ได้

“มีสิ แต่ต้องไปดูของขวัญที่บ้านก่อน ของขวัญชิ้นนี้มีค่าเท่ากับชีวิตของพี่ เพราะมันคือสิ่งแทนความรู้สึกทั้งหมดที่พี่มี อยากรู้ไหมว่าคืออะไร?”

ดังฝันพยักหน้ารับ “งั้นก็รีบกลับบ้านกันดีกว่า ได้ยินไหมเสียงคุณแม่ดังเรียกมาโน่นแล้วนะ”

นัททีชี้มือไปข้างหน้า ดังฝันมองตามไปเธอเห็นคุณแม่ของเธอยืนเรียกอยู่ไกลๆ แต่แล้วภาพนั้นก็คล้ายกับถูกบดบังด้วยหมอกเย็นฉ่ำ จนภาพเบื้องหน้าค่อยๆ เลือนหายไป หากเสียงที่ได้ยินเรียกชื่อเธอนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ และใกล้เข้ามาทุกที พร้อมกับมือหนึ่งที่จับแขนเธอเอาไว้ และเมื่อดังฝันลืมตาขึ้นมองเต็มตา เธอก็พบกับใบหน้าของคุณแม่ที่ก้มลงมองเธอจนชิด ดวงหน้านั้นแสดงความยินดีอย่างสุดซึ้งราวกับไม่ได้พบกับเธอมาเป็นเวลานาน

“ดรีม ในที่สุดลูกก็ฟื้นแล้ว รู้ไหมลูกสลบไปตั้ง 3 วัน 3 คืนเชียวนะ แม่ห่วงจนไม่รู้ว่าจะห่วงยังไงแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกเจ็บตรงไหนไหม? เดี๋ยวจะตามคุณหมอให้นะลูก” ผู้เป็นแม่เอื้อมไปกดสวิทซ์ที่หัวเตียงเพื่อเรียกแพทย์เจ้าของไข้ลูกสาว แล้วกลับมาตั้งคำถามนับไม่ถ้วนใหม่ด้วยความห่วงใย

ดังฝันฟังคำถามนั้นอย่างมึนงง หญิงสาวกวาดตาไปรอบๆ ห้อง ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณยาย แต่คือโรงพยาบาล เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เมื่อครู่นี้เธอยังอยู่ที่ทุ่งดอกไม้พร้อมกับนัททีอยู่เลย

“แม่ แล้วพี่นัทล่ะคะ?” ดังฝันถามพลางกวาดสายตามองหาอย่างร้อนรน

ผู้เป็นแม่ชะงักไปนิดนึง และเป็นเวลาเดียวกับที่คุณหมอเดินเข้ามาพอดี เธอจึงยังไม่ได้คำตอบที่อยากรู้ ดังฝันเพิ่งสังเกตว่าตามร่างกายของเธอมีผ้าพันแผลพันเอาไว้หลายแห่งเช่นเดียวกับบนศีรษะของเธอ มันหมายความว่าอย่างไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับเธอย่างนั้นหรือ?

“แม่คะเกิดอะไรขึ้น? ดรีมเป็นอะไรเหรอคะ? แล้วพี่นัทล่ะ? ดรีมจำได้ว่าเมื่อกี้ดรีมยังอยู่กับพี่เขาอยู่เลย เขายังบอกให้ดรีมรีบกลับบ้านเพราะแม่จะเป็นห่วง”

ผู้เป็นแม่มองลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ ก่อนจะตั้งสติแล้วค่อยๆ อธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างช้าๆ

“ดรีมฟังแม่นะ ดรีมประสบอุบัติเหตุตอนที่นั่งรถมาที่บ้านคุณยาย แล้วก็สลบไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ส่วนนัท...ที่แท้นัทก็เป็นคนพาดรีมกลับมาหาแม่นี่เอง” พูดได้แค่นี้ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป จนดังฝันเริ่มรู้สึกใจไม่ดี ระหว่างที่หญิงสาวยังจับต้นชนปลายไม่ถูกประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ผู้ที่เดินเข้ามาคือพี่ชายของเธอเอง แววตาคู่นั้นบอกความยินดีอย่างยิ่งที่เห็นเธอฟื้นขึ้นมา

“พี่โดม แล้วพี่นัทล่ะคะ?” ดังฝันรีบถามขึ้นทันที

ผู้เป็นพี่ชายงันไปเป็นครู่ก่อนจะกลั้นใจตอบน้องสาวออกไปว่า “ดรีม นัทเสียแล้ว”

ดังฝันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดที่พี่ของเธอสวมอยู่นั้นเป็นสีดำทั้งชุด หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้เธอยังรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนอันอบอุ่นของคนที่เธอรักอยู่เลยแท้ๆ

“ไม่จริง...ไม่จริง ดรีมไม่เชื่อเมื่อกี้พี่นัทยังอยู่กับดรีม ยังพาดรีมไปเที่ยว ยังชวนดรีมกลับบ้าน ยังบอกดรีมอยู่เลยว่ามีของขวัญให้กับดรีม...” หยดน้ำตาร่วงพราว จากร่างที่สะอื้นจนตัวสั่น นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหม? พอเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพี่นัทก็จะกลับมา...กลับมาบอกคำตอบที่เธออยากรู้มาตลอด

ผู้เป็นพี่ชายเองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน เพราะผู้ที่จากไปนั้นคือเพื่อนรักของเขาเอง สิ่งที่เขาจะทำเพื่อนัททีได้ตอนนี้จึงมีเพียงการนำของขวัญชิ้นสุดท้ายของนัททีมามอบให้กับดังฝัน

กรอบรูปขนาดใหญ่ถูกวางลงที่ขอบเตียง พร้อมกับกระดาษห่อที่ค่อยๆ ถูกคลี่ออก ปรากฏเป็นภาพวาดหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ใบหน้าของชายหนุ่มในภาพคล้ายกับกำลังบอกอะไรสักอย่างกับหญิงสาวที่รอฟังอย่างตั้งใจ ที่ด้านล่างมีตัวหนังสือเล็กๆ เขียนอยู่

รักดรีมมากนะ...พี่นัท

“วันที่ดรีมประสบอุบัติ นัทเขาก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหาทันที แต่รถคว่ำระหว่างทางที่มาทำให้เสียชีวิตทันที ตอนพี่ไปถึงที่เกิดเหตุยังเห็นเขานอนกอดรูปนี้อยู่เลย...” ผู้เป็นพี่เล่าได้แค่นั้นก็นิ่งไปแล้วเบือนหน้าหนีไปเสียอีกทาง

ตอนนี้ดังฝันได้คำตอบทุกอย่างแล้วว่าของขวัญที่มีค่าเท่ากับชีวิตนั้นหมายถึงอะไร คำตอบของความรักที่เธออยากรู้ ก็อยู่ในของขวัญชิ้นนี้นี่เอง เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากบอกเธอเท่านั้นเอง ดังฝันซบหน้าลงกับรูปนั้นปล่อยเสียงสะอื้นเบาๆ รู้สึกราวกับเสียงกระซิบที่เธอได้ยินไม่ถนัดในตอนนั้นจะชัดเจนขึ้นที่ข้างหู

...เขาอยากอยู่กับเธอไปจนแก่จนเฒ่า เพื่อสะสมช่วงเวลาที่มีแต่รอยยิ้มไปด้วยกัน เก็บเกี่ยวเอาไว้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับเรา.... แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เขาจะทำให้เธอได้เห็นได้สัมผัสนั้นก็เป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้นเอง...
.....

2 ข้างทางอันเป็นเส้นทางตรงไปยังที่ดินที่ปลูกดอกไม้เอาไว้นั้น มีสภาพไม่ต่างไปจากที่เคยเห็นเมื่อปีก่อน ไม้ยืนต้นที่แห้งแล้งด้วยใบสีเหลืองกรอบและเพียงสายลมพัดผ่านมาเบาๆ ก็ปลิดปลิวลอยคว้างลงจากขั้วอย่างง่ายดาย พื้นดินแห้งมีต้นหญ้าเท่านั้นที่ขึ้นสูงจนเกือบถึงระดับเข่า ไม่ปรากฏแม้เศษเสี้ยวของป่าสนเขียวครึ้มที่เคยอยากเห็น ถัดไปไม่ไกลนักดังฝันเคยอยากให้ลำธารสายเล็กๆ กลายเป็นทะเลสาบที่ทอดเงาของต้นสนและทิวเขาสูงตระหง่าน จนครั้งหนึ่งเขาคนนั้นยังเคยหัวเราะขบขันกับความคิดของเธอด้วยซ้ำ

หญิงสาวก้มลงแตะพื้นดินที่มีเพียงต้นหญ้าแห้งๆ ขึ้น หยดน้ำในตาหยดหนึ่งหยดลงบนจุดที่เธอเคยมาปลูกดอกไม้เอาไว้ และเคยหวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นสวนดอกไม้ขึ้นมาได้ สวนดอกไม้หลากสีสันที่ใครคนนั้นทำให้เธอสมปรารถนาได้เพียงในความฝัน ทว่าในความเป็นจริง ทั้งเขาและเธอช่วยกันปลูก แต่ไม่เคยช่วยกันดูแลจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต วันที่ไม่สามารถช่วยกันทำความฝันทุกอย่างให้เป็นจริงได้อีกแล้ว

“ดรีม ได้เวลาแล้วนะ” เสียงของผู้เป็นพี่ชายดังขึ้นที่ด้านหลัง หญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงสีดำจึงค่อยๆ หันกลับไปช้าๆ ก่อนจะตามพี่ชายของเธอกลับไปเพื่อร่วมพิธีลอยอังคารที่ริมน้ำ ดังฝันมองเถ้ากระดูกที่ถูกโปรยหายไปพร้อมกับสายลมด้วยหัวใจที่แทบจะขาดหายตามไปด้วย

...วันนี้เราต้องจากกันแล้วนะคะพี่นัท ดรีมสัญญาค่ะว่าจะเก็บภาพฝันนั้นเอาไว้ เป็นความทรงจำที่ดีระหว่างเราตลอดไป

สายลมเย็นๆ ที่พัดแผ่วพลิ้วผ่านมานั้น ราวกับมีอ้อมแขนอันอ่อนโยนลูบไล้ปลอบประโลมทิ้งไว้แทนความห่วงหาอาทรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจางหายไป

เวลาพัดพาสิ่งต่างๆ ให้แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวเสมอ และเราจะดูแลใครสักคนได้ก็ต่อเมื่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น...

จบแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านนะคะ



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 20 มีนาคม 2554 22:45:18 น. 2 comments
Counter : 1473 Pageviews.

 
เศร้าจังค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^


โดย: easyfreedom1978 วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:18:52:43 น.  

 
Google ใช้เวลา 0.06 วินาที , ในการ ค้นหา และพบคำว่า รักแท้
และใช้เวลา 0.07 วินาที เพื่อการค้นพบคำว่าน้ำตา หมายความว่าเมื่อพบ รักแท้ เพียงไม่นานน้ำตา ก็จะตามมาในช่วงเวลา เพียงเสี้ยว.วินาที
ไช่ไหมครับ....


โดย: จากเดินสู่ดาว คนธรรมดา IP: 122.154.237.2 วันที่: 29 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:59:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณวลี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]









ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกนิยายของปริยาธร / ณวลี นะคะ


ผลงานเขียนในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของปริยาธร เจ้าของบล็อกแต่เพียงผู้เดียว ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใดโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเด็ดขาด

อ้างอิงจากพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537

มาตรา ๒๗ (การกระทำอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์)
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๕ (๕) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(๑) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
(๒) เผยแพร่ต่อสาธารณชน

มาตรา 69 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตาม มาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 หรือ มาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผลงานรวมเล่มนิยายและเรื่องสั้นค่ะ


































Ebook







Pink Cherry
New Comments
Friends' blogs
[Add ณวลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.