ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..
Akiyoshido & Akiyoshidai : ถ้ำ+ทุ่งหินปูนเมืองมิเนะ (Mine)



เราออกจากเมืองยามากุจิตรงดิ่งเข้าสู่เมืองมิเนะ (Mine city) ด้วยบริการของรถบัส Oidemase Yamaguchi



บ้านช่องแถวจังหวัดยามากุจิยังคงมีบ้านแบบเดิม ๆ เยอะ .. ที่เห็นแปลกและแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ คือหลังคานิยมมุงกระเบื้องเคลือบวาวแววสีน้ำตาลเข้ม .. ยังไม่ได้คำตอบว่าเป็นแค่แฟชันหรือมีเหตุผลอื่นประกอบ



ที่แน่ ๆ ราวกั้นขอบถนน .. ปกติจะเป็นสีขาว แต่สำหรับจังหวัดนี้ได้รับการยกเว้น ให้สามารถใช้สีเหลืองสด อันเป็นสีของส้มนัทสึ (Natumikan) ผลไม้ที่เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ประจำจังหวัด ไปที่ไหน ๆ ก็เจอ



อุทยานแห่งชาติอากิโยชิได (Akiyoshidai) ตั้งอยู่ในเมืองมิเนะ (Mi-Ne) จังหวัดยามากูจิ (Yamaguchi) เป็นพื้นที่ราบสูงที่มีการก่อตัวของหินปูน (Karst) ในพื้นที่กว้างที่สุดในญี่ปุ่น พื้นที่ราบสูงแห่งนี้จะมองเห็นภูมิทัศน์ที่เป็นทุ่งยอดแหลมของหินปูน ซึ่งเคยเป็นแนวปะการังเมื่อประมาณ 300 ล้านปีก่อน จนกระทั่งถูกดันขึ้นมาเป็นที่ราบสูง และหินปูนเหล่านั้นถูกชะล้างกัดกร่อนด้วยลมฝน จนกลายเป็นกองหินปูนที่มียอดแหลม รูปทรงแปลกตาในปัจจุบัน






ภายในอุทยานสามารถขับรถไปตามถนนสายหลักเพื่อชมบรรยากาศท่ามกลางภูเขา หรืออาจจะเดินทางตามเส้นทางปีนเขา ซึ่งสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติในฤดูกาลที่ต่างกัน เช่น ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเป็นสีเขียวสดใส แล้วใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง และสีขาวโพลนของหิมะที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ในฤดูหนาว





จุดชมวิว มีร้านอาหาร ห้องน้ำไว้บริการ .. น่าเสียดายที่ฝนตกเลยไม่ได้ลงไปเก็บภาพทุ่งหินมาให้ชมใกล้ ๆ ... เอาวิวมุมสูงจากหอชมวิวแทนนะคะ





ปลายเดือน ก.พ. แบบนี้ ทุ่งแห้งเชียวค่ะ อีกไม่กี่วันที่นี่ก็จะปิด แล้วเค้าจะเผาหญ้าทั้งทุ่งเลย พอต้นฤดูใบไม้ผลิต้นไม้เล็ก ๆ และหญ้าก็จะงอกเป็นสีเขียวสดใส มีชีวิตชีวากว่านี้เยอะเลยค่ะ ..

ไปชมข้างใต้ทุ่งหินปูนนี่กันค่ะ ว่ามีอะไรอยู่ใต้พื้นที่เราเหยียบ รถบัสพาเรามาจอดที่ Kurotani station เป็นที่รถแท็กซี่และรถบัสนิยมมาจอด จริง ๆ ถ้ำอากิโยชิโด (Akiyoshido) ซึ่งอยู่ใต้ทุ่งหินอากิโยชิได (Akiyoshidai) นั้นสามารถเข้าออกได้ 3 ทาง ทางนี้ทางหนึ่ง อีกทางเป็นทางเข้าปกติของถ้ำ เรียก Akiyoshido station แต่สุดท้ายก็ทะลุถึงกัน ส่วนอีกทางเป็นทางลัดขึ้นลิฟท์ตัดตรงดิ่งขึ้นทะลุพื้นดินไปเลย ตน.ของลิฟต์อยู่บริเวณกลางถ้ำ ใครเดินไม่ถึง ใจฟ่อก่อนกลับก็กลับทางลัดได้ ก็จะไปโผล่บนเนินทุ่งหินเลยทีเดียว



Kurotani exit ทางเค้าออกแต่เราจะเข้า (เข้าออกสวนทางกันได้ค่ะ ไม่ผิดกฎ) มี 300 Million-Year Time Tunnel อุโมงค์ภาพวาด ภาพถ่ายประกอบแสงสีสุดอลังการ



แสงสีฉูดฉาดจะพบได้ที่นี่เท่านั้นค่ะ ภายในถ้ำ จะไม่ใช้ไฟแสงสี เค้าเน้นสีธรรมชาติของถ้ำ ต่อไปก็ชมแสงสีธรรมชาติ จากกล้องถ่ายธรรมชาติ ไร้ขาตั้งกล้องนะคะ (ถึงเอาไปก็คงไม่ได้ใช้กว่าจะตั้ง กว่าจะถ่าย .. ถ้าไม่ได้ไปถ่ายรูปประกวด ก็ไม่ต้องเอาไปหรอกค่ะ เกะกะทั้งตัวเองและคนอื่น .. นี่ก็ต้องถือร่มไปด้วย เพราะจะทะลุออกอีกฝั่งซึ่งต้องเดินกลางแจ้ง)





ภายในถ้ำก็มีหินรูปทรงต่าง ๆ .. ให้ได้จินตนาการ เค้ามีชื่อกำกับแต่ละจุดด้วย ..








ภายในถ้ำอากาศเย็นค่ะ แต่ไม่อึดอัด



มีภูเขาไฟฟูจิด้วย .. เหมือนมั้ยคะ



ไฮไลท์ค่ะ ... Hyakumaizara ... แปลเป็นไทยว่า จานร้อยใบ .. วางซ้อน ๆ กันอยู่ ไม่ได้นับค่ะ ว่าครบมั้ย ... จะกลายเป็นกุ้งตาบอด (สัตว์น้ำจืดที่อาศัยอยุ่ในถ้ำนี้) ไปซะแล้ว ... ด้วยว่าอยู่ในที่มืดออกจะนานเกินไป



ในถ้ำมีแคนยอนขนาดย่อม ๆ อยู่ด้วย มีธารน้ำไหลผ่าน เหมาะแก่การถ่ายละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เป็นที่สุด



ดีใจมากกกกกกกกกก .. ที่เห็นทางออกตรงทางเข้า สวยยยยยยยยยยยที่สุดในถ้ำแล้วค่ะ ... แสงสีแห่งอิสรภาพ (ชาติก่อนสงสัยตายในถ้ำ ชาตินี้เลยไม่ค่อยสนุกกับการเที่ยวถ้ำ)



ทางเข้าสุดสวย ใครมาที่นี่ต้องได้ภาพนี้กลับไป ...



พี่ฝนมาต้อนรับอย่างเย็นฉ่ำเลยค่ะ .. ชอบทางเดินตรงนี้มาก ร่มรื่น เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินป่าที่เป็นที่นิยมด้วยนะคะ ... เราเตินตรงดิ่งมุ่งหน้าไป ...



ถนนเรียกแขกค่ะ .. ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านไอติมเรียงราย ... ของทีระลึกที่นี่ที่เห็นเยอะสุด คือ .. หิน .. ใครคิดว่า นน.กระเป๋ายังเหลือ ก็ขนหินบินกลับประเทศไทยได้ค่ะ



มาหม่ำ ๆ ของขึ้นชื่อที่นี่กันค่ะ อย่างแรก (ที่ไม่ได้กิน) คือ คาวาระโซบะ มันก็คือโซบะชาเขียวโรยหน้าด้วยไข่ที่เสริฟมาบนกระเบื้องมุงหลังคา (สมัยสงครามทหารแถวนี้เค้าใช้ภาชนะนี้แหละค่ะ ใส่อาหาร .. เป็นการระลึกถึงเมนูยามยาก) อีกจานคือรากโกโบะทอด ... โกโบะ (Burdock) คือพืชที่มีหัวคล้ายแครอท ปกติพบในเมนูอาหารญี่ปุ่นบ่อย ๆ เค้าจะหั่นเป็นท่อนแล้วต้มมาเป็นผักต้ม แต่ที่นี่จะหั่นฝอยตากแห้ง ปรุงรส (ออกรสเค็ม นัวมาก) มันจะอร่อยถ้าเอาไปใส่กับอุด้งร้อน ๆ

อิ่มแล้วช้อปปิ้งกันมั้ย .. ในร้านเดียวกันนี่แหละค่ะ ...



ที่เห็น ๆ คือผลิตภัณฑ์จากโกโบะ .. นอกจากนี้ไปทุกที่ก็จะได้เห็นแยมส้มยุซุ วางขายอยู่ทุกที่ ที่จังหวัดยามากุจิเป็นแหล่งผลิตส้มยูซุ (YuZu) ที่ใหญ่และมีคุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น ... ตัวเองได้รับเชิญมาจังหวัดนี้เพราะ blog นี้โดยแท้ ...
Yuzu .. test of Japan


ค่าเข้าชมถ้ำ: ผู้ใหญ่ 1,200 เยน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน หากเข้าชมหลังเวลา 16:30 ต้องเพิ่มอีก 100 เยน) นักเรียนมัธยมต้น 950 เยน นักเรียนประถม 600 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 8:30-17:30 (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ปิดเวลา 16:30)
เปิดทุกวัน
การเดินทาง
1. เดินทางจากยามากูจิ โดยสาร JR bus จากสถานียามากูจิ(Yamaguchi) ถึง สถานีอากิโยชิโด(Akiyoushido) (ใช้เวลา 55 นาที ราคา 1,210 เยน มี 9-10 รอบต่อวัน)
โดยสาร Bocho bus จากสถานีชินยามากูจิ(Shin-Yamaguchi) ถึง สถานีอากิโยชิโด(Akiyoshido) (ใช้เวลา 45 นาที ราคา 1,720 เยน มี 7-9 รอบต่อวัน)
สามารถ ใช้ JR Pass กับ JR bus ได้เท่านั้น

2. เดินทางจากฮากิ โดยสาร Bocho bus จากสถานีฮากิ(Hagi) ถึง สถานีอากิโยชิได(Akiyoshidai) (ใช้เวลา65 นาที ราคา 1,720 เยน) ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้

ตารางรถบัส

จริง ๆ ตามโปรแกรมของรถ Oidemase Yamaguchi Bus หมดโปรแกรมแค่นี้ ... แต่ผู้จัดใจดีแถมให้อีก 1 ที่ .. ที่ที่ถูกจริตเจ้าของ blog มาก ๆ ... เดี๋ยวไปเที่ยวกัน

** ------------------------------------------ **



Thank you : 日本政府観光局(JNTO)ホームページ

日本政府観光局(JNTO)Facebook






เที่ยวล่องท่อง Yamaguchi & Hiroshima

* เที่ยวง่ายด้วย Hiroshima - Yamaguchi Area Pass

Day 1

* Shimonoseki : The western of Yamaguchi Prefecture ... ข้ามเกาะเลาะชิโมโนเซกิ

* Shimonoseki : ดูปลาเป็น ๆ กินปลาปักเป้า

* Yudaonsen in Yamaguchi, “the Kyoto of the West” : ยูดะ ออนเซน

Day 2

* Yamaguchi : The Kyoto of the West ยามากุจิเมืองเกียวโตฝั่งตะวันตก

* Akiyoshido & Akiyoshidai : ถ้ำ+ทุ่งหินปูนเมืองมิเนะ (Mine)

* โทริอิแดงแห่งศาลเจ้าโมะโตะโนะซุมิอินาริ (Motonosumi Inari Shrine)

* Yumoto Onsen : ยูโมโตะออนเซน เมืองออนเซนตำนานหวานบรรยากาศดี


Day 3

* Hagi : ฮากิเมืองเก่าเล่าขานประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

* Hagi : ฮากิ เมืองซามุไรและคนกล้า

* เดินเล่นย่านเมืองเก่าฮากิ : Hagi Castle Town

Day 4

* จากฮากิมุ่งหน้าสู่ฮิโรชิมา : Go East to Hiroshima

* Hiroshima : ฮิโรชิมา แวะกิน แวะเที่ยว

The end * Iwakuni : นอนเฝ้าสะพานโค้งคินไตเคียว (Kintai Bridge)






Create Date : 05 มีนาคม 2559
Last Update : 9 มีนาคม 2559 19:40:53 น. 1 comments
Counter : 2754 Pageviews.

 
พี่ก็ไม่ค่อยชอบถ้ำ อึดอัดเนาะ เค้าให้ดุหินงอกหินย้อย ต่าง ๆ นา ๆ เราล่ะมองหาทางออกกัน

คิดเหมือนกันเลย ขาตั้งกล้อง สำหรับพี่ กว่าจะเอาออกกาง กว่าจะถ่าย จะเก็บ แบกกลับ แค่ลำพังกล้องกับเป้ติดตัวตลอดก็ว่ายากแล้ว ขาตั้งตัวเองละกันเนาะ พวกเราประเภทฐานมั่นคงแข็งแรงอยู่แล้ว


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 มีนาคม 2559 เวลา:18:07:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.