~ Sergio Leone ~ ปรมาจารย์หนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ ... (ภาคจบ)

- งานเบื้องหลัง -

หลังจากหนังเรื่อง " Once Upon A Time in The West " แล้ว งานชิ้นต่อมาของเขาคือ " A Fistful of Dynamite (Giù la testa, ๑๙๗๑) แต่ครั้งนี้ .. เขาขึ้นเป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยมอบหมายตำแหน่งผู้กำกับให้แก่ " Peter Bogdanovich "(ผู้กำกับหนังดังในเวลาต่อมาอย่าง Paper Moon ,๑๙๗๓) ทว่า .. เกิดความขัดแย้งทางความคิดกันขึ้น.. และเป็น Bogdanovich ที่ถอนตัวออกไป .. ทำให้ เลโอเน่ ต้องกระโดดลงมารับหน้าที่ผู้กำกับด้วยตัวเอง ..

" A Fistful of Dynamite " เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของการปฏิวัติเม็กซิโก .. นำแสดงโดย " เจมส์ โคเบิร์น " ดาราหนุ่มที่ ลีโอเน่ เคยเสนอบท " มือปืนนิรนาม " ใน " Fistful of Dollars " ให้ ทว่า โคเบิร์น ปฏิเสธ ทำให้บทตกเป็นของคลิ้นท์ อีสวูด ในที่สุด , " Rod Steiger " ในบทบาทที่คล้ายคลึงกับบท "ทูโก" ใน " The Good, The Bad and The Ugly " .. บทโจรเม็กซิกันที่ในที่สุดเข้าไปพัวพันกับการปฏิวัติเม็กซิโกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



"เลโอเน่" ยังคงอำนวยการสร้างในหนังเรื่องอื่นๆ แต่ก็มีบ้างที่เจ้าตัวมักจะลงมากำกับบางฉากในหนังด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในฉากที่เป็นการถ่ายทำใหม่ .. รวมไปถึงหนังอย่าง " My Name Is Nobody (๑๙๗๓) " ซึ่งนำแสดงโดย " เฮ็นรี่ ฟอนด้า " และ " เทอเร๊นซ์ ฮิล " ด้วย

หนังเรื่องอื่นๆ ที่เขานั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างนั้น ประกอบไปด้วย A Genius, Two Partners and a Dupe (๑๙๗๕) หนังคามบอยตลกตามแบบฉบับ " เทอเร๊นซ์ ฮิล " , The Cat (Il gatto) (๑๙๗๗) , The Toy (Il giocattolo, ๑๙๗๙), Fun Is Beautiful (Un Sacco Bello, ๑๙๘๐), Bianco, Rosso e Verdone (White, Red and Verdone , ๑๙๘๑) และ (Troppo Forte (Great!, ๑๙๘๖). ระหว่างนั้นเจ้าตัวยังรับหน้าที่ผู้กำกับหนังโฆษณาระดับรางวัลหลายชิ้นในแวดวงทีวียุโรป ..


----------------------------------------------------------------



- การกลับมา -

โครงการภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับมาเฟียอิตาเลียนในอเมริกา ถูกส่งมาให้เขาพิจารณาว่า จะกำกับหรือไม่ ... "เ้ลโอเน่" ปฏิเสธงานชิ้นดังกล่าว เพราะเขาเองก็มีเรื่องราวที่อยากจะทำเป็นหนังในแนว "แก๊งส์เตอร์" ก่อนจะได้รับข้อเสนอนี้เสียอีก ... หนังที่ เลโอเน่ ปฏิเสธไปคือ " The Godfather " และ เขาใช้เวลาพัฒนาบท โดยดัดแปลงจากนิยายชื่อว่า " The Hoods " ของ " Harry Grey " .... เป็นเรื่องเกี่ยวกับมาเฟียชาวยิวในอเมริกา เล่าผ่านตัวละครสองตัวที่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ... จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่การเป็นมาเฟีย .. หนังอยู่ในบรรยากาศของยุค ๑๙๒๐ - ๑๙๓๐ ....

หนังเรื่องดังกล่าวคือ " Once Upon A Time in America " หนังความยาวกว่า ๔ ชั่วโมง นำแสดงโดย " โรเบิร์ต เดอ นีโร " , " เจมส์ วู๊ดส์ " ในบท เพื่อนรักที่ต้องมาหักเหลี่ยมกันเมื่อธุรกิจ .. และ ความโลภ กำลังจะแยกทั้งสองให้อยู่คนละขั้วของอำนาจมืด ..

ตัวหนังได้รับความคาดหวังอย่างสูง .. เพราะทุนสร้างและความปราณีตในการทำหนังเรื่องนี้ของ "เลโอเน่" นั้น อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า ดีพอจะขึ้นเป็น "มาสเตอร์พีัช" ของเขาด้วยซ้ำ .. ทว่า เป็นทางสตูโอ ที่ไม่พอใจกับความยาวของหนังที่มากเกินปกติ .. จึงจัดการหั่นหนังทิ้งเสียจนห้วงอารมณ์ของเรื่องนั้น ขาดหายไป .. (สำหรับการฉายในอเมริกาเท่านั้น) .. ซึ่งเมื่อหนังออกฉาย จริง .. ผลตอบรับที่ได้คือคำวิจารณ์ในด้านลบ ..

ทว่า กับตัวหนังฉบับดั้งเดิมความยาว ๔ ชั่วโมงนั้น ..ได้ฉายทั่วโลกแบบเต็ม ๆ ...และถูกยกย่องอย่างสูงจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์ในความละเมียดละไมต่อการเล่าเรื่องมาเฟียชาวยิว ..

เมื่อหนังฉบับเต็มได้มีโอกาสกลับมายังอเมริกาอีกครั้ง ในรูปแบบของ DVD .. กลุ่มผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างให้ความเห็นเป็นไปในทางเดียวกันว่า .. นี่คืองานที่เป็น " มาสเตอร์พีช " ของ "เซอจิโอ เลโอเน่" อย่างแท้จริง ..


----------------------------------------------------------------



- การพักผ่อนตลอดกาล -

"เซอจิโอ เลโอเน่" เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในปี ๑๙๘๙ ด้วยวัย ๖๐ ปี .. กระนั้น เจ้าตัวก็ยังทิ้งโปรเจคมากมายที่กำลังดำเนินการสร้างไว้ต่างหน้า ... รวมไปถึงโปรเจคที่ว่าด้วยสงครามโลกครั้งที่สองในศึก " เลนิน กราด " ..

----------------------------------------------------------------





- อีสวูด และ เดอนีโร -

เลโอเน่ เคยให้ความเห็นต่อดาราทั้งสองคนที่เขาได้ร่วมงานด้วย ... กับ อีสวูด ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาด้วยหนังไตรภาค " Dollars " .. เลโอเน่ ยกย่องว่า " คลิ้นท์ อีสวูด " คือนักแสดงที่เขาชื่นชอบที่สุด แต่หากจะมองในแง่การเป็น "นักแสดงอย่างแท้จริง" แล้ว เขาออกปากชมว่า "โรเบิร์ต เดอนีโร " คือ " ของจริง " หลังจากที่ได้ร่วมงานกันใน " Once Upon A Time in America "

ในปี ๑๙๙๒ ... " คลิ้นท์ อีสวูด" สร้างหนังที่เป็นเสมือนการบูชาครู "เลโอเน่" อย่าง " Unforgiven " หนังที่ว่าด้วย มือปืนชราภาพที่ต้องกลับมาจับปืนอีกครั้ง หลังได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มโสเภณีในเมือง ให้จัดการกับชายป่าเถื่อนสองนาย ที่กระทำรุนแรงกับพวกเธอ .. โดยที่กฏหมายกลับทำเพิกเฉย เพียงเพราะว่า พวกเขายอมติดสินบนนายอำเภอ ... หนังเนิบช้า ผิดกับหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ ทว่ากับเรื่องราวที่มุ่งเน้นไปยังตัวละครของอีสวูด ที่เป็นเสมือนวัยชราของบทมือปืนนิรนามในหนังไตรภาค " Dollars " ของเลโอเน่ ... เราจะเห็นว่า สิ่งที่ตัวละครของอีสวูด ตัดสินใจทำลงไปนั้น .. ไม่ใช่เพราะความสนุก .. ความโลภ .. แต่เป็นเพื่อความอยู่รอดของคนในครอบครัวของเขาเอง น้อยครั้งที่เราจะเห็นคาวบอยที่รับจ้างฆ่าคนเพื่อเลี้ยงชีพคนในครอบครัว .. แทบไม่มีเลยที่เราจะเห็นภาพอดีตมือปืนที่โหดเหี้ยมไล่คลุกโคลนจับหมูอยู่ในคอก ... หนังเรื่องนี้สมค่ากับที่ ออสการ์มอบรางวัล "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับยอดเยี่ยม " ให้อย่างแท้จริง ...ควรคู่ต่อการเป็นหนังที่ "ปิดฉาก" ตระกูลภาพยนตร์คาวบอยอย่างสวยงามที่สุด ...


----------------------------------------------------------------

- ทายาท และั มหาชน -

ในปี ๒๐๐๔ ลูกชายของเขาเอง " อันเดรีย เลโอเน่ " ได้เปิดเผยแบบร่างบทภาพยนตรที่ไม่ได้สร้างชื่อว่า " A Place Only Mary Knows " ซึ่ง เซอจิโอ เลโอเน่ เขียนร่วมกับ Luca Morsella และ Fabio Toncelli. เรื่องราวของหนังเกี่ยวกับทหารสองนายในช่วงเวลาสงครามกลางเมืองของสหรัฐ..

...ผลงานของเลโอเน่ มักจะถูกอ้างอิงเสมอเมื่อมีการกล่าวถึง " ภาพยนตร์คาวบอยสปาเก็ตตี้ " กระทั่งเสียงตอบรับจากคนรุ่นใหม่ ๆ นั้น ก็ปรากฏได้ชัดว่าเป็นไปในทางยกย่องเชิดชู .. เมื่อพิจารณาจากเว็บ Rotten Tomatoes ที่ให้ค่าเฉลี่ยความนิยมของ เลโอเน ซึ่งประเมินจากคุณภาพของหนังแต่ละเรื่องในเครดิตสูงถึง ๙๔ % เลยทีเดียว ...

----------------------------------------------------------------



- เบื้องหลัง เบื้องลึก -

- เมื่อมีการยืนยันว่า " วิลเล่ม เดโฟ " จะมารับบทพระเยซู ใน " The Last Temptation of Christ " หนังสุดอื้อฉาวของ " มาร์ติน สกอเซซี่ " ... " เซอจิโอ เลโอเน่ " ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า " นั่นน่ะ มันใบหน้าของฆาตรกรชัด ๆ ไม่ใช่ใบหน้าของพระผู้เป็นเจ้าหรอก !! "

- ในกองถ่าย " A Fistful of Dollars " , " คลิ้นท์ อีสวูด " ตั้งชื่อเล่นที่เรียกกันขำ ๆ ในกองถ่ายแก่ เลโอเน่ ว่า "Yosemite Sam" เพราะว่าตัว เลโอเน่ เองมักจะอารมณ์ดุเดือดเคร่งเครียดราวกับกำลังทำสงครามอยู่ยังไงยังงั้น ...

- แม้ความสัมพันธ์ของทั้ง อีสวูด และ เลโอเน่ จะรุ่งริ่งเนื่องจากความขัดแย้งกันในช่วงยุค ๘๐ แต่ อีสวูด ก็ยังให้เครดิตต่อ เลโอเน่ ในหนัง Unforgiven ร่วมกับ ดอน ซีเกล

- หนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ทั้งสี่เรื่อง ( ไตรภาค Dollars กับ Once Upon a Time in The West ) ของ เลโอเน่ ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการพากย์เสียงทับ (รวมทั้งการใช้ซาวด์ประกอบใส่เข้าไปทีหลังอีกด้วย) ถึงกับมีนักวิจารณ์รายหนึ่งแดกดันว่า " เสียงปืนพกในหนังดังราวกับเสียงปืนใหญ่ ... ส่วนเสียงปืนใหญ่น่ะเหรอ .. นั่นมันเสียง์ระเบิดนิวเคลียรดี ๆ นี่เอง !! "

- จากตอนหนึ่งในหนังสือชีวประวัติของ เลโอเน่ , ระบุว่า เจ้าตัวต้องการจะ "รีเมค" หนังเรื่อง " วิมานลอย " (Gone with the Wind)

- ภายหลังจากที่ได้ชมหนังสุดสยองเรื่อง " เปรตเดินดินกินเนื้อคน " ของผู้กำกับชาวอิตาเลียน " Ruggero Deodato " ... เลโอเน่ ส่งโน๊ตสั้น ๆ ให้แก่ Deodato ความว่า " ไอ้เกลอเอ๋ย ... นี่มันหนังอะไรกันวะเนี่ย .. ครึ่งหลังของเรื่องนี่มันสุดยอดของหนังที่แสนสมจริงแบบสุด ๆ แต่น่ากลัวว่านายจะต้องเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่จากทั่วโลกซะแล้ว " หลังจากนั้นไม่นาน Deodato ก็ถูกจับโทษฐานสร้างหนัง " สนัฟ ฟิล์ม " (เชื่อกันว่า เป็นหนังที่บันทึกฉากการฆ่าคน หรือ ทารุณกรรมคนจริง ๆ จนถึงแก่ความตาย)


----------------------------------------------------------------




เรียบเรียงจาก

//en.wikipedia.org/wiki/Sergio_Leone

//www.fistful-of-leone.com/

Create Date : 10 พฤษภาคม 2550		2 comments
Last Update : 10 พฤษภาคม 2550 14:25:57 น.
Counter : 5895 Pageviews.
Share Tweet