หันเก็งกำไร 11 หุ้นแกร่งอิงศก.ในประเทศ ดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อ เลี่ยงพลังงาน-ปิโตรเคมี

ที่มา ข่าวหุ้นดอทคอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.48 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังจากอ่อนตัวลงแรงวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงแรงจากภาคการผลิตที่อ่อนแอทั้งยูโรโซน, สหรัฐ และจีน ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์เผชิญแรงขายอย่างหนัก นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ เก็งกำไร 11 หุ้นแกร่ง ได้แก่ AP, SIRI, HEMRAJ, THAI, SAT, BECL, CPF, ADVANC, SAT, SF, MLINK

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุว่า ในช่วงพักฐาน แต่แถวใกล้ๆ 1140 จุดน่าสนใจเลือกหุ้นเข้าซื้อ!!

กลยุทธ์: เราแนะนำให้เลือกหุ้นเพื่อทยอยเข้าซื้อทั้งเพื่อถือลงทุน และลุ้นเทรดดิ้งได้ เมื่อ SET ไหลลงไปใกล้ๆ 1140 จุด เพราะมองว่าความคาดหวังว่าจะมีมาตรการต่างๆ ในการดูแลปัญหาหนี้ยูโรโซนจะช่วยหนุนตลาดให้วิ่งขึ้นได้ ซึ่งเป้าหมาย SET ปี 2012 เรายังมองที่ 1350 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KBANK, TCAP, SIRI, SPALI, PS, INTUCH, CPF, CPALL, MINT, BH, STANLY, THAI, BTS และ  DRT เป็นต้น

หุ้นเด่นทางเทคนิค   SAT, MLINK, LOXLEY (SBL)

แนวโน้ม หลังจากวันก่อนที่ประชุมเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีมาตรการ QE3 ทำให้ตลาดผิดหวัง รวมทั้งยังปรับลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐปีนี้ลงด้วย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ก็ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง นอกจากนี้การเปิดเผยดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตของเยอรมนีช่วงบ่ายวานนี้ที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ยิ่งสร้างความวิตกว่าเยอรมนีอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอาจส่งผลให้วิกฤติหนี้ยูโรโซนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนเมื่อวานก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องอีก ทำให้เริ่มมีการคาดกันว่าสเปนอาจจะต้องขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ได้ และล่าสุดมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ยังปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่อีก 15 แห่งลง 1-3 ขั้น เพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่ธนาคารกลุ่มนี้ต้องเผชิญจากความผันผวนของตลาดทุน

ทำให้ FSS คาดว่าแรงขายทำกำไรจะยังกดดัน SET ให้ปรับฐานลงต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่ดูย่ำแย่ น่าจะทำให้นักลงทุนกลับมามีความหวังกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีการประชุม EU Summit อีกครั้ง ดังนั้นถ้า SET ปรับตัวลงไปใกล้ๆ 1140 จุดซึ่งเป็นระดับดัชนีที่โดดขึ้นมาหลังมีข่าวการอัดฉีดเม็ดเงินช่วยเหลือแบงก์ในสเปนเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มีโอกาสที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาได้

แนวรับ  1156-1150 , 1145-1143 จุด    แนวต้าน  1162-1165 , 1168-1172  จุด

บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : อ่อนแอจากกังวลเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์การลงทุน: ถอยก่อนหากปิดต่ำกว่า 1150-1145

ภาพรวมดูย่ำแย่ลงหลังจบข่าวที่ลุ้นเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเฟดไปวันก่อน โดยตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอของทั้งยูโรโซน, สหรัฐ และจีน รวมถึงตลาดบ้านและแรงงานที่ไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรของสหรัฐกดดันดัชนีดาวโจนส์ดิ่งหนักกว่า 250 จุด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญแรงขายอย่างหนัก กดดันราคาน้ำมัน NYMEX ดิ่งลงกว่า 4% วานนี้ ล่าสุดมูดี้ส์ประกาศหั่นเครดิต ธนาคารขนาดใหญ่ 15 แห่ง ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแรงท่ามกลางการหลีกหนีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ภาพรวมตลาดจึงดูอ่อนแอจากปัจจัยเศรษฐกิจจากภายนอกเป็นหลัก ขณะที่ปัญหาการแก้หนี้ยุโรปยังคงเป็นปัจจัยลบเดิมที่ครอบงำตลาดอยู่ต่อไป SETI วันนี้น่าจะอ่อนตัวลงแถว 1150-1145 ก่อน น่าระวังถ้าไม่รีบเด้งกลับแถวนั้นจะไปต่อถึง 1130-1100 อีกรอบ

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น : ต้องเก็งกำไรบนความระมัดระวังมากขึ้น เลือกจำกัดพอร์ตที่เดิม และจะลดลงอีก หากดัชนีปิดหลุด 1150-1145 แนวต้าน : 1166-1173 แนวรับ : 1155-1150

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 30% : เงินสด 70%

ถือต่อในพอร์ต : CPF, ADVANC, SAT, SF หุ้นที่ปรับออก : BBL

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ลงต่อ หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีจะยังนำตลาดลง หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงต่อค่อนข้างมากตามตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นดัชนีภาคการผลิตเดือน มิ.ย.ของจีนและของยูโรโซนที่ลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ (Philly Fed) ที่ร่วงหนัก และตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงทรงตัวสูงแถวๆ 3.9 แสนตำแหน่ง ภาพรวมคือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจน แต่ ธ.กลางสหรัฐฯ ยังไม่พร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ยังสูงกว่า 2%

นอกจากนี้ยังมีข่าวลบในภาคธนาคารสหรัฐฯ หลังจากมูดี้ส์ฯ ลดความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 15 แห่ง เพื่อสะท้อนความเสี่ยงต่อตลาดการเงินโลกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ KGI มองดัชนีฯลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,150 จุด และน่าจะชะลอแถวๆ นั้น เนื่องจากเมื่อวานนี้หุ้นไทยร่วงมาระดับหนึ่งแล้วในสัปดาห์หน้า นักลงทุนควรติดตาม 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ i) การที่สเปนน่าจะขอความช่วยเหลือภาคธนาคารอย่างเป็นทางการต่อกลุ่มยุโรป เมื่อคืนนี้สเปนได้แถลงว่าที่ปรึกษาอิสระของรัฐบาลประเมินว่าสเปนจะต้องใช้เงิน 6.2 หมื่นล้านยูโรเพื่อเพิ่มทุนภาคธนาคาร ซึ่งน้อยกว่าเม็ดเงิน 1 แสนล้านยูโรที่สเปนจะได้รับ

อย่างไรก็ดีนักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่าน่าจะต้องใช้เม็ดเงินสูงกว่านั้น โดยเราคาดไว้ที่ 1.5 แสนล้านยูโร ii) การประชุม EU Summit ในวันที่ 28-29 มิ.ย. ซึ่งน่าจะมีการส่งสัญญาณถึงมาตรการช่วยเหลือเช่นการเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการ SMP

กลยุทธ์: คงแนะนำให้เลี่ยงหุ้นพลังงาน โรงกลั่น และปิโตรเคมีต่อไป หากราคาน้ำมันดูไบปิดไตรมาส2/55 ที่ 85 เหรียญฯ (ปัจจุบันอยู่ที่ 88 เหรียญฯ) จะทำให้โรงกลั่นมีขาดทุนสต็อกถึง 35 เหรียญฯ/บาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันปิดไตรมาส 1/55 ที่ 120 เหรียญฯ แนะให้ซื้อเพิ่มในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP,SIRI, HEMRAJ รวมทั้งซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง เช่น THAI* กลุ่มยานยนต์เช่น SAT และผู้ให้บริการทางด่วนเช่น BECL

Create Date : 22 มิถุนายน 2555		0 comments
Last Update : 22 มิถุนายน 2555 11:43:54 น.
Counter : 1894 Pageviews.
Share Tweet