จงจรเที่ยว เทียวบทไป ตั้งจิตใน ไพรพนพง ดูทินกร จรจิรยง แสนสุขทรง ทุกขะบ่มี ฯ ...... (บทอาขยานสมัยเด็ก)

 
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 มิถุนายน 2549
 

ไอร์แลนด์ ตอนที่1

แหะ แหะ ป้าเม้าท์ตั้งสโลแกนของบล็อกเสียสวยหรู แต่ไม่เคยเอาเรื่องท่องเที่ยวมาลงในบล็อกเลยทั้งๆทั้งหมดทั้งมวลของงานอดิเรกยามว่างที่ป้าเม้าท์ชอบทีสุดก็คือเรื่องเที่ยวนี่แหละ ที่ผ่านๆมาป้าเม้าท์เขียนเรื่องเที่ยวไว้เหมือนกัน แต่อยู่กระจัดกระจายไม่เป็นที่เป็นทาง บางตอนเขียนไว้ที่ห้องอราวยูเคซึ่งกระทู้จะตกไปหลังจากหนึ่งเดือน แถมบางตอนก็เขียนข้ามๆไปเพราะเน้นบรรยายประกอบรูปเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยอยากจะรวบรวมเรื่องทั้งหมดมาไว้ที่นี่ บางตอนที่เขียนข้ามๆไปก็ได้รีไรท์ใหม่ วันนี้ขอประเดิมด้วยเรื่องไอร์แลนด์ก็แล้วกันเพราะเรื่องนี้เขียนไว้ที่ห้องอราวยูเคแค่สองตอนเท่านั้น คราวนี้จะพยายามเข็นออกมาเป็นวันละตอน 5วันก็ห้าตอน





ป้าเม้าท์เดินทางไปไอร์แลนด์กับสายการบินแอร์ลิงกัส (Aer Lingus) ซึ่งเป็นสายการบินสัญชาติไอร์แลนด์ ความจริงไอร์แลนด์นี้ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมเลย ความตั้งใจเริ่มแรกนั้นว่าจะไปเดินกินลมชมพระอาทิตย์ที่ ลอคโลมอน (Loch Lomond) แต่รถค่ารถไฟในเกาะแก้วช่วงคริสมาสต์นั้นแพงขาดใจทั้งๆที่เช็คราคาล่วงหน้าเกือบสองเดือน ลองทำงบประมาณการใช้จ่ายดูแล้วก็ปรากฏว่าเกินงบนักเรียนทุนจนๆ แต่ปิดปีใหม่กับคริสมาสต์ทั้งทีจะไม่ไปไหนเลยก็ไม่ใช่วิสัยของป้าเม้าท์ เลยลองเสิร์ชเวปของบริษัททัวร์โลว์คอร์สและพวกลาสมินิทเซลล์ เห็นค่าเครื่องไปกลับจากลอนดอนไปดับบลินรวมภาษีแล้ว 35 ปอนด์ ถูกกว่าค่ารถไฟไปกลาสโคว์เกือบสามเท่า ป้าเลยตกลงใจไปไอร์แลนด์มันดื้อๆเสียงั้น

เครื่องไปถึงไอร์แลนด์ช้ากว่ากำหนดเพราะเสียเวลารอแท๊กซี่ที่ฮีทโธรว์เกือบครึ่งชั่วโมง มีพวกที่ไม่ใช่อียูอยู่แค่ไม่ถึง 10 คน ซึ่งเขาเปิดบริการอยู่แถวเดียว (สำหรับพวกที่ไม่ใช่อียู) คนก่อนหน้าป้าเม้าท์ถูกซักนานมากจนป้าชักจะหวั่นๆ แต่พอถึงคิวป้าเม้าท์เขาถามแค่ว่ามาทำอะไร และจะอยู่กี่วันเท่านั้น แต่พี่แกแสต้มป์ให้เกินกว่าจำนวนวันที่บอกไว้แค่วันเดียว ....เคี่ยวจังเลยเฮีย

รับกระเป๋าแล้วก็เดินตามลูกศรเพื่ออกไปรอรถบัสเข้าเมือง ป้าเม้าท์จอง YHA ไว้ ในใบจองเขาบอกมาเสร็จสรรพว่าขึ้นรถสายใหน ค่ารถเท่าไหร่ หรือถ้าจะนั่งแท๊กซี่จะต้องเสียประมาณไหน ค่ารถบัส 1.75 ยูโร และต้องเตรียมเงินให้ตรงตามนั้นเพราะบนรถไม่มีเงินทอน ป้าเม้าท์มีแต่แบงก์เลยแตกเงินโดยซื้อกาแฟกินตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่อง

พอรถบัสสายที่ป้าเม้าท์รออยู่เข้าเทียบท่า ป้าเม้าท์ก็ออกไปต่อคิว ขณะที่ยืนรอขึ้นรถอยู่นั้นก็มี Back Packer คนหนึ่งเดินเข้ามาหา เขามองหน้าป้าเม้าท์แล้วก็ยื่นกระดาษให้พร้อมทั้งพูดว่า “ You can use this on the bus” เมื่อมองดูก็เห็นว่าเป็นตั๋ววัน เขาคงจัดป้าเม้าท์เข้าเป็นพวกเดียวกันเพราะเป้เดินทางใบใหญ่ที่อยู่บนหลังของป้าเม้าท์เป็นแน่แท้ ป้ายิ้มแล้วกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งคิดในใจว่า “นี่เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่โชคดีเสียกระไร ดับบลินชักเริ่มน่าสนใจแล้วซินี่ ”

ขึ้นรถเสร็จก็บอกกับคนขับรถว่ากรุณาจอดที่ป้ายบนถนน Upper Dorset Street ด้วย พร้อมกับบอกเขาไปอีกว่าป้ายที่ใกล้ YHA ที่สุดหน่ะ พอถึงป้ายเขาก็ตะโกนบอก เดินทางง่ายไม่ติดขัดอะไรเลย ลงจากรถได้ป้าเม้าท์ก็ลงมือทียบแผนที่ ต้องมองหาชื่อถนนตามมุมตึก ป้ามองหาถนน Blessington แต่ก็หาไม่เจอเลยตัดสินใจถามคนที่เดินผ่านมาคนแรกบอกว่าให้เดินขึ้นไปตามถนนสายหลักอีกหน่อยหนึ่งแต่เขาเองก็ไม่แน่ใจนะ ป้าเม้าท์ก็เอ...จะเชื่อดีมั๊ยนี่ บังเอิญตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา ป้าก็เลยลองถามอีกรอบ เขาคงจะประมาณเอาจากหน้าตาและเป้ที่อยู่บนหลังว่าป้ากำลังจะไป YHA แน่ๆ เลยถาป้าว่า ใช่จะไป YHA หรือไม่ ถ้าใช่เขาจะเดินไปส่งเพราะเขาเองก็จะไปทางนั้นอยู่พอดี ป้าเม้าท์ก็ โอ....วันนี้นี่มันวันอะไร เมื่อเช้าก้าวเท้าใหนออกจากบ้านก่อนถึงได้โชคดีอย่างนี้ คนไอร์แลนด์น่ารักอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆนั่นแหละ น่ารักมากๆด้วย

ไปถึง YHA ป้าก็เชคอินแล้วอาบน้ำอาบท่า รู้สึกเหนื่อยเกินไปที่จะออกตะเวนราตรีของดับบลินในคืนนี้ วันนี้ขอพักผ่อนและวางแผนเที่ยวในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน


YHA ที่นี่มีอาหารเช้าให้ คุณภาพก็สมราคา ป้าเม้าท์นอนหอพักหญิงห้อง 6 เตียง ราคา 16 ยูโร ถูกกว่า YHA หลายๆที่ในเกาะแก้วที่ทั้งแพงกว่าและไม่รวมอาหารเช้าไว้ในค่าห้องพัก

หลังจากจัดการเพิ่มพลังให้ตัวเองแล้ว ป้าเม้าท์ก็พร้อมที่จะลุยดับบลิน ป้ามีเวลาในดับบลินสองวันคือวันนี้และวันสุดท้าย วันที่สองป้าเม้าท์จองทัวร์ Wicklow Mountain ไว้ เห็นเขาว่างามนัก กระทั่งคุณแวนมอร์ริสันเอาไปแต่งเป็นเพลง อย่างนั้นแล้วป้าเม้าท์ก็อยากจะเห็นวิกโลว์สักครั้ง ที่เหลืออีก 2 วันป้าตั้งใจจะไปเที่ยว Cliff of Moher, Burren และ Galway





จาก YHA ป้าก็เดินเข้าเมืองตามถนน โอคอนเนล์ (O'Connell) ซึ่งเป็นถนนสายหลักของดับบลิน คนดับบลินเขาว่าโอคอนเนล์นี้เป็นถนน (Street) ที่กว้างที่สุดในยุโรปเพราะ Champs-Elysees ในปารีสนั้นไม่นับเป็นถนนแต่เป็นเอวินิว (avenue) เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรป้าเม้าท์ไม่ได้ตรวจสอบ เพียงแต่คิดว่าคนเรานั้นช่างสรรหาเหตุผลมาอ้างกันเสียจริงๆ ไม่ได้ที่หนึ่งในเรื่องนี้ก็ขอให้ได้สักเรื่องเถอะน่า....

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดบนถนนโอคอนเนล์ ก็คือ เดอะไสปร์ (The Dublin Spire) คนดับบลินหลายคนเกลียดเดอะไสปร์กันมากเพราะว่ามันไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกความเป็นดับบลินและไอร์แลนด์เอาเสียเลย หรือจะเรียกว่ามันไม่มีราก อะไรพวกนั้น เดอะไสปร์นี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองสหัสวรรษใหม่ โดยตั้งใจให้เป็นสัญลักษณ์ของดับบลิน เหมือนหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของปารีส บิ๊กเบนคู่กับลอนดอน เทพีเสรีภาพคู่กับอเมริกา วัดพระแก้วคู่กรุงเทพฯ (อันหลังนี้อาจจะดังน้อยที่สุด แต่ว่ามันมีรากนะ สร้างคู่กรุงเทพฯเลยหล่ะ ไม่ได้มาสร้างทีหลัง เหตุผลใช้ได้มั๊ยนี่) แต่หลังจากสร้างเสร็จคนดับบลินส่วนใหญ่เกลียดมัน ด้วยเหตุผลที่ว่ามาแล้ว (ลืมทำรูปเดอะสไปร์อ่ะ แป๊ะไว้ก่อนนะ เดี๋ยวย่อรูปเสร็จจะเอามาลงให้ดู)

ระหว่างทางเดินผ่าน Garden of Remembrance และ GPO ( The General Post Office) แต่ยังไม่แวะเพราะอยากไปถ่ายรูปแม่น้ำลิฟฟี่ (Liffey) ยามเช้า





หลังจากนั้นก็เดินต่อ (เดินอีกแล้ว ทริปนี้นอกจากตอนไปเที่ยวกับทัวร์แล้วป้าเดินตลอด รถเมล์และรถแท๊กซี่ไม่ได้กินเงินป้าร๊อก) ไปยัง Trinity College ไปถึงก็เตร่อยู่ในนั้นนานมาก ถ่ายรูปไปแล้วก็คิดไปพลางว่าจะจ่ายตังก์ดู Book of Kells ดีมั๊ย ระหว่างนั้นก็มีทัวร์นักเรียนมาจากอเมริกา (เดาเอาจากสำเนียง) อาจารย์ (ก็เดาเอาอีกนั่นแหละ) เขาบรรยายเรื่องเดอะบุคออฟเคลส์ให้นักเรียนให้นักเรียนฟังอย่างละเอียด ป้าเม้าท์ก็เลยแอปฟังด้วย (อิอิทำตัวกลมกลืนกับนักเรียน) ฟังเสร็จก็คิดว่าไม่น่าจะคุ้มเพราะป้าเม้าท์เองก็ไม่ใช่คริสต์แถมเขาห้ามถ่ายรูป เลยตัดสินใจไม่เข้า ประหยัดตังก์ไว้กินกินเนสส์ดีกว่าเน๊อะ






หลังจากนั้นก็เดินดูถนนกร๊าฟตันซึ่งเป็นชอปปิ้งสตรีทของดับบลิน แล้วก็เดนซอกแซกไป Tourist Information ไม่ได้ตั้งใจมาหารายละเอียดอะไรหรอกแต่มาดูสถานที่เพราะพรุ่งนี้ทัวร์เขานัดขึ้นรถที่นี่ จะได้กะเวลาถูกว่าต้องออกจากโฮสเทลเช้าแค่ใหน เสร็จแล้วก็เดินต่อไปยัง City Hall ขณะที่ป้าเม้าท์กำลังแหงนหน้าถ่ายรูปอยู่ด้านหน้าตึกก็มีคุณลุงคนหนึ่งเดินเข้ามาชวนคุย บอกว่าข้างในสวยมากต้องเข้าไปดูนะ ป้าเม้าท์ยิ้ม (แต่ในใจคิดว่า โธ่ลุง อันนี้อีชั้นก็ตั้งใจจะเข้าไปอยู่แล้ว มาเที่ยวก็ต้องทำการบ้านมาบ้าง) แต่ท่าทางคุณลุงจะภูมิใจว่ามันสวยจริงๆนะ ป้าเลยชวนคุยถึงประวัติของมันซะเลย







พอเข้าไปข้างในป้าก็ถ่ายรูปไปเดินดูรายละเอียดไปรอบๆ แต่พอจะกดชัตเตอร์รูปต่อไป......เฮ๊ย! ทำไม แอลซีดี ของกล้องมันได้เป็นอย่างงี้หล่ะ แบบว่ามันเบลอ ภาพบิดเบี้ยว ลองกดถ่ายภาพดูรูปออกมาก็ได้แบบนี้อ่ะ



ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว....ตอนนั้นใจมันแป้วไปแล้ว ความร่าเริง คึกคัก และสนุกสนานใดๆที่รู้สึกมาตั้งแต่เริ่มทริปได้หดหายไปเสียเกือบหมด โอ้...นี่มันเพิ่งจะวันแรกแค่นั้นเอง มีเวลาเที่ยวเหลืออีกตั้ง 4 วันเต็มๆ เที่ยวโดยไม่มีกล้องนี่นะ....ตอนนั้นก็พยายามจะปิดแล้วเปิดกล้องใหม่ เผื่อว่าโปรแกรมมันแฮ้งค์ไปชั่วขณะ เผื่อว่าเปิดมาแล้วความผิดปกตินั้นจะหายไป จากนั้นก็รออยู่ซักพักแล้วก็ลองปิดและเปิดดูอีกรอบ เผื่อว่ากล้องมันร้อน ทิ้งไว้สักพักแล้วมันอาจจะดีขึ้น เผื่อว่า....เผื่อว่า....และเผื่อว่า

ช่วงนั้นใจมันเสียไปแล้ว ในหัวมีแต่ If Clause เต็มไปหมด แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่า...กล้องพัง เซ็งสุดชีวิต รอบนี้เป็นรอบที่สองที่เจ้า เอ60 ทำพิษขณะไปเที่ยวต่างแดน ตอนนั้นในใจบอกศาลาเลิกกับแคนนอนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อรู้ว่ากล้องพังแน่แล้ว ก็เลยเดินหาร้านซ่อมกล้อง เดินหาอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ สุดท้ายเลยเดินเข้าไปถานร้านอัดรูปว่าพอจะแนะนำร้านซ่อมกล้องให้หน่อยได้มั๊ย เขาก็บอกมา เมื่อไปถึงร้านซ่อมกล้อง พนักงานเขาก็เช็คกล้องแล้วบอกว่า แอลซีดีพัง เปลี่ยนได้แต่ต้องรออย่างน้อยสามวัน ตอนนั้นป้าเม้าท์คิดหนัก เอางัย สามวันหลังจากนี้ก็ไปอยู่ที่ Galway แล้ว นั่นหมายความว่าทริปนี้ทั้งทริปจะไม่ได้ถ่ายรูปเลยจนวันสุดท้าย (ถ้าเขาซ่อมทันภายในสามวัน ถ้าไม่ทันก็ต้องทิ้งกล้องไว้แล้วให้เขาส่งไปให้ที่เกาะแก้ว) เขาบอกอีกว่าถ้าจะซ่อมเขาขอค่ามัดจำ 30 ยูโรซึ่งก็ไม่ได้ประกันว่ากล้องที่ซ่อมเสร็จจะดีเหมือนเดิมหรือไม่ แล้วจะซ่อมทันก่อนกลับหรือไม่ ถ้าอย่างงั้นก็ซื้อกล้องใหม่มันเสียเลย....ป้าเม้าท์ตัดสินใจ

ป้าเม้าท์คุยกับคนซ่อมกล้อง ถามเขาว่าร้านกล้องที่ใหนไว้ใจได้และราคายุติธรรม เขาก็แนะนำร้านให้ หลังจากดูกล้องรุ่นต่างๆแล้วป้าก็ได้รู้ว่าเดี๋ยวนี้แทบไม่มีกล้องรุ่นไหนใช้ คอมแพคการ์ดเลย ตอนนั้นสองจิตสองใจเพราะใจจริงนั้นอยากได้ ฟูจิห้าพันหกหรือเจ็ดพัน แต่ต้องจ่ายค่าการ์ดเพิ่มอีกหลายเงิน ทริปนี้มาเที่ยวก็ต้องใช้เงินอยู่แล้ว ป้าเม้าท์ก็แค่เด็กนักเรียนจนๆคนหนึ่งจะมาฟุ่มเฟือยกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ความจริงฟูจิห้าพันหกนั้นก็หาใช่กล้องที่จัดว่าแพงในเมืองไทย แต่ที่ไอร์แลนด์นั้นภาษี 21 % (หรือ 21.5 จำไม่ได้แน่ ) ทำให้กล้องแพงขึ้นอย่างมหาศาล ไหนจะค่าการ์ดอีกหล่ะ (นี่ก็อีกอย่างที่แพงในกว่าเมืองไทยมาก ทั้งในเกาะแก้วและไอร์แลนด์) อีกอย่างหนึ่งก็คือร้านนี้เป็นร้านขายกล้องที่ไม่ใช่บริษัท ป้าเม้าท์ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งราคาไว้สูงกว่าที่ควรเป็นมากน้อยเพียงใด เลยบอกเขาไปว่าขอไปร้านอื่นก่อน ในใจก็คิดว่าจะไปดูที่ร้าน Jessops ที่ป้าจำได้ว่าเดินผ่านแว๊ปๆ ก่อนออกจากร้านก็แอบจำราคาไว้ ถ้าที่ Jessops แพงกว่าก็ค่อยกลับมาร้านนี้อีกที

สุดท้ายก็ได้กล้องตระกูลเหมือนเดิมคือ เอ95 ซื้อที่ Jessops ตัดสินใจเลือกแคนนอนเพราะไม่อยากเสียเงินซื้อการ์ดเพิ่ม ไหนจะที่ชาร์ตถ่าน นอกจากนี้แล้วป้าเม้าท์ก็คิดถึงปลั๊กอินที่ได้ลงทุนไว้หลายตัว เอาเถอะ...ถ้าแคนนอนทำพิษอีกรอบภายในสองปี ป้าเม้าท์จะไม่แม้แต่ชายมองยี้ห้อนี้อีกเป็นอันขาด คราวนี้ให้โอกาสอีกรอบก็แล้วกัน (เหตุผลของคนเงินน้อย) จ่ายไป 359.99 ยูโร กลับมาถึงเกาะแก้วป้าเม้าท์ลองเช็คราคากับอเมซอนดอทคอมดู ที่เกาะแก้วถูกว่าแค่ 80 ปอนด์เอ๊งงงงง....โอ๊ยเจ็บ.... แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า ซื้อมาแล้วก็เหมือนได้เปล่า

ได้กล้องแล้วก็หิวเลยเข้าไปนั่งกินแซนวิชที่ซัปเวย์ หลังจากนั้นก็เริ่มเที่ยวดับบลินต่อ ดูเวลาแล้วก็ตัดสินใจไป Christ Church เที่ยวแบบรีบๆเพราะเย็นมากแล้ว









ออกจาก Christ Church ก็ห้าโมงพอดี เดินดูอะไรได้อีกนิดหน่อยฟ้าก็เริ่มมืดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาว หลังจากนั้นก็กลับโฮสเทล ระหว่างทางแวะซื้อผัก ผลไม้ และน้ำดื่ม ที่คอนเน่อร์ชอปที่เป็นร้านแขกซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับโฮสเทล ถึงโฮสเทลก็แวะล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วลงไปทำกับข้าว เย็นนั้นป้าเม้าท์ผัดบะหมี่กับผักคล้ายๆผัดเปรี้ยวหวานเพราะไม่มีซอสปรุงรสแบบไทยๆหรือแม้แต่จีนๆ หาได้แต่ซอสมะเขือเทศแค่นั้นเอง ขณะป้าเม้าท์นั่งกินข้าวอยู่ก็มีน้องผู้หญิงเข้ามาขอร่วมโต๊ะด้วย กินไปก็คุยกัน ซักพักมีคนแวะมาชวนน้องเขาไปชิมกินเนสส์และฟังดนตรีไอริส น้องเขาก็เลยหันมาถามป้าว่า ไปด้วยกันมั๊ย โอ๊ะ...เรื่องอย่างนี้ป้าขัดศรัทธาไม่ได้หรอก 555...











+~+~+~+~+~+~+~



จบวันแรก


Create Date : 29 มิถุนายน 2549
Last Update : 29 มิถุนายน 2549 6:35:55 น. 5 comments
Counter : 829 Pageviews.  
 
 
 
 
รูปสวยมากค่ะ แต่ยังไม่ได้มีเวลาอ่าน จะแวะมาใหม่ค่ะ
 
 

โดย: sindy (sinsaintgirl ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:07:10 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณ sindy (sinsaintgirl ที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

ป้าเม้าท์
 
 

โดย: PaMouth วันที่: 4 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:31:26 น.  

 
 
 
ตามมาอ่าน มาดูที่ท่องเที่ยวค่ะ น่าไปเที่ยวมากเลย ไปแบบพักที่ YHA นี่สนุกมากเลย
รูปสวยด้วย
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
 
 

โดย: ดาว..กลางวัน (ดาว..กลางวัน ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:11:48 น.  

 
 
 
ดูแต่ในกระทู้แล้วยังไม่พอ ขอตามมาอ่านที่นี่ด้วยค่ะ
 
 

โดย: Picike วันที่: 30 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:59:00 น.  

 
 
 
ตอนนี้ยาวมากๆเลยครับป้า

ดีนะเนี่ยว่าอ่านไปจิบเบียร์ไป

เพิ่งรู้ว่าป้าเราชอบเบียร์เหมือนกัน บินมาเยอรมันเมื่อไหร่ จะพาไปชิมเบียร์อร่อยๆ ชนิดไม่อยากกลับเกาะเลยละครับ

แหม่ พูดถึงเรื่องกล้องพังระหว่างเที่ยวนี่ มันน่าเจ็บใจนะครับ ผมค่ายหนอนเหมือนกัน ดีว่ายังไม่เกเรเท่าไหร่ ตอนนี้ไปไหนขาดกันไม่ได้เลยหล่ะ (รักยิ่งกว่าแฟนอีก อิอิอิ)

แฟนผมมาเข้าบล๊อกป้า สงสัยตาย
 
 

โดย: หนุ่มเฮสเซ่น (Hessenboy ) วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:3:28:47 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

PaMouth
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






[Add PaMouth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com