ไอร์แลนด์ ตอน3 & 4
อิอิ กระทู้ดองเค็มข้ามปีกำลังจะปั่นเรื่องเที่ยวคอร์นวอลล์ต่อ แต่เห็นเรื่องเที่ยวไอร์แลนด์ที่เขียนค้างไว้ตั้งกะปีมะโว้แล้วก็ให้เกิดได้คิด ว่าตัวเองนี่ชอบทำอะไรค้างๆคาๆเสมอ เลยทำให้เกิดลูกฮึดว่าเราควรจะเขียนเรื่องนี้ให้มันจบๆเสียที และถึงแม้ว่าป้าจะหมดลมเขียนเรื่องไอร์แลนด์ไปแล้ว (เพราะไปมานานมากแล้วนั่นเอง) แต่อย่างน้อยก็แปะรูปให้มันจบทริปก็ยังดี จะได้ลบสถิติการทำอะไรครึ่งๆกลางๆของตัวเองไปอีกหนึ่งรายการ ......................................................................ไปไอร์แลนด์คราวนั้นสิ่งที่ป้าชอบมากอย่างหนึ่งคือรั้วหินมันยาวได้สุดลูกหูลูกตาได้ดีจริงๆความจริงที่รั้วหินในเกาะแก้วก็ยาวไม่แพ้ใครเหมือนกันแต่ที่เกาะแก้วทุ่งหญ้าจะเขียวขจีแทบจะตลอดปีทำให้มันไม่ดูเวิ้งว้างเหมือนอย่างในไอร์แลนด์เห็นแล้วมันสะกิดความรู้สึกอย่างแรง.....................................................................เช้าวันถัดมาในไอร์แลนด์ขณะที่ป้ากำลังกินของเช้าอยู่ เด็กๆนักศึกษาที่พักห้องเดียวกับป้าก็เข้ามาทัก ถามว่าป้าจะไปไหน ป้าเล่าให้ฟังว่าอยากจะไป the Cliff of Moher แล้วเดินจากที่นั่นไป the Burren เพราะได้ดูแผนที่แล้วเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก แต่ปัญหาก็คือถ้าจะเดินทางโดยรถประจำทางนี้จะเสียเวลามาก (โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ที่รถจะทิ้งช่วงกันนานมาก) ดูเวลาแล้วก็น่ากลัวว่าจะตกรถ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อป้าถามเจ้าหน้าที่ของยูสโฮสเทล เขาไม่แนะนำอย่างยิ่ง เขาบอกถ้าไม่มีรถเองมันไม่สะดวกอย่างยิ่ง และบอกว่าถ้าจะไปเดินเขาแนะนำให้ไปแถวๆ Connemara หรือไม่ก็ Aran Islands พอป้าคุยกับเด็กถึงเรื่องนี้พวกเขาเลยยุป้าว่า ป้าต้องไป Connemara ให้ได้เพราะวิวที่นั่นสวยมาก โดยเฉพาะถนนเลียบ Lough Inagh ระหว่าง Twelve Bens และ Maamturk mountains และที่สำคัญ Kylemore Abbey นั้นสวยมากกกก... เด็กๆเธอเน้นว่าป้าต้องไปเห็น คลีมอร์ แอ๊บบี้ให้ได้ แผนที่วางไว้เรื่องจะไปเดินที่หน้าผามูเฮอร์เลยต้องยกเลิกไป (ใจง่ายจริงๆ ป้าคนนี้) .....................................................................อันนี้ข้างทางค่ะ ถ่ายจากบนรถป้าชอบต้นอ้อเวลามันล้อลมเห็นแล้วคิดถึงเพลงไหวเอนอย่างแรงเพลงเพราะๆคู่กับวิวสวยๆช่างได้ใจยิ่งนัก.......................................................................ในที่สุดป้าก็ตัดสินใจจองทัวร์ไป Kylemore Abbey กับ Connemara โดยจองกับเจ้าหน้าที่ที่โฮสเทลนั่นเอง (เป็นนักเรียนมีลดด้วยนะคะ เวลาไปไหนมาไหนอย่าลืมพกบัตรนักเรียนไปด้วย) พอเดินไปขึ้นรถปรากฏเป็นรถมินิบัส จำไม่ได้แน่ว่ามีคนร่วมทัวร์อยู่กี่คน แต่พอจำได้ว่านอกจากป้าแล้วมีวัยรุ่นชาวเมกา 4 คน เด็กสาวชาวฝรั่งเศษ 2 คน และหนุ่มชาวยุโรปตะวันออก (หน้าตาเหมือนพวกรัสเซีย) 1 คน และที่เหลือไม่รู้ว่ามาจากไหนอีกนิดหน่อย รวมแล้วมีคนนั่งอยู่ประมาณครึ่งรถมินิบัส (ซึ่งก็คงจะประมาณสิบต้นๆ) ป้าจำเด็กจากเมกาและฝรั่งเศษได้เพราะตอนนั่งรถกลับ (ตอนนั้นพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว) ไกด์เขาขอให้ผู้ร่วมทัวร์ออกไปร่วมสนุกโดยการร้องเพลง เด็กๆพวกนี้เขาอาสาออกไปร้อง แล้วก็ร้องเพลงได้เพราะดี ไกด์ร้องเพลงภาษาเกลลิค ก่อนร้องเขาบอกว่าเขาภูมิใจในภาษาเกลลิคของเขามาก และเขาตั้งใจร้องเสียด้วยซี ป้าฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงมันออกจะเศร้าๆอย่างไรชอบกล......................................................................Lough Inagh ........................................................................อะไรเนี่ย ยังไม่ทันได้เริ่มทัวร์ดันเล่าถึงตอนเย็นเสียแล้ว ความจริงป้าเพิ่งจะเข็ดกับการเที่ยวกับทัวร์ วิกโลว์มาเท่นที่ไปมาเมื่อวานนี้อยู่หยกๆ วันนี้เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ปรากฏว่าป้าคาดผิด ไกด์น่ารักมาก ไม่คล่องและมีลูกเล่นแพรวพราวเหมือนเดเมี่ยนไกด์ของเมื่อวานนี้ แต่ไกด์ของวันนี้ (น่าเสียดายที่จำชื่อเขาไม่ได้ ดูในบันทึกแล้วไม่มีเขียนไว้) ท่าทางจริงใจและดูแลลูกทัวร์ดีจริงๆ ป้าคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นคนท้องถิ่น (เหมือนพวกต่างจังหวัดของบ้านเราที่จะจริงใจและอารีอารอบกว่าคนกรุงเทพ) .....................................................................Kylemore Abbey......................................................................ทัวร์ให้เวลาเที่ยวที่ Kylemore Abbey กับ Connemara นานพอสมควร แต่คนที่ชอบธรรมชาติอย่างป้าเห็นวิวข้างทางแล้วเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ป้าชอบเดิน พอเห็นวิวสวยมากมายขนาดนั้นแล้วอยากจะลงจากรถไปเดินใจจะขาด นี่ไม่ได้เว่อร์นะ ป้าเป็นขนาดนั้นจริงๆ........................................................................Connermara townเด็กน้อยเห็นป้าผมดำ หน้าตาประหลาด แกเลยจ้องไม่เลิก ป้าเลยแอบถายรูปแกมาเสียเลย........................................................................พระอาทิตย์ตดินที่ Derryclare สวยจับใจเหลือเกิน ป้าอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ไม่มีคำบรรยายไดจะบอกถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ ป้าคิดถึงหนังสือของ ฟริจอฟ คาร์ปรา เขาเขียนไว้ว่า ภาษามีความจำกัด และเปรียบภาษาว่าเป็นเหมือนแผนที่ที่ไม่มีวันจะแสดงภูมิประเทศได้ทั้งหมด ป้าเห็นด้วยกับเขาอย่างมากเลย แต่กระนั้นป้าก็รู้สึกด้วยว่าภาษานั้นหากใช้เป็นก็งดงามยิ่งนัก พระอาทิตย์ตกดิน ณ ขณะนั้นชวนให้นึกถึงพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง ที่ว่า รอนรอนสุริยโอ้..............อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง..........ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง.............นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว....คลับคล้ายเรียมเหลียว อิอิ เรื่องนี้ถือเป็นพาราด๊อกอย่างหนึ่งนะเนี่ย......................................................................Derryclareความจริง Derryclare นั้นนับเป็นทะเลสาปอันเดียวกันกับ Inagh เพราะมันต่อเนื่องกัน แต่เรียกชื่อต่างกันเพราะทะเลสาปมันยาวแล้วเขาก็เรียกตามแม่น้ำที่ไหลลงทะเลสาปวันนี้ขอจบแค่นี้ก่อน แต่ป้าจะมาต่อตอนสี่ในบล๊อกเดียวกันนี่แหละและก็คงจะเป็นเร็วๆนี้แหละ ช่วงใกล้คริสต์มาสอย่างนี้มหาลัยเงียบฉี่เลยบรรายากาศเงียบๆอย่างนี้ป้าขี้เกียจทำงานชอบกล เลยแอบมาเล่นเน็ทเสียเลย อิอิ...
เห็นแล้ว ก้อยังอยากกลับไปอีกสักครั้งครับ
เคยไปเมื่อหลายปีที่แล้ว
ชอบ ดู รูปสวยๆ นะครับ