Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
1 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
หัวใจเพียงรัก 12













หัวใจเพียงรัก 12





ร่างบางที่เดินแกมวิ่งสวนผ่านหน้าเข้าลิฟต์ไป ดูแล้วเธอคงมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนักอย่างแน่นอน เพราะดูจากอาการที่เธอเป็นแล้ว ทั้งตาบวมแดงช้ำคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแน่ๆ ชายหนุ่มที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์เมื่อสักครู่รีบกดปุ่มก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลงไปเพราะมือบางของคนที่ยืนตาบวมอยู่ข้างในนั้น

รวันดาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความขัดใจเมื่อประตูที่กำลังจะปิดลงต้องเปิดขึ้นกว้างอีกครั้ง พร้อมร่างเพรียวได้สัดส่วนของชายหนุ่มที่ยืนส่งรอยยิ้มมาให้ ถ้าเป็นหญิงอื่นคงจะละลายไปกับรอยยิ้มนั่นแล้ว แต่สำหรับเธอ รอยยิ้มเจ้าชู้แบบนั้นยิ่งทำให้อารมณ์ที่กำลังเศร้าๆ ต้องกลายมาเป็นอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างหนักแทน

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” เขาเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน หลังจากก้าวเข้ามายืนข้างๆเธอในลิฟต์แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีแล้วเลือกที่จะนิ่งเงียบ สะกดความไม่พอใจไว้ข้างในแทน

“ถามก็ไม่ตอบ สงสัยจะใบ้กิน” เมธัสยังคงแกล้งแหย่ไปแบบนั้น เขาอยากเห็นภาพที่เธอวีนมากกว่าการนิ่งเงียบแบบนี้ เพราะนี่มันไม่ใช่บุคลิกที่แท้จริงของคุณหนูจอมหยิ่งบวกมั่นใจในตัวเองสูงอย่างเธอเลย และหลังจากคำว่าใบ้กินออกจากปากหยักได้รูปของเขานั้น มันสามารถเรียกให้หญิงสาวหุ่นนางแบบหันมาส่งสายตาค้อนให้เขาทันควัน

“ใครจะเหมือนคุณกันล่ะ ผีเจาะปากมาให้พูดหรือไง” แทนที่คนถูกด่าจะรู้สึกโกรธแต่กลับกลายว่าเขาหัวเราะเสียงดังลั่นลิฟต์ นี่แหละคุณหนูขาวีนตัวจริงล่ะ

วันนี้รวันดารู้สึกว่าลิฟต์จะอืดเป็นพิเศษกว่าทุกวัน หรือว่าเป็นเพราะการใช้ลิฟต์ในครั้งนี้มีเมธัสคอยกวน คอยแหย่กันแน่จึงทำให้เธอรู้สึกไปแบบนั้น

“คุณร้องไห้หรือ”

“ฝุ่นเข้าตามั้ง” ตอบพร้อมส่งสายตาค้อน รู้ทั้งรู้ว่าสภาพแบบนี้ต้องผ่านการร้องไห้มาเขาก็ยังจะมาถามเธออีก

“ให้ผมช่วยเช็ดฝุ่นให้ไหม” เขายังไม่ยอมเลิกที่จะแหย่

“ไม่ต้อง ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” พูดจบประตูลิฟต์เปิดออกพอดี หญิงสาวก้าวออกมาเดินดิ่งๆไม่สนใจคนที่โดยสารลิฟต์มาพร้อมกันแม้แต่น้อย จนเขาต้องรีบสาวเท้าเร็วๆเพื่อที่จะให้ทันร่างบางที่เดินแกมวิ่งออกไปจากตัวอาคาร
“รอกันด้วยซิคุณ จะรีบไปไหนเนี่ย” เขาคว้าแขนเล็กๆทันทีที่ตามทัน

“เอ๊ะ~” รวันดาหันมาทำเสียงไม่พอใจ พร้อมสลัดแขนตัวเองแรงๆเพื่อให้หลุดจากมือหนานั่น เมธัสปล่อยแขนเธอแล้วยกมือสองข้างขึ้นเหมือนการยอมแพ้

“ผมขอโทษ”

“คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคุณเมธัส คุณถึงได้ตามมาแบบนี้ ถ้ามีละก็ไว้วันหลังนะคะ วันนี้ฉันไม่สะดวกคุย”

“เปล่า...ผมไม่ได้มีธุระอะไรกับคุณหรอก แค่อยากเดินเป็นเพื่อน เห็นว่าฝุ่นเข้าตาคุณ ก็เลยเกรงว่าคุณจะเดินไปชนอะไรสักอย่างเข้า มันจะเป็นการทำให้ข้าวของเสียหายอ่ะนะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ยิ่งเห็นหน้างอๆของเธอแล้วยิ่งรู้สึกสนุกในการแหย่

“ฉันคงไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรอก” ว่าแล้วก็เชิดหน้าขึ้นสูง จนเขาเกรงว่าคอเธอจะเคล็ดไปเสียก่อน

“เอาน่าคุณ ถือว่าคุณโชคดีนะเนี่ยที่มีหนุ่มฮอทย่างผมเดินเป็นเพื่อนน่ะ คนอย่างผมเนี่ยยากนะที่จะเดินเป็นเพื่อนใครง่ายๆ” เขายืดอกกวนๆ

“โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ช่วยเดินห่างๆฉันได้ไหม ฉันไม่อยากโดนสาวๆของคุณมาแหกอกเอา”

หญิงสาวรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก คงเป็นเพราะคำพูดกวนๆของเขาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมา จะโกรธก็โกรธไม่ลง จะหัวเราะก็ยังรู้สึกเกร็งๆ เพราะหัวใจที่เจ็บแทบสลายมันยังไม่ประสานกันดีพอ ถ้าหัวเราะก็คงจะเป็นการหัวเราะแบบฝืดๆ เธอเลยเลือกที่จะไม่หัวเราะเสียดีกว่า

เมธัสยังคงเดินดักหน้าดักหลังเธอไปแบบนั้น ถึงจะโดนคุณหนูไฮโซเอ่ยปากไล่กี่ทีๆเขาก็ทำเป็นเอาหูทวนลมไม่ได้ยินที่เธอไล่ซะอย่างนั้น

หญิงสาวตวัดสายตาค้อนให้กับคนที่ดูระริกระรี้มีความสุขตลอดเวลาอย่างเขา เสียงผิวปากอย่างสบายในอารมณ์ของเมธัสทำให้เธอรู้สึกหายจากอาการเศร้าเป็นปลิดทิ้ง

...หรือว่าเธอแค่อยากเอาชนะจิรัชย์อย่างที่เขาว่าจริงๆ...


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก ปลายฝันขมวดคิ้วมุ่นสงสัย ใครบังอาจกล้าโทรมาเวลานี้ เหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงก่อนกดรับ ห้าทุ่มสิบห้า...เบอร์ไม่คุ้นเอาเสียเลย

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวใช้น้ำเสียงเป็นทางการ เพราะเบอร์ที่โชว์หน้าจอนั้นไม่ได้บอกชื่อที่เธอบันทึกไว้

“ผมเองนะ”

“ผมน่ะใคร” น้ำเสียงแบบนี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเธอก็จำมันได้ขึ้นใจ แต่เลือกที่จะกวนปลายสายมากกว่า

“โธ่...” เสียงปลายสายทำให้เธออมยิ้มมากยิ่งขึ้น

“จำกันไม่ได้ซะอย่างนั้น” เขาทำเสียงตัดพ้อ ปลายฝันคิดเห็นภาพหน้าคมเวลาทำเสียงแบบนี้ได้เลย ตอนนี้ปากหนาได้รูปคงกำลังเม้มสนิทชิดกัน
“ฉันล้อเล่นค่ะบอส แล้วบอสโทรมาเวลานี้มีอะไรหรือเปล่า”

“ทางการจัง บอกแล้วไงว่าเวลาคุยกันสองต่อสองไม่ให้เรียกบอส จะเรียกรัชย์เหมือนแต่ก่อนก็ไม่ว่านะ แถมยังเต็มใจอย่างยิ่งด้วยนะ”

“สถานะระหว่างคุณกับฉันมันเปลี่ยนไปนะคะบอส คุณคือเจ้านาย ส่วนฉันลูกน้อง” เธอแย้ง

“แต่ตอนนี้เลิกงานแล้วนะฝัน เรียกรัชย์เฉยๆไม่ได้หรือ”

“ก็มันชินแล้วนี่นา แล้วนี่โทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ บอสยังไม่ตอบฉันเลยนะ”

“คิดถึง” สั้นๆได้ใจความ ตอนนี้คนฟังรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาทันที

“บ้า คิดถึงตอนห้าทุ่มเนี่ยนะบอส”

“ก็บอกไม่ให้เรียกบอสไงเล่า ไหนลองเรียกรัชย์เหมือนแต่ก่อนซิ” เขาทำเสียงอ้อนๆ จนเธออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“อย่าทำเสียงแบบนั้นได้ไหมคะบอส มันจั๊กกะจี้”

“แน่ะ ยังไม่ยอมทำตามอีก พรุ่งนี้วันหยุดผมไปรับนะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวายังไม่ยอมทำตามเขาเลยเปลี่ยนเรื่องทันที

“รับไปไหนคะ”

“ไปเดทไง เดทแรกของเราในรอบห้าปี” หญิงสาวเผลอย่นจมูกให้เขาไปทางโทรศัพท์ คนอะไรจำรายละเอียดได้ดีจริงๆ

ห้าปีที่เธอกับเขาต้องอยู่กับความเจ็บปวด ความเข้าใจผิดตลอดมา ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เธอกับเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ความรักที่ออกมาจากของเขายิ่งย้ำให้เธอรู้สึกผิด ผิดที่ไม่เคยไว้ใจเขาเลยแม้แต่น้อย แค่คำพูดและการกระทำของใครคนหนึ่งก็สามารถทำให้เธอตัดสินเขาโดยไม่ยอมให้เขาได้อธิบายเลยแม้แต่น้อย

“แล้วรัชย์จะพาฝันไปเที่ยวไหน” รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเธอพยายามใช้สรรพนามให้เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้มันยังไม่ชิน แต่เธอจะพยายาม
ในขณะที่เธอกำลังหน้าแดงกับคำพูดของตัวเองนั้น คนที่อยู่ปลายสายก็กำลังมีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มหน้าเหมือนกัน

“พาไปเดทต่างหาก ไม่ได้พาไปเที่ยว” เขาแย้ง

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ เที่ยวกับเดทก็เหมือนกัน”

“ไม่เหมือน เดทนี่เป็นการที่คู่รักเค้าไปกันสองคนแค่นั้น ไม่มีใครไปเป็นส่วนเกิน ส่วนเที่ยวสามารถไปหลายๆคนได้” คำอธิบายของเขาทำเอาเธอหัวเราะออกมาเสียงดัง ลืมไปว่าตอนนี้เวลาผ่านล่วงไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว

“รัชย์จะจีบฝันหรือ” เธอหัวเราะถามเอาแบบตรงๆ

“อ่ะแน่นอนอยู่แล้ว”

คำตอบของเขาทำเอาเธออายม้วนเลยทีเดียว มือบางบิดผ้าปูทีนอนจนยับยู่ยี่ด้วยความเขิน นี่ขนาดไม่ได้อยู่ต่อหน้าของเขานะเธอยังอายมากขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าเขามิใช่จะอายม้วนยิ่งกว่านี้หรือนี่

“รัชย์แน่ใจแล้วหรือ”

“ฝันยังไม่เชื่อใจรัชย์อีกเหรอ นี่มันผ่านมาห้าปีแล้วนะ ถ้ารัชย์ไม่รักนะไม่รอให้ฝันขึ้นคานเล่นแบบนี้หรอก รัชย์คงชิ่งแต่งงานไปนานแล้ว”

“บ้า ใครขึ้นคานกัน ที่อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาจีบหรอกนะ พูดไปจะหาว่าคุย”

“ที่ไม่คบใคร เพราะรอรัชย์ใช่ไหมล่ะ”

“ใครว่า ไม่ใช่สักหน่อย” ปฏิเสธทั้งที่หน้าแดงก่ำ

“ไม่ต้องอายหรอกน่า รัชย์ยังบอกตรงๆเลยว่ารอสอยฝันลงจากคาน” หลังจากที่พูดจบเขาก็หัวเราะร่วนถูกใจ

“ที่ไม่คบใครก็เพราะมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบเยอะเกินจนเลือกไม่ถูกต่างหากเล่า”

หญิงสาวคุยโวพร้อมหาววอดไปด้วย เสียงหาวของปลายฝันทำให้เขาต้องเหลือบมองนาฬิกาบ้าง จะตีหนึ่งแล้วหรือนี่ มิน่าเสียงเธอถึงเริ่มจะเอือยๆ
“ฝันง่วงแล้วเหรอ”

“อื้อ” หญิงสาวพยักหน้ารับตาเริ่มปรือๆ จะปิดเสียให้ได้

“ถ้าอย่างนั้นรัชย์ไม่กวนแล้วนะ ฝันดีครับ...อย่าลืมฝันถึงรัชย์นะคืนนี้ แต่ฝันห้ามมาหลอกมาหลอนในฝันผมล่ะ ถ้ามาก็มาแบบสวยๆนา”

จิรัชย์หัวเราะเบาๆอย่างเป็นสุข ปลายฝันอดที่จะหัวเราะตามเขาไปด้วยไม่ได้ หัวใจสองดวงที่เคยบอบช้ำได้กลับเข้าสู่ภาวะที่ปกติแล้ว

“ฝันดีเช่นกันค่ะ”

“พรุ่งนี้เจอกันครับ”

“ค่ะ”

คืนนั้นทั้งคืน...ปลายฝันนอนหลับทั้งที่ใบหน้ายังระบายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


ทางด้านจิรัชย์หลังจากที่วางสายจากเธอแล้ว เขากลับนอนไม่หลับเอาเสียเลย จึงตัดสินใจลุกจากเตียงนอนไปยืนมองท้องฟ้าที่ตอนนี้มีดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ค่ำคืนเดือนหงายแบบนี้ยิ่งทำให้ดวงดาวชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพราะไม่มีแสงจากดวงจันทร์คอยรบกวน อย่างนี้แหละนะคนกำลังมีความสุขดูเหมือนอะไรๆก็เป็นใจไปเสียหมด ละสายตาจากท้องฟ้าเขาก็มองฝ่าความมืดออกไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

ถ้าเกิดตอนนี้มีร่างบางของปลายฝันให้เขากอดพร้อมเงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนแบบนี้ด้วยกันคงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดว่าตัวเองชักจะฟุ้งซ่านมากไปแล้วจึงสลัดหน้าตัวเองเล็กน้อยเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านนั้นออกไป ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงแล้วหลับไปด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มหน้าเหมือนกัน...

...ในคืนนั้นจิรัชย์ฝันว่า เขาตื่นขึ้นมาพร้อมอ้อมกอดจากแขนเล็กๆของปลายฝัน และด้วยจุมพิตทักทายในตอนเช้าจากเธอ...


เช้าวันรุ่งขึ้นจิรัชย์ปรากฏกายหน้าบ้านของเธอพร้อมรถโฟล์คเต่าที่เขาเคยขับรับส่งเธอสมัยที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยกัน พ่อของเธอยืนรดน้ำต้นไม้อยู่สนามหญ้าหน้าบ้านเมื่อเห็นเขายืนอยู่นอกรั้วจึงเดินมาเปิดประตูให้

“อ้าวรัชย์ มาแต่เช้าเลย”

“ครับ สวัสดีครับพ่อ”

“ไหว้พระเถอะลูก ฝันอยู่ข้างในแน่ะ ตามสบายเลย พ่อขอรดน้ำต้นไม้ต่อนะ” ผู้สูงวัยรับไว้แล้วหันไปรดน้ำต้นไม้ต่อ พ่อกับแม่ของปลายฝันเป็นข้าราชการทั้งคู่ ท่านทั้งสองชอบที่จะดูแลบ้านด้วยตัวเองเลยเลือกที่จะไม่จ้างคนงาน งานด้านสวยพ่อของเธอเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนงานบ้านจะเป็นหน้าที่ของแม่กับปลายฝัน นี่เป็นเหตุผลหนึ่งละมั้งที่ทำให้ปลายฝันเป็นผู้หญิงแกร่ง ชอบทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ

“ครับ” จิรัชย์เดินเข้าภายในบ้านด้วยความเคยชิน เสียงทำกับข้าวในครัวทำให้เขาเลือกเดินตามเสียงนั้นไปหลังจากที่กวาดสายตาไปทั่วบ้านแล้วไม่มีเงาของเจ้าบ้านสักคนไม่ว่าปลายฝันหรือแม่ของเธอ

“ทำอะไรครับแม่” เขาทักทายในขณะที่ยืนเกาะประตูห้องครัวอยู่ เมื่อผู้สูงวัยหันมาเขาจึงยกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับ”

“จ้ะ มานานหรือยังลูก”

“เมื่อกี้เองครับ แม่ทำอะไรหรือครับหอมเชียว แล้วฝันล่ะครับแม่”

“ถามแม่เป็นชุดเลย แล้วจะตอบคำถามไหนดีล่ะเนี่ย” ผู้สูงวัยเอ่ยแซว ทำให้เขายิ้มเก้อๆ

“ฝันอยู่สวนหลังบ้านน่ะ” ท่านเลือกที่ตอบคำถามสุดท้ายของชายหนุ่มมากกว่า เพราะเชื่อว่าเป็นคำถามที่เขาต้องการคำตอบมากที่สุด

“เห็นว่ารัชย์จะมาทานข้าวด้วย วันนี้แม่เลยทำกับข้าวเยอะเลยนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย แม่ของปลายฝันบอกว่าวันนี้เขาจะมาทานข้าวด้วย อืม...สงสัยเธออยากทานข้าวเช้ากับครอบครัวก่อนออกเดทกับเขา คงอยากให้เวลากับครอบครัวด้วยแน่ๆ

“ผมขอตัวไปหาฝันนะครับ”

“จ้ะ”


สวนหลังบ้านเต็มไปด้วยพืชผักนานาพันธุ์ที่เจ้าบ้านปลูกไว้ทานเอง พืชผักสวนครัวที่ปลอดสารพิษ ร่างบางในชุดเสื้อยืดกางกางขาสั้นเหนือเข่าอวดเรียวขาสวยกำลังนั่งยองๆเก็บผักอยู่ในแปลง เมื่อเห็นว่าเขามาจึงหันมาส่งยิ้มทักทาย

“มาแล้วเหรอ ดีเลยจะได้มาช่วยฝันเก็บผักไปทานกับน้ำพริก วันนี้แม่ทำน้ำพริกปลาทูด้วยของโปรดรัชย์เลยนี่”

“ว้าว แม่นี่รู้ใจลูกเขยคนนี้จัง”

“บ้า ใครลูกเขยใคร พูดดีๆนะ” หญิงสาวลุกขึ้นเท้าสะเอวชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางก๋ากั่นนั้น ทั้งที่ผักอยู่เต็มมือก็ยังไม่วายออกฤทธิ์
“พูดความจริงแค่นี้ทำเป็นมีน้ำโห ไหนเก็บอะไรบ้างรัชย์จะได้ช่วยเก็บ”

ปลายฝันหัวเราะกับชุดที่เขาใส่มาวันนี้ มันช่างไม่เหมาะกับการก้มๆเงยๆเก็บผักเอาเสียเลย มันเหมาะที่จะไปเดินตามห้างหรูมากกว่าเป็นไหนๆ

“รัชย์เก็บแตงกวาไปเยอะๆดีกว่า รัชย์ชอบ” ว่าแล้วก็เดินเลือกเก็บผลของแตงกวาที่คิดว่าเหมาะแก่การเก็บเกี่ยวเพื่อไปอยู่ในท้องแทนแล้ว

“เก็บถั่วฝักยาวให้ฝันด้วยนะ ฝันชอบ” เธอเลียนแบบคำพูดเขา

“ได้เลยขอรับคุณผู้หญิง”


“ฝัน รัชย์ เก็บผักพอแล้วมั้งลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว เก็บผักกันนานจังจะเก็บกันทั้งสวนหรือยังไง” เสียงลอดมาจากห้องครัวทำให้คนที่อยู่ในสวนมองหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“เดี๋ยวรัชย์เอากลับบ้านด้วยนะ ผักในตลาดน่ะสารพิษเยอะเราไม่รู้หรอกว่าอันไหนปลอดหรือไม่ปลอด เอาไปจากสวนฝันนี่แหละรับรองความปลอดภัยชัวร์”

หญิงสาวยื่นตะกร้าที่ใช้ใส่ผักให้เขาเป็นคนถือแล้วเดินนำหน้าเข้าบ้าน จิรัชย์เดินตามเธอจนถึงในครัว พร้อมจัดแจงเอาผักออกล้างโดยมีเธอยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆคอยหัวเราะเวลาน้ำกระเด็นโดนเขา

“มัวหัวเราะอยู่นั่นแหละ ช่วยรัชย์ล้างจะได้ทานข้าวกัน” แม่ของเธอหันมาเอ็ดลูกสาว จิรัชย์หันมายักคิ้วให้อย่างเป็นต่อ

“โอ้ย” ก่อนจะร้องจ๊ากส์เมื่อโดนเธอบิดเอาตรงเอว

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก รัชย์”

“ไม่มีอะไรครับ พอดีมดมันกัดน่ะครับแม่” ผู้สูงวัยพยักหน้ารับรู้แล้วเลิกสนใจสองคนที่ตอนนี้กำลังยืนแยกเขี้ยวให้กันอยู่

“มดตัวใหญ่ด้วย” เขากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เดี๋ยวโดนมดกันอีกตัวหรอก” หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่องจนเขาต้องยกมือยอมแพ้ แม่ของเธอออกไปตามพ่อที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ในครัวตอนนี้มีเธอและเขาอยู่กันสองคนช่วยกันจัดการกับผักทั้งล้างทั้งจัดใส่จาน

“เหมือนคู่รักช่วยกันทำกับข้าวเลยเนอะฝันว่าไหม” ว่าแล้วก็ซุกซนโดยใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวเธอทั้งที่ยังเปียกอยู่

“ปล่อยเลย เห็นไหมเปียกหมดแล้ว”

“ปล่อยก็ได้” เขาปล่อยแขนจากเอวบางอย่างว่าง่าย แต่ทดแทนด้วยการขโมยหอมแก้มใสยามเจ้าของแก้มเผลอไปฟอดหนึ่ง ส่วนเจ้าของแก้มใสได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกใจที่ตัวเองโดนเอาเปรียบโดยไม่ทันตั้งตัว

“อ้าปากซะกว้างเลย เดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปไข่ใส่หรอก”

หญิงสาวรีบหุบปากฉับทันที แล้วตอบแทนเขาที่กล้าบังอาจขโมยหอมแก้มยามเผลอด้วยการทุบหลังเขาดังอั้ก แล้วเดินสะบัดหน้าหนีปล่อยให้เขาทำไปคนเดียว

จิรัชย์ลูบหลังตัวเองปอยๆ

“คนอะไรชอบใช้ความรุนแรง” เขาตะโกนตามหลังเธอออกไป

“ไม่ต้องมาว่ากันเลย ล้างเสร็จก็ยกออกมาเลยนะ”

“คร้าบบบบ~” เขาขานรับพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุข ถ้าในทุกวันได้อยู่ได้เถียงกันเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ก็ดีซิ เมื่อไหร่นะวันนั้นที่เขารอคอยมาเนิ่นนานจะมาถึงเสียที









Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 0:45:16 น. 4 comments
Counter : 330 Pageviews.

 
คุยเล็กน้อย...

ช่วงนี้เหนื่อยจัง...
เหนื่อยกับหลายๆเรื่องที่ถาโถมเข้ามา

ขอบคุณทุกกำลังใจที่แวะมาทักทาย
นานๆเข้ามาที อย่างไรก็อย่าลืมกันนะคะ

ทักทายกันบ้าง อย่าลืมปาณิกเลยนะคะ

.......ปาณิกดา ผู้ไม่อยากถูกหลงลืม.......



โดย: หนึ่งเดียวในใจ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:55:50 น.  

 
หวัดดีเจ้าแม่นางแสนฝาง

อิอิอิ นุชยังไม่ถึงเจียงใหม่เตื่อเจ้า ต้องตอนเย็นนู้นตอนนี้ที่สิงคโปร์ตี3ครึ่งประปราย ฮ่าๆๆๆ...

นุชบินตรงถึงเจียงใหม่ทุ่มตรงเจ้า แม่นางแสนฝาง ข้าเจ้าคิดฮอดถึงแม่นางแสนฝางหลายๆเด้อเจ้า

กลับมาจากเจียงใหม่นุชจะมานั่งอ่าน หัวใจเพียงรัก เริ่มตั้งแต่ตอนที่1เลยเจ้า

ฝันดีจ๊ะ จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: แม่เฮือน วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:2:37:13 น.  

 
มาบอกย้ำว่า ไม่ลืมแน่นอนค่า
แต่ไม่ค่อยได้มาเท่านั้นเอง
ส่วนมากจะเข้ามาตอนที่คุณปาณิกอัพบล็อก อิอิอิ


เด้วกลับไปอ่านก่อนเน้อ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:23:30 น.  

 
คุณนุช...ถึงเจียงใหม่ทุ่มวันที่ 1
แปลว่าตอนนี้คงถึงแล้วซินะคะ
เที่ยวให้สนุกน้า ส่วนที่ว่าจะมาอ่านหัวใจเพียงรักตั้งแต่ต้นนั้น
แง๋มๆๆ แอบเขิน ฮา

คุณนาห์...ขอบคุณที่ยังคงคิดถึงกันเสมอมา
มาเวลาที่ปาณิกอัพก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะปาณิกก็นานๆอัพที เกรงใจคุณนาห์เหมือนกัน

ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะคะ

ปาณิกดา...


โดย: ปาณิกดา IP: 61.19.66.169 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:36:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.