Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

ตุ๊กแกบนข้างฝา

ตุ๊กแกบนข้างฝา

ผมอธิษฐานหลังจากป้อนตัวเลขกหลักใส่ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ พร้อมกับเลื่อนเมาส์เพื่อกดเลือกช่องสี่เหลี่ยมอีกช่องที่มีข้อความว่า 'ผลการออกรางวัลงวดปัจจุบัน' นั่นคือวันนี้

การประมวลผลของ ซีพียูและระบบอินเตอร์เน็ตที่ค่อนข้างเร็ว ทำให้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หน้าจอคอมพ์ของผมก็ปรากฏข้อความดังนี้

หมายเลขสลาก 472499 ประจำวันที่ 16/01/49
ท่านไม่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลค่ะ

และข้อความวิ่งด้านล่างตัวสีน้ำเงินบนแถบสีฟ้า มีข้อความว่า
'เงินรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้คืนกลับสู่สังคม มีส่วนร่วมในกาพัฒนาประเทศชาติ เช่น ด้านการศึกษา ด้านการกีฬา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านศาสนา ฯลฯ'

ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ขยำปึกฉลากกินแบ่งในมือแล้วเขวี้ยงลงตะกร้าขยะ
ผมตรวจผลการออกรางวัลของงวดนี้มาแล้วห้ารอบ ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิมคือผมไม่ถูกรางวัลใดๆเลย สูญเงินไปกับความฝันลมๆแล้งๆไปกว่าสองพันบาท ไม่ใช่ว่าผมเล่นหนักขนาดนี้ทุกงวดหรอกครับ เพียงแต่ลางสังหรณ์บ้าๆบอๆที่ผมเพ้อคิดไปเองต่างหาก ที่ทำให้ผมทุ่มเงินมากมายขนาดนี้ หากภาพฝันมันจะเกิดโชคเกิดลาภให้กับผมได้บ้าง ผมก็ยังพอได้หายใจหายคอคล่องกว่าที่เป็น--

เมื่อสองคืนก่อน
ผมฝันว่าตุ๊กแกตัวเขื่องมากมายรายล้อมผมอยู่ทุกทิศทาง ผมหมดหนทางหนี พวกมันค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาผม หลายตัวส่งเสียงร้องชวนสยอง พวกมันเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นทุกขณะ แล้วทันใดนั้น พวกมันตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามากัดที่คอหอยของผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผมตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่มันกลับเป็นเสียงเรียกเชื้อเชิญให้พวกมันทั้งหมดกระโดดขึ้นมาเกาะบนตัวผมแล้วเริ่มกัดเนื้อตัวของผมพร้อมๆกัน ทั่วทั้งสรรพางค์ของผมเย็นเยียบ ผมกำลังหมดสติ ภาพในม่านตาค่อยๆมืดดับลง แล้วเหมือนมีแรงดูดมหาศาลดึงดูดผมให้จมลงจากห้วงมืดนั้น มันเริ่มหมุนเหมือนผมอยู่ในใจกลางพายุไต้ฝุ่น แต่แทนที่ตัวผมจะลอยขึ้นไปเบื้องบน มันกลับดึงผมลงเบื้องล่างเหมือนน้ำวนในโถชักโครก ผมดิ่งลงลึกหายใจไม่ออก ทุรนทุรายอย่างคนสิ้นสติ แหวกว่ายหาอากาศหายใจ นั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายในความฝันก่อนที่ผมจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อกาฬที่เกาะพราวเต็มใบหน้า

โบราณท่านว่าไว้ ฝันร้ายมักจะกลายเป็นดี ผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็นกุศโลบาย หลอกให้คนใจคอไม่ค่อยดีอย่างผม สบายใจขึ้นหรือไม่

ผมปาดเม็ดเหงื่อออกแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วพยายามนึกทบทวนภาพเหตุการณ์ในความฝัน
ตุ๊กแกเขาให้ตีเป็นเลข '9' ผมมั่นใจ

รุ่งเช้าผมเตรียมตัวออกจากบ้าน เป้าหมายคือแผงขายล็อตเตอรี่ที่เรียงรายรอผู้คนที่มาทำบุญในวัดประจำจังหวัดจะแวะเวียนเข้ามาซื้อโดยหวังเพียงว่าหลังจากทำบุญกันแล้ว กุศลที่ก่อเกิดจะให้โชคให้ลาภกลับไป

ผมกว้านซื้อเลขที่ผมตีความได้จากความฝันมาได้หลายใบ และหวังในใจลึกๆว่า หากผมถูกรางวัล ผมจะสามารถปลดเปลื้องพันธนาการที่ผมก่อขึ้น มันรัดรึงจนผมกระดิกกระเดี้ยทำอะไรไม่ได้

และวันออกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาลก็เวียนมาถึงอีกครั้ง เศษกระดาษล็อตเตอรี่ที่ถูกผมขยำทิ้งยังคงนอนนิ่งอยู่ก้นตระกร้าขยะ

"แม่งเอ๊ย" ผมสบถก่อนจะลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์เดินไปเปิดตู้เย็นควานหาขวดน้ำเย็นมาดื่มแก้กระหาย


ยังไม่ทันที่น้ำเย็นจะผ่านเข้าลำคอเพื่อดับกระหาย เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สั่นและดังขึ้น ผมเดินเข้าไปใกล้และก้มลงมองชื่อผู้อยู่ปลายสายบนหน้าจอ

"ไม่น่าให้เบอร์โทรศัพท์นี้ให้มันเลย" ผมคิดในใจก่อนจะกดรับสาย--


แน่นอนผมไม่ได้สนใจฟังถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปลายสาย ผมรู้อยู่แล้วว่าเป้าประสงค์ในการต่อสายถึงผมครั้งนี้มันเพื่ออะไร ผมรู้อยู่แก่ใจดีว่าผมขาดส่งเงินให้พวกมันมาหลายงวด พวกมันคงกระหายที่จะตามจิกกินเลือดเนื้อของผม ใช่สิ...ตอนนี้ผมก็เหลือแต่เพียงเลือดเนื้อให้พวกมันจิกทึ้ง ส่วนเรื่องเงินค่างวดที่เป็นสุดยอดปรารถนาของพวกมันน่ะหรือ ผมไม่มีให้พวกมันหรอก เงินจะกินเข้าไปแต่ละวันก็หมดไปกับก้อนกระดาษขยะในตะกร้านั่น อีกเดี๋ยวเหอะบริษัทระบบเงินพลาสติกอีกหลายใบก็จะโทรมาหาผมในลักษณะเดียวกับสายเมื่อสักครู่ ผมเตรียมใจรอรับสายพวกนั้นไว้แล้วล่ะ

แค่ผ่อนบ้านกับรถ ก็แทบจะไม่มีเงินเหลือแล้ว

แต่แค่มีบ้านมีรถมันยังไม่พอที่จะเทียบหน้าเทียบตาในสังคมได้นี่ ผมจำเป็นจะต้องเดินเข้าภัตตาคารหรูเพื่อลิ้มรสอาหารชั้นเลิศเพื่อที่จะคุยโอ้อวดได้ว่า ภัตตาคารอาหารชาติไหน ดี อร่อย และควรสั่งเมนูไหนเป็นพิเศษ แล้วผมยังเสียเงินไปกับค่าประกันชีวิตที่เมื่อใดที่ผมเจ็บไข้ ผมจะถูกส่งตัวไปรักษากับโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าค่ารักษาพยาบาลแพงจนตาสีตาสาได้ยินคงเป็นลมสิ้นสติ และที่สำคัญผมจะต้องมีเครื่องนุ่งห่มที่เลิศหรูสม
ฐานะทางสังคม และเครื่องประดับที่ยามใดที่สวมใส่ผมจะกลายเป็นคนชนชั้นเดียวกับสังคมในเมือง

ความทะยานอยากเหล่านี้มันเริ่มต้นตั้งแต่ผมเพิ่งย่างเท้าก้าวเข้ามาใจกลางกรุง และเริ่มต้นเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ผมไต่เต้าขึ้นมาจนมีโอกาสดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนก ผมจำเป็นจะต้องมีรถ มีเสื้อผ้าดีๆสวมใส่ จะได้ไม่อายลูกน้องในแผนก และสิ่งเหล่านั้นจะสร้างภาพให้ผมดูน่าเชื่อถือ เคารพยำเกรง จากลูกน้องในแผนกของผม

เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผมดังและสั่นอีกครั้ง
แต่ผมเลือกที่จะเดินออกชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย

ตุ๊กแกตัวเขื่องหลบเกาะผนังอยู่หลังตู้กับข้าวในบ้านส่งเสียงร้องก้องลึกในลำคอ
ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊กแก
ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊กแก
ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊กแก

แก แก แก แก แก

เสียงแหบพร่าประหลาดกว่าที่เคยได้ยินอยู่ทุกวัน แต่ความหิวทำให้ผมไม่ได้หยุดใส่ใจ ผมก้าวเท้าเดินออกประตูหน้าบ้านไม้บานใหญ่ ผ่านรถเก๋งที่เพิ่งปลดเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นสีขาวได้ไม่กี่เดือน มันจอดนิ่งสนิทอยู่ในโรงรถมาหลายวันแล้ว เพราะผมไม่มีเงินเติมน้ำมันที่เพิ่มค่าสูงขึ้นเรื่อยๆจนผมไล่ตามมันไม่ไหว

เมื่อผ่านพ้นประตูรั้วอัลลอยด์ผมก็เร่งเร่งฝีเท้าฝ่าความมืดที่โรยตัวลงมาโดยไม่ให้ผมได้ทันตั้งตัว ลมเย็นๆวูบหนึ่งพัดผ่านปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้เล็กน้อยตรงกลางซอย พร้อมกับเสียงดังจนแสบแก้วหูจากปลายปากกระบอกปืน ผมทรุดฮวบลงกับพื้นคอนกรีต แข้งขาชาจนไม่สามารถขยับชันกายลุกขึ้นได้ ไม่นานจึงรู้สึกเจ็บหน่วงที่หัวเข่า ผมเอื้อมฝ่ามือลงไปคลำ สัมผัสพบของเหลวข้น ผมเดาว่ามันคงเป็นเลือด นี่ผมถูกยิงหรือ? มันทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ?

ปัง!
เสียงก้องคำรามขึ้นอีกนัด สัญชาตญาณบอกให้ผมโผตัวหมอบลงไปกับพื้นคอนกรีตเบื้องหน้า คราวนี้มันยิงพลาด แม้จะตื่นตะลึงผมก็มั่นใจว่า ลูกกระสุนไม่ได้วิ่งผ่านเข้ามาในอวัยวะส่วนใดของผม ผมส่ายสายตาหาต้นเสียงในม่านมืด ไร้วี่แวว มันยิงมาจากไหน ผมหมอบต่ำคลานเข้าไปหลังลบถังขยะขนาดใหญ่ใกล้เสาไฟฟ้า

ผมตัวสั่นลนลาน ถ้ามันรู้ว่ามันยังไม่บรรลุเป้าหมาย มันคงตามมายิงซ้ำแน่ไม่วินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า ความกลัวตายทำให้ผมไม่สามารถลุกวิ่งหนีเอาตัวรอดได้ นี่ผมจะนั่งรอความตายอยู่ตรงหนีหรือ แม้สัญชาตญาณจะร่ำร้องแต่ร่างกายมันก็ปฏิเสธคำร่ำร้องนั้นอย่างสิ้นเชิง และเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น เสียงมอร์เตอร์ไซด์ก็คำรามกรีดผ่านม่านราตรีใกล้เข้ามา ผมจับจ้องมองเข้าไปในห้วงมืดมิดข้างหน้า เสียงยังคงห่อตะเบ็งมาด้วยความเร็ว ทำไมมันไม่ชะลอรถเพื่อตรวจสอบให้ดีอย่างละเอียดว่ามันทำงานสำเร็จหรือไม่ หรือมันอาจจะคิดว่าผมตายแล้วจึงเร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี

ผมแสร้งทำเป็นตายยันหลังพิงกับถังขยะแล้วหลับตากลั้นหายใจ ในขณะเสียงของมันยังคงตรงเข้ามา

ในความมืดผมได้ยินเสียงวัตถุแข็งอย่างนึงตกกระทบกับถังขยะ พร้อมกับเสียงผู้ชายบนรถเมอร์เตอร์ไซด์สบถด่า "ตายห่าไปเสียได้ก็ดี ไอ้พวกเป็นหนี้แล้วไม่ยอมใช้" แล้วทั้งรถทั้งคนก็หายลับไปในความมืดมิดแห่งราตรีกาล

มันคิดว่าผมตายแล้วจริงๆ ผมตะเกียกตะกายลุกขึ้น ควานหาบางอย่างที่ตกกระทบลงมาเมื่อกี้ แล้วผมก็พบมัน มันนอนนิ่งอยู่บนเศษขยะภายในถัง อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ผมรีบหยิบขึ้นมาพร้อมปลดรังเพลิงออกมาเพื่อตรวจสอบ ในนั้นเหลือกระสุนอีกสี่นัด พร้อมยิง!

"ช่วยด้วย มีคนถูกยิง" เสียงตะโกนทำให้ผมรีบซุกปืนกระบอกที่หมายจะปลิดชีวิตผมไว้ใต้เสื้อ

"ผมไม่ได้โดนยิงครับ ผมไม่เป็นไร" ผมตะโกนตอบกลับไป

"ไม่ใช่คุณ นี่คนโดนยิงนอนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ตายไหม" เสียงผู้ชายตอบกลับมา

พวกมันไม่ได้คิดฆ่าผมหรอกหรือนี่ ผมคลำลงไปจับที่บริเวณหัวเข่าเลือดยังไหลไหลซึมออกมา

"คุณมีโทรศัพท์ไหม ช่วยโทรเรียกตำรวจหน่อย" เขาถามกลับมาอีกครั้ง

"ไม่มีครับ ผมทิ้งไว้ที่บ้าน"

นี่มันเล่นกันถึงตายเลยหรือนี่ ตะกี้ผมคงทรุดลงไปทำให้เข่ากระแทกกับพื้นคอนกรีต เลือดที่ไหลคงเป็นแผลที่เกิดจากเหตุผลนั้น

"เดี๋ยวผมจะกลับไปโทรเรียกตำรวจให้ที่บ้านนะครับ" ผมตะโกนตอบเขา


ตะกี้นี้มันไม่คิดจะฆ่าเรา คนที่โดนยิงก็ไม่ใช่เรา แต่เวลาของเราจะเหลืออีกมากน้อยแค่ไหนกัน ถ้าเรายังนำเงินมาใช้หนี้พวกมันไม่หมด เราจะทำอย่างไรดี จะมีวิธีไหนที่เราจะหาเงินมาใช้หนี้พวกมันได้บ้าง ไม่มีแน่ เงินก้อนสุดท้ายของเดือนนี้ก็หมดไปกับความคิดเพ้อฝันว่าโชคจะเข้าข้าง

ไม่ได้ถ้าจะตายผมขอตายด้วยน้ำมือตัวเองดีกว่า ผมปลดโม่บรรจุกระสุนแล้วปั่นมันให้หมุนฟรีแบบรัสเซียนรูเล็ท พร้อมกับอธิษฐานอะไรบางอย่างในใจ เมื่อโม่บรรจุกระสุนหยุดนิ่ง ผมยกมันขึ้นจ่อปลายปากกระบอกแนบขมับด้านขวา ปิดเปลืกตาเข้าหาแน่น แล้วออกแรงเหนี่ยวไก

แชะ!


สวรรค์ยังไม่ต้องการให้ผมตาย ผมผ่อนแขนทิ้งปืนในมือลงมาแนบข้างลำตัว
ผมเปลี่ยนเส้นทาง ตอนนี้ผมจะยังไม่กลับบ้านไปหยิบโทรศัพท์มาโทรเรียกตำรวจ ที่หมายของผมยังคงเป็นที่เดิมนั่นคือร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยแต่เป้าหมายแต่เดิมมันเปลี่ยนไปแล้ว

ผมเดินฝ่าความมืดเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับปืนในมือ.




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2549
2 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2549 14:04:59 น.
Counter : 2457 Pageviews.

 

ท่านไอซ์ ข้าพเจ้าแวะมาส่งข่าวเจ้าค่ะ

ข้าพเจ้าเขียนเมล์ถึงท่าน รบกวนเปิดอ่านด้วย ไม่รู้ไปอยู่ในถังขยะท่านเหมือนเมล์ก่อนๆ หรือเปล่า

อ่านแล้วตอบด้วยนะเจ้าคะ

 

โดย: หนุงหนิง IP: 203.113.35.12 31 ตุลาคม 2549 0:31:23 น.  

 

ยามสายสวัสดิ์ขอรับ

หมู่นี้ท่านมีงานทะยอย ออกมาต่อเนื่องเชียวขอรับ
เกิดอะไรขึ้น พอจะเล่าสู่กันฟังได้เปล่า?
(มักมีคำถาม หากไม่มีงานเขียนออกมา ว่าเกิดอะไรขึ้น? เพื่อความยุติธรรม ยามมีงานเขียนออกต่อเนื่องจึงน่าจะมีคำถามเดียวกัน อิ อิ)

เป็นอันเข้าใจตรงกันนะขอรับ ที่ข้าพเจ้าโม้มาเป็นแค่พูดคุย
เติมต่อบทสนทนา ที่ท่านเคยคุยกับท่านคิทฯไว้ ด้วยข้าพเจ้ายังชื่นชมสาระสนทนาของท่านทั้งสองไม่หาย (ความรู้สึกเกิดตอนได้รับ mail ของท่านคิทฯเมื่อหลายเดือนก่อน เล่าเรื่องการได้พูดคุยกับท่าน ถามถึงความคิดเห็นในการจัดประกวดงานเขียน)

และก็ให้บังเอิญท่านคิทฯได้เข้ามาอ่านรับทราบ แล้ว !
เป็นอัน เสร็จสมอารมณ์หมายของข้าพเจ้า

จากนี้ไป...ก็ ก้มหน้าก้มตา บรรเลงเพลงกระบี่ฯต่อไป
ด้วยใจหวังเรียนรู้ สืบทอด มรดกคุณค่าที่ท่านพญามังกรโบราณได้เริ่มไว้ อา..นี่เป็นอีกหัวข้อหนึ่ง ขยักเอาไว้คุยกะท่านในโอกาสต่อไปดีกว่า อิ อิ

คารวะชาขอรับท่านป๋าที่เคารพ

 

โดย: ธุลีดิน IP: 203.170.228.172 31 ตุลาคม 2549 9:42:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


parchya
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add parchya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.