ยังไม่น่ากลัวเท่าเสียงฟ้าร้องคำราม ครืนคราง..
หลังจากที่ได้สนทนาทางเฟชบุคเกี่ยวกับภาพถ่ายของคุณพู่ ซึ่งเป็นภาพท้องฟ้ามืดดำน่ากลัวในเวลาย่ำค่ำ
ทำให้นึกย้อนไปถึงหลายปีก่อนที่เรายังไม่สูญเสียความสมดุลทางธรรมชาติมากมายขนาดนี้
หลายปีก่อนที่ยังมีครบ3 ฤดูในแต่ละปี
ฝนจะตกรุนแรงแค่ไหนก็ไม่กังวล...นั่นก็คือระบบทางธรรมชาติ
หากแดดจะแรงกล้าจนนาข้าวและพืชไร่แห้งกรอบไปบ้าง..และนั่นคือการทำงานของฤดูร้อน
หากลมหนาวจะทำให้ผิวแตกลอก หรือจะเย็นเยียบจนน้ำค้างกลายเป็นหยดน้ำแข็ง
เราก็ยังสุขใจ...เพราะลมหนาวจะมาเยือนเราเสมอในฤดูกาลของการก้าวเข้าสู่ปีใหม่
ทั้งหมดล้วน...เป็นวัฏจักรและวงจรอันปกติของกลไก ที่มีสีเขียวเป็นตัวสร้างความสมดุล
ไม่ว่าจะหนักเบาอย่างไร
เราจะไม่มีความหวั่นวิตกในสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น
จนเมื่อ...สีเขียวเริ่มหายไป
จนเมื่อเราได้รู้สึกว่า ฤดูกาลจะมาหาเราได้แค่ในความฝัน
จนเมื่อเรารู้สึกได้ถึงอากาศที่ร้อนจัด จนเกือบจะทำให้เราป่วยไข้ได้ในเวลาสั้นๆ
จนเมื่อธรรมชาติเริ่มเตือนเราด้วยภัยพิบัติต่างๆ และไล่ระดับความรุนแรง
ความสมดุล...ได้หายไปพร้อมกับความสมบูรณ์ของต้นไม้
สีเขียวเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาล สีส้ม และวันหนึ่งอาจเป็นสีแดง
เราจะรักษาสีเขียวที่เป็น"มิตรแท้"ให้กระจายอยู่อย่างอุดมได้อย่างไร
หากเรายังไม่ลด ละ เลิก การทำลายมิตรแท้ของเรา เพื่อแลกกับความสะดวกสบายในระยะสั้น
กว่าจะรู้สึกตัว เราอาจหาดูต้นไม้และสัตว์ป่าได้เพียงแ่ค่ในภาพถ่าย
และวันหนึ่ง...เราอาจต้องเก็บรักษามิตรแท้นี้ไว้ในกรอบแก้วอย่างดี
ดุจเป็นของล้ำค่าที่ต้องรักษาด้วยชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ยาก และอาจไม่มีอยู่จริง
ซึ่งในวันหนึ่ง วันนั้น...วันที่เราอาจไม่มีที่อยู่บนโลกใบนี้แล้วเช่นกัน
ณ ปลายฉัตร
ขอขอบคุณภาพประกอบจากบล๊อกคุณเนยสีฟ้า(ที่คิดถึงเสมอ)ค่ะ
และภาพท้องฟ้ามืดมิดจากฝีมือเซียนชัตเตอร์คุณพู่ JewNid ค่ะ