ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..
ความสุขจากห้วงรักและภาษาดอกไม้





เรื่่องของกุหลาบ ตอน ความสุขจากห้วงรักและภาษาดอกไม้




โลกกุหลาบ คือ โลกของคุณกุหลาบ ที่ใช้คำแทนตัวเองว่าอั้ว ไม่ใช่ลูกจีนแต่มีตาแค่ชั้นเดียว ไม่ใช่มาเฟีย แต่ก็เป็น “ขาใหญ่ ” พอตัวเหมือนกัน



“ข้อยเพิ่งบอกเลิกกะพี่เขามา ”

เมื่อวานในเวลาทำงานตอนเช้า เพื่อนสนิททาง MSN คนหนึ่ง เด้งข้อความตัวหนังสือผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ (ตัวที่ใช้ทำงานรับออเดอร์ประจำน่ะแหล่ะ อืม แบบนี้ชาวบ้านรู้หมดเลยว่ายัยนี่นั่งหน้าเคร่งหน้าคอมนี่กำลังแอบอู้งานอยู่)

แค่ประโยคแรกก็ดราม่ากระแทกความรู้สึกจนต้องหรี่เสียงเพลงรักให้เบาลงกว่านี้หน่อย ก็กลัวเสียงเพลงมันจะดังเข้าไปในโปรแกรมสนทนาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็แหมเนอะ อั้วก็แค่กลัวว่าคลื่นเสียงของเพลงที่กำลัง “บอกรัก” จะไปเข้าไปรบกวนคลื่นความรู้สึกของคนที่ “กำลังบอกเลิก” ทั้งที่มันดังเข้าไปในนั้นไม่ได้อยู่แล้ว เป็นคนรอบคอบน่ะ

“ พอบอกเลิกกะพี่เค้าเสร็จ ข้อยก็เสียใจหลาย ร้องไห้ลั่นบ้าน จนแม่มาได้ยินเข้า แม่เลยด่าเข้าให้ว่า เป็นบ้าอะไร!! ”

ที่นี้รู้เลยว่าได้นิสัยดราม่านี่มาจากไหน ประโยคแรกของมันนอกจากจะดราม่าพอตัวอยู่แล้วประโยคหลังของคุณหญิงแม่เนี่ย รู้สึกว่าจะเยอะกว่าเป็นไหนๆ อั้วอยากตอบแทนมันจริงๆเลยว่า บ้ารัก ฮิ้ววววว


สงสารก็สงสาร เห็นใจก็เห็นใจ แต่ไม่กล้าหัวเราะเสียงดั่งลั่นที่ทำงานเหมือนกันเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะหันมาตะคอกว่า “ เป็นบ้าอะไร!! ” เหมือนที่คุณแม่ของเพื่อนว่าให้มัน อั้วก็คงอุบอิบในใจว่า บ้างานมั้ง อันนี้ฮิ้วววไม่ออก



ก็เลือกไม่ถููกเหมือนกันว่าจะเห็นใจเรื่องที่เสียอกเสียใจที่เพิ่งบอกเลิกกับแฟนหรือว่าเรื่องที่โดนแม่ด่าเพราะดันร้องไห้โฮส่งเสียงดังลั่นบ้านกันแน่ เพราะสองเรื่องนี้ รันทดไม่ต่างกัน (ในความรู้สึกของอั้ว)

อั้วก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าคนที่กำลังอยู่ใน “ ห้วงรัก ” ที่กำลังลอยละล่องอยู่ในวิมานแห่งดอกไม้บาน ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว อยู่ดีๆคนคนหนึ่งก็อยากเข้าสู่โหมด “ ห้วงอยากเลิก ” แล้วก็มาโพล่งแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้านี่อาการมันจะออกมาเป็นประมาณไหนกัน

ก็คงประมาณตัวลอยๆได้กลิ่นหอมของกุหลาบอยู่ดีๆแล้วก็โดนเหวี่ยงตกมาสู่พุ่มหนามของกุหลาบกระมัง (พูดเหมือนเคยรู้สึกยังไงยังงั้น ก็แค่เดาๆเอาเท่านั้นแหล่ะ)

แต่ก็คงรู้ว่าคง “เยอะ” อยู่ทั้งคนที่หัวใจอยู่ใน “ห้วงรัก” และคนที่สมองอยู่ใน “ห้วงอยากเลิก”


ไม่งั้นก็คงไม่ร้องไห้โฮเสียงดังลั่นบ้านขนาดนี้หรอก ใช่มั้ยล่ะ


จากนั้นอั้วก็ตัดสินใจปิดเพลงรักที่นั่งฟังและอินมาตั้งแต่เช้าแล้ว(นอกจากจะอู้กับ MSN แล้วยัยคนนี้ก็ยังเปิดเพลงฟังในเวลางานด้วย ละเหี่ยแทนบอส ยัยนี่จริงๆแต่ทำงานดีเน้อ เอาเวลาเล่นมาทำงานเอาเวลางานมาเล่น เอ้ย ไม่ใช่ล่ะ)


และก็ยังคุยต่อกับเพื่อนคนนี้อีกนิดๆหน่อยๆ (ความจริงก็ยาวนานพอควรเลยแหล่ะ)

อั้วก็ได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปบ้างตามประสาพูดเยอะก็กลัวไปแทงใจดำเข้าให้ ส่วนใหญ่เลยออกแนวอืมๆเห็นด้วยๆและปลอบใจให้สู้ๆ ตามประสาเพื่อนที่แสนดี (ตรงไหน ก็ทุกตรงนั่นล่ะ)

ยังไม่พอแค่นั้น เรื่องนี้ยังกรุ่นๆในใจพอให้รู้สึก ตอนเย็นๆค่ำๆก็เกิดเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ขึ้นมา กลัวมันจะร้องห่มร้องไห้ส่งเสียงดังลั่นบ้านอีก และจะไปรบกวนเพื่อนบ้านปู่ย่าตายาย ตึกรามบ้านช่อง หมูหมากาไก่ สรุปคือ เป็นห่วงมันน่ะแหล่ะ

ก็เลยส่งข้อความให้ไปกำลังใจทางเฟสบุ๊คกันหน่อย (ก็บอกแล้วไงว่าอั้วน่ะเสพสื่อทุกแขนงอยู่แล้ว)

ก็ไม่ได้ส่งไปบอกหรอกว่าการ้องไห้เสียงดังเป็นเรื่องน่าอายยังไงแต่ที่โดนแม่ด่าเพราะเสียงดังนี่น่าอายกว่าเป็นไหนๆ เลยส่งไปว่า

“ คนที่กำลังร้องไห้เพราะความรักนี่เป็นคนที่น่าอิจฉาแค่ไหน เราร้องไห้ก็แสดงว่าเรามีหัวใจและหัวใจของเราก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์และดีที่สุดแล้ว เป็นความรู้สึกที่ละเมียดละไม สวยงาม และคุกรุ่นแค่ไหน มันไมได้แสดงถึงความอ่อนแออะไรสักหน่อย”

จากนั้นก็ร่ายยาวต่อ

“ ขนาดอั้วยังจำไมได้เลยว่าร้องไห้ส่งเสียงดังน้ำตาไหลพรากล่าสุดนี่เมื่อไหร่ ลื้อเป็นคนที่น่าอิจฉาจะตาย แถมสมแมนกล้ามากที่ร้องซะดังให้คนที่รักลื้อมากที่สุดในโลกได้ยินขนาดนั้น เขาจะได้รู้ว่าตอนนี้คนที่เขารักกำลังเสียอกเสียใจอยู่ บางคน เสียใจ อกหัก ร้องไห้ ยังไม่กล้าแม้แต่จะบอกให้พ่อแม่พี่น้องได้รับรู้ความเจ็บปวดนั้นด้วยเลย ทั้งที่ความจริงพวกเขาเหล่านั้นอาจจะอยากรับรู้ทุกความเป็นไปของเราก็ได้นะ เพราะรักนี่เนอะ”

ยังไม่พอ ตบท้ายซะหน่อย พร้อมบอกว่าอยากยกโป้งให้เลยเนี่ย

แล้วก็กดข้อความส่งไป ข้อความฟรีทางเฟสบุ๊คนี่ล่ะ ความรู้สึกดีๆที่ทำให้ได้ในต้นทุนต่ำแต่กำไรงามกว่าที่คิด

ไม่นานนัก แค่ชั่วอึดใจที่ จพง ลุงแดงจัดตระกร้ายา 2 รายการได้เสร็จ(ตามมาอู้ในเวรบ่ายต่อ ฮ่าๆๆ) พร้อมติดสติ๊กเกอร์สลับกันมาให้ด้วย Ibufen ไปติด Para เพื่อนก็ส่งกลับมาให้ว่า

“ ข้อยกำลังอินจัด และตอนนี้น้ำตามันก็จะไหล เพราะข้อความสูเจ้า ถ้าข้อยร้องไห้ไม่หยุด สูเจ้าต้องรับผิดชอบข้อย”

“ฮ่วย งานเข้าอั้วแล้วมั้ยล่ะ ส่งไปให้กำลังใจ ให้เข้มแข็ง ไหงผลกำไรออกมาเป็นหยดน้ำตาซะได้”

อั้วไม่เข้าใจคนที่อยู่ในห้วง “อยากบอกเลิก” จริงๆ

พอจ่ายยาตระกร้าที่ลุงแดง (แต่หลังจากที่ยื่นกลับไปให้ลุงติดรายการยากับชื่อยาให้ถูกต้องก่อน ไม่ต้องมาทดสอบสมาธิของอั้วบ่อยก็ได้ กำลังหว่าวเพราะทำเพื่อนน้ำตาจะไหลอยู่ ลุงเนี่ย)

เลยตอบเพื่อนไปว่า

“ร้องไห้เป็นเต่าเผาอยู่ได้ เดี๋ยวอั้วจะโทรไปบอกแม่ลื้อมาด่า ว่าลูกสาวคุณแม่ร้องไห้โฮอีกแล้ว ส่งเสียงดังรบกวนตึกรามบ้านช่องกิจการห้องแถวข้างๆ เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของอั้วอย่างที่สุดให้ ดีม่ะ”

พูดไปงั้นแหล่ะ อั้วจะไปมีเบอร์ของแม่มันได้ยังไงล่ะ ขนาดเบอร์มันก็ยังไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนไปหรือยัง ก็คุยกันทุกวันแต่เป็นการสนทนาออนไลน์ส่วนใหญ่

“ 5555555555555+” นี่คือคำตอบของเพื่อนหลังที่อั้วบอกว่าจะเรียกให้แม่มาด่าอีกรอบ คือมีเลขห้ายาวนานหลายหลักมากๆๆๆๆๆๆ

เออ แฮ่ะ คนมีความรักนี่ดูๆไปก็ไม่ต่างกับคนบ้าเท่าไหร่

ไหนๆก็แสดงความรับผิดชอบจนเพื่อนหัวเราะได้แล้ว อั้วก็ขอแสดงตัวตนที่แท้จริงอีกสักหน่อยด้วยการตอบกลับไปว่า

“ เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็หัวเราะ ถูกแล้วล่ะที่แม่ลื้อหาว่าลื้อเป็นบ้า ไอบ้า”

จบเรื่องของคนที่ตกอยู่ใน “ห้วงอยากเลิก” ไปแล้ว

จากนั้นก็คุยต่ออีกนิดหน่อยอั้วก็ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าบอกมันไปตรงๆว่า “ลื้อไปง้อคืนดีกับพี่เค้าซะ” เดี๋ยวมันจะหาว่าช่างเข้าข้างเพื่อนซะเหลือเกิน

แต่ก็พูดในทำนองว่า อยู่ที่ใจตัวเรามากกว่า ไหนเคยบอกอั้วว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ลื้อบอกอั้วเองนี่นา แล้วเหตุไฉนใยเล่าเจ้าจึงเป็นฝ่ายที่หันหลังให้กับความรักซะล่ะ (แอบปล่อยหมัดฮุกเด็ดๆให้ซะหน่อย อิอิ ถ้าไม่ฝึกฝนมาดีนี่พูดไม่ได้นะประโยคเหล่านี้น่ะ)

ไม่พูดเยอะ เดี๋ยวจะหาว่าอั้วยุ่งเลยพอแค่นั้น เพราะเท่าที่ฟังๆมาอั้วก็รู้อยู่ในใจอยู่นิดหน่อยว่าเพื่อนอั้วกำลังเป็นคนที่มี “หัวใจ” อยู่ใน “ห้วงรัก” ต่างหาก แต่ “สมอง” เท่านั้นล่ะอยู่ใน “ห้วงอยากเลิก”

แต่ก็มีคนบอกว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้ทั้งสองอย่างถามตัวเองบ่อยๆแล้วจะได้คำตอบ และปล่อยให้ความรักได้ทำหน้าที่ของมันเองน่าจะดีที่สุด คนอื่นๆช่วยตอบไม่ได้ ยุได้อย่างเดียว ( มี2 อย่าง คือ “ยุให้รัก” กับ “ยุให้เลิก” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนอั้วเอามาใช้บ่อยสุดในชีวิตประจำวัน ไอ้ที่รับฟังอย่างเดียวแล้วไม่อือไม่หือนี่ผิดวิสัยของโลกกุหลาบพอดูเลยล่ะ อย่างน้อยก็ขอแสดงความคิดเห็นบ้างก็ยังดี)

อั้วก็ไม่รู้ว่าตอนจบแล้วเรื่องราวของเพื่อนคนนี้จะเป็นเช่นไร (แต่ก็แอบเดาไว้ในใจไว้แล้วบ้างในทางบวกๆ ก็แหม เรื่องนี้อั้วชงเองกับมือเลยนี่นา ระดับนี้แล้ว ไม่น่าพลาด เยอะเข้าไป เรื่องของชาวบ้านน่ะ เอาตัวเองให้รอดด้วยล่ะ ก็อั้วหวังดีนี่นา)

จบจากเรื่องของเพื่อนแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องราวความรักของเสือมืดกับคุณวิชชุดาที่อั้วนั่งอมยิ้มและก็ลุ้นตัวโก่งเอียงอายอย่างกับตัวเองเป็นนางเอกแล้วล่ะก็ (แต่พลาดก็ตรงที่ทำไมอั้วต้องมาขึ้นเวรในวันที่ละครตอนอวสานด้วยแล้วเพื่อนร่วมเวรยังดันเป็นคุณลุงแดงที่ชอบพากษ์บทเข้าพระเข้านางตลอดเวลาอีกต่างหาก )

ก็ยังมีเรื่องราวภาษาดอกไม้เข้ามาในชีวิตอั้วอีกกลางดึกซะด้วย น้องสาวสุดที่รักโทรมาอ้ำอึ้งๆบอกว่า

“เหมือนกำลังจะอินเลิฟ”

“ไม่ไหวเลยวัยรุ่นสมัยนี้ สมัยอั้วเรียนไม่เห็นจะมี” (แล้วตอนทำงานอั้วมีเหรอ ก็พอมีบ้างน่า)

บอกได้คำเดียวว่า โคตรจะห่วงเลย ยังเด็กยังเล็กอยู่ แต่ก็คงไม่มีอะไรมากเพราะน้องสาวบอกว่า “ขอบคุณที่รักกันบนโลกนี้จะหาคนที่รักเราอย่างครอบครัวไม่ได้อีกแล้ว และคิดว่าคนอื่นที่เพิ่งเข้ามาจะมีความรักที่ยิ่งใหญ่เท่าคนที่รักมากันตลอดอายุ 20 ปีของน้องได้มั้ย”

ซึ่งบางทีเพราะเรารักและห่วงอาจจะทำให้อั้วเผลอไปกอดน้องสาวแรงเกินไปจนน้องเจ็บแน่น อึดอัด และอาจจะหายใจไม่ออก บางครั้งแค่กอดหลวมๆก็น่าจะพอดี ก็จะให้กอดหลวมๆได้ยังไงก็น้องอั้วทั้งคนนี่นา (ยังไปได้ต่อแม่สาวสมัยไดโนเสาร์เต่าล้านปีอย่างอั้ว )

และน้องก็ทำให้อั้วไม่ต้องห่วงอีกแล้วล่ะ ภาษาดอกไม้มันให้หัวใจได้กลิ่นดอกไม้ด้วยได้ด้วยนี่เนอะ

ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพื่อนคนนั้นของอั้วได้ไปใช้ภาษาดอกไม้ปรับความเข้าใจกับพี่ของมันแล้วหรือยัง “ถ้ายังรักก็ต้องไหว” ใครๆเขาก็ว่ามาแบบนั้นนี่นา
ลงเวรแล้วก็อาการไม่อยากนอน สงสัยตื้นตันความรัก(ของชาวบ้านมาจุกอกอั้ว)
กดๆข้อความ (ที่เป็นข้อความเสียเงิน ต้องลงทุนกันหน่อย คนนี้หวังผลกำไรพอสมควร อิอิ) ส่งไปปลุกคนที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ดีกว่า (ไอ้นิสัยแบบนี้ไม่รู้ไปได้มาจากไหนเหมือนกัน แค่คิดว่าถ้ายังรักก็ต้องไหว)

“ โคตรอยากกอดเลย เจอกันแล้วขอกอดแน่นๆนานๆหน่อยนะ”

ยัยไดโนเสาร์เต่าล้านปีนี่ฮาร์ดคอมากๆไหนบอกหัวโบราณคร่ำครึอยู่หยกๆ แถมบอกว่าชอบแบบพอกรุ่นๆในหัวใจให้รู้สึกได้เฉยๆไงไม่ใช่ลุกโชนเป็นไฟไหม้ฟางหลังโรงนา (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้แม้แต่ตัวเอง )

ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าตื่นมาพรุ่งนี้เช้าจะมีคนตัวโตๆมายืนอ้าแขนหลับตาให้โถมตัวเข้าหาตั้งแต่ตีห้าหรือป่าว (อั้วตื่นเจ็ดโมงครึ่งเลยไม่ทันได้เห็นสงสัยไปทำงานแล้ว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่านอนตื่นสายผู้ชายจะหายไปหมด) ก็คงไปทำงานในสภาพตัวลอยๆ คนตัวโตๆเดินตัวลอยๆนี่มันคงน่าขำพิลึกเนอะ (อั้วก็มีหมัดเด็ดไว้ใช้เป็นของตัวเองเหมือนกันนา ว่าไป)

แต่ที่รู้จริงๆก็คือ

“ ข้อยไปง้อขอคืนดีและปรับความเข้าใจกะพี่เค้าแล้วล่ะ”

เพื่อนคนเดิม ก็บอกที่เก่าเวลาเดิม แต่เป็นอีก 24 ชม.หลังจากที่บอกว่า ข้อยเลิกกับพี่เค้าแล้วก็โดนแม่ด่าว่าร้องไห้เสียงดัง

หน้าจอคอมโต๊ะรับออเดอร์ห้องยาในไอพีดีห้องทำงานหน้าเครียดของอั้วนี่ล่ะ (ที่หน้าเครียดนี่เรื่องชาวบ้านล้วนๆ)

ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนของอั้ว ผู้หญิงยุคไดโนเสาร์เต่าล้านปี ได้ใจมั่กๆ

และคิดว่าทุกคนคงจะรู้สึกหัวใจมีกลิ่นกรุ่นๆล่องลอยไปมาเมื่อได้รู้ว่าพี่ที่ว่าของเพื่อนคนนี้ของอั้วนี่เป็นคนที่ใช้คำนำหน้าเดียวกันกับมันนี่แหล่ะ

แมนกว่าเดิมกว่าตอนนี้ที่อั้วยกโป้งให้ซะอีกอีก บอกว่าจะไปบอกแม่แล้วว่าไม่เลิกแล้วล่ะ ใช่ แฟนเพื่อนอั้วก็คือ พี่ทอมคนหนึ่งนี่ล่ะ แม่มันน่าจะปล่อยให้ร้องไห้บ้านแตกไปเลย ไม่ต้องด่ามันแล้วมันก็จะไม่มาเล่าให้อั้วฟัง ซะก็แล้วไป และกลิ่นดอกไม้ก็คงไม่หอมล่องลอยรอบๆตัวอยู่นานเลยแหล่ะ

งั้นก็ช่วยไม่ได้เน้อคุณหญิงแม่ ยืดระยะเวลามีหลานยายไปก่อนล่ะกันเน้อ

“ก็มันเคยบอกว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามมิใช่หรือ”

บอกเลิกครั้งหน้าของมันไม่ว่ากับเพศไหน คงไม่มาปรึกษาอั้วแล้วสินะ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีหัวใจอยู่ใน “ห้วงรัก”

ขอขอบคุณ คนต้นเรื่อง ที่คุณก็ไม่รู้ว่าใคร และคนตัวโตที่บางคนก็รู้ว่าคือใคร ที่ทำให้เขียนเรื่องเลี่ยนๆได้แต่ต้นจบจบ

“งั้นคืนนี้อั้วก็ฮัมเพลง ….ฉันคิดถึงเธอตั้งแต่หัวค่ำจนอุษาสาง ด้วยเกิดความรักขึ้นตรงกลางหว่างหทัย พอรู้ตัวก็รักเธอจนเต็มดวงใจ……” ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวเข้าไปรบกวนคลื่นของใครได้อีกแล้วสินะ


--------- @ ---------- @ ----------- @ ----------




โลกกุหลาบ คือ โลกของคุณกุหลาบ ที่ใช้คำแทนตัวเองว่าอั้ว ไม่ใช่ลูกจีนแต่มีตาแค่ชั้นเดียว ไม่ใช่มาเฟีย แต่ก็เป็น “ขาใหญ่ ” พอตัวเหมือนกัน


เรื่องเล่าของสาวคิดบวก.. น้องสาว..คนนี้..

สำนวน..ชวนหัวร่อ... ยากเกินที่จะเก็บเอาไว้ดูคนเดียว...

เลยทำสนธิสัญญากันเล็ก ๆ .. ว่าจะเอาลง blog ของพี่สาว..

ยังมีสาส์นฮา ๆ ของน้องสาวกุหลาบอีกหลายฉบับ

จะทะยอยนำมาให้ได้บริหารลักยิ้่ม..







Create Date : 03 มิถุนายน 2554
Last Update : 15 เมษายน 2558 21:13:54 น. 1 comments
Counter : 553 Pageviews.

 
เป็นเรื่องปกตินะครับพี่ปุ้งกี๋
บางช่วงว่างก็เล่นบล็อกเยอะหน่อย
บางช่วงยุ่งก็ห่างเหินหน่อย

แต่ผมนี่ซึมเข้าสายเลือดแล้วครับ 555
ต้องเล่นทุกวันครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2554 เวลา:8:02:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.