Azumino เมืองนี้มีดีที่วาซาบิ

จาก Yokoya Farm เรานั่งแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึงหน้า JR Matsumoto Station

เราเอากระเป๋าที่มีแอปเปิ้ลตุงอยู่ก้นกระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม Premier Hotel Cabin Matsumoto .. (คนพื้นที่เค้าไม่ได้เรียกชื่อนี้ กว่าจะบอกทางคนขับรู้เรื่อง เล่นเอามึน)
เค้าก็ใจดีให้เราฝากกระเป๋าไว้เพิ่มได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน
พอกลับมาตอนค่ำ .. กระเป๋าก็ไปนอนรอในห้องเป็นที่เรียบร้อย .. ดีจริง ๆ เลย




จวนเที่ยงแล้ว มีสมาชิกอยากกินราเมน
ค้นใน Googlemaps แล้วชื่อ Ippudo ก็เด้งขึ้นมา

Ippudo ราเมนซุปกระดูกหมูที่มีต้นกำเนิดจากเมืองฮากาตะ ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1985 นตอนนี้ขยายสาขาไปทั่วโลกแล้ว

ชิกามิ คาวาฮารา ผู้ก่อตั้ง Ippudo ได้รับตำแหน่งราเมงคิงในปี ค.ศ. 2005 และได้รับตำแหน่งชนะเลิศ “TV Champion Ramen Chef” 3 ปีซ้อน มีชื่ออยู่ใน “Ramen Hall of Fame”

เมื่อราเมนฮากาตะมาโผล่ที่มัตซึโมโต้... เราต้องชิม (เกี่ยวมั้ย)





จัดไป อร่อยสมคำร่ำลือ .. เผ็ดระดับสูงสุด ..ระดับ 5 .. โอย แทบแย่



ท้องอิ่มแล้วก็เที่ยวต่อได้ .. มีเวลาครึ่งวันบ่าย .. มีสมาชิกเคยไปปราสาทมัตซึโมโต้แล้ว .. เลยอยากลองของใหม่

จุดหมายถึงฟาร์มวาซาบิที่ Azumino

จาก JR Matsumoto station ไปลงที่ JR Hotaka station ด้วยรถไฟ local สาย JR OITO LINE ที่จะไป SHINANO-OMACHI ใช้เวลา 30 นาที (ค่ารถไฟ 330 เยน - ใช้ JR Pass ได้)
เราก็มายืนหน้าสถานี Hotaka station เป็นที่เรียบร้อย



เมืองอะซุมิโนะ (Azumino City) ตั้งอยู่ในบริเวณแอ่งมัตสึโมโตะ (Matsumoto Basin) ในจังหวัดนะงะโนะ (Nagano) เป็นเมืองที่มีลำธารที่ผุดขึ้นจากเทือกเขาแอลป์เหนือไหลผ่าน และน้ำจากลำธารแห่งนี้คือน้ำที่ใช้ในการปลูกวาซาบิ (Wasabi) และเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์ (Rainbow Trout) ซึ่งวาซาบิจากเมืองอะซุมิโนะนั้นมีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษ

จะลงสถานีไหน .. ขึ้นกับว่าเราอยากไปเที่ยวที่ไหน เอาให้ใกล้ที่สุด



จากหน้าสถานีรถไฟ เราเลือกที่จะไปที่ Dio Wasabi Farm ด้วยรถแท็กซี่ ..
มองไปมองมา ไม่เห็นสักคัน เลยเดินเข้าไป Information Center ที่อยู่ติดสถานีรถไฟนั่นแล

เจ้าหน้าที่ก็น่ารักมาก ช่วยโทรตามรถให้ .. แถมในนั้นมีโบรชัวร์ที่เที่ยวในเมือง Azumino มากมาย มีภาษาไทยด้วย .. แต่เสียดายเรามีเวลาให้เมืองนี้แค่ครึ่งวัน





ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร นั่งแท็กซี่ 5 นาทีก็ถึง ผ่านทุ่งนา วิวโล่ง ๆ จ่ายค่าเสียหายคันละ 1,310 เยน

ฟาร์มเข้าฟรีค่ะ ..
ฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daio Wasabi Farm) คือธีมพาร์คภายใต้คอนเซ็ปต์เกี่ยวกับอาหารและธรรมชาติที่เน้นในเรื่องของวาซาบิ (Wasabi) ซึ่งเป็นผลผลิตชื่อดังของอะซุมิโนะ

ยังไม่ทันได้เข้าไปดูอะไร ก็โดนดักด้วยร้านค้า ขายผลิตภัณฑ์จากวาซาบิหลากหลายประเภท

อันนี้ วาซาบิสดค่ะ .. ขูดให้ชิมกันสด ๆ .. ไม่ฉุนกึ๊ก .. แต่รสและกลิ่นละมุน





โชว์นางแบบ .. อิอิ
เช่นเดียวกับ Softcone รสนุ่ม มีทั้งแอปเปิ้ล ผลไม้ขึ้นชื่อของนะงะโน่ และวาซาบิ



วาซาบิ ( 山葵, ワサビ, わさび) Wasabi หรือ Japanese horseradish เป็นพืชในวงศ์ผักกาด ลำต้นหรือเหง้าของวาซาบิเมื่อนำมาขูดหรือบดจะได้เครื่องจิ้มที่มีรสเผ็ดร้อน คล้ายกับรสของมัสตาร์ด (mustard) หรือฮอร์สแรดิช (horseradish) เพราะเป็นพืชในวงศ์เดียวกัน แต่ต่างจากพริกตรงที่พริกจะร้อนที่ลิ้น ส่วนวาซาบิร้อนที่จมูก



วาซาบิ ขึ้นชื่อว่าปลูกยาก จะเจริญเติบโตได้ดีในธารน้ำสะอาดที่ไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา



ประคบประหงมกันสุดฤทธิ์ มีพนักงานมาพรวนดิน ไล่สิ่งสกปรกให้ไหลไปกับน้ำ ไม่ให้ค้างเน่าอยู่ที่ต้นวาซาบิ ..



เพราะพิษไต้ฝุ่นฮากิบิส ทำให้พื้นที่ในฟาร์มเสียหายบางส่วน (น่าจะเป็นส่วนใหญ่)
ที่ตั้งใจว่าจะไปล่องเรือชมน้ำใสที่ไหลผ่านฟาร์มวาซาบิ เป็นอันต้องพับไป เค้าปิด



ใบไม้ก็ยังไม่เปลี่ยนสี ฟ้าก็เน่า ถ่ายรูปอะไรก็ไม่สวย วาซาบิก็ต้นเล็กเกิน ..





ทำได้แค่ถ่ายรูปกับจุดสำคัญ ซื้อของฝากจากบรรดาวาซาบิ .. แล้วก็กลับ
(ทำเป็นเล่นไป .. ขนมทีทำจากวาซาบิ เป็นขนมนานาชนิดที่หอบหิ้วกลับกันคนละถุง.. อร่อยทุกอย่างเลย)


ขากลับ สมาชิกอยากเดินกลับ .. เป็นการออกกำลัง วอร์มไว้สำหรับการไปเดินป่าที่ Kamikochi ในวันพรุ่งนี้ .. จัดไปค่ะ



หันหลังให้ฟาร์มวาซาบิ

มุ่งหน้าไปภูเขาตรงข้าม




ข้ามสะพาน ผ่านลำธาร ที่มีน้ำใสแจ๋วเห็นพืชน้ำข้างใต้ .. ถ้านั่งเรือเล่นก็จะประมาณนี้



วิวดี อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่น ๆ











วิวทุ่งนา ทิวเขา ชิลล์จริง ๆ ค่ะ



นักท่องเที่ยวนิยมมาปั่นจักรยาน ชมวิวที่นี่ นอกจากเส้นทางนี้ยังมีเส้นทางเลียบคลองด้วย

เขตหมู่บ้านจัดสรร (มั้ง..) บ้านสวยดีค่ะ เลือกสักหลังมั้ยคะ





บนเส้นทางที่เดินกลับ ผ่านบ้านหลังเก่าในประวัติศาสตร์
บ้านโทโดริกิ เปิดให้เข้าชม ในราคา 300 เยน เป็นบ้านขุนนางผู้ครองปราสาทมัตสึโมโต้ เคยใช้บ้านนี้เป็นที่พักแรมเวลามาล่าสัตว์ที่หุบเขาอะซูมิโนะในสมัยเอโดะ ภายในบ้านจัดแสดงภาพวาด นาฬิกาโบราณ สวนและตัวบ้านได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเก่าแก่ของเมืองด้วย



ไม่แต่เฉพาะในฟาร์มวาซาบิไดโอะ .. ชาวบ้านทั่วไปก็ปลูกวาซาบิในทางน้ำไหลด้วย



เดินไปอีกนิด เป็นวัดโทโคจิ วัดพุทธเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาายาวนานคู่กับจังหวัดนางะโน่
เชื่อกันว่า ถ้าขอพรด้วยการขึ้นไปสวมรองเท้าเกี๊ยะสีส้มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าวัดแล้ว สิ่งที่ขอจะเป็นจริง .. แหม .. พลาดแล้ว ไม่ได้ลอง

เมื่อเดิมใกล้ถึงสถานีโฮตากะ .. ก็จะเจอศาลเจ้าโฮตากะ .. แหม นี่ก็ไม่ได้แวะ คือเดินตามเพื่อนไม่ทัน เพื่อนไปนั่งรอร้านกาแฟแล้ว





ฝาท่อของที่นี่เป็นดอกอาซาเลีย กุหลาบพันปี อยู่ใต้เขา North Alps ..



ฝาท่ออีกแบบ เป็นรูปเทพเจ้า โฮตากา มิโนะ มิไกโตะ เป็นเทพเจ้าที่คุ้มครองบริเวณนี้และเทือกเขาแอลป์ญีปุ่น รวมทั้งยอดเขาซาโอะคุโฮตากะ และบริเวณคามิโคจิ (ที่เราจะไปพรุ่งนี้)

เชื่อกันว่า เทพเจ้าองค์นี้ (น่าจะและภริยา... ไม่เห็นอยู่เดี่ยว ๆ เลย) เสด็จลงมาจากยอดเขาโฮตากะและมาประดิษฐานที่ศาลเจ้่้าโฮตากะแห่งนี้


ร้านให้เช่าจักรยาน หน้าสถานี JR Hotaka station มีทั้งปีกซ้ายและปีกขวา .. ไม่ชัวร์ ขอแผนที่ที่ Information center ได้นะคะ แผนที่ใหญ่และชัดมาก





กลับไป Matsumoto ด้วยรถไฟขบวนเดิมค่ะ .. พักผ่อนกัน เตรียมลุยต่อจริง ๆ จัง ๆ ที่ Kamikochi นะคะ ...

บ๊ายบาย Hotaka
 

ตอนที่ 1 : เปิด googleMaps เที่ยว Japan Alps

ตอนที่ 2 : เทียวไล่หลัง Hagibis : ลุ้นระทึก

ตอนที่ 3 : ไปให้ถึง Matsumoto

ตอนที่ 4 : Yokoya Farm, Matsumoto ฟาร์มสเตย์แบบชิลล์ ๆ

ตอนที่ 6 : Kamikochi .. ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ตอนที่ 7 : Happo-One ... when autumn comes


ตอนที่ 8 : Tsugaike Natural Park แห่งหมู่บ้านโอตาริ
 

 

Create Date : 31 ตุลาคม 2562		10 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2562 22:00:54 น.
Counter : 2016 Pageviews.
Share Tweet